เช้าวันต่อมา
ฮาน่ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา บวกกับอาการที่ปวดหัวนิดๆ คล้ายคนที่กำลังเป็นไข้ แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
ทว่าพอเธอได้ลืมตาขึ้นและมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเอง มันถึงได้ทำให้เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ และก็ไม่ใช่คอนโดของเธอด้วย
พอฉุกคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอก็พอจะจำได้อย่างเลือนลางว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เธอไม่รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สภาพเนื้อตัวที่ถูกเปลี่ยนเสื้อผ้า บวกกับตรงข้อมือและข้อเท้าที่มีรอยแดงเหมือนกับถูกมัด
มันยังไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริงๆ ใช่ไหม
ความบริสุทธิ์ของเธอยังไม่ถูกใครพรากไปใช่ไหม
แกร๊ก~
"ฟื้นแล้วเหรอ?"
"ไอ้เหี้ยขุน เป็นมึงเองหรอกเหรอ?"
"อ-อะไร?!"
"ไอ้เลวมึงนี่มัน..."
ฮาน่าหันกลับไปคว้าหมอนที่อยู่ทางด้านหลังของเธอ จากนั้นก็ปาใส่คนตรงหน้าไปด้วยแรงที่มี แต่ทว่าขุนเขากลับหลบได้ทัน และคนที่โดนก็ดันเป็นคามิลที่เดินเข้ามาพอดี
"อะไรอีกวะเนี่ย?"
"พวกมึงทำอะไรกู?!"
"เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น พวกกูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ย" ขุนเขารีบพูดดักเพื่อยับยั้งความคิดของฮาน่า ดูเหมือนว่าเธอนั้นกำลังเข้าใจผิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไปว่าเธอไม่ได้หรอก เพราะสภาพของเธอในตอนนี้มันก็ไม่แปลกที่จะทำให้เธอคิดแบบนั้น
"นี่มึงอย่าบอกนะว่ามึงคิดว่าพวกกู...เอามึงอ่ะ?" คามิลพูด
"แล้วมันไม่ใช่แบบนั้นหรือไง ทำไมกูอยู่ในสภาพนี้ล่ะ แล้วทำไมมันถึงเป็นแบบนี้" ฮาน่าชี้ไปที่ข้อมือและข้อเท้าของตัวเอง มันเป็นร่องรอยเหมือนกับคนถูกมัดตรึงไว้กับอะไรสักอย่าง
สองเพื่อนสนิทหันมองหน้ากัน ก่อนจะหันกลับมามองหน้าของหญิงสาวที่กำลังหน้าเสียอยู่บนเตียง
"พวกมึงมองอะไร?"
"เมื่อคืนมึงรู้หรือเปล่าว่ามึงแดกยาเข้าไป" คามิลพูด
"ห๊ะ?!"
"ไอ้หมอนั่นที่เข้ามาชวนมึงคุยอ่ะ มันแอบวางยามึง" ขุนเขาพูดเสริมขึ้นมาอีกคน
"ละ แล้ว แล้วมึงก็จะบอกว่า เพราะกูโดนวางยาพวกมึงเลยทำแบบนั้น เหรอ?" ฮาน่าตกใจยิ่งกว่าเดิม เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆเธอก็มีผัวสองคนในคราเดียวเลยสิ
ไม่สิมันต้องไม่ใช่แบบนั้น!
