ริฮานน่า Talk
เวลาผ่านไปร่วมเดือนได้ ฉันจัดการอะไรต่อมิอะไรลงตัวหมดแล้ว ได้คอนโดที่อยู่ใหม่และก็อยู่ใกล้ๆ กับบริษัทของคุณพ่อด้วย ส่วนพวกเพื่อนสนิทอีกสองคนฉันไม่ได้ติดต่อเลย และก็ไม่คิดที่จะติดต่อไปด้วย
ตอนนี้ฉันกำลังยืนแต่งตัวไปเที่ยวคลับอยู่ ฉันไม่รู้จะอยู่ทำอะไรเหมือนกัน อยู่คนเดียวที่ห้องมันก็น่าเหนื่อยและก็แสนจะเบื่อมาก ปกติก็จะไปเที่ยวกับสองคนนั้นแหละ ไปไหนเราก็ไปด้วยกันอยู่แล้ว ยิ่งไปเที่ยวคลับตัวยิ่งติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ เรียกได้ว่าฉันไม่ต้องกลัวเลยเพราะมีบอดี้การ์ดคอยดูแลอยู่ถึงสองคน
แต่ก็ไม่ได้แปลว่านอกเหนือจากสองคนนั้นแล้วฉันจะไม่มีเพื่อนอีกเลย แค่ไม่ได้ติดต่อกันอีกแค่นั้นเอง
พอแต่งตัวอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็คว้ากระเป๋าสะพายของตัวเอง ลงมาที่ใต้คอนโดและขับรถของตัวเองออกไป
แหงล่ะรถคันนี้คุณพ่อเพิ่งจะถอยมาให้ใหม่ๆ เลย ที่ขับรถไปเองเพราะฉัน คิดว่าตัวเองไม่ได้จะไปดื่มอะไรแค่อยากไปเที่ยวเพิ่มสีสันให้หายเบื่อเท่านั้นเอง
พอมาถึงฉันก็เดินไปตรงเคาน์เตอร์บาร์ที่มีบาร์เทนเดอร์อยู่ทันที ปกติถ้าฉันกับพวกนั้นได้มาเที่ยวคลับเราสามคนก็จะมานั่งกันอยู่ตรงนี้แหละ
"สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ"
"ฉันขอเป็นน้ำส้มไม่มีแอลกอฮอล์ค่ะ"
"ได้ครับ"
ขณะที่กำลังนั่งเล่นฉันก็มองผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมา ตอนที่ไปเรียนอยู่อเมริกาฉันก็เที่ยวคลับอยู่เหมือนกัน บรรยากาศก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากหรอก
เวลาผ่านไปจนกระทั่งเริ่มดึก ฉันก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมนั่นแหละ มองอะไรต่อมิอะไรที่มันผ่านเข้ามาในสายตา และก็ได้คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย และมันก็ทำให้ฉันได้รู้ว่าการเที่ยวคนเดียวมันก็ไม่ได้แย่ ทำให้ฉันได้รู้ว่าคนเราพอเติบโตขึ้นมันก็ต้องแยกย้ายกันเป็นธรรมดา ต่อให้ตอนเด็กๆ เราจะสนิทกันแค่ไหนก็ตาม
บางครั้งก็แอบคิดนะว่าฉันทำเกินไปหรือเปล่ากับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ฉันไม่ได้ตัดเพื่อนตัดความสัมพันธ์อะไรแบบนั้น แค่ไม่คุยกัน และมันก็เลยกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ดูแย่ลงเรื่อยๆ
แต่คนเรามันก็ต้องรักษาสัญญาสิ สัญญาที่เคยให้กันไว้ฉันไม่เคยทำผิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว และฉันก็ไม่เคยไปก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวด้วย ฉันตั้งกฎไว้แค่อย่างเดียวในการอยู่ร่วมกันคือ บ้านจะต้องเป็นแค่บ้านของพวกเราสามคนเท่านั้น จะไม่มีคนอื่นเข้ามาอยู่หรือเข้ามาใช้ชีวิตหรือแม้กระทั่งจะผ่านเข้ามาก็ตาม ทว่าตลอดระยะเวลาที่ฉันไปเรียนอยู่ที่อเมริกา พวกมันกลับทำผิดสัญญาที่เคยให้กันเอาไว้ โดยการพาคนอื่นที่ไม่ใช่พวกเราเข้ามาที่บ้าน
