ตกเย็นของวันถัดมา
“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า” หญิงสาวยกมือขึ้นสวัสดีหญิงชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งก็เป็นพ่อแม่ของคามิลและขุนเขา เพราะครอบครัวสนิทกันมากแต่ก็ไม่ได้นัดกันมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาด้วยกันบ่อยๆ
“หนูฮาน่า!”
“หนูฮาน่าจริงๆ เหรอเนี่ย ไม่ได้เจอกันแค่ปีเดียว สวยขึ้นเป็นกองเลย” แม่ของคามิลนั้นเอ่ยชมอย่างไม่ขาดปาก เพราะไม่ได้เจอกับฮาน่ามาเป็นปีเลยก็ว่าได้ กลับมาคราวนี้เธอสวยขึ้นเป็นกองเลย
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
“เข้าบ้านกันก่อนเถอะนะ ตรงนี้อากาศร้อน” พ่อของขุนเขาพูดขึ้น
“แล้วนี่ทั้งสองหนุ่มมาหรือยัง” แม่ของฮาน่าเอ่ยถามขึ้น
“โทรตามแล้ว กำลังมาน่ะ”
ฮาน่าไม่ได้พูดอะไรกับใครเลย มีแต่พ่อแม่ของเธอกับพ่อแม่ของคามิลและขุนเขาเท่านั้นที่พูดคุยเล่นกัน เธอยังไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไงถ้าได้เจอกับสองเพื่อนสนิทอีกครั้ง
ผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงรถสปอร์ตดังมา และไม่นานนักสองหนุ่มสุดหล่อก็เดินเข้ามาพร้อมกัน และกล่าวทักทายลุงป้าน้าอาของตัวเองอย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับ คุณอาคุณน้า” คามิลพูด
“สวัสดีครับ คุณลุงคุณป้า คุณอาคุณน้า” ขุนเขาพูด
ที่ต้องเรียกต่างกันก็เพราะพ่อแม่ของพวกเขาไม่ได้อายุเท่ากัน ต่อให้จะเป็นเพื่อนกันแต่ก็ไม่ได้อายุเท่ากัน เพราะมาเจอกันก็ช่วงที่ได้เปิดบริษัทแล้ว
“สวัสดีจ้ะหนุ่มๆ หล่อขึ้นกันเป็นกองเชียว” แม่ของฮาน่าเอ่ยทักทายกลับ
“ขอบคุณครับ”
“ฮาน่ากลับมาแล้วนะ เราสองคนยังไม่รู้ใช่ไหม” แม่ของฮาน่าพูด
“ครับ ยังไม่รู้” ขุนเขาตอบกลับเสียงแผ่วเบา พร้อมกับส่งยิ้มแหยๆ ให้กับเธอเพื่อเป็นการทักทาย ทว่าเธอกลับไม่ได้มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย
สิ่งหนึ่งที่ทุกคนจะรู้กันดีเลยก็คือ ฮาน่าเก็บความรู้สึกเก่งมาก จะเศร้า ดีใจ มีความสุข ทุกอย่างจะมีเพียงใบหน้าที่แสนเรียบนิ่งเท่านั้น
ส่วนคามิลนั้นไม่ได้ทักทายอะไรกลับไป แต่ถึงอย่างนั้นผู้ใหญ่ก็ยังไม่ได้มีความแคลงใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งสามคน แต่ก็คิดแค่ว่าเพราะไม่ได้เจอกันนานทั้งสามจึงยังเขินอายกันอยู่ และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไป
“แล้วหนูฮาน่ากลับมาแล้วแบบนี้ จะทำงานอะไรต่อเหรอลูก?” แม่ของคามิลเอ่ยถาม ระหว่างที่กำลังนั่งทานข้าวด้วยกันอยู่