เธอยังไม่เคยยกความบริสุทธิ์ให้กับใครเลย แต่ดันต้องมาเสียซิงให้กับเพื่อนสนิทสองคนเนี่ยนะ แถมยังมีผัวทีเดียวพร้อมกันสองคนอีก
"บ้าเหรอ!" ขุนเขาตะเบ็งเสียงใส่
"มึงโดนยา มึงจำไม่ได้เลยหรือไงว่าทำอะไรไว้บ้าง?" คามิลถาม
"......" ฮาน่าเงียบ ไม่ใช่ว่าเธอจำอะไรไม่ได้ แต่เพราะความจำทุกอย่างมันเลือนลางต่างหากเธอถึงไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือแค่ความฝัน
"มึงโดนยา พวกกูพยายามช่วยแล้ว พอกลับเข้ามาในห้องมึงต่างหากที่พยายามจะปล้ำพวกกูสองคนจนต้องจับมัดไว้จนกว่าจะหมดฤทธิ์ยา" ขุนเขาพูด
พอได้ยินอย่างนั้นแล้วฮาน่าถึงกับทำตัวไม่ถูกเลย ณ ตอนนั้นเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองนั้นถูกวางยาเขาให้แล้ว ก็คงไม่มีใครคิดเหมือนกันใช่ไหมล่ะเธอเองก็ไม่ได้คิดเหมือนกัน ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงๆ
ไม่ใช่ว่าไม่เคยได้ยินไม่ใช่ว่าไม่เคยรู้จักเกี่ยวกับยาพวกนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะโดนกับตัวเองไง
"รถของกูอยู่ไหนล่ะ"
"เช้านี้กูให้คนไปขับกลับมาไว้ที่คอนโดให้แล้ว" คามิลตอบ
"อืม ขอบใจที่ช่วย กูจะกลับคอนโดแล้วมีงานต้องทำต่อ"
ร่างบางประคองตัวเองลุกขึ้นจากเตียง แต่พอเท้าของเธอนั้นถึงพื้นและพยายามที่จะก้าวเดินไป อาการวูบวาบก็แล่นเข้ามาทันที และก็ทำให้เธอนั้นทรงตัวไม่อยู่จนทำให้คามิลที่อยู่ใกล้เธอมากที่สุดต้องรีบเข้ามาจับไว้
พอได้สัมผัสกับตัวของเธอก็ทำให้คามิลรู้สึกได้เลยว่านี่มันคืออาการที่ไม่ปกติเลย คนเราไม่ควรที่จะมีอุณหภูมิร่างกายสูงขนาดนี้
"ตัวร้อนนี่ กินยานอนพักก่อนแล้วค่อยไป"
"ไม่เอา"
"อย่าดื้อนักเลยนะฟังกันหน่อยเหอะ!"
เธอถูกรั้งให้กลับไปนั่งอยู่บนเตียงเหมือนเดิมโดยที่เธอนั้นเองก็ไม่ได้เต็มใจสักเท่าไร
"ไอ้ขุนมึงไปสั่งโจ๊กมาให้ฮาน่าหน่อยไป แล้วก็ซื้อยามาด้วย"
"เออๆ"
ทั้งสองไม่มีใครทำอาหารเป็นเลย ก็ตามประสาผู้ชายที่อยู่ด้วยกันแบบนี้แหละ
ครืด ครืด ครืด
"เอาโทรศัพท์ให้หน่อย"
คามิลลุกเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายของฮาน่าซึ่งอยู่บนโต๊ะ ห่างออกไปจากเตียงอยู่เหมือนกัน และเอายื่นให้กับเธอด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง
"ขอบใจ"
.....
"ค่ะคุณพ่อ"
( ลูกสาววันนี้เข้าบริษัทไหมสายแล้วนะ )
"วันนี้หนูคงไม่ได้เข้าค่ะ ไม่ค่อยสบาย"
( แล้วนี่เป็นอะไรมากหรือเปล่าลูก! ) ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน
"ก็แค่ไข้หวัดธรรมดาแหละค่ะ พักสักวันก็คงจะหายแล้ว ขอโทษคุณพ่อด้วยนะคะเพิ่งเริ่มทำงานเองแท้ๆ"
( ไม่เป็นอะไรหรอกลูกพ่อเข้าใจ )
"ขอบคุณค่ะคุณพ่อ"
( แล้วนี่กินข้าวกินยาหรือยัง )
"ยะ...."
