Share

บทที่ 2

last update Last Updated: 2025-11-01 13:37:50

บทที่ 2

“ขิมผ่านเข้ารอบสุดท้ายแล้วค่ะพ่อ รายการเพิ่งประกาศวันนี้ แต่อีกสองอาทิตย์ถึงจะออนแอร์ ขิมรู้ปุ๊บก็รีบกลับมาหาพ่อกับน้ารสทันทีเลย ดีใจกับขิมไหมคะ”

“ดีใจสิลูก ขิมเก่งมากลูก” อยุทธกอดลูกสาวแน่นด้วยความดีใจสุดจะบรรยาย เขารู้ดีว่าภัคธีมารักการร้องเพลงมากแค่ไหน พรสวรรค์นี้ลูกสาวของเขาได้มาจากภรรยาที่เสียไปแล้ว ซึ่งถ้าหทัยรัตน์ได้รู้ เธอจะต้องภูมิใจในตัวนางฟ้าตัวน้อย ที่ตอนนี้โตเป็นสาวเต็มตัวมากแน่ๆ

“แต่ว่าพ่อกับน้ารสคงต้องทนคิดถึงขิมหน่อยนะคะ เพราะเวลาเข้าเก็บตัวช่วงที่แข่งขัน ทางรายการจะไม่ให้ติดต่อสื่อสารกับคนภายนอกเด็ดขาด ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัว ขิมก็เลยอยากมาขอกำลังใจจากพ่อกับน้ารสก่อน”

“ไม่เป็นไรลูก พ่อกับน้ารสจะไปเชียร์หนูทุกสัปดาห์ เราคงได้เจอกันที่นั่น แม้จะไม่นานแต่ก็น่าจะชดเชยความคิดถึงได้”

“ขอให้ขิมประสบความสำเร็จในการแข่งขันสมดังหวังนะลูก” มธุรสกล่าวอวยพรพลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตัวหลานสาวที่ตัวเองเลี้ยงดูมาตั้งแต่เยาว์วัย

“ขอบคุณค่ะน้ารส ขิมรักพ่อกับน้ารสนะคะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างอ้อนๆ ก่อนจะซุกเข้าหาอกพ่ออีกครั้ง จากนั้นทั้งสามคนก็เดินตามกันเข้าบ้านด้วยความรู้สึกอันอบอวลไปด้วยความรัก

บรรยากาศในไร่หทัยรัตน์ยามกลางคืนเต็มไปด้วยความเงียบสงบ อากาศเย็นสบายชุ่มฉ่ำ เพราะมีหยาดพิรุณโปรยปรายลงมากระทบหลังคาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ ราวกับจะขับกล่อมคนที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านให้นอนหลับสบาย

ร่างบางซึ่งอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบสบายๆ นำผ้าขนหนูไปพาดไว้บนราวตากผ้า หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะพาตัวเองไปยังเตียงนอนที่ไม่ได้ใช้มันมานานกว่าสามเดือน เรียวปากอิ่มสวยได้รูปคลี่ยิ้มบางๆ ขณะกวาดสายตามองห้องนอน ภายในตกแต่งด้วยโทนฟ้าซึ่งเป็นสีโปรดของเธอ เตียงนอนเป็นเตียงสี่เสามีมุ้งสีขาวสะอาดตาทำเป็นกระโจมอย่างน่านอน ซึ่งมันควรจะเป็นเช่นนั้นหากว่าตอนนี้จะไม่มีอะไรบางอย่างติดค้างอยู่ในใจ

รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าเมื่อความแง่งอนน้อยใจแล่นเข้ามากระทบความรู้สึก เธอโทร.หาธาวินตั้งแต่มาถึง แต่เขาก็ไม่รับสายแถมยังไม่โทร.กลับ ภัคธีมานั่งลงบนเตียง มือบางควานไปหาโทรศัพท์ กดโทร.ออกหาหมายเลขคนสำคัญอีกครั้ง ก่อนจะยกขึ้นแนบหูอย่างรอคอยให้มีคนรับสาย แต่สุดท้ายก็ต้องค่อยๆ ลดมือลงแล้วกดวางด้วยความผิดหวัง

“ทำไมพี่วินไม่รับสายนะ” เสียงหวานบ่นพึมพำกับตัวเอง

“โทร.หาใครจ๊ะหลานสาวคนสวยของน้า” มธุรสที่ผลักประตูเข้ามาพอดีเอ่ยถามเสียงนุ่มเจือไว้ด้วยความอบอุ่น เมื่อเห็นหลานสาวทำหน้ามุ่ยๆ

