ログインปากบอกว่าไม่ชอบไม่สนใจไม่ใช่สเปก แต่ก็ไม่ยอมให้หมาตัวไหนเข้าใกล้ ปากแซ่บที่หนึ่ง ไร้มารยาทที่สอง ทำดีกับคนทั้งโลกทำแย่กับเธอคนเดียว “ไหนบอกว่าไม่ชอบฉันไง” “ก็ไม่ได้ชอบ” “ไม่ได้ชอบแล้วให้สร้อยเกียร์กับฉันทำไม” เซฟ อายุ23ปี คณะวิศวกรรมเครื่องกล หล่อ เจ้าชู้ ปากแซ่บ ไร้มารยาท เรียนวิศวะเพราะการแต่งกายเท่ห์ดีหาได้สนใจการเรียนไม่ “ต้องกักขังเลยไหมถึงจะรู้ว่าคลั่งรักแค่ไหน” ข้าวเจ้า (ข้าวเน่า/ข้าวบูด/ยัยเฉิ่ม/ยัยแว่น) อายุ21ปี คณะบริหารธุรกิจ เฉิ่มแค่การแต่งกายไม่ชอบเซฟที่สุดในโลก ทุกวันพุธ ศุกร์ ต้องขึ้นไปสอนงานเซฟบนห้องส่วนตัว “นายแพ้ฉันทุกครั้งที่ฉันขึ้นขย่มหรือไม่จริง” “อยากให้เรียกพี่เซฟขาต้องทำไง” “ทำใจ” คิมฮานึล / Berlinzz
もっと見るก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”ฉันยืนทำใจอยู่สักพักมองประตูไม้สีครีมอย่างไม่สบอารมณ์แต่ถึงจะไม่อยากเข้าไปยังไงสุดท้ายก็ต้องเข้าไปอยู่ดี
แกร้ก
“อ๊ะ!”ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วก็เจอกับร่างสูงที่อยู่ในสภาพเกือบเปลือย
ใช่ค่ะเกือบเปลือย! เพราะร่างกายของเขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กคาดเอวเอาไว้เท่านั้น
“เสียสายตาชะมัด-.-”ฉันพูดขึ้นก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่นทำเป็นไม่สนใจเดินไปยังที่นั่งประจำของตัวเองพร้อมกับวางเอกสารที่ถือมาวางลงบนโต๊ะ
เมื่อไหร่นะเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ฉันจะได้หลุดพ้นจากไอบ้านี่สักที!
“เหอะ..รู้ว่าชอบไม่ต้องเก็บอาการไว้หรอกยัยข้าวบูด”ฉันมองค้อนอีกฝ่ายทันทีทั้งๆที่ฉันชื่อข้าวเจ้าเป็นชื่อที่แสนจะน่ารักน่าเอ็นดูแต่ไอหมอนี่มักจะเรียกฉันข้าวบูดบ้างล่ะข้าวเน่าบ้างล่ะ
ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกชายเจ้าของบ้านนะฉันเสยคางไปแล้วแน่ๆ
“เลิกลีลาแล้วรีบมาเรียนได้แล้วฉันมีการบ้านจะต้องกลับไปทำ”ฉันพูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วแท้ๆยังให้ฉันที่เด็กกว่าเขาตั้ง3ปีมาสอนงานของพ่อแม่ตัวเองอีก
น่าอนาถใจแทนพ่อแม่เขาชะจริง
“บ่นยังกะเป็นแม่”เจ้าตัวพูดออกมาเบาๆแต่เพราะห้องมันก็ไม่ได้กว้างมากแน่นอนว่าฉันได้ยินชัดแจ๋วแต่ก็ไม่อยากต่อปากต่อคำต่อเลยไม่ได้พูดอะไรกลับไป
“วันนี้ให้ทำไร”คำพูดห้วนๆน้ำเสียทุ้มต่ำเอ่ยถามพร้อมกับร่างสูงที่เข้ามานั่งข้างๆฉันกลิ่นแชมพูอ่อนๆโชยเข้าจมูกมันไม่ได้เป็นกลิ่นที่หอมหวานแต่เป็นกลิ่นของความสดชื่นเหมาะกับวัยของเจ้าตัว