"โจ๊กมาแล้วนะ กำลังร้อนๆ เลย" เสียงของขุนเขาดังเข้ามาในห้อง ทำเอาทั้งเธอและปลายสายเงียบไปเลย
( หนูอยู่กับใคร? )
"อยู่กับคุณเขาแล้วก็คามิลค่ะ" กะว่าจะไม่บอกแล้วเชียวว่าอยู่กับใคร ถึงพ่อของเธอจะไว้ใจสองคนนี้ก็เหอะ แต่การที่ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ในห้องแบบนี้ด้วยกันมันก็น่าแปลกใช่ไหมล่ะ
( อ๋อ ถ้าอย่างนั้นก็กินข้าวแล้วก็กินยาซะนะลูก )
"ค่ะคุณพ่อ หนูขออะไรอีกอย่างได้ไหมคะ"
( ว่ามาสิคะลูกสาว )
"อย่าบอกเรื่องนี้กับคุณแม่นะคะ หนูไม่อยากให้คุณแม่เป็นห่วง"
( โอเค พ่อจะไม่บอกแต่หนูก็ต้องสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ )
"หนูสัญญาค่ะ"
หลังจากพูดคุยกับคนเป็นพ่อเสร็จเธอก็กดวางสายทันที
............
"กินข้าวแล้วก็กินยา พักอยู่ที่นี่แหละ หายดีแล้วค่อยขับรถกลับไป" คามิลพูด
"ขอบใจ"
ในสายตาของเธอทั้งสองก็เป็นเพื่อนที่ดีเลย ถ้าไม่นับเรื่องที่มันเกิดขึ้นตอนที่เธอกลับมาจากอเมริกา สัญญาก็ต้องเป็นสัญญาสิ เธอขอเท่านี้เอง เธอไม่ขออะไรใครเลย ไม่เคยก้าวก่าย ไม่เคยวุ่นวาย แต่ก็กลับทำให้กันไม่ได้ มันแปลกเหรอที่เธอจะยังโกรธอยู่
เวลาผ่านไป...
"อ่ะชุด...." ขุนเขาเปิดประตูเดินเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดสีขาวของเธอที่ใส่ไปเที่ยวคลับเมื่อคืน "เมื่อคืนมันเปียก ก็เลยเอาไปส่งซักอบแห้งให้แล้ว"
"ขอบใจ"
"ตกลงจะไม่กลับไปที่บ้านจริงๆ ดิ?"
"เมื่อไหร่จะเลิกถามเซ้าซี้สักที"
"คราวนี้อยากรู้คำตอบ ไม่ต้องประชด บอกมาตามตรง"
"ไม่กลับ"
"เพราะ?"
"....." ฮาน่าหันไปมองขุนเขา อยากจะสวดใส่ให้อีกสักรอบนึง แต่พอคิดไปคิดมาทำแบบนั้นไปมันก็เท่านั้นแหละ "คอนโดที่อยู่ มันอยู่ใกล้ที่ทำงานมากกว่า กูไม่อยากเดินทางไกล ต่างคนก็ต่างทำงานไงขนาดมึงยังอยู่คอนโดกันเลย ทำไมกูจะอยู่คอนโดไม่ได้"
"อ๋อ..."
"คราวนี้ก็เลิกถามได้แล้ว"
"อืม..."
"ไอ้มิลมันไปไหนแล้วล่ะ"
"รีบไปบริษัทแล้วเห็นว่ามีประชุมด่วน"
"อ๋อ..."
"ให้กูขับรถให้ไหมล่ะ ขากลับเดี๋ยวนั่งรถแท็กซี่กลับเอง"
"ไม่เป็นอะไรตอนนี้กูหายดีแล้ว"
"....."
"ขอบใจสำหรับเรื่องเมื่อคืนที่ช่วยเอาไว้"
"อือ..."