“โทร.หาพี่วินค่ะน้ารส แต่พี่วินไม่รับสายขิมเลย”

“คุณวินคงยุ่งอยู่มั้งจ๊ะ”

“ยุ่งทั้งวันเลยเหรอคะน้ารส นี่ก็ค่ำแล้วนะคะ น่าจะไม่ต้องทำงานอะไรแล้ว หรือว่ากลางคืนก็ยังต้องทำงาน”

“น่าจะอย่างนั้นจ้ะ คุณวินคงยุ่ง น้าได้ยินว่าไร่เดชาธรกำลังจะมีงานใหญ่”

“อย่างงั้นเหรอคะ ถึงว่าสิคะช่วงเดือนนี้พี่วินไม่ค่อยโทร.หาขิม”

มือของผู้เป็นน้ายื่นมาไล้ผมนุ่มสลวยของหลานสาวเบาๆ ตามองอย่างอ่อนโยนเจือไว้ด้วยความรู้สึกบางอย่าง ซึ่งภัคธีมากลับมองไม่เห็นความผิดปกติบนสายตาคู่นั้นเลย ด้วยเพราะกำลังหมกมุ่นและเคืองขุ่นกับความคิดเช่นนั้นของตัวเอง

“แล้วนี่ถ้าเข้าประกวด เรื่องเรียนจะเอายังไง” มธุรสชวนหลานสาวคุยเรื่องอื่นแทนเรื่องของธาวิน และค่อนข้างโล่งอกที่หลานสาวไม่ได้ซักไซ้ว่างานใหญ่ที่ว่านั่นคืองานอะไร

“ขิมคงต้องดรอปเรียนค่ะ และอาจจะต้องคืนหอพัก เพราะเสียดายค่าเช่า อีกอย่างไม่รู้ว่าหลังประกวดเสร็จแล้ว ชีวิตขิมจะเป็นยังไงต่อ”

“น้าเชื่อว่าขิมจะต้องได้เป็นนักร้องและได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักตามที่ขิมฝันเอาไว้ หลานสาวของน้าเก่งอยู่แล้ว แต่น้าว่าขิมไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวตอนเช้าน้าจะทำของกินอร่อยๆ ไว้รอ”

“ขิมรักน้ารสที่สุดเลย งั้นขิมขอตัวนอนพักก่อนนะคะ ฝันดีค่ะน้ารส ฝากบอกพ่อด้วยนะคะ” ภัคธีมายื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มน้าสาวฟอดใหญ่ ก่อนจะยิ้มให้และกล่าวราตรีสวัสดิ์

“ฝันดีจ้ะหลานสาวคนสวยของน้า นอนซะนะ พรุ่งนี้ตื่นมาจะได้สดชื่น เดี๋ยวน้าจะบอกพ่อให้”

“ค่ะน้ารส” เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มให้น้า เสียงถอนหายใจเบาๆ ดังขึ้นอีกรอบ เมื่อมธุรสออกไปจากห้องของเธอแล้ว

ร่างบางล้มตัวลงนอน ไม่นานตาคู่สวยก็ค่อยๆ ปิดลง ภาพความทรงจำอันหวานซึ้งดุจม่านสีกุหลาบระหว่างเธอและธาวินผุดพรายขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก มันเป็นดั่งต้นไม้ที่ค่อยๆ เจริญเติบโตจนกระทั่งถึงวัยผลิบาน ธาวินสารภาพว่าชอบเธอในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ภัคธีมาจำได้ว่าตอนนั้นเธอกำลังจะขึ้นม.6  ส่วนธาวินนั้นเรียนปริญญาตรีอยู่ที่กรุงเทพฯ หลังจากจบมัธยมเธอเองก็สอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันกับธาวิน และเธอกับธาวินก็เปลี่ยนสถานะของความผูกพันกลายเป็นคนรักตั้งแต่ตอนนั้น ธาวินดูแลเธออย่างดี กระทั่งเขาเรียนจบและไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ ทำให้เธอกับเขาต้องห่างกันไกลๆ เป็นครั้งแรก แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่อย่างสม่ำเสมอ เป็นอยู่อย่างนั้นเรื่อยมาจนเขาเรียนจบกลับมาเมื่อสามเดือนที่แล้ว วันนั้นเธอไปรับเขาที่สนามบินสุวรรณภูมิ อ้อมกอดและสายตาของเขาที่มองเธอยังคงอบอุ่นและเต็มไปด้วยความอ่อนโยนเช่นเดิม น่าเสียดายที่มีเวลาน้อยไปหน่อย เพราะเขาต้องต่อเครื่องไปเชียงใหม่ และเธอเองก็ต้องเตรียมตัวสำหรับการออดิชันประกวดร้องเพลงรอบแรกที่จะมีในวันรุ่งขึ้น และยังติดภารกิจเรื่องเรียน ทำให้เธอกับธาวินต้องห่างกันไปโดยปริยายอีกครั้ง แต่เขาก็ยังโทร.มาหาเธออยู่เป็นประจำ มาห่างไปในระยะสี่ห้าสัปดาห์หลังนี่เอง...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 6