แล้วมันผิดเหรอที่ฉันจะโกรธ
ผิดเหรอที่ฉันจะไม่กลับไปที่บ้านหลังนั้นอีก
นี่ขนาดฉันไม่ได้กลับไปเห็นบ้านหลังนั้นอีกภาพที่ฉันเห็นในวันนั้นมันยังติดตาฉันอยู่ตลอดเลย ถึงสองคนนั้นจะไม่ได้ทำในแบบที่ฉันเห็น แต่มันก็ไม่ควรที่จะมาเกิดในบ้านของฉัน และในพื้นที่ตรงนั้นด้วย
"คุณผู้หญิงจะรับเครื่องดื่มอะไรเพิ่มไหมครับ"
เสียงของบาร์เทนเดอร์ที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ ปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์ ถึงแม้สายตาของฉันจะมองไปด้านหน้า แต่ในใจของฉันมันกลับกำลังคิดในหลายๆ เรื่องอยู่ ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรจากอาการเหม่อลอยเลยสักนิด
"ค็อกเทลแก้วนึงค่ะ ขอแบบแอลกอฮอล์อ่อนๆ นะคะ"
"ครับ"
เห็นฉันแบบนี้ฉันก็ไม่ใช่คนดีเป็นแม่พระเข้าแต่วัดแต่วาหรอก ฉันนี่ก็เป็นนักดื่มดีๆ นี่เองตอนที่ไปเรียนอยู่อเมริกาฉันมีเพื่อนเยอะเหมือนกัน และก็ชอบชวนกันออกไปสังสรรค์ปาร์ตี้ทุกวันหยุดด้วย แทบจะทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้ ฉันนี่เมาจนแทบจะจำทางกลับห้องไม่ได้และทุกรอบบัดดี้ของฉันก็จะคอยลากฉันกลับห้อง
พอมาคิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกเสียดายเหมือนกันนะ ฉันอุตส่าห์รีบกลับไม่ได้ไปสังสรรค์กับเพื่อนที่นั่นหลังเรียนจบเพราะอยากจะกลับมาเซอร์ไพรส์วันเกิดของไอ้คามิลแท้ๆ ถ้ารู้ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นฉันสู้ไม่กลับมาจะดีกว่า ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ที่นั่นดีกว่าเยอะเลย
“คนสวยครับ ชนแก้วกันหน่อยไหม?”
“ค่ะ” ฉันไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่ฉันจะชนแก้วกับคนอื่นที่ไม่รู้จัก ก็แค่การชนแก้วแล้วก็สนทนากันเล็กน้อยแค่นี้เท่านั้นเอง
"มาเที่ยวคนเดียวเหรอครับ"
"ค่ะ"
"ไม่น่าเชื่อนะครับคุณออกจะสวยขนาดนี้"
"ทำไมล่ะคะ คิดว่าฉันมีแฟนหรือไง" ฉันหันไปเลิกคิ้วถามกลับ
"ก็แหม...คุณสวยขนาดนี้ ผมจะคิดแบบนั้นก็ไม่แปลกนะครับ"
"ก็ถ้าคิดว่าฉันมีแฟนแล้วคุณจะมาขอชนแก้วกับฉันทำไมล่ะคะ ไม่กลัวแฟนฉันเขามาต่อยคุณเอาหรือไง"
"....." คำพูดของฉันทำเอาผู้ชายที่มาสนทนาด้วยถึงกับหน้าเสียไปเลย แต่ฉันก็หมายความอย่างนั้นจริงๆ นะ ถ้าคิดว่าฉันมีแฟนแล้วจะมาคุยกับฉันทำไมถ้าไม่มีอะไรแฝง
ฉันเองก็ไม่ได้ซื่อถึงกับไม่รู้ว่าผู้ชายส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวคลับแบบนี้ต้องการอะไร และก็ไม่ได้มีใครสนเรื่องศีลธรรมพวกนั้นด้วย
"ฉันล้อเล่นน่ะค่ะ ฉันก็แค่เหงาเลยออกมานั่งดื่มแก้เบื่อ"
"ว่าแต่ คุณใช่นักศึกษาหรือเปล่าครับ?"
"ไม่ใช่ค่ะ ฉันเรียนจบแล้ว"
"อ๋อ..."
"ว่าแต่คุณล่ะคะยังเรียนอยู่เหรอ หรือว่าทำงานแล้ว"
"ผมทำงานแล้วครับ มีธุรกิจเล็กๆ ส่วนตัวเป็นของตัวเอง"
"ว้าว...ดีจังเลยนะคะ"
"ครับ แล้วคุณ...?"