เธอร่ำลากับขุนเขาพอเป็นพิธีเท่านั้นเพราะถึงยังไงมันก็ต้องได้เจอกันอีกอยู่แล้วล่ะ ก่อนจะรีบเดินลงมาที่ด้านล่าง และขับรถของตัวเองกลับทันที
เป็นไปได้เธอก็ไม่ได้อยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นหรอก
แต่ใครจะไปคิดล่ะ ว่าผู้ชายคนนั้นจะแอบเอายาใส่ไปในแก้วของเธอ ทั้งที่หน้าตาก็ไม่ได้แย่อะไรเลย แถมการแต่งตัวก็ดีดูเป็นคนมีภูมิฐานด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนหื่นโรคจิตอะไรแบบนี้
คนก็เยอะขนาดนั้นทำไมถึงยังกล้าทำ
ครืด ครืด
"ค่ะคุณแม่"
( อาทิตย์นี้กลับมาที่บ้านเราไหมลูก )
"มีอะไรหรือเปล่าคะ?"
( แม่คิดถึง )
"เรื่องนี้หนูขอดูก่อนได้ไหม ถ้างานมันไม่เยอะจริงๆ หนูก็จะไปนะคะ"
( แล้วนี่ทำอะไรอยู่ลูก )
"กำลังขับรถกลับคอนโดค่ะ"
( อ๋อ... )
"ถ้างั้นเอาไว้ค่อยคุยกันนะคะคุณแม่หนูขอขับรถก่อน"
( ได้จ้ะ )
เธอรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้กับการที่แม่ของเธอชวนเธอกลับบ้านแบบนี้ คงไม่ได้ชวนครอบครัวของขุนเขาและคามิลมากินข้าวที่บ้านอีกใช่ไหม
ถึงแม่ของเธอจะไม่ได้บังคับเรื่องความสัมพันธ์ของเธอและคามิล แต่ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าแม่ของเธอนั้นต้องการที่จะให้เธอกับคามิลเป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน
ยิ่งตอนที่คามิลประกาศว่าเธอเป็นคู่หมั้นของเขาในคลับ เล่นเอาเธอทำตัวไม่ถูกเลย และก็เริ่มกลัวว่าคามิลจะตกลงเรื่องความสัมพันธ์นี้ ต่อให้เธอจะปฏิเสธก็ตาม
ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เธอจะทำยังไง ไม่ใช่ว่าคามิลไม่ดี แต่เพราะเธอกับคามิลมีความสัมพันธ์แค่เพื่อนสนิทเท่านั้น มันจะเป็นไปได้ยังไงที่จะหลงรักกัน ถึงมันอาจจะเป็นไปได้ แต่เธอก็ยังไม่รู้เลยว่ามันจะเริ่มต้นแบบไหนและจบลงแบบไหน เพราะถ้าความสัมพันธ์มันต้องจบลงแบบไม่สวย แน่นอนว่ามันมองหน้ากันไม่ติดอีกเลยแหละ เป็นเพื่อนกันต่อให้ทะเลาะกันมีปัญหากันถึงยังไงมันก็ยังมองหน้ากันได้อยู่ดี แต่ถ้าต้องจบความสัมพันธ์ลงแบบความสัมพันธ์ของความรักอย่างนี้ มันต้องไม่ดีมากแน่ๆ
หลังจากที่กลับมาจากฝรั่งเศสจนถึงตอนนี้ก็ร่วมหลายเดือนได้แล้ว ชีวิตของฮาน่าก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนอกจากทำงานและกลับมาอยู่กับสามีทั้งสองคนของเธอจากคนที่ไม่อยากมีลูก ไม่อยากเลี้ยงเด็ก ตอนนี้ความคิดของเธอมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว เธออยากมีลูก