    บทที่ 6“ดิ้นทำไม ไหนบอกว่าอยากกอดกันอวดชาวบ้าน”“ขิมอยากกอดกับพี่วิน ไม่ใช่คุณ”“รสจูบของไอ้วินซาบซ่านมากไหม”“หยุดพูด หยุดถามเรื่องบ้าๆ พวกนี้เสียที มันเรื่องส่วนตัวที่ขิมไม่จำเป็นต้องบอกใคร” ภัคธีมาต้องเงยหน้าขึ้นพูดกับเขาเพราะเขาสูง ตระหง่านค้ำศีรษะ ส่วนเธอสูงแค่หัวไหล่เขาเท่านั้น“เคยนอกใจไอ้วินแล้วลองจูบกับคนอื่นบ้างหรือเปล่าล่ะ” เขายังคงถามต่ออย่างไม่คิดจะสนใจว่าภัคธีมาจะเคืองขุ่นแค่ไหน“ขิมไม่เคยนอกใจพี่วิน และไม่เคยคิดจะให้ใครจูบหรือจูบกับใคร”“ดีนี่...ไอ้วินมันรู้คงชื่นใจตายที่มีแฟนแสนซื่อบื้อแบบนี้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มาลองจูบกับผมหน่อยไหม เผื่อจะได้เอาไว้เปรียบเทียบรสชาติ ว่าระหว่างพี่กับน้องใครจะเผ็ดร้อนถูกใจคุณมากกว่ากัน”เจ้าของใบหน้าคมคายก้มลงมาถามใกล้ใบหน้าสวยหวาน ดวงตาคมดุไหวระริกเมื่อหลุบมองริมฝีปากรูปกระจับนั้น เขาทำท่าเหมือนกำลังจะจูบ ทำเอาลมหายใจของภัคธีมาแทบจะหยุดชะงัก ทว่าเขากลับไม่จูบ แต่ไล้มือแกร่งไปตามสะโพกบั้นท้ายงอนงาม เล่นงานแบบนั้นจนร่างบางขนลุกซู่ไปทั้งร่างแทน“บ้า! คุณมันเลว” เสียงหวานแหวลั่น“เลวตรงไหน”“ก็เลวตรงที่คิดจะทำอะไรแบบนี้กับแฟนน้อง ทำเลวๆ ล

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 5

    บทที่ 5“พี่กริช!” ธาวินอุทานชื่อพี่ชายด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกอาการตกใจไม่น้อยภัคธีมาเองก็ตะลึงไปเหมือนกัน เมื่อสายตาปะทะกับเจ้าของร่างสูงเกือบสองเมตร แม้จะไม่ค่อยได้เจอกันแต่เธอจำได้แม่นว่าเขาคือ ‘ศาสตรา ภูวเดชาธร’ ผู้ชายซึ่งเต็มไปด้วยความหยิ่งทะนง เชื่อมั่นในตัวเองสูง ดิบเถื่อนและแข็งกระด้างเป็นที่สุด!คำว่าดิบเถื่อนและแข็งกระด้าง มันคือสิ่งที่เธอนิยามขึ้นสำหรับผู้ชายคนนี้โดยเฉพาะ ยิ่งตอนนี้เขาก็ยิ่งดูเหมาะกับคำนี้มากที่สุด ร่างสูงแต่งตัวแบบสบายๆ ด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนและรองเท้าหนัง ดูบึกบึนกำยำกว่าตอนที่เธอเจอเขาครั้งล่าสุดเมื่อหลายเดือนก่อนเสียอีก แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยก็คือหน้าตาคมเข้มและน่าเกรงขาม สมกับที่ใครๆ เรียกเขาว่า ‘พ่อเลี้ยงศาสตรา’ เขามาได้ยังไง? หรือว่ามากีดกันเธอกับพี่วิน?คำถามเกิดขึ้นในใจรัวๆ แต่สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือยกมือขึ้นไหว้เขา แม้รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีความเอ็นดูใดๆ ให้กับเธอ และเธอก็ค่อนข้างจะเกลียดความหยิ่งทะนงของเขา แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นลูกชายของเจ้านายเก่าพ่อ และที่สำคัญเขาคือพี่ชายของธาวินคนรักของเธอ“สวัสดีค่ะ”ภัคธีมายกมือขึ้นไหว้เขาตามมารยาทแม้จะไม