“ก็คงจะรับช่วงต่อจากคุณพ่อค่ะ แต่ก็คิดเหมือนกันว่าถ้าอะไรๆ มันลงตัวแล้ว หนูจะเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองสักร้าน แล้วก็คอยแวะเวียนไปดูแลเอา” ฮาน่าตอบ
“หืม...แบบนั้นก็ดีเลยสิคะ ป้าจะได้ไปอุดหนุนทุกวันเลย”
“ก็แค่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าน่ะค่ะ คงอีกนานเลยกว่าจะได้เปิด”
“งั้นป้าจองโต๊ะสำหรับวีไอพีไว้ล่วงหน้าเลยนะจ๊ะ” แม่ของคามิลยังคงพูดกล่อมเธออยู่แบบนั้น จนทำเอาเธอแอบรู้สึกประหม่าอยู่ไม่น้อยเลยเหมือนกัน
“แหมเธอก็...กะว่าจะล็อคมงให้หนูฮาน่าเป็นลูกสะใภ้เลยหรือไงจ๊ะ”
“ถ้าได้ก็ดีสิ ครอบครัวเราก็สนิทกันอยู่แล้วอ่ะเนาะ ถ้าได้ดองกันมันคงจะดีไม่น้อยเลย”
“คงต้องแข่งกับฉันหน่อยแล้วล่ะมั้ง” แม่ของขุนเขาหันไปพูดกับแม่ของคามิล
“หนูฮาน่าสวย เก่ง ขนาดนี้ใครบ้างจะไม่อยากได้เป็นลูกสะใภ้ ป้าพูดไว้ตรงนี้เลยนะ ผู้ชายคนไหนที่มันทิ้งหนูมันตาถั่วมากๆ”
“คุณป้าอย่าพูดแบบนั้นสิคะ หนูยังไม่เคยมีแฟนสักหน่อย”
ถึงจะไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนสนิททั้งสองแต่เพราะถูกจี้ไม่หยุดแถมยังชงให้เธอเป็นลูกสะใภ้อีกต่างหาก เป็นใครมันก็ต้องมีรู้สึกเขินบ้างแหละ
เวลาผ่านไปจนกระทั่งกินข้าวด้วยกันอิ่ม จากนั้นก็เป็นการนั่งพูดคุยสนทนากันตามประสาเพื่อนสนิทของครอบครัวเธอและอีกฝ่าย ฮาน่านั่งอยู่ได้สักพักก็ขอตัวเดินออกไปเพราะรู้สึกอึดอัดจนทำตัวไม่ถูกเลย
เธอเดินออกมาโดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าถูกเพื่อนสนิทอย่างขุนเขาตามออกมาเช่นกัน
“ฮาน่า...” น้ำเสียงทุ้มนุ่มลึกดังขึ้นทางด้านหลังของเธอ แม้จะรู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทแต่เธอก็ไม่ได้หันกลับไปทักทายกลับ และก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าขุนเขาตั้งใจตามมาเพื่ออะไร
“…..”
“จะไม่กลับไปที่บ้านของเราอีกแล้วเหรอ”
“ไม่” เป็นการตอบกลับสั้นๆ แต่มันก็ฉะฉานตรงไปตรงมา แม้เธอจะไม่ได้บอกเหตุผลอะไรกับเขาแต่ขุนเขาก็พอจะรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร
“ยังโกรธเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอวะ?”
“…..”
“ไม่เอาดิวะ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานนะเว้ย เรื่องแบบนี้ก็หยวนๆ ให้เพื่อนหน่อยไม่ได้หรือไงวะ?”
“พูดมาได้นะ ลองให้กูทำแบบที่พวกมึงทำบ้าง มันจะเป็นยังไงวะ”
“เดี๋ยวๆ มันก็ไม่เหมือนกันอยู่ดีนะ มึงเป็นผู้หญิงมันเสียหาย”
“อ้อ...จะบอกว่า ผู้หญิงผู้ชายแบ่งชนชั้นกันว่างั้น?”
“แต่มันก็...”