อยากมีเด็กสักคนสองคนเข้ามาทำให้ชีวิตครอบครัวของเธอและทั้งสองมีชีวิตชีวามากกว่านี้ถึงตอนนี้จะมีความสุขดี แต่ยังไงครอบครัวก็ต้องมีลูกไม่ใช่เหรอหลายครั้งที่เธอต้องผิดหวังเพราะทุกครั้งที่คิดว่ามีอาการและคิดว่าตัวเองท้องหรือเปล่า ผลตรวจมันก็ไม่ได้เป็นดั่งใจหวังเลยสักนิดเดียวร่างกายของเธอนั้นแข็งแรงดี พร้อมที่จะมีลูกได้ แต่เพราะฮอร์โมนที่ไม่คงที่ จึงทำให้ประจำเดือนคาดเคลื่อนและก็ไม่มีลูกสักที...............บริษัทเกริกวิทย์“กาแฟค่ะคุณฮาน่า”“หือ...เอากลับไปได้มั้ยคะ ฉันไม่อยากกินเลย รู้สึกเบื่อไปหมด” เธอนั่งเท้าคางมองดูแก้วกาแฟดำที่เลขาเอามาให้อย่างเช่นทุกวัน แต่วันนี้เธอกลับรู้สึกเบื่อชนิดที่ว่าไม่อยากจะกินอะไรเลยสักอย่าง“คุณฮาน่าเหม็นเหรอคะ?”“ไม่เหม็นหรอกค่ะ แค่ไม่อยากกิน”“คุณฮาน่ามีน้องหรือเปล่าคะ?”“เฮ้อ....” พอได้ยินอย่างนั้นแล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่
หลายเดือนต่อมาฮาน่าขับรถไปที่บริษัทของสองหนุ่มเพื่อที่จะบอกข่าวดี โดยที่ไม่ได้บอกทั้งสองคนนั้นก่อนว่าจะไปหาเมื่อขาเรียวก้าวเข้าไปในบริษัท ทุกช่วงจังหวะการสับเท้าเดินเธอถูกคนในบริษัทของคามิลนั้นจ้องมองไม่วางตา และก็ยังมีบางคนที่ยังไม่รู้ว่าเธอคือใคร“อย่างสวยเลย นั่นใครอ่ะ พนักงานใหม่เหรอ?” เสียงหนึ่งพึมพำออกมาท่ามกลางพนักงานคนอื่นไปที่กำลังมองไปที่หญิงสาว“ไอ้บ้า นั่นเมียประธานอยากโดนไล่ออกไง!”“หะ-ห๊ะ!”“คุณฮาน่า ภรรยาของประธานขุนเขาและประธานคามิล” เพราะทุกคนต่างก็รู้ถึงความสัมพันธ์นี้ของทั้งสาม และคนที่รู้แล้วจึงไม่ได้แปลกใจอะไรเลย จะมีก็แต่คนที่ยังไม่เคยรู้จักหรือพนักงานใหม่ๆ เท่านั้น“สวัสดีค่ะคุณฮาน่า”“สวัสดีค่ะ” เธอทักทายกลับด้วยรอยยิ้มที่สดใส“มาหาท่านประธานทั้งสองเหรอคะ?”“ใช่ค่ะ อยู่ใช่ไหมคะ เพราะเห็นรถจอดอยู่”“ค่ะอยู่ ให้แจ้งขึ้นไปไหมคะว่าคุณฮาน่ามา”“ไม่เป็นอะไรค่ะ พวกเขาไม่ได้ประชุมกันใช่ไหมคะ?”“ไม่มีค่ะ”“ขอบคุณมากค่ะ”ฮาน่าเข้าไปในลิฟท์และกดขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึก เพราะส่วนใหญ่ห้องทำงานของเจ้าของ หรือประธานบริษัทจะอยู่ด้านบน รวมถึงบริษัทของเธอด้วยเมื่อกี้เธอแอบเขิ