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 4

    บทที่ 4“ยังไงก็อย่าพาน้องกลับดึกนะครับ”“ขอบคุณครับคุณอา ผมจะรีบพาขิมกลับมาไม่เกินสามทุ่มครับ” ธาวินรับปากหนักแน่น“งั้นขิมไปก่อนนะคะพ่อ”ภัคธีมาพูดกับบิดา ก่อนจะเดินตามธาวินไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน“ไปไหนกันน่ะคะ” มธุรสที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวเอ่ยถามพี่เขยเมื่อเห็นหลังหลานสาวไวๆ“เข้าเมืองกัน”“จะดีหรือคะพี่ยุทธ คุณวินกำลังจะ...”“เอาน่าน้องรส พี่ว่าให้ขิมรู้จากปากคุณวินน่าจะดีที่สุด” อยุทธเอ่ยปลอบให้มธุรสคลายความกังวล และได้แต่หวังว่าธาวินจะรักษาความเป็นสุภาพบุรุษ อีกทั้งยังเชื่อใจลูกสาวว่ารักนวลสงวนตัวมากพอที่จะไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาภัคธีมาก็ดำรงความเป็นกุลสตรีที่รักและหยิ่งในศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงมาตลอดธาวินพาภัคธีมามายังร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขานั่งฟังภัคธีมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ในระหว่างออดิชันจนกระทั่งผ่านเข้ารอบสุดท้ายของการแข่งขันร้องเพลงรายการใหญ่ระดับประเทศ รอยยิ้มของภัคธีมาเต็มไปด้วยความสดใสและมีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังแทรกเป็นระยะ เมื่อเล่าถึงวีรกรรมของตัวเองตอนอยู่ต่อหน้ากรรมการ“เล่ามาเยอะแล้วแต่ยังไม่จบนะคะ ขิมว่าขิมเก็บไว้เล่าให้พี่วินฟัง

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 3

    บทที่ 3ภัคธีมาพยายามครุ่นคิดหาเหตุผล แต่ที่สุดแล้วสิ่งเดียวที่เธอคิดออกก็คือ ธาวินคงโดนทางครอบครัวของเขากีดกัน เพราะทั้งแม่เลี้ยงแสงหล้าและศาสตรา ต่างก็เห็นว่าเธอไม่เหมาะสมกับธาวิน!หญิงสาวสลัดความคิดนั้นทิ้ง พยายามข่มตานอนให้หลับเพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลายความเมื่อยล้าที่เกิดจากการเข้าออดิชันรอบสุดท้ายเกือบทั้งวัน จากนั้นก็เดินทางต่อมาที่เชียงใหม่เลยกริ๊ง กริ๊งงง...เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พร้อมด้วยแรงสั่นของตัวเครื่องเป็นระลอก ปลุกให้ร่างบางสะดุ้งตื่นหลังจากหลับ มือเรียวเล็กควานหาโทรศัพท์ยกขึ้นดู ก่อนที่อาการงัวเงียจะหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเห็นหน้าจอแสดงชื่อและเบอร์โทร.แสนคุ้นเคย“สวัสดีค่ะพี่วิน” เสียงหวานกรอกผ่านเครื่องมือสื่อสารนั้นไปด้วยความดีใจ“สวัสดีครับขิม นอนหรือยัง” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน ตามแบบที่ภัคธีมาคุ้นเคยเป็นอย่างดี“เพิ่งนอนค่ะ นึกว่าพี่วินจะไม่โทร.กลับมาซะแล้วสิ” เสียงหวานกระเง้ากระงอดใส่ตามอารมณ์ ก็นี่แฟนเธอ เธอทำแบบนี้กับเขามันก็ไม่ได้น่าเกลียด“ขอโทษด้วยครับ พอดีช่วงนี้พี่ยุ่งมาก”“ขิมเข้าใจค่ะ รู้ไหมคะว่าตอนนี้ขิมอยู่ที่บ้าน”“จร