“นี่ยัยข้าวบูดฉันถามเธออยู่นะเหม่ออะไร?”ฉันเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อมือหนาของอีกฝ่ายเขกเข้าที่หัวของฉันเบาๆฉันขมวดคิ้วมองใบหน้าที่เรียกได้ว่าโคตรจะหล่อของอีกฝ่ายก่อนจะหันกลับมาโฟกัสที่กองงานที่วางอยู่
“อืมวันนี้มีให้ตรวจสอบรายรับรายจ่ายกับคุณท่านให้ใบมาลองประเมินราคางาน”ฉันเข้าเรื่องงานที่ฉันได้รับมอบหมายมาอีกทีในทุกๆวันพุธและศุกร์ฉันจะต้องขึ้นมาสอนงานผู้สืบทอด
งงล่ะสิว่าทำไมต้องมาสอนก็เพราะว่าไอตานี่วันๆมันไม่ทำอะไรเลยไงนอกจากเที่ยวเล่นกินเหล้าคั่วหญิงไปวันๆทั้งๆที่พ่อกับแม่ทำงานทุกวี่ทุกวันหาเงินมาเลี้ยงเจ้าตัวแต่ดูสิ่งที่เจ้าตัวตอบแทนให้สิไม่ให้ไปประกันตัวที่โรงพักข้อหาทะเลาะวิวาทก็ไปให้ไปรับที่โรงพยาบาลเพราะทะเลาะวิวาทอีกตามเคย
ส่วนฉันฉันช่วยงานคุณท่านและคุณหญิงของบ้านมาตั้งแต่อายุ16ปีจนตอนนี้ฉันอายุ20ปีแล้ว4ปีที่ได้ทำงานมาก็สนุกดีนะเพราะฉันชอบเกี่ยวกับตัวเลขหรือการคำนวณบลาๆอยู่แล้วแม้ในตอนแรกอาจจะมีทำผิดพลาดบ้างแต่ท่านทั้งสองก็ยังให้โอกาสฉันอยู่เสมอ
จนกระทั่งได้รับหน้าที่ให้มาสอนงานไอตาบื้อนี่แหละเพราะเขาใกล้จะเรียนจบแล้วแต่ในหัวสมองกลับไม่มีอะไรเลยสักอย่างแถมยังเรียนไม่ตรงสายไปเรียนคณะวิศวะเพราะชอบที่จะใส่เสื้อไม่เหมือนเพื่อนและมันก็เท่ห์ดีเท่านั้น
ฉันนี่ยอมใจความคิดประหลาดๆของเขาจริงๆ
“แบบนี้ถูกไหม”มือหนาเลื่อนกระดาษมาให้ฉันตรวจสอบฉันได้รับหน้าที่นี้มาหลายเดือนแล้วแต่เจ้าตัวมักจะหาข้ออ้างในการโดดเรียนอยู่เสมอจนไม่กี่วันก่อนโดนคุณท่านเอาจริงบอกว่าถ้าไม่มาเรียนกับฉันให้ครบทุกครั้งก็จะยึดบัตรเครดิตและไงคะเจ้าตัวก็เลยทำตัวดีมาเรียนกับฉันสม่ำเสมอจนตอนนี้ก็เข้าสู่เดือนที่สองแล้วที่ได้สอนงานเขาอย่างจริงๆจังๆ
“อืม..ตรงนี้ยังผิดอยู่นะ”ฉันหยิบดินสอมาวงในส่วนที่ผิดไหล่ของเราสองคนชนกันแต่ฉันก็ค่อนข้างชินกับการอยู่ใกล้เขาแล้วแม้ว่าแรกๆจะแอบเกร็งก็ตาม
ก็นะฉันมันเป็นผู้หญิงที่โลกส่วนตัวสูงมากที่มหาลัยก็ไม่ค่อยมีเพื่อนทั้งๆที่พึ่งขึ้นปี1ควรจะมีเพื่อนเยอะแท้ๆกิจกรรมฉันก็ไม่ค่อยเข้าร่วมเพราะไม่ชอบที่ต้องกลับบ้านช้าหรือทำตามคำสั่งประหลาดๆของรุ่นพี่ยิ่งกิจกรรมรับน้องนี่ฉันขอบายเลยเพราะมันไร้สาระสุดๆ
แกร้ก
“โอ้วเจ้าลูกชายกำลังตั้งใจเรียนอยู่นี่เอง^^”เราสองคนต่างหันไปหาผู้มาใหม่ซึ่งเป็นแม่ของเขานั่นเอง
“ฉันบอกว่าให้ล็อคประตูทุกครั้งไงยัยข้าวเน่า”ใบหน้าหล่อหันมาพูดกับฉันอย่างไม่สบอารมณ์ให้ตายสิชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองแล้วล็อคประตูเนี่ยนะคิดอะไรอยู่ไม่ทราบ!