คนตัวเล็กยกสะโพกตัวเองขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจับแก่นกายใหญ่ของคนใต้ร่างนั้นจ่อเข้าไปที่ปากทางร่องรักของตนเอง ขณะที่หน้าอกอวบอิ่มนั้นกำลังถูกโลมเลียอยู่จากฝีมือของขุนเขาสวบ!ร่างบางกดตัวเองให้นั่งทับท่อนเนื้อใหญ่ลงมาอย่างไม่ทันได้ระวัง และลืมตัวไปว่ามันอาจจะทำให้เธอเจ็บได้“อ๊ะ...อ๊า...จะ จุก!!” เธอร้องครางเสียงหลง เพราะความจุกมันแล่นเข้ามาภายในชั่วพริบตา ก่อนที่มือเล็กรีบดันหน้าอกแกร่งตรงหน้าไว้พร้อมกับลมภายใจพะงาบๆ “อะ...อึก แฮ่ก แฮ่ก!”“ทำไมนั่งลงมาแบบนั้นล่ะ เจ็บไหม?” ขุนเขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นสีหน้าของภรรยาตอนนี้แล้ว“จะ จุกนะ มันเข้ามา...” คำพูดขาดหายไป เพราะเธออธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย ของใหญ่นั้นมันคับแน่นอยู่ในท้องน้อยของเธอจนอึดอัดไปหมด“อยู่เฉยๆ ก่อนนะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น” คามิลพูดเสียงแผ่ว มือของเขานั้นก็ยังจับเอวเล็กของเธอไว้แน่นเหมือนกันขุนเขาเริ่มโลมเลียหน้าอกของเธอต่อ ลิ้นร้อนตวัดเลียยอดถันที่แข็งตึงขึ้นมาอย่างเอร็ดอร่อย ปล่อยให้เธอนั้นค่อยๆ โยกสะโพกขึ้นลงอย่างเชื่องช้าเมื่ออาการจุกเสียดมันเริ่มจะบรรเทาลงเอวบางก็เริ่มโยกขยับขึ้นลงช้าๆ เนิบนาบ“อึกอ๊ะ...อื้ม...
“คะ คุณภรรยา!”“ฮะ ฮาน่า...”สองหนุ่มร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นภรรยาสาวเดินเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่ชุดนอนลูกไม้สีดำ มันตัดกับสีผิวที่ขาวสะอาดของเธอ ทำให้เธอนั้นดูสวยเปล่งปลั่งขึ้นมาไม่น้อยเลยและก็ไม่ได้สวยเพียงอย่างเดียว เธอนั้นทั้งเซ็กซี่ จนน่าจับลงมารังแกเสียให้เข็ด“สวยไหมคะคุณสามีทั้งสอง” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน พร้อมกับก้าวเดินเข้าไปหาสามีทั้งสองที่เตียงอย่างช้าๆ เพราะความสวยเซ็กซี่ทำเอาทั้งสองถึงกับกลืนน้ำลายกันอึกใหญ่ท่อนเนื้อส่วนล่างก็เริ่มรู้สึกปวดหนึบขึ้นมาทันทีร่างบางคลานขึ้นเตียงอย่างเชื่องช้า ก้นงอนสวยกำลังบิดส่ายไปมาเมื่อก้าวเข่าคลานเข้าหาคนตรงหน้ามือเล็กค่อยๆ วางลงจับเป้าตุงพร้อมกับลูบสัมผัสไปมาจนกระทั่งเสียงร้องซี๊ดดังออกมาจากปากของชายหนุ่ม“เสียวเหรอคะ คุณสามี...” เสียงหวานเอ่ยถามอีกครั้งอย่างยั่วยวน ก่อนที่เธอจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย“อะ-อะไรวะเนี่ย!” เพราะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับภรรยา คามิลได้แต่ร้องอุทานออกมาเพราะความเสียวที่ได้รับจากเธอมันแปลกตั้งแต่ที่เธอเป็นฝ่ายร้องขอให้มีเซ็กซ์ด้วยกันแล้ว“ฮาน่า...ธะ เธอ..”พรึ่บ!~“อึก!” ขุนเขาที่กระเถิบเข้า
