Share

กริชเพียงขิม
กริชเพียงขิม
Author: เทียนธีรา

บทที่ 1

last update Last Updated: 2025-11-01 13:37:35

บทที่ 1

แสงสีส้มอมแดงของพระอาทิตย์ในยามเย็น ส่องสะท้อนมายังอาชาไนยสองตัวที่ตอนนี้ยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกบัวตองซึ่งกำลังบานสะพรั่ง จนทำให้ภูเขาทั้งลูกแทบจะถูกปกคลุมด้วยสีเหลืองอร่าม เหล่าผีเสื้อบินโฉบเชยชมความงามของดอกบัวตองดอกนั้นดอกนี้ บางทีก็หยุดดอมดมดอกไม้สีเหลืองนั้นเนิ่นนานเป็นพิเศษ คล้ายกับจะหลอกล่อให้เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังรอให้พ่อมารับกลับบ้านต้องวิ่งเข้ามาจับ ครั้นพอเธอเข้าใกล้ มันก็โบยบินขึ้นสู่อากาศ ทำให้เท้าเล็กๆ ต้องขยับวิ่งตามไปเรื่อยๆ

“ฮะๆ รอด้วยเจ้าผีเสื้อ!”

เสียงหัวเราะที่ใสกังวานราวกับระฆังแก้ว บวกกับภาพการวิ่งเล่นอย่างร่าเริง เรียกความสนใจจากเด็กชายวัยเก้าขวบที่กำลังถูกพี่เลี้ยงสอนให้หัดขี่ม้า กับหนุ่มน้อยวัยสิบเจ็ดคนหนึ่งที่นั่งอย่างสง่างามอยู่บนหลังม้าสีดำอีกตัว ท่าทางของเขาบ่งบอกถึงความเป็นผู้ใหญ่เกินวัย และมาดอันแสนองอาจนั้นทำให้รู้โดยปริยายว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป

                “อุ๊ย! ฮือๆๆๆ”

                เสียงหัวเราะของเด็กหญิงกลายเป็นเสียงอุทานและเสียงร้องไห้ เมื่อเท้าเล็กๆ ภายใต้รองเท้าผ้าใบถูกเกี่ยวด้วยเถาของดอกบัวตอง ทำให้ร่างเล็กเสียหลักล้มคะมำลงเต็มแรง

                หนุ่มน้อยวัยสิบเจ็ดที่จ้องมองร่างเล็กอยู่หลายนาทีกำลังจะขยับลงจากหลังม้า เพื่อปลอบโยนให้เธอหายจากความเจ็บและตกใจ ทว่าน้องชายของเขานั้นไวกว่า เขาจึงได้แต่นั่งมองอยู่เงียบๆ บนหลังม้าดังเดิม

                “เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากมั้ย”

                “เจ็บค่ะ เจ็บมาก...” เด็กหญิงตอบเสียงสั่นเครือ ก่อนจะยกมือเล็กขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ ออกจากแก้ม ภาพนั้นช่างเป็นภาพที่ชวนให้อยากปกป้องและปลอบโยนยิ่งนัก

                “มาเดี๋ยวพี่เป่าให้นะ” เด็กชายดึงมือเล็กเข้าไปหาตัว พร้อมกับเป่าลมหายใจใส่ทันที “เพี้ยง! แค่นี้ก็หายเจ็บแล้ว”

                เด็กหญิงที่กำลังร้องไห้หยุดชะงัก ใบหน้ากลมแป้นที่เปื้อนหยาดน้ำใสเงยขึ้นมองคนที่กำลังปลอบตัวเองด้วยแววตาอันแสนไร้เดียงสา ทว่าความไร้เดียงสานั้นเจือมาด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจและซาบซึ้งระคนกัน

                “ขอบคุณค่ะพี่วิน”

                “พี่มีช็อกโกแล็ตด้วยนะ รับรองว่ากินแล้วจะหายเจ็บเป็นปลิดทิ้งเลย”

                ช็อกโกแล็ตรสนมที่ถูกห่อด้วยกระดาษฟอยสีขาวถูกยื่นให้เด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้า เธอรับไปแล้วแกะใส่ปาก ทันทีที่กลิ่นหอมๆ ของนมกับรสชาติหวานๆ ของช็อกโกแลตแตะลิ้น ปากเล็กๆ ก็คลี่ยิ้มออกมาจนตาหยีให้เห็นอีกครั้ง

                “ขอบคุณค่ะพี่วิน ขิมหายเจ็บแล้วจริงๆ ด้วย”

                “ชอบไหม...”