“ตาเซฟก็..ทำไมชอบไปว่าหนูข้าวเจ้าอยู่เรื่อยเลย”คุณหญิงเดินมาหาพวกเราอย่างอารมณ์ดีและใช่ค่ะไอตาบื้อนี่ชื่อเซฟเรียนวิศวะปี4ใกล้จะจบแล้วแหละส่วนเกรดน่ะเหรอเห็นว่ารอดFมาอย่างหวุดหวิดทุกเทอมเลย
ฉันยิ้มแห้งส่งให้คุณหญิงก่อนจะขอตัวลงไปเตรียมน้ำเตรียมขนมด้านล่างปล่อยให้แม่ลูกเขาได้คุยกัน
“อ่าวสอนเสร็จแล้วรึข้าว?”
“ยังจ่ะป้าพอดีข้าวลงมาเอาน้ำกับขนม”ฉันเอ่ยบอกกับป้าที่เป็นหัวหน้าแม่บ้านอยู่บ้านหลังนี้หลังจากที่พ่อกับแม่ของฉันประสบอุบัติเหตุเมื่อหลายสิบปีก่อนฉันก็ไม่เหลือใครป้าเลยพาฉันมาอยู่บ้านหลังนี้ด้วยและโชคดีที่เจ้านายของป้าเขาใจดียอมรับฉันเป็นคนใช้อีกคน
ในตอนแรกฉันก็ช่วยงานบ้านนั่นแหละแต่พอโตขึ้นก็มีโอกาสได้ช่วยงานคุณหญิงกับคุณท่านที่หยิบยื่นโอกาสให้ฉันเพราะเห็นว่าฉันเก่งเลขเก่งคำนวณฉันเลยเปลี่ยนจากสาวใช้มาเป็นผู้ช่วยของทั้งคู่แทนนับตั้งแต่นั้น
แต่ถ้าว่างฉันก็จะมาช่วยป้าทำงานบ้านนั่นแหละเพราะป้าเองก็อายุมากแล้วและตอนนี้ฉันก็คิดเรื่องที่จะให้ป้าลาออกจากงานแม่บ้านแล้วด้วย
หลังจากเตรียมของเสร็จฉันก็เดินกลับขึ้นไปเป็นจังหวะเดียวกับที่ทั้งคู่เดินออกมาพอดี
“ฝากเจ้าเซฟด้วยนะหนูข้าวถ้าเจ้าตัวดื้อไม่ฟังก็ตีได้เลยป้าอนุญาติจ่ะ^^”ฉันยิ้มรับบางๆก่อนจะมองใบหน้าหล่อของอีกฝ่ายที่ยืนทำหน้าบุญไม่รับอยู่ข้างๆ
“ได้ค่ะคุณหญิง”
“หนูข้าวป้าบอกแล้วไงจ่ะว่าไม่ให้เรียกคุณหญิงน่ะ”
“ฮ่ะๆได้ค่ะคุณป้า”ฉันมองอีกฝ่ายที่ยิ้มร่าออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมากอดมาลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู
“ใครมาเห็นคงคิดว่าเป็นแม่ลูกกัน”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก็นะคุณหญิงกับคุณท่านค่อนข้างจะเอ็นดูฉันมากผิดกับลูกชายแท้ๆที่เอาแต่เรื่องปวดหัวมาให้แก้
“ตายจริงงอนรึจ่ะมามะมาให้แม่หอมแก้มหน่อย”
“ไม่!”ใบหน้าหล่อเอ่ยเสียงแข็งก่อนจะเดินเข้าห้องไปทันที
ทำตัวหยาบคายชะมัดนี่แม่แกนะเว้ยย!