“พอเลิกพูด กูไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น”
“มีอะไรกัน!?” เสียงของคามิลดังมาแต่ไกล เพราะเห็นว่าทั้งสองนั้นออกมานานพอสมควรเขาจึงตามออกมา บวกกับเขาเองก็ไม่อยากอยู่ที่ตรงนั้นด้วย สถานการณ์มันพาให้อึดอัดจนบอกไม่ถูก ยิ่งแม่ของตัวเองนั่นเชียร์ให้เขากับฮาน่าคบกันมันยิ่งรู้สึกแปลกๆ ไปหมด
ให้คบกับคนที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานเนี่ยนะ ถ้ามันจะเป็นไปได้ก็ต้องเปลี่ยนตัวเองกันพอสมควรเลยล่ะ
“ไม่มีอะไร กูแค่มาคุยกับฮาน่าเรื่องบ้าน” ขุนเขาตอบกลับ
“บ้านหลังนั้น กูจะไปถอนชื่อออกเอง”
“มึงพูดอะไร?” คามิลถามพร้อมกับขมวดคิ้วจ้องมองใบหน้าสวยอย่างขุ่นเคือง เรื่องแค่นี้มันไม่น่าจะทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลยนี่นา แค่ทำความสะอาด เก็บกวาด ซ่อมแซม แค่นั้นมันก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง
เขาไม่อยากให้ผู้ใหญ่ต้องมารับรู้เรื่องราวที่มันเกิดขึ้น
“กูจะไม่กลับไปเหยียบที่นั่นอีก”
“ฮาน่า!!”
“เออ สำหรับพวกมึงอ่ะมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก กูมันเรื่องมากเองแหละ แต่กูยังยืนยันคำเดิมว่าจะไม่กลับไป”
“งั้นก็ดี ไม่อยากกลับก็แล้วแต่มึงเลยละกัน”
“สัส!!”
“ฮะ ฮาน่า...ใจเย็นก่อนดิวะ” ขุนเขารีบเข้ามาคว้าตัวของฮาน่าเอาไว้ เพราะไม่อย่างนั้นได้เกิดศึกสงครามกลางบ้านอย่างแน่นอน
เป็นเพื่อนสนิทกันรู้จักกันดีว่าแต่ละคนนิสัยเป็นยังไง แต่ปกติทั้งสามคนจะไม่ค่อยมีปัญหากันเท่าไหร่ ทว่าครั้งนี้มันไม่เหมือนกับครั้งไหนๆ และดูเหมือนว่าความสัมพันธ์นี้มันก็จะไม่มีทางที่จะดีขึ้นด้วย
"มันจะอะไรนักหนาวะ โตๆ กันแล้วนะ เรื่องแค่นี้ถึงกับรับไม่ได้เลยหรือไง" คามิลเองก็ยังคงพูดหาเรื่องไม่หยุด ซึ่งนั่นก็เป็นการกระทำที่ทำให้ฮาน่าไม่พอใจพอสมควรเลย
"งั้นมึงก็รับได้ไปคนเดียวดิ กูรับไม่ได้มันก็เรื่องของกู มีบ้านดีๆ ไม่ชอบ ชอบเป็นพ่อเล้าไงวะ?!"
"มึงนี่มัน...!!"
"เอาจริงนะ กูว่านะเรื่องนี้มันจบลงได้นะ พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานนะเว้ย จะให้ความสัมพันธ์ดีๆ มันจบลงกับอีกแค่เรื่องแค่นี้ไงวะ?" ขุนเขาพูดแทรกขึ้นมา เพราะดูเหมือนว่าทั้งฮาน่าและคามิลก็ไม่มีใครยอมใครเลย ถ้าเอาแต่เถียงกันไปมาแบบนี้ มันจะกลายเป็นเหตุทำให้ทะเลาะกันมากกว่า
"อยากจบก็จบไปเองดิ!"
หญิงสาวสะบัดตัวอย่างแรงเพื่อให้มือของเพื่อนสนิทที่จับตัวของเธออยู่นั้นหลุดออกไป จากนั้นก็เดินออกไปทันที เพื่อนทั้งสองเองก็อยากจะเดินตามไปเหมือนกัน แต่ก็กลัวว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่เข้าไปอีก และที่สำคัญหากผู้ใหญ่รู้เรื่องนี้เข้ามันก็ดูไม่ดีเท่าไหร่ด้วย
"เอายังไงต่อดีวะไอ้มิล?"
"ปล่อยแบบนี้ไปสักพักก่อนเดี๋ยวก็ดีขึ้นเองแหละ"
"อือ..."
