"คบเพื่อนกลุ่มนั้นนานแค่ไหนแล้ว ทำไมฉันไม่รู้" ภูพิงค์ก้าวขาขึ้นเตียงบ้าง สอดตัวเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกัน เหมือนผัวเมียกันเป๊ะ! "คบนานแล้ว ผมสั้นๆ เซ็กซี่ๆ ชื่อกะเพรา ผมยาวๆ ลอนๆ ชื่อของขวัญ เพื่อนสนิทฉันนิสัยดีทั้งคู่" "แล้วโสดแพ็กคู่ปะ?" "อยากโดนเข่าคู่กระแทกหน้าปะภู อดอยากนักก็ไปหากินไกลๆ เถอะไป" "เกรี้ยวกราดนี่หึงใช่ไหม?" หนุ่มหล่อยักคิ้วอย่างสบายใจ ทว่าคำพูดที่ดังขึ้นใหม่กลับทำให้เขาหน้าตึง "ไม่หึง มึงมีใหม่ก็แค่ไม่ต้องมีกู!"
View More"ภู อื้อออ!" ร่างแบบบางโยกคลอนอย่างหนักในยามที่คนตัวโตถาโถมแรงกายเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง
นิ้วยาวทั้งสิบบีบเคล้นที่ประทุมถัน ความเสียวซ่านที่ได้รับส่งผลให้ภูพิงค์ออกแรงบีบกระทั่งเนินเนื้อขาวอวบเบียดออกมาตามซอกของนิ้วมือ "แบบนี้ชอบไหมไอ" ถามไปพลางโน้มลงไปกดจูบที่เรียวปาก หงุดหงิดทุกครั้งที่เขาเผลอทำในสิ่งที่ไม่เคยทำกับผู้หญิงคนไหน ตามประสาคนโสด เวลาอยากก็อาจจะปลดปล่อยบ้างกับคนที่ถูกใจและเต็มใจ แต่กรณีนี้ คนที่ครางอยู่ใต้ร่างของเขาตอนนี้ ไอ หรือ ไอติม เธอเป็นเพื่อนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เขาไม่เคยคิดที่จะยุ่งกับเพื่อน เพราะเวลาเบื่อมันอาจจะสร้างปัญหา กับไอติมเขาพลาดว่ะ ครั้งแรกน่ะเมาทั้งคู่ ดีอยู่ที่ตื่นมาแล้วอีกฝ่ายไม่ซีเรียสอะไร '...ช่างมันเถอะ ต่างฝ่ายต่างเมา ว่าแต่ ป้องกันใช่ไหม?' คำถามแบบชิวฉิบหาย แม้ว่าคำถามมันจะโอเคทั้งสองฝ่าย แต่ก็กล้าพูดได้เต็มปากว่าคำพูดเหล่านี้จากปากของผู้หญิง เขาไม่เคยเจอ 'ถุงยางอยู่ในถังขยะ' 'อ้อ เค' 'ครั้งแรกนี่ ทำไมไม่ห้ามวะ' 'เมาอ่ะ ช่างเถอะ ทีหลังก็อย่าปล่อยตัวให้เมาแบบนี้อีกก็แล้วกัน หากเป็นผู้หญิงคนอื่นระวังซวย' 'ไม่เสียดาย?' 'โตป่านนี้แล้วไหม มันเป็นเรื่องปกติแหละ' 'ไขว่คว้าหาตลอดแหละผู้หญิงที่คิดแบบนี้ ส่วนมากเจอแต่แบบที่ได้แล้วเรียกร้อง ของแบบนี้มันต้องโอเคทั้งสองฝ่ายอ่ะนะ' 'สบายใจเถอะน่า ฉันไม่ได้คิดที่จะเรียกร้องอะไร' 'แบบนั้นก็แสดงว่ามีครั้งต่อไปได้อ่ะดิ?' '...อือ แต่มีข้อแม้นะ' 'ว่ามา' 'เมื่อไหร่ที่ฉันบอกว่าพอ ระหว่างเราเป็นอันว่าพอ!' เป็นคำขอที่เขาไม่ซีเรียส แน่นอนว่าเขาตอบตกลงทันที บางทีเขาต่างหากที่อาจจะเป็นฝ่ายบอกว่าพอ! "จะ จุก ภู!" ไอติมเหลือบตามองที่จุดเชื่อมต่อ พบว่าคนตัวโตอัดกระแทกแกนกายใหญ่เข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง หน้าอกใหญ่กระเพื่อมตามซ้ำๆ แต่เหมือนว่ายิ่งเธอรู้สึกจุก อีกฝ่ายกลับยิ่งพอใจ "อ๊าส์!" ภูพิงค์เชิดหน้าพร้อมกับยกมือขึ้นมาเสยผมที่ตกลงมาปรกที่หน้าผากลวกๆ ร่วมชั่วโมงที่หนุ่มหล่อบรรเลงเพลงรัก ยิ่งขยับก็ยิ่งมันส์ ทั้งที่กับคนนี้ก็หลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ยังแน่นฉิบหาย สรีระบนเรือนร่างโคตรลงตัว ขาวอย่างกับหลอดนีออน หน้าตาก็โคตรสวย จะว่าไปแล้ว เขาเองก็เกิดมาโชคดีอยู่เหมือนกัน ไม่บ่อยเท่าไหร่นักที่จะเจอของดี! "จะเสร็จ อ๊ะ! อ๊ะ!" "ซี้ดส์! พร้อมกัน" พั่บๆ พั่บๆ พั่บๆ พั่บๆ สะโพกสอบขยับรัวเร็วถี่ยิบ กระทุ้งความใหญ่โตเข้าไปในร่องแคบในจังหวะที่เร็วและแรง ยิ่งอีกคนตอด เขาก็ยิ่งเร่งจนสุดตัว หนุ่มหล่อเชิดหน้า เปล่งเสียงครวญครางออกมาอย่างสุดจะกลั้น สุดท้ายก็พาคนใต้ร่างไปแตะที่ขอบสวรรค์ในเวลาพร้อมกัน "อ๊ายยยยย/อ๊าาาาาาส์!!" นิ้วยาวถอดความใหญ่โตออกมาจากช่องทางรักตามด้วยการถอดเครื่องป้องกัน ไร้คำพูดที่หลุดออกมาจากเรียวปากบาง ภูพิงค์เดินเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองทันที ไอติมทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง ดวงตากลมสวยเกลือกกลิ้งไปมาอย่างคนที่กำลังใช้ความคิด สุดท้ายความคิดเหล่านั้นก็ถูกกลบด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมา มือเรียวคว้าขึ้นมาปลดล็อก ข้อความบนหน้าจอทำใจดวงน้อยกระตุกวูบ สุดท้ายหญิงสาวก็ต้องข่มความรู้สึกทุกอย่าง ฝืนให้ใบหน้าคงความเรียบเฉย ยอมเดินไปคว้าผ้าขนหนูแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำเมื่ออีกฝ่ายเดินออกมา "ไปไหน!" ภูพิงค์ละสายตาออกจากโทรศัพท์มือถือเมื่อพบว่าร่างแบบบางเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อครอปสั้นอวดหน้าท้องแบนราบ รับกับกางเกงยีนส์ขายาวอวดขาสวย ผมยาวสลวยปล่อยลงที่กลางหลัง ใบหน้าสะสวยแต้มเครื่องสำอางบางๆ เท่านั้น 'ไอติม' ก็ดูโดดเด่นสะดุดตา "ไปธุระ" "เที่ยงนี่นะ?" "อือ" คำตอบสั้นๆ ทำหนุ่มหล่อหรี่ตามอง ภูพิงค์ดันลิ้นกับกระพุ้งแก้มเป็นเชิงใช้ความคิด ไม่นานก็หยัดตัวลุกตาม "จะกลับมาอีกไหม" "อยากให้กลับ?" หญิงสาวยอกย้อนพลางจ้องใบหน้าหล่อเหลา "แค่ถาม" "ก็นึกว่าคิดถึงจนนอนไม่ได้ถ้าฉันไม่กลับมา" "ไร้สาระว่ะ" "เหอะ" ไอติมเค้นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ก็แค่เพื่อนที่ทำกันมากกว่าเพื่อน ถึงอย่างนั้นสถานะก็ไม่ได้เกินเพื่อน จะเอาอะไรมาสำคัญ "นายอ่ะ จะกลับมาอีกป่าว?" "ไม่มั้ง ว่าจะกลับไปนอนบ้าน คิดถึงหลาน" "รักหลาน เห่อหลาน อารมณ์แบบอยากมีลูกเป็นของตัวเองป่าว?" "บ้าน่า ไม่เคยคิดแบบนั้นหรอก อายุแค่นี้จะรีบไปไหน" "นั่นดิ ผู้ชายอย่างนายคงไม่คิดที่จะหยุดอยู่ที่ใคร" "มาอารมณ์ไหน?" ถามออกไปพลางกวาดสายตาไปตามดวงหน้า ผู้หญิงคนนี้แปลกมากกว่าใคร และเหมือนว่าจะอ่านยากมากกว่าใครๆ ด้วยเช่นกัน "พูดไปงั้น ไปแล้วนะ คงไม่ได้เจอกันสักสองสามวันแหละ" ไอติมกดยิ้มที่มุมปากก่อนจะเดินไปคว้ากระเป๋าสะพายข้าง "จะกลับไปค้างที่บ้าน?" "ใช่ไง