“ยัยแว่นรีบเข้ามาได้แล้วเดี๋ยวยุงเข้า”เจ้าตัวพูดขึ้นเสียงดังน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหงุดหงิดฉันส่ายหน้าเอือมๆแต่ก็รีบเดินเข้าห้องไปโดยไม่ลืมที่จะเอ่ยลาแม่ของเขาอย่างสุภาพ
“ชักช้าซะจริงยัยเฉิ่มนี่”ฉันกำถาดแน่นอยากจะเอาน้ำแดงที่ถือมาราดลงบนหัวเขาซะจริงๆชื่อก็มีให้เรียกไม่เรียกเอาแต่เรียกอะไรไร้สาระอยู่ได้ก็ไม่รู้แล้วผู้หญิงที่ใส่แว่นตามันต้องเฉิ่มทุกคนเลยรึไง!
แต่ฉันก็เฉิ่มจริงแหละเรื่องความสวยความงามนี่เข้าไม่ถึงจริงๆหน้าก็ไม่ได้แต่งเพราะคิดว่ามันเสียเวลาไปเรียนไม่ได้ไปขายสวยที่ไหนสักหน่อยส่วนการแต่งตัวก็แต่งแบบเอาสบายผมบางครั้งก็มัดบางครั้งก็ปล่อยแล้วแต่อารมณ์
ผิดกับไอร่างเปรตนี่ทั้งหน้าตาหล่อเหลาได้ข่าวว่าเคยเป็นเดือนมหาลัยมาก่อนด้วยสาวๆก็เข้าหาไม่พักทั้งสูงทั้งหล่อแม้การเรียนจะไม่ได้เรื่องก็ตามแต่เรียนไม่ได้เรื่องก็พอยอมรับได้อยู่หรอกนะแต่นิสัยหยาบคายนี่สิพวกผู้หญิงหลงรักเขากันได้ยังไงกัน
“จะยืนเป็นหุ่นขี้ผึ้งอีกนานไหม?”
“จ้าๆมาแล้วจ้าคุณชาย~”ฉันทำเสียงล้อเลียนมองใบหน้าหล่อที่ทำตาขวางใส่ฉันแต่พอฉันวางถาดขนมปุ๊บมือหนาก็คว้าเข้าปากทันทีไม่พอยังหยิบขนมมายัดใส่ปากฉันอีกพอเห็นฉันสำลักก็หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ
ไอคนหยาบคายเอ้ย!
โบราณเขาว่าผู้ชายแกล้งแปลว่าผู้ชายรักนะลูกก ฮ่าๆๆ
หลายปีต่อมาฟอดดด“ตั้งใจทำงานนะ^^” ฉันหอมแก้มสามีฟอดใหญ่ก่อนที่เราสองคนจะแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองซึ่งโต๊ทำงานของฉันก็เพียงแค่อยู่นอกประตูเท่านั้นที่จริงเคยนั่งอยู่ในห้องเดียวกันแล้วแหละแต่ตัดสินใจย้ายไปนั่งข้างนอกแทนก็จะอะไรซะอีกล่ะหมอนั่งอยู่ด้วยกันไอหื่นกามนี่ก็เล่นจับฉันกดเช้ากดเย็นจนงานการล่าช้าไปหมดสุดท้ายฉันเลยตัดสินใจที่จะย้ายโต๊ะออกมาข้างนอกแทนบ้ากามจริงๆสามีใครก็ไม่รู้“สวัสดีครับพี่ข้าว”“อ่าวหวัดดี” ฉันมองพนักงานใหม่ที่พึ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงสัปดาห์ร่างสูงส่งยิ้มให้กับพร้อมกับวางกล่องขนมลงตรงหน้าฉัน“ทานให้อร่อยนะครับ^^”“อะเอ่อ..