เวลาต่อมา
บ้านริฮานน่า
"ฮาน่า..." เสียงของผู้เป็นแม่เอ่ยเรียกดังขึ้น ขณะที่เธอนั้นกำลังเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเดินทางอยู่ ก่อนที่เธอจะรีบตอบกลับไปในทันที
"คะคุณแม่"
"เก็บเสื้อผ้าไปไหนลูก?" คนเป็นแม่เดินเข้ามาและก็ได้เห็นลูกสาวกำลังเก็บเสื้อผ้าพอดี
"หนูว่าจะไปหาคอนโดที่อยู่ใกล้ๆ กับบริษัทของคุณพ่อค่ะ จะได้ไม่ต้องเดินทางไกลด้วย"
"ทำไมถึงไม่อยู่ที่บ้านล่ะ ให้คนขับรถของบ้านเราขับรถไปส่งก็ได้นี่"
"หนูโตแล้วนะคะคุณแม่"
"แหม่! แม่มีลูกสาวคนเดียวนะก็ให้แม่เป็นห่วงหน่อยสิ"
"ที่หนูจะไปหาคอนโดอยู่ก็เพราะอยากทำอะไรที่มันสะดวกๆ กว่านี้น่ะค่ะ อีกอย่างถ้าอยู่ใกล้กับบริษัทของคุณพ่อแล้ว ก็น่าจะเดินทางสะดวกอยู่"
"แล้วที่บ้านที่หนูซื้อตอนเรียนมหาลัยล่ะใครอยู่?"
"ก็สองคนนั้นนั่นแหละค่ะ"
"ได้คุยกันแล้วเหรอ ตอนนั่งกินข้าวอยู่แม่ไม่เห็นเราคุยอะไรกับเพื่อนเลย"
"ก็ได้คุยกันตอนที่ออกไปเดินเล่นค่ะ"
"แล้วไม่กลับไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกเหรอ?"
"คงไม่ได้กลับไปแล้วค่ะ หนูไม่ได้เรียนแล้วนะคะ ถ้าสองคนนั้นจะอยู่ก็ไม่เป็นอะไรค่ะ แต่ถ้าพวกเขาไม่อยู่แล้วจะขายต่อหนูก็ไม่มีปัญหา"
"....."
"อีกอย่างบริษัทของคุณพ่อก็อยู่ไกลกว่าบ้านหลังนั้นเยอะ"
ขณะที่เธอกำลังคุยกับผู้เป็นแม่อยู่ มือของเธอนั้นก็เก็บสัมภาระข้าวของใส่กระเป๋าเดินทางไม่หยุดเช่นกัน หลายอย่างที่เธอต้องใช้หลายอย่างที่เธอต้องเก็บไป โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าเธอกำลังถูกผู้เป็นแม่มองอยู่ และมองด้วยสายตาที่เหมือนเต็มไปด้วยความถามมากมาย
"ฮาน่า..."
"คะ?"
"ลูกจะว่าอะไรไหม ถ้าแม่กับคุณป้าเร็นญาตกลงเรื่องการทาบทามหนู ให้เป็นแฟนกับ...คามิล"
"หนูกับเขาเป็นเพื่อนกันนะคะ เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว สนิทกันจนรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้วนะคะ มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ"
"ถ้าไม่ลองแล้วเราจะรู้ได้ยังไงกันล่ะ"
"เพราะหนูรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ หนูถึงไม่ลองยังไงล่ะคะ"
"หรือว่าหนูจะมีแฟนแล้ว?"