ถ้าไม่ใช่แล้วจะให้ไปนอนไหนอ่ะ" "ก็อย่าให้รู้ว่าไปนอนที่อื่น" คนฟังหันกลับมาสบตา ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาดึงดูดสายตาได้เป็นอย่างดี "ที่พูดนี่เป็นเพราะหวง?" "เตือนเพราะห่วง สุดท้ายก็เพื่อนกันอยู่ดี!" ------ ฝากภูพิงค์ไว้ในอ้อมกอดของทุกคนด้วยนะคะ หวงความโสดอันนั้นรู้แหละ แต่เหมือนว่าแอบหวงเพื่อนอยู่นาา 5555สองสัปดาห์ต่อมา"พ่อขา..." เรียวปากเอิบอิ่มคลี่ยิ้มทันทีที่พบกับคนที่เธอสุดแสนจะคิดถึงไอติมก้าวขาเร็วๆ ไปยังบิดาที่ในตอนนี้อยู่ในชุดเครื่องแบบของโรงพยาบาลซึ่งนั่งเล่นอยู่บริเวณสวนด้านล่างที่เต็มไปด้วยต้นไม้ให้ร่ม"คิดถึงจังเลยค่ะ" ไอติมคุกเข่าตามด้วยการสอดแขนเข้าไปกอดผู้เป็นพ่อ ซึมซับความอบอุ่นเอาไว้อย่างรวดเร็ว แม้เธอจะไม่ชอบกลิ่นยาโรงพยาบาลที่ติดตามเนื้อตัวของท่านก็ตาม"รัดพ่อซะแน่นเลยไอ แรงเยอะไปไหมลูก" คำพูดของคนป่วยที่พูดไปยิ้มไปส่งผลให้ทั้งไอติมและภูพิงค์อมยิ้มออกมา หนุ่มหล่อรีบยกมือไหว้ทั้งที่ในมือหิ้วถุงผลไม้ ซึ่งผู้ถูกไหว้ก็ยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่นเหมือนที่ผ่านมา"ตัวเล็กแค่นี้แต่แรงเยอะใช้ได้เลย จริงไหมลูก...ภู" "จริงครับพ่อ ไอติมน่ะหญิงแกร่ง" "ฮ่าๆ" ผู้ป่วยเปล่งเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ ทำคนที่กอดไม่ยอมปล่อยยิ้มตาม"ก็ไอคิดถึงคุณพ่อม๊ากมากนี่คะ คิดถึงที่สุดเลย" "ปากหวานตลอด ทำเหมือนไม่ได้เจอกันนานแสนนาน ทั้งที่เราสองคนก็มานอนเฝ้าพ่อทุกสัปดาห์" "ใจจริงอยากมาอยู่ด้วยทุกวันเลยนะคะ" "ไม่เอาแบบนั้นหรอกลูก แค่ไอกับภูมาอยู่เป็นเพื่อนพ่อทุกอาทิตย์ เอาอาหารมาส่งพ่อแทบทุกวัน เท่านั้น
"อยากให้ฉันดูดวงให้ปะ""อย่าไร้สาระน่าภู""แต่ฉันดูแม่นนะ แค่ได้จ้องตาเธอฉันยังรับรู้เลยว่าต่อจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ" ดวงตากลมโตที่ถูกโอบล้อมด้วยขนตางามงอนกลอกกลิ้งไปมาตอบรับประโยคที่ได้ฟังเรียวปากเอิบอิ่มเม้มเข้าหากันก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก เรื่องอะไรเกี่ยวกับเธอที่เขารับรู้!และมันเป็นความล่วงรู้ที่เกิดจากความสามารถพิเศษที่เรียกว่าญาณทิพย์ หรือหมอนี่เพียงแค่อุปโลกน์มันขึ้นมา"ว่ามาสิ ฉันกำลังรอฟัง" ภูพิงค์ยกยิ้มที่มุมปากอย่างชอบใจ เวลาที่มีใครสักคนคล้อยตามในสิ่งที่เราพูด มันเป็นอะไรที่โคตรมีความสุขเลย หนุ่มหล่อโน้มตัวไปด้านหน้า กลิ่นหอมสะอาดสะอ้านทำใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ ขณะเดียวกัน ภูพิงค์ไม่ได้สนใจว่าการกระทำที่ฉาบฉวย ตรงไปตรงมา มันจะทำให้คนรอบข้างมองมาที่เขาด้วยความสนใจ และก่อนที่หนุ่มหล่อจะได้พูดอะไรออกไป เสียงเรียกจากคนที่เข้าไปเคลียร์กับพนักงานในร้านเพื่อหาที่นั่งก็ส่งเสียงเรียกกลับมาพอดิบพอดี "ตาภู น้องไอ ทางนี้ลูก" ไอติมมองไปตามทิศทางของเสียงเรียกพลางยิ้มกลับไป ไม่นานก็รีบหันกลับมาที่ภูพิงค์อีกครั้ง แอบคาดหวังว่าจะฟังในสิ่งที่ภูพิงค์ตั้งใจจะพูดออกมาก