ขอบใจนะ” ฉันพูดอย่างเกร็งๆคือทุกคนในบริษัทต่างรู้ว่าฉันกับเซฟเราสองคนเป็นสามีภรรยากันแต่สำหรับน้องคนนี้คงยังไม่รู้สินะแกร้กฉันมองเซฟที่เปิดประตูออกมาได้จังหวะพอดีใบหน้าหล่อจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่เป็นมิตรทันทีฉันพึ่งจะออกมาแท้ๆเขาจะออกมาทำไมเนี่ย“สวัสดีครับท่านประธาน”“มาทำอะไร”“เอาขนมมาให้พี่ข้าวเจ้าครับ^^”“จะจีบ?”“อะเอ่อจะว่างั้นก็ได้ครับ^^” ฉันได้แต่ยืนเหงื่อแตกพลั่กๆหนูลูกพึ่งมาทำงานแท้ๆจะโดนตาบ้านั่นไล่ออกมั้ยเนี่ยนิสัยหวงเมียใครๆก็รู้
2ปีต่อมาฉันกลายเป็นนักศึกษาปี4และที่สำคัญคือ…ฉันเรียนจบแล้วจ้าา!! ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันรับปริญญาฉันเองแหละทุกคน>“ยินดีด้วยนะลูก”“ยินดีกับเกียรตินิยมอันดับ1ด้วยนะลูกสะใภ้” ฉันรับช่อดอกไม้มาด้วยความเขินอาย2ปีที่ผ่านมาฉันได้รับความรักจากพวกท่านทั้งสองเยอะมากๆพวกท่านเอ็นดูฉันสุดๆเดี๋ยวก็พาไปอวดคนนั้นคนนี้อ๊ะจริงสิฉันน่ะไม่ได้เป็นสาวเฉิ่มแล้วนะแว่นตาก็ไม่ได้ใส่แล้วเหตุเพราะฉันเองก็อยากปรับตัวให้เข้ากับเซฟด้วยเช่นกันแม้ว่าเจ้าตัวจะย้ำนักย้ำหนาว่าไม่เป็นไรแต่ที่ฉันปรับเปลี่ยนตัวเองมันไม่ใช่เพื่อคนอื่นแต่ก็เพื่อตัวฉันเองด้วยเช่นกันความจริงแล้วตาบ้านั่นก็แค่หึงน่ะเพราะฉันน่ะมันเป็นสาวสวยนี่“ยินดีด้วยนะข้าว” ฉันยิ้มรับอ้อมกอดจากป้าซึ่งก็ลาออกจากงานแม่บ้านแล้วแต่ก็ยังอยู่บ้านเหมือนเดิมไม่ได้ย้ายไปไหนเพราะพ่อกับแม่บอกว่าป้าได้เข้ามาเป็นครอบครัวด้วยตั้งแต่วันที่ฉันกับเซฟหมั้นกันแล้วแต่ป้าก็มักจะทำงานตามที่เคยทำแม้จะน้อยลงก็ตามที“น่าเสียดายนะที่ตาเซฟไม่ได้อยู่ด้วย” คุณแม่เอ่ยขึ้นพูดแล้วก็เศร้าเพราะหลังจากท่ีเซฟเรียนจบเขาก็เข้าทำงานที่บริษัทเพื่อเรียนรู้งานและตอนนี้ก็ทำงานอยู่สาขาต่างประเทศได
หลังเลิกเรียนฉันก็กลับมาบ้านน่าตกใจตรงที่พอฉันกลับมาถึงพ่อกับแม่ของเซฟก็เรียกฉันไปคุยทันทีพวกท่านขอโทษฉันที่ทำให้ฉันต้องเจอกับเหตุการณ์แย่ๆในมหาลัยและบอกว่าเรื่องของนิต้าพวกท่านจะจัดการให้เองซึ่งฉันก็ได้แต่เอ่ยขอบคุณไปRrrr“อ๊ะเซฟ” ฉันยิ้มออกมาด้วยความดีใจเมื่อเซฟโทรเข้ามา“เซฟ!”(เอ่อไม่ใช่ไอเซฟหรอกพวกพี่เป็นเพื่อนมันเอง) ฉันชะงักไป“อ่าค่ะ..”