"ยังไม่มีหรอกค่ะ แล้วหนูก็ยังไม่คิดเรื่องนี้ด้วย คุณแม่อย่ามาบังคับกันเลยนะคะ ตอนนั้นที่หนูไม่ได้พูดอะไร หนูเกรงใจคุณป้ากับคุณลุงต่างหาก หนูแค่อยากให้คุณแม่รู้เอาไว้น่ะค่ะ ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก"
"แม่ขอโทษนะ ถ้าแม่ทำให้หนูต้องหนักใจ"
"ไม่เป็นอะไรเลยค่ะคุณแม่"
ฮาน่าเข้าใจความรู้สึกของแม่เธอ เพราะเธอเป็นลูกคนเดียว ก็ไม่แปลกหรอกที่คนเป็นพ่อแม่อยากเห็นลูกสาวคนเดียวเป็นฝั่งเป็นฝามีคนคอยดูแล แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งเธอต้องมีครอบครัวขึ้นมา เธอคิดว่ามันคงไม่ใช่เพื่อนสนิทของเธอ เพราะเธอยังมองไม่ออกเลยว่าจะรักกันและลงเอยกันได้ยังไง
หลังจากที่กลับมาจากฝรั่งเศสจนถึงตอนนี้ก็ร่วมหลายเดือนได้แล้ว ชีวิตของฮาน่าก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนอกจากทำงานและกลับมาอยู่กับสามีทั้งสองคนของเธอจากคนที่ไม่อยากมีลูก ไม่อยากเลี้ยงเด็ก ตอนนี้ความคิดของเธอมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว เธออยากมีลูก อยากมีเด็กสักคนสองคนเข้ามาทำให้ชีวิตครอบครัวของเธอและทั้งสองมีชีวิตชีวามากกว่านี้ถึงตอนนี้จะมีความสุขดี แต่ยังไงครอบครัวก็ต้องมีลูกไม่ใช่เหรอหลายครั้งที่เธอต้องผิดหวังเพราะทุกครั้งที่คิดว่ามีอาการและคิดว่าตัวเองท้องหรือเปล่า ผลตรวจมันก็ไม่ได้เป็นดั่งใจหวังเลยสักนิดเดียวร่างกายของเธอนั้นแข็งแรงดี พร้อมที่จะมีลูกได้ แต่เพราะฮอร์โมนที่ไม่คงที่ จึงทำให้ประจำเดือนคาดเคลื่อนและก็ไม่มีลูกสักที...............บริษัทเกริกวิทย์“กาแฟค่ะคุณฮาน่า”“หือ...เอากลับไปได้มั้ยคะ ฉันไม่อยากกินเลย รู้สึกเบื่อไปหมด” เธอนั่งเท้าคางมองดูแก้วกาแฟดำที่เลขาเอามาให้อย่างเช่นทุกวัน แต่วันนี้เธอกลับรู้สึกเบื่อชนิดที่ว่าไม่อยากจะกินอะไรเลยสักอย่าง“คุณฮาน่าเหม็นเหรอคะ?”“ไม่เหม็นหรอกค่ะ แค่ไม่อยากกิน”“คุณฮาน่ามีน้องหรือเปล่าคะ?”“เฮ้อ....” พอได้ยินอย่างนั้นแล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่
หลายเดือนต่อมาฮาน่าขับรถไปที่บริษัทของสองหนุ่มเพื่อที่จะบอกข่าวดี โดยที่ไม่ได้บอกทั้งสองคนนั้นก่อนว่าจะไปหาเมื่อขาเรียวก้าวเข้าไปในบริษัท ทุกช่วงจังหวะการสับเท้าเดินเธอถูกคนในบริษัทของคามิลนั้นจ้องมองไม่วางตา และก็ยังมีบางคนที่ยังไม่รู้ว่าเธอคือใคร“อย่างสวยเลย นั่นใครอ่ะ พนักงานใหม่เหรอ?” เสียงหนึ่งพึมพำออกมาท่ามกลางพนักงานคนอื่นไปที่กำลังมองไปที่หญิงสาว“ไอ้บ้า นั่นเมียประธานอยากโดนไล่ออกไง!”“หะ-ห๊ะ!”“คุณฮาน่า ภรรยาของประธานขุนเขาและประธานคามิล” เพราะทุกคนต่างก็รู้ถึงความสัมพันธ์นี้ของทั้งสาม และคนที่รู้แล้วจึงไม่ได้แปลกใจอะไรเลย จะมีก็แต่คนที่ยังไม่เคยรู้จักหรือพนักงานใหม่ๆ เท่านั้น“สวัสดีค่ะคุณฮาน่า”“สวัสดีค่ะ” เธอทักทายกลับด้วยรอยยิ้มที่สดใส“มาหาท่านประธานทั้งสองเหรอคะ?”“ใช่ค่ะ อยู่ใช่ไหมคะ เพราะเห็นรถจอดอยู่”“ค่ะอยู่ ให้แจ้งขึ้นไปไหมคะว่าคุณฮาน่ามา”“ไม่เป็นอะไรค่ะ พวกเขาไม่ได้ประชุมกันใช่ไหมคะ?”“ไม่มีค่ะ”“ขอบคุณมากค่ะ”ฮาน่าเข้าไปในลิฟท์และกดขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึก เพราะส่วนใหญ่ห้องทำงานของเจ้าของ หรือประธานบริษัทจะอยู่ด้านบน รวมถึงบริษัทของเธอด้วยเมื่อกี้เธอแอบเขิ