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 2

    บทที่ 2“ขิมผ่านเข้ารอบสุดท้ายแล้วค่ะพ่อ รายการเพิ่งประกาศวันนี้ แต่อีกสองอาทิตย์ถึงจะออนแอร์ ขิมรู้ปุ๊บก็รีบกลับมาหาพ่อกับน้ารสทันทีเลย ดีใจกับขิมไหมคะ”“ดีใจสิลูก ขิมเก่งมากลูก” อยุทธกอดลูกสาวแน่นด้วยความดีใจสุดจะบรรยาย เขารู้ดีว่าภัคธีมารักการร้องเพลงมากแค่ไหน พรสวรรค์นี้ลูกสาวของเขาได้มาจากภรรยาที่เสียไปแล้ว ซึ่งถ้าหทัยรัตน์ได้รู้ เธอจะต้องภูมิใจในตัวนางฟ้าตัวน้อย ที่ตอนนี้โตเป็นสาวเต็มตัวมากแน่ๆ“แต่ว่าพ่อกับน้ารสคงต้องทนคิดถึงขิมหน่อยนะคะ เพราะเวลาเข้าเก็บตัวช่วงที่แข่งขัน ทางรายการจะไม่ให้ติดต่อสื่อสารกับคนภายนอกเด็ดขาด ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัว ขิมก็เลยอยากมาขอกำลังใจจากพ่อกับน้ารสก่อน”“ไม่เป็นไรลูก พ่อกับน้ารสจะไปเชียร์หนูทุกสัปดาห์ เราคงได้เจอกันที่นั่น แม้จะไม่นานแต่ก็น่าจะชดเชยความคิดถึงได้”“ขอให้ขิมประสบความสำเร็จในการแข่งขันสมดังหวังนะลูก” มธุรสกล่าวอวยพรพลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตัวหลานสาวที่ตัวเองเลี้ยงดูมาตั้งแต่เยาว์วัย“ขอบคุณค่ะน้ารส ขิมรักพ่อกับน้ารสนะคะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างอ้อนๆ ก่อนจะซุกเข้าหาอกพ่ออีกครั้ง จากนั้นทั้งสามคนก็เดินตามกันเข้าบ้านด้วยความรู้สึกอันอบอว

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 1

    บทที่ 1แสงสีส้มอมแดงของพระอาทิตย์ในยามเย็น ส่องสะท้อนมายังอาชาไนยสองตัวที่ตอนนี้ยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกบัวตองซึ่งกำลังบานสะพรั่ง จนทำให้ภูเขาทั้งลูกแทบจะถูกปกคลุมด้วยสีเหลืองอร่าม เหล่าผีเสื้อบินโฉบเชยชมความงามของดอกบัวตองดอกนั้นดอกนี้ บางทีก็หยุดดอมดมดอกไม้สีเหลืองนั้นเนิ่นนานเป็นพิเศษ คล้ายกับจะหลอกล่อให้เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังรอให้พ่อมารับกลับบ้านต้องวิ่งเข้ามาจับ ครั้นพอเธอเข้าใกล้ มันก็โบยบินขึ้นสู่อากาศ ทำให้เท้าเล็กๆ ต้องขยับวิ่งตามไปเรื่อยๆ“ฮะๆ รอด้วยเจ้าผีเสื้อ!”เสียงหัวเราะที่ใสกังวานราวกับระฆังแก้ว บวกกับภาพการวิ่งเล่นอย่างร่าเริง เรียกความสนใจจากเด็กชายวัยเก้าขวบที่กำลังถูกพี่เลี้ยงสอนให้หัดขี่ม้า กับหนุ่มน้อยวัยสิบเจ็ดคนหนึ่งที่นั่งอย่างสง่างามอยู่บนหลังม้าสีดำอีกตัว ท่าทางของเขาบ่งบอกถึงความเป็นผู้ใหญ่เกินวัย และมาดอันแสนองอาจนั้นทำให้รู้โดยปริยายว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป “อุ๊ย! ฮือๆๆๆ” เสียงหัวเราะของเด็กหญิงกลายเป็นเสียงอุทานและเสียงร้องไห้ เมื่อเท้าเล็กๆ ภายใต้รองเท้าผ้าใบถูกเกี่ยวด้วยเถาของดอกบัวตอง ทำให้ร่างเล็กเสีย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status