ตู๊ด ตู๊ด~ยังไม่ทันที่ตู๊ดที่สองจะสิ้นสุดปลายสายก็กดรับอย่างทันใจ( ค้าบที่รัก )“เสียงหวานเชียวนะ”( ก็ภรรยาโทรมาทั้งทีจะให้พูดห้วนๆ ได้ไงล่ะ )“นายทำอะไรอยู่?”( ทำงานครับ )“ฉันจะออกไปเอาของที่คอนโดเก่านะ ลูคานโทรมาบอกว่าจะมาแฟนมาอยู่ด้วย ฉันก็เลยจะไปเอาของที่เหลือกลับมาให้หมดน่ะ”( ...... ) ปลายสายเงียบไป ไม่มีการตอบกลับ นั่นจึงทำให้เธอเงียบเหมือนกัน เพราะไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เขาจะไม่พอใจหรือเปล่า แต่ครั้งนี้เธอเลือกที่จะบอกเลยเพื่อตัดปัญหา และถ้าคามิลอยากจะไปด้วยเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะเธอบริสุทธิ์ใจจริงๆ“ถ้านายไม่..”( เอาสิ เดี๋ยวไปรับนะ ยังเหลือของอีกเยอะเลยนี่ ขนลงมาคนเดียวเหนื่อยแย่ ) พอปลายสายตอบกลับมาแบบนั้นเธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที เพราะกลัวว่าจะมีปัญหากันอีก ต่อให้เธอจะไม่ได้คิดอะไรก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าคามิลหรือขุนเขาจะไม่คิดอะไรเลยพอตกบ่ายคามิลก็ขับรถมารับเธอที่บริษัทเพราะต้องไปเก็บของที่คอนโดเก่าของเธอด้วยกัน ส่วนขุนเขานั้นก็อยู่อีกบริษัทนึงและก็เลยมาด้วยไม่ได้“ยังเหลือเยอะไหม?” ขณะที่กำลังขับรถอยู่คามิลก็หันไปถามภรรยาคนสวยที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ
หลายเดือนต่อมางานแต่งจัดขึ้นอย่างใหญ่โตหลังจากวันที่ครอบครัวได้มารวมตัวกันและสู่ขอฮาน่าได้ไม่นาน จนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยและได้กลับมาอยู่ที่คอนโดกันตามเดิมแล้ว และก็ตั้งใจจะปักหลักอยู่ที่คอนโดกันแบบนี้ เพราะมันก็ค่อนข้างกว้าง มีทุกอย่างเพียบพร้อมไม่ต่างจากบ้าน แต่ถ้าวันไหนได้มีลูกก็คงต้องพิจารณากันอีกทีเพราะต้องมีพื้นที่ให้ลูกได้วิ่งเล่น“จะไปทำงานแล้วเหรอฮาน่า?” คามิลเดินเข้ามาถาม ขณะที่ภรรยาคนสวยของตัวเองนั้นกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่“ใช่ๆ วันนี้มีประชุมกับพนักงานด้วยน่ะ”“ขยันจริงๆ เลยนะ”“ไม่ได้ขยัน แต่กลัวไม่มีกินว้อย!”“จะกลัวอะไร ผัวอยู่ตรงนี้ตั้งสองคน” คามิลยืนเท้าเอวมองหน้าของภรรยาผ่านกระจกที่เธอนั่งหันหน้าเข้าหา“จะเลี้ยงเหรอ ฉันกินเยอะนะ ชอบช็อปปิ้งด้วย ชอบซื้อแต่ของแพงๆ” เธอแกล้งพูดเล่น แต่ก็ไม่คิดจะทำแบบนั้นหรอก แม้จะได้เงินเดือนจากสามีสองคนแล้วแต่เธอก็ยังไม่ได้หยุดทำงาน“ถ้าเลี้ยงเธอไม่ได้ฉันจะแต่งงานกับเธอทำไมล่ะฮาน่า”“ใช่ๆ พูดถูกไอ้ขุน”“ไม่เอาหรอก ฉันชอบพึ่งพาตัวเอง อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย อยู่บ้านก็ทำงานบ้านไม่เป็น ออกไปทำงานที่ตัวเองถนัดจะดีกว่า” เธอ