"งานที่ฉันทำน่ะหรือคะ จะเรียกว่าธุรกิจเล็กๆ ของตัวเองก็ไม่ได้ เรียกว่าเป็นบริษัทของพ่อจะดีกว่า ฉันกลับมารับช่วงต่อจากคุณพ่อค่ะ"
"อ๋อ...."
ตอนนี้ฉันก็ยังไม่ได้เข้าขั้นไปบริหารเต็มตัว แต่กำลังอยู่ในช่วงฝึกงานต่างหากล่ะ ต่อให้ฉันจะเรียนด้านนี้มาและมีหลายๆ คนบอกว่าฉันเก่ง แต่ถ้าเทียบกับคนที่มีประสบการณ์ในการทำงานด้านนี้มาแล้วฉันไม่ได้เก่งเท่าเขาเลย เก่งจากการเรียนกับเก่งเพราะมีประสบการณ์มันไม่เหมือนกันเลยนะ
"คุณชื่ออะไรเหรอครับ เราคุยกันมาตั้งนานแล้วแต่ผมไม่รู้จักชื่อของคุณเลย"
"ฉันชื่อฮาน่าค่ะ"
"ฮ๋อ...เป็นลูกครึ่งเหรอครับ"
"ไม่ค่ะ"
ฉันไม่ใช่ลูกครึ่งและก็ไม่ได้มีเสี้ยวของลูกครึ่งเลย ไม่เหมือนกับสองคนนั้น อีกคนหนึ่งก็ลูกครึ่ง ส่วนอีกคนนึงก็ลูกเสี้ยว
"แล้วนี่กลับยังไงเหรอครับ"
"ฉันขับรถมาค่ะ"
"แต่ดื่มแบบนี้แล้วจะขับกลับไหวเหรอครับ ให้ผมไปส่งดีกว่าไหม"
"....." ฉันยกยิ้มมุมปากก่อนจะหยิบแก้ว Cocktail ที่ตัวเองสั่งขึ้นมาดื่ม คิดว่าฉันไม่รู้หรือยังไง ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ฉันไม่ใช่คนหัวอ่อนที่จะถูกหลอกง่ายๆ นะ ตอนที่ฉันยังไม่ได้ไปเรียนต่างประเทศ สองคนนั้นก็สอนให้ฉันเรียนรู้จากผู้ชายตามในคลับได้มากเลย เรียนรู้จักนิสัยของพวกมันนั่นแหละ ไอ้การเข้าไปทำตัวตีสนิทพูดจาออเซาะอ่อนหวานและชวนเขากลับห้องเนี่ยมันมีไม่แค่กี่อย่างเอง อย่างแรกคือหวังดีจริงๆ ส่วนอย่างที่สองก็คือหวังร่างกายของเขา แต่ฉันคิดว่าเป็นอย่างที่สองมากกว่า
"คุณสวยมากเลยนะครับ สวยจนผมละสายตาไม่ได้เลย"
"เหรอคะ..."
"ถ้าคุณไม่ติด ให้ผมไปส่งนะครับ"
"น่าเสียดายนะคะ ฉันเอารถมาซะแล้วสิ ถ้าไม่ได้เอารถมาฉันคงต้องยอมให้คุณไปส่งจริงๆ" ฉันเดินหน้าอ่อยเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้หวังอะไรหรอกแค่อยากจะรู้ว่าฉันยังมีเสน่ห์อยู่อีกหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง แต่ดูเหมือนว่าเสน่ห์ของฉันมันก็ยังดีเหมือนเดิมนะ
"ถ้าอย่างนั้น ก็เอารถของคุณทิ้งไว้นี่สิครับ แล้วเดี๋ยวตอนเช้าผมจะพากลับมาเอา"
"ดูคุณใจดีจังเลยนะคะ ฉันอยากจะรู้จังว่าคุณใจดีแบบนี้กับผู้หญิงสวยๆ ทุกคนหรือเปล่า"
"หึ!" ผู้ชายคนนั้นมองหน้าฉันแล้วยกยิ้มมุมปาก ฉันดูออกตั้งแต่แรกแล้วล่ะว่านี่เสือผู้หญิงดีๆ นี่เอง แต่เสือผู้หญิงมันก็ยังไม่อันตรายเท่าเสือตัวเมียที่รู้ทันเกมนะ
ต่อให้ฉันจะไม่มีประสบการณ์ในเรื่องอย่างว่า แต่ฉันก็รู้ดีว่าฉันต้องรับมือยังไง หากวันหนึ่งตัวเองต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
ปัก!