คนตัวเล็กยกสะโพกตัวเองขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจับแก่นกายใหญ่ของคนใต้ร่างนั้นจ่อเข้าไปที่ปากทางร่องรักของตนเอง ขณะที่หน้าอกอวบอิ่มนั้นกำลังถูกโลมเลียอยู่จากฝีมือของขุนเขาสวบ!ร่างบางกดตัวเองให้นั่งทับท่อนเนื้อใหญ่ลงมาอย่างไม่ทันได้ระวัง และลืมตัวไปว่ามันอาจจะทำให้เธอเจ็บได้“อ๊ะ...อ๊า...จะ จุก!!” เธอร้องครางเสียงหลง เพราะความจุกมันแล่นเข้ามาภายในชั่วพริบตา ก่อนที่มือเล็กรีบดันหน้าอกแกร่งตรงหน้าไว้พร้อมกับลมภายใจพะงาบๆ “อะ...อึก แฮ่ก แฮ่ก!”“ทำไมนั่งลงมาแบบนั้นล่ะ เจ็บไหม?” ขุนเขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นสีหน้าของภรรยาตอนนี้แล้ว“จะ จุกนะ มันเข้ามา...” คำพูดขาดหายไป เพราะเธออธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย ของใหญ่นั้นมันคับแน่นอยู่ในท้องน้อยของเธอจนอึดอัดไปหมด“อยู่เฉยๆ ก่อนนะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น” คามิลพูดเสียงแผ่ว มือของเขานั้นก็ยังจับเอวเล็กของเธอไว้แน่นเหมือนกันขุนเขาเริ่มโลมเลียหน้าอกของเธอต่อ ลิ้นร้อนตวัดเลียยอดถันที่แข็งตึงขึ้นมาอย่างเอร็ดอร่อย ปล่อยให้เธอนั้นค่อยๆ โยกสะโพกขึ้นลงอย่างเชื่องช้าเมื่ออาการจุกเสียดมันเริ่มจะบรรเทาลงเอวบางก็เริ่มโยกขยับขึ้นลงช้าๆ เนิบนาบ“อึกอ๊ะ...อื้ม...
“คะ คุณภรรยา!”“ฮะ ฮาน่า...”สองหนุ่มร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นภรรยาสาวเดินเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่ชุดนอนลูกไม้สีดำ มันตัดกับสีผิวที่ขาวสะอาดของเธอ ทำให้เธอนั้นดูสวยเปล่งปลั่งขึ้นมาไม่น้อยเลยและก็ไม่ได้สวยเพียงอย่างเดียว เธอนั้นทั้งเซ็กซี่ จนน่าจับลงมารังแกเสียให้เข็ด“สวยไหมคะคุณสามีทั้งสอง” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน พร้อมกับก้าวเดินเข้าไปหาสามีทั้งสองที่เตียงอย่างช้าๆ เพราะความสวยเซ็กซี่ทำเอาทั้งสองถึงกับกลืนน้ำลายกันอึกใหญ่ท่อนเนื้อส่วนล่างก็เริ่มรู้สึกปวดหนึบขึ้นมาทันทีร่างบางคลานขึ้นเตียงอย่างเชื่องช้า ก้นงอนสวยกำลังบิดส่ายไปมาเมื่อก้าวเข่าคลานเข้าหาคนตรงหน้ามือเล็กค่อยๆ วางลงจับเป้าตุงพร้อมกับลูบสัมผัสไปมาจนกระทั่งเสียงร้องซี๊ดดังออกมาจากปากของชายหนุ่ม“เสียวเหรอคะ คุณสามี...” เสียงหวานเอ่ยถามอีกครั้งอย่างยั่วยวน ก่อนที่เธอจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย“อะ-อะไรวะเนี่ย!” เพราะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับภรรยา คามิลได้แต่ร้องอุทานออกมาเพราะความเสียวที่ได้รับจากเธอมันแปลกตั้งแต่ที่เธอเป็นฝ่ายร้องขอให้มีเซ็กซ์ด้วยกันแล้ว“ฮาน่า...ธะ เธอ..”พรึ่บ!~“อึก!” ขุนเขาที่กระเถิบเข้า