(ไอเซฟมันเป็นไข้จนน่าจะกลับบ้านไม่ไหวแล้วน่ะน้องช่วยมารับมันหน่อยได้ไหม?) ฉันเบิกตาโตทันทีทั้งๆที่บอกแล้วว่าให้กลับมานอนพักก่อนแต่เซฟก็ยังดื้อดึงบอกงานใกล้เสร็จแล้วอยู่นั่น“ได้ค่ะจะรีบไปเลยค่ะ!” ฉันพูดก่อนจะตัดสายและรีบนั่งแท็กซี่ไปมหาลัยทันทีนี่เป็นครั้งแรกเลยแหะที่มามหาลัยช่วงกลางคืนบรรยากาศน่าขนลุกชะมัด“สวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยทักทายพวกเพื่อนๆของเซฟอย่างเกร็งๆกลิ่นน้ำมันเครื่องพุ่งออกมาจนฉันย่นจมูกสภาพแต่ละคนก็เปรอะเปื้อนไปหมดพวกพี่ๆเขาพอเห็นฉันก็ตกใจทันทีอ่าพวกเขาคงไม่ชินกับที่ฉันไม่ใส่แว่นรึเปล่านะ แล้วก็พอรู้ว่าจะมาเจอเพื่อนๆเขาฉันก็แอบแต่งหน้ามาเล็กน้อยด้วยก็นะมาหน้าสดๆก็เขินอยู่“มันนอนตายอยู่นู่นน่ะ”“เอ้าไอเวรไปแช่งเพื่อนอีก..มันแค่นอนห
เซฟ PARTปรื๊ดด!!“เวรเอ้ย” ผมสถบออกมาเมื่อจู่ๆก็มีใครไม่รู้มาตัดหน้ารถผมถ้าตีนไม่ไวมีหวังร่างแหลกไปแล้ว“นิต้า?” ผมขมวดคิ้วเป็นเธอนั่นเองที่กระโดดมาตัดหน้ารถผม“ไม่อยากเจอเลยว่ะแม่ง” ผมสถบในใจกะจะรีบไปคุยกับข้าวเจ้าแท้ๆ“อะไรของเธออีก” ผมลดกระจกลงพร้อมกับเอ่ยถาม“นิต้ามีเรื่องจะคุย”“พูดมา”“ตรงนี้น่ะหรอ” เวรเอ้ยลืมไปเลยว่าอยู่กลางถนน“ขึ้นมา” สุดท้ายผมก็ต้องให้นิต้าขึ้นมาบนรถสงสัยต้องขายรถนี้ทิ้งซะแล้วสิ“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะไม่สบายหรอ”“ไม่ต้องมายุ่ง” ผมตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์และหันมาตั้งใจขับรถแทนไว้เดี๋ยวค่อยปล่อยเธอลงก่อนถึงมหาลัยก็ได้“จะคุยอะไรก็รีบๆพูดมา” ทั้งๆที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยแต่ก็เอาแต่นั่งเงียบอยู่ได้ผู้หญิงมันเป็นงี้หมดทุกคนเลยรึไงกันชอบยั่วให้โมโหอยู่ได้วันนี้สภาพร่างกายก็ไม่ดีสุดทั้งปวดหัวตัวร้อนจนแม่บอกให้พักผ่อนแต่เพราะผมต้องรีบทำโปรเจคจบให้เสร็จคืนนี้เพื่อที่พรุ่งนี้ที่เป็นวันเกิดผมจะได้ใช้เวลาอยู่กับข้าวเจ้าทั้งวัน“นี่นายจะให้ผู้หญิงแบบนั้นมาอยู่ข้างกายนายจริงๆหรอ?” ผมขมวดคิ้วทันทีเปิดปากพูดออกมาก็ไม่เข้าหูสักนิด“แบบนั้นมันแบบไหน”“ก็ยัยนั่นทั้งขี้เหร่ฐานะก็ไม่