เสียงก้นแก้วกระแทกกับโต๊ะอย่างแรง ต่อให้เสียงเพลงในคลับจะดังก็ตาม
"เพื่อนกู กูพากลับเองได้!"
หลังจากที่กลับมาจากฝรั่งเศสจนถึงตอนนี้ก็ร่วมหลายเดือนได้แล้ว ชีวิตของฮาน่าก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนอกจากทำงานและกลับมาอยู่กับสามีทั้งสองคนของเธอจากคนที่ไม่อยากมีลูก ไม่อยากเลี้ยงเด็ก ตอนนี้ความคิดของเธอมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว เธออยากมีลูก อยากมีเด็กสักคนสองคนเข้ามาทำให้ชีวิตครอบครัวของเธอและทั้งสองมีชีวิตชีวามากกว่านี้ถึงตอนนี้จะมีความสุขดี แต่ยังไงครอบครัวก็ต้องมีลูกไม่ใช่เหรอหลายครั้งที่เธอต้องผิดหวังเพราะทุกครั้งที่คิดว่ามีอาการและคิดว่าตัวเองท้องหรือเปล่า ผลตรวจมันก็ไม่ได้เป็นดั่งใจหวังเลยสักนิดเดียวร่างกายของเธอนั้นแข็งแรงดี พร้อมที่จะมีลูกได้ แต่เพราะฮอร์โมนที่ไม่คงที่ จึงทำให้ประจำเดือนคาดเคลื่อนและก็ไม่มีลูกสักที...............บริษัทเกริกวิทย์“กาแฟค่ะคุณฮาน่า”“หือ...เอากลับไปได้มั้ยคะ ฉันไม่อยากกินเลย รู้สึกเบื่อไปหมด” เธอนั่งเท้าคางมองดูแก้วกาแฟดำที่เลขาเอามาให้อย่างเช่นทุกวัน แต่วันนี้เธอกลับรู้สึกเบื่อชนิดที่ว่าไม่อยากจะกินอะไรเลยสักอย่าง“คุณฮาน่าเหม็นเหรอคะ?”“ไม่เหม็นหรอกค่ะ แค่ไม่อยากกิน”“คุณฮาน่ามีน้องหรือเปล่าคะ?”“เฮ้อ....” พอได้ยินอย่างนั้นแล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่
หลายเดือนต่อมาฮาน่าขับรถไปที่บริษัทของสองหนุ่มเพื่อที่จะบอกข่าวดี โดยที่ไม่ได้บอกทั้งสองคนนั้นก่อนว่าจะไปหาเมื่อขาเรียวก้าวเข้าไปในบริษัท ทุกช่วงจังหวะการสับเท้าเดินเธอถูกคนในบริษัทของคามิลนั้นจ้องมองไม่วางตา และก็ยังมีบางคนที่ยังไม่รู้ว่าเธอคือใคร“อย่างสวยเลย นั่นใครอ่ะ พนักงานใหม่เหรอ?” เสียงหนึ่งพึมพำออกมาท่ามกลางพนักงานคนอื่นไปที่กำลังมองไปที่หญิงสาว“ไอ้บ้า นั่นเมียประธานอยากโดนไล่ออกไง!”“หะ-ห๊ะ!”“คุณฮาน่า ภรรยาของประธานขุนเขาและประธานคามิล” เพราะทุกคนต่างก็รู้ถึงความสัมพันธ์นี้ของทั้งสาม และคนที่รู้แล้วจึงไม่ได้แปลกใจอะไรเลย จะมีก็แต่คนที่ยังไม่เคยรู้จักหรือพนักงานใหม่ๆ เท่านั้น“สวัสดีค่ะคุณฮาน่า”“สวัสดีค่ะ” เธอทักทายกลับด้วยรอยยิ้มที่สดใส“มาหาท่านประธานทั้งสองเหรอคะ?”“ใช่ค่ะ อยู่ใช่ไหมคะ เพราะเห็นรถจอดอยู่”“ค่ะอยู่ ให้แจ้งขึ้นไปไหมคะว่าคุณฮาน่ามา”“ไม่เป็นอะไรค่ะ พวกเขาไม่ได้ประชุมกันใช่ไหมคะ?”“ไม่มีค่ะ”“ขอบคุณมากค่ะ”ฮาน่าเข้าไปในลิฟท์และกดขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึก เพราะส่วนใหญ่ห้องทำงานของเจ้าของ หรือประธานบริษัทจะอยู่ด้านบน รวมถึงบริษัทของเธอด้วยเมื่อกี้เธอแอบเขิ