ตู๊ด ตู๊ด~ยังไม่ทันที่ตู๊ดที่สองจะสิ้นสุดปลายสายก็กดรับอย่างทันใจ( ค้าบที่รัก )“เสียงหวานเชียวนะ”( ก็ภรรยาโทรมาทั้งทีจะให้พูดห้วนๆ ได้ไงล่ะ )“นายทำอะไรอยู่?”( ทำงานครับ )“ฉันจะออกไปเอาของที่คอนโดเก่านะ ลูคานโทรมาบอกว่าจะมาแฟนมาอยู่ด้วย ฉันก็เลยจะไปเอาของที่เหลือกลับมาให้หมดน่ะ”( ...... ) ปลายสายเงียบไป ไม่มีการตอบกลับ นั่นจึงทำให้เธอเงียบเหมือนกัน เพราะไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เขาจะไม่พอใจหรือเปล่า แต่ครั้งนี้เธอเลือกที่จะบอกเลยเพื่อตัดปัญหา และถ้าคามิลอยากจะไปด้วยเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะเธอบริสุทธิ์ใจจริงๆ“ถ้านายไม่..”( เอาสิ เดี๋ยวไปรับนะ ยังเหลือของอีกเยอะเลยนี่ ขนลงมาคนเดียวเหนื่อยแย่ ) พอปลายสายตอบกลับมาแบบนั้นเธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที เพราะกลัวว่าจะมีปัญหากันอีก ต่อให้เธอจะไม่ได้คิดอะไรก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าคามิลหรือขุนเขาจะไม่คิดอะไรเลยพอตกบ่ายคามิลก็ขับรถมารับเธอที่บริษัทเพราะต้องไปเก็บของที่คอนโดเก่าของเธอด้วยกัน ส่วนขุนเขานั้นก็อยู่อีกบริษัทนึงและก็เลยมาด้วยไม่ได้“ยังเหลือเยอะไหม?” ขณะที่กำลังขับรถอยู่คามิลก็หันไปถามภรรยาคนสวยที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ
หลายเดือนต่อมางานแต่งจัดขึ้นอย่างใหญ่โตหลังจากวันที่ครอบครัวได้มารวมตัวกันและสู่ขอฮาน่าได้ไม่นาน จนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยและได้กลับมาอยู่ที่คอนโดกันตามเดิมแล้ว และก็ตั้งใจจะปักหลักอยู่ที่คอนโดกันแบบนี้ เพราะมันก็ค่อนข้างกว้าง มีทุกอย่างเพียบพร้อมไม่ต่างจากบ้าน แต่ถ้าวันไหนได้มีลูกก็คงต้องพิจารณากันอีกทีเพราะต้องมีพื้นที่ให้ลูกได้วิ่งเล่น“จะไปทำงานแล้วเหรอฮาน่า?” คามิลเดินเข้ามาถาม ขณะที่ภรรยาคนสวยของตัวเองนั้นกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่“ใช่ๆ วันนี้มีประชุมกับพนักงานด้วยน่ะ”“ขยันจริงๆ เลยนะ”“ไม่ได้ขยัน แต่กลัวไม่มีกินว้อย!”“จะกลัวอะไร ผัวอยู่ตรงนี้ตั้งสองคน” คามิลยืนเท้าเอวมองหน้าของภรรยาผ่านกระจกที่เธอนั่งหันหน้าเข้าหา“จะเลี้ยงเหรอ ฉันกินเยอะนะ ชอบช็อปปิ้งด้วย ชอบซื้อแต่ของแพงๆ” เธอแกล้งพูดเล่น แต่ก็ไม่คิดจะทำแบบนั้นหรอก แม้จะได้เงินเดือนจากสามีสองคนแล้วแต่เธอก็ยังไม่ได้หยุดทำงาน“ถ้าเลี้ยงเธอไม่ได้ฉันจะแต่งงานกับเธอทำไมล่ะฮาน่า”“ใช่ๆ พูดถูกไอ้ขุน”“ไม่เอาหรอก ฉันชอบพึ่งพาตัวเอง อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย อยู่บ้านก็ทำงานบ้านไม่เป็น ออกไปทำงานที่ตัวเองถนัดจะดีกว่า” เธอ