"ตกลง มีเรื่องอะไรที่ไม่เข้าใจกันรึเปล่าลูก" เบญญาเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อหญิงสาวที่เธอและสามีได้ไปทาบทามสู่ขอซึ่งไม่นานเกินรอก็จะได้มาเป็นครอบครัวเดียวกันเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่เรียบร้อยใบหน้าเกลี้ยงเกลาแต้มรอยยิ้มจางๆ แวบหนึ่งที่ไอติมปรายตามองแฟนหนุ่มตามด้วยการหันไปตอบคำถามผู้ใหญ่ที่กำลังรอคอยคำตอบจากเธอ"ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันค่ะคุณแม่ ภูเห็นว่าเป็นวันหยุดเลยชวนไอออกมาเปิดหูเปิดตา คงกลัวว่าการอยู่ที่เดิมมากๆ สมองจะไม่โล่ง และทำงานออกมาได้ไม่ดีน่ะค่ะ""ถ้าเป็นแบบที่หนูไอว่าพ่อกับแม่ก็สบายใจ" ภีมพลแตะเบาๆ ที่ไหล่ของภรรยาตั้งแต่ตอนที่ได้รับโทรศัพท์จากบุตรชายคนกลางว่าภูพิงค์และแฟนสาวมีปากเสียงกัน อกคนเป็นแม่แทบลุกเป็นไฟเพราะบุคลิกที่เคยเจ้าชู้ ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน มันไม่แปลกหากคนเป็นพ่อเป็นแม่จะกลัวว่าลูกชายตัวดีจะออกลายไปทำให้ลูกสาวเขาเสียใจภีมพลและภรรยาออกจากร้านอาหารทันทีทั้งที่กำลังรับฟังการรายงานจากผู้จัดการร้านอาหารที่ตั้งใจบอกเล่า ทันทีที่มาถึง และหากไม่ได้ยินเสียงบางสิ่งบางอย่างที่เล็ดลอดโดยปราศจากเสียงของการต่อสู้ เขาและภรรยาก็คงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้าไปด้านในโดยไม่ต้
ปึง~ ปึง~ ปึง~เสียงกำปั้นทุบประตูส่งผลให้ภูพิงค์ปรายตาไปยังต้นทางของเสียง ถึงอย่างนั้นหนุ่มหล่อก็ไม่ได้คิดที่จะให้ความสนใจเท่ากับเสียงหอบหายใจถี่ๆ ของคนที่อยู่บนเตียงด้วยกัน"เหนื่อยเหรอ" "อืม" ไอติมขานรับเสียงเบา หลังจากที่คนตัวโตถอดถอนแกนกายใหญ่ออกไปจากช่องทางรัก คนตัวเล็กจึงรวบรวมเรี่ยวแรงเพื่อหันกลับไปเผชิญหน้ากับคนตัวโตตามเดิม"ข้าวผัดเริ่มย่อย เราไปกินกุ้งเผากันดีไหม น้ำจิ้มซีฟู้ดเด็ดๆ กับไวน์เย็นๆ มีร้านหนึ่งที่เด็ดมาก เราสามารถเลือกเมนูได้ทั้งร้านโดยที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายตังค์สักบาท" ไอติมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจหมอนี่ก็คงเวอร์ไปอย่างนั้น ร้านไหนที่เขาให้กินฟรีกันเล่า ยิ่งเป็นร้านที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวด้วยแล้ว อย่าว่าแต่กินฟรีเลย ราคาก็คงไม่เบาเลยต่างหากล่ะ"นายรู้เหรอว่าคนที่มาเคาะประตูคือใคร" ไอติมดันหน้าท้องแกร่งออกห่าง มวลน้ำหวานที่ไหลย้อนกลับเปรอะเปื้อนขาสวยส่งผลให้ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแดงซ่าน"ไม่รู้""อ้าว แล้วทำไมนายกล้าปล่อยให้เขาคอยล่ะ ฉันยังได้ยินเสียงรองเท้าที่หน้าประตูอยู่เลยนะ""อาจจะมีใครสักคนส่งคนมาก่อกวนฉัน แต่ใครสนกัน เมียสวยขนาดนี้ก็ต้องสนใจเมียมากกว่าสิ่งอื่นอ