คนตัวเล็กยกสะโพกตัวเองขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจับแก่นกายใหญ่ของคนใต้ร่างนั้นจ่อเข้าไปที่ปากทางร่องรักของตนเอง ขณะที่หน้าอกอวบอิ่มนั้นกำลังถูกโลมเลียอยู่จากฝีมือของขุนเขาสวบ!ร่างบางกดตัวเองให้นั่งทับท่อนเนื้อใหญ่ลงมาอย่างไม่ทันได้ระวัง และลืมตัวไปว่ามันอาจจะทำให้เธอเจ็บได้“อ๊ะ...อ๊า...จะ จุก!!” เธอร้องครางเสียงหลง เพราะความจุกมันแล่นเข้ามาภายในชั่วพริบตา ก่อนที่มือเล็กรีบดันหน้าอกแกร่งตรงหน้าไว้พร้อมกับลมภายใจพะงาบๆ “อะ...อึก แฮ่ก แฮ่ก!”“ทำไมนั่งลงมาแบบนั้นล่ะ เจ็บไหม?” ขุนเขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นสีหน้าของภรรยาตอนนี้แล้ว“จะ จุกนะ มันเข้ามา...” คำพูดขาดหายไป เพราะเธออธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย ของใหญ่นั้นมันคับแน่นอยู่ในท้องน้อยของเธอจนอึดอัดไปหมด“อยู่เฉยๆ ก่อนนะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น” คามิลพูดเสียงแผ่ว มือของเขานั้นก็ยังจับเอวเล็กของเธอไว้แน่นเหมือนกันขุนเขาเริ่มโลมเลียหน้าอกของเธอต่อ ลิ้นร้อนตวัดเลียยอดถันที่แข็งตึงขึ้นมาอย่างเอร็ดอร่อย ปล่อยให้เธอนั้นค่อยๆ โยกสะโพกขึ้นลงอย่างเชื่องช้าเมื่ออาการจุกเสียดมันเริ่มจะบรรเทาลงเอวบางก็เริ่มโยกขยับขึ้นลงช้าๆ เนิบนาบ“อึกอ๊ะ...อื้ม...
“คะ คุณภรรยา!”“ฮะ ฮาน่า...”สองหนุ่มร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นภรรยาสาวเดินเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่ชุดนอนลูกไม้สีดำ มันตัดกับสีผิวที่ขาวสะอาดของเธอ ทำให้เธอนั้นดูสวยเปล่งปลั่งขึ้นมาไม่น้อยเลยและก็ไม่ได้สวยเพียงอย่างเดียว เธอนั้นทั้งเซ็กซี่ จนน่าจับลงมารังแกเสียให้เข็ด“สวยไหมคะคุณสามีทั้งสอง” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน พร้อมกับก้าวเดินเข้าไปหาสามีทั้งสองที่เตียงอย่างช้าๆ เพราะความสวยเซ็กซี่ทำเอาทั้งสองถึงกับกลืนน้ำลายกันอึกใหญ่ท่อนเนื้อส่วนล่างก็เริ่มรู้สึกปวดหนึบขึ้นมาทันทีร่างบางคลานขึ้นเตียงอย่างเชื่องช้า ก้นงอนสวยกำลังบิดส่ายไปมาเมื่อก้าวเข่าคลานเข้าหาคนตรงหน้ามือเล็กค่อยๆ วางลงจับเป้าตุงพร้อมกับลูบสัมผัสไปมาจนกระทั่งเสียงร้องซี๊ดดังออกมาจากปากของชายหนุ่ม“เสียวเหรอคะ คุณสามี...” เสียงหวานเอ่ยถามอีกครั้งอย่างยั่วยวน ก่อนที่เธอจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย“อะ-อะไรวะเนี่ย!” เพราะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับภรรยา คามิลได้แต่ร้องอุทานออกมาเพราะความเสียวที่ได้รับจากเธอมันแปลกตั้งแต่ที่เธอเป็นฝ่ายร้องขอให้มีเซ็กซ์ด้วยกันแล้ว“ฮาน่า...ธะ เธอ..”พรึ่บ!~“อึก!” ขุนเขาที่กระเถิบเข้า