ความสบายใจส่งผลให้ไอติมยิ้มกว้าง ขาสวยแยกออกจากกันเพื่อเปิดทางให้คนตัวโตดันตัวเข้ามาประชิด ท่อนแขนเรียวเกี่ยวกอดลำคอหนาเอาไว้แน่น ภูพิงค์รีบแทรกตัว วางใบหน้าหล่อเหลาที่อกนุ่มอย่างรวดเร็วเห็นว่าบทเข้าอกเข้าใจตามด้วยการออดอ้อนเพื่อสร้างคะแนนไปด้วยจะเข้าท่าไม่น้อยไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร รู้แค่ว่าอยากให้เธอรู้สึกดีกับเขาจนขาดเขาไม่ได้ เพราะแท้ที่จริงเขาเองก็คิดแบบนี้เช่นกันเขามั่นใจว่าเขารักเธอ เขาพร้อมที่จะปรับปรุงตัวและเดินหน้าในทางที่มันถูกเพื่อให้เธอรักเขามากๆ ในแบบเดียวกัน"อากาศเย็นไวจัง ฉันว่าเราควรเข้าบ้านนะไอ" "หึ...เครื่องติดไวเสมอเลยนะ" หนุ่มหล่อเงยหน้ามอง จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่กล้าพูดอะไรแบบตรงไปตรงมาแบบนี้ และเพิ่งจะค้นพบได้ไม่นานว่าแท้ที่จริงตัวเขาก็ชอบผู้หญิงแบบนี้ แบบที่ไอติมเป็น"เธอก็รู้เก่งใช่ย่อยเลยเหมือนกัน" คนฟังไหวไหล่ เอียงคอเล็กน้อยก่อนจะบอกออกไป"ถ้าอยากให้เข้าบ้านก็อุ้มเองนะ ปวดขา" "สบายมากครับ เดี๋ยวอุ้มเข้าบ้าน จากนั้นก็อุ้มไปที่เตียงต่อเลย" หนุ่มหล่อโน้มตัวขึ้นไปคลอเคลียมุมปากนุ่ม ใช้มือหนึ่งคว้าโทรศัพท์มาปลดล็อกหน้าจอ เก็บภาพจากมุมข้าง
"...ขอบคุณค่ะ หากมีคอลเล็กชั่นไหนที่อยากให้ไอดูแลต่อ อย่าลืมกลับมาที่ร้านนะคะ" "แน่นอนค่ะน้องไอ แล้วพบกันนะคะ" ลูกค้าวัยกลางคนเอ่ยขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มงานที่ออกมาดีมาก ทุกอย่างลงตัวเพอร์เฟคมากกว่าที่คิดเอาไว้ด้วยซ้ำ ไม่มีสิ่งใดต้องตำหนิ คาดว่าการตัดชุดครั้งต่อไปคงได้กลับมาใช้บริการที่นี่อีกอย่างแน่นอนครืด~ เสียงโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะกระจกส่งผลให้ไอติมละสายตาจากแผ่นหลังของลูกค้า เบอร์โทรของภูพิงค์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอส่งผลให้หญิงสาวกดรับสายทันที"ฮัลโหลภู..." [ แวะเอาของมาให้มิเรียบร้อยแล้วนะ พอดีคุยกับพ่อเพลินน่ะเลยออกจากโรงพยาบาลช้าไปหน่อย ] "งั้นเหรอ วันนี้พ่อเป็นไงบ้าง วันนี้ยุ่งทั้งวันเลยภู ฉันก็ยังไม่ได้คุยกับมิเหมือนกัน" [ ไม่ต้องห่วงนะ พ่อยังร่าเริง คุยเก่งเหมือนเดิม นินทาเธอไม่ขาดปากเลยแหละ ] ไอติมระบายรอยยิ้มให้ผุดขึ้นบนมุมปากหนึ่งเดือนกับการกลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน เธอพยายามให้เวลากับผู้เป็นพ่ออย่างเต็มที่ หลังจากที่ถึงตารางการนัดหมายครั้งต่อไป มิราก็ยังคงทำหน้าที่ไปดูแลพ่อที่โรงพยาบาลต่อ อาจจะสบายกว่าเมื่อก่อนหน่อยเพราะภูพิงค์และครอบครัวจัดการเรื่องโรงพยาบาล ทั้งการ
Comments