ตู๊ด ตู๊ด~ยังไม่ทันที่ตู๊ดที่สองจะสิ้นสุดปลายสายก็กดรับอย่างทันใจ( ค้าบที่รัก )“เสียงหวานเชียวนะ”( ก็ภรรยาโทรมาทั้งทีจะให้พูดห้วนๆ ได้ไงล่ะ )“นายทำอะไรอยู่?”( ทำงานครับ )“ฉันจะออกไปเอาของที่คอนโดเก่านะ ลูคานโทรมาบอกว่าจะมาแฟนมาอยู่ด้วย ฉันก็เลยจะไปเอาของที่เหลือกลับมาให้หมดน่ะ”( ...... ) ปลายสายเงียบไป ไม่มีการตอบกลับ นั่นจึงทำให้เธอเงียบเหมือนกัน เพราะไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เขาจะไม่พอใจหรือเปล่า แต่ครั้งนี้เธอเลือกที่จะบอกเลยเพื่อตัดปัญหา และถ้าคามิลอยากจะไปด้วยเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะเธอบริสุทธิ์ใจจริงๆ“ถ้านายไม่..”( เอาสิ เดี๋ยวไปรับนะ ยังเหลือของอีกเยอะเลยนี่ ขนลงมาคนเดียวเหนื่อยแย่ ) พอปลายสายตอบกลับมาแบบนั้นเธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที เพราะกลัวว่าจะมีปัญหากันอีก ต่อให้เธอจะไม่ได้คิดอะไรก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าคามิลหรือขุนเขาจะไม่คิดอะไรเลยพอตกบ่ายคามิลก็ขับรถมารับเธอที่บริษัทเพราะต้องไปเก็บของที่คอนโดเก่าของเธอด้วยกัน ส่วนขุนเขานั้นก็อยู่อีกบริษัทนึงและก็เลยมาด้วยไม่ได้“ยังเหลือเยอะไหม?” ขณะที่กำลังขับรถอยู่คามิลก็หันไปถามภรรยาคนสวยที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ
หลายเดือนต่อมางานแต่งจัดขึ้นอย่างใหญ่โตหลังจากวันที่ครอบครัวได้มารวมตัวกันและสู่ขอฮาน่าได้ไม่นาน จนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยและได้กลับมาอยู่ที่คอนโดกันตามเดิมแล้ว และก็ตั้งใจจะปักหลักอยู่ที่คอนโดกันแบบนี้ เพราะมันก็ค่อนข้างกว้าง มีทุกอย่างเพียบพร้อมไม่ต่างจากบ้าน แต่ถ้าวันไหนได้มีลูกก็คงต้องพิจารณากันอีกทีเพราะต้องมีพื้นที่ให้ลูกได้วิ่งเล่น“จะไปทำงานแล้วเหรอฮาน่า?” คามิลเดินเข้ามาถาม ขณะที่ภรรยาคนสวยของตัวเองนั้นกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่“ใช่ๆ วันนี้มีประชุมกับพนักงานด้วยน่ะ”“ขยันจริงๆ เลยนะ”“ไม่ได้ขยัน แต่กลัวไม่มีกินว้อย!”“จะกลัวอะไร ผัวอยู่ตรงนี้ตั้งสองคน” คามิลยืนเท้าเอวมองหน้าของภรรยาผ่านกระจกที่เธอนั่งหันหน้าเข้าหา“จะเลี้ยงเหรอ ฉันกินเยอะนะ ชอบช็อปปิ้งด้วย ชอบซื้อแต่ของแพงๆ” เธอแกล้งพูดเล่น แต่ก็ไม่คิดจะทำแบบนั้นหรอก แม้จะได้เงินเดือนจากสามีสองคนแล้วแต่เธอก็ยังไม่ได้หยุดทำงาน“ถ้าเลี้ยงเธอไม่ได้ฉันจะแต่งงานกับเธอทำไมล่ะฮาน่า”“ใช่ๆ พูดถูกไอ้ขุน”“ไม่เอาหรอก ฉันชอบพึ่งพาตัวเอง อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย อยู่บ้านก็ทำงานบ้านไม่เป็น ออกไปทำงานที่ตัวเองถนัดจะดีกว่า” เธอ