                “ชอบค่ะ ช็อกโกแล็ตของพี่วินอร่อยจัง”

                “งั้นวันหลังพี่เอามาฝากอีกนะ”

“ขอบคุณพี่วินมากนะคะ”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก แค่เห็นขิมยิ้มได้เหมือนเดิมพี่ก็ดีใจแล้ว” เด็กชายส่งยิ้มละไมให้ ในขณะที่เด็กหญิงก็ยิ้มตอบด้วยแววตาใสบริสุทธิ์ ทว่าคนที่นั่งมองอยู่บนหลังม้ากลับมีใบหน้าที่เคร่งขรึมลง จากนั้นเท้าแข็งแรงจึงเตะเบาๆ ข้างตัวม้าพร้อมกับกระตุกเชือก ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น อาชาไนยสีดำก็วิ่งไปในทิศทางเดียวกับที่พระอาทิตย์กำลังจะอัสดง คนที่มองตามจึงเห็นเพียงเงาทะมึนซึ่งค่อยๆ ลับหายไปจากสายตา

รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้ารูปไข่ของ ‘ภัคธีมา รัตนไชยกุล’ ในทันทีที่รถแท็กซี่จากสนามบินวิ่งเข้าสู่อาณาเขตของไร่ทหัยรัตน์ ซึ่งเป็นอาณาเขตเล็กๆ ขนาดแค่สิบไร่ เรียกได้ว่าเล็กมากแบบเทียบไม่ติดฝุ่นเลยกับไร่อันกว้างใหญ่ไพศาลที่อยู่ข้างๆ กัน ทว่ามันไม่ใช่ประเด็นที่หญิงสาวให้ความสำคัญแต่อย่างใด สิ่งสำคัญมากกว่าความใหญ่โตของบ้านหรืออาณาบริเวณใดๆ ก็คือคนที่รอเธออยู่ที่บ้านต่างหาก

ภัคธีมากลับบ้านครั้งนี้โดยไม่ได้บอกใครล่วงหน้า กลับมาแบบปุบปับเพราะเก็บความดีใจเอาไว้คนเดียวไม่ไหว อยากจะแจ้งข่าวดีกับคนที่เธอรักด้วยตัวเอง ในยามที่ดีใจหรือเสียใจคราใด คนที่อยากพบมากที่สุดก็มีเพียงสามคน นั่นก็คือ...พ่อ น้ารส และ ‘พี่วิน’ ซึ่งล้วนแต่เป็นคนสำคัญของเธอทั้งนั้น

มือบางยื่นค่าแท็กซี่ไปให้กับโชเฟอร์ จากนั้นก็ก้าวลงจากรถพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองบ้านหลังขนาดกลางแบบสองชั้นที่ถูกสร้างขึ้นจากความฝันของคนเป็นแม่ ถึงแม้ตอนนี้แม่จะไปอยู่บนสวรรค์แล้ว ทว่าบ้านก็ยังเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นจากพ่อกับน้าที่เติมเต็มให้แก่เธอจนล้นเปี่ยมเสมอมา

“ยัยขิม!” เสียงของผู้เป็นน้าอุทานขึ้นอย่างดีใจ ก่อนจะก้าวยาวๆ เข้าไปกอดร่างบางของหลานสาวไว้แนบอก

“น้ารส...” ภัคธีมากอดตอบด้วยความดีใจระคนตื่นเต้นและอบอุ่นที่ได้กลับบ้านอีกครั้งหลังจากไม่ได้กลับมานานกว่าสามเดือน

“ยัยขิม!” เสียงอุทานชื่อเล่นของภัคธีมาดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดังจากปากของบุรุษซึ่งเดินตามมธุรสออกมาจากบ้าน

“พ่อ...” ร่างบางผละจากอ้อมกอดของน้า แล้วเข้าไปซุกกับอกอุ่นๆ ของบิดาซึ่งเป็นผู้ชายที่เธอรักมากที่สุดบ้าง

“มาได้ยังไง ทำไมไม่โทร.บอกพ่อกับน้ารสก่อน จะได้ไปรับ”

“ไม่อยากให้รู้ไงคะว่ามา พ่อกับน้ารสจะได้เซอร์ไพรส์ไง ขิมมีข่าวดีมาบอกด้วยนะคะ”

“ข่าวดี?” คิ้วของอยุทธเลิกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม ภัคธีมาจึงยิ้มหวานแล้วเอ่ยตอบ

“ลูกสาวพ่อกำลังจะได้เป็นนักร้องแล้วค่ะ”

“มะ...หมายความว่า…”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 6

    บทที่ 6“ดิ้นทำไม ไหนบอกว่าอยากกอดกันอวดชาวบ้าน”“ขิมอยากกอดกับพี่วิน ไม่ใช่คุณ”“รสจูบของไอ้วินซาบซ่านมากไหม”“หยุดพูด หยุดถามเรื่องบ้าๆ พวกนี้เสียที มันเรื่องส่วนตัวที่ขิมไม่จำเป็นต้องบอกใคร” ภัคธีมาต้องเงยหน้าขึ้นพูดกับเขาเพราะเขาสูง ตระหง่านค้ำศีรษะ ส่วนเธอสูงแค่หัวไหล่เขาเท่านั้น“เคยนอกใจไอ้วินแล้วลองจูบกับคนอื่นบ้างหรือเปล่าล่ะ” เขายังคงถามต่ออย่างไม่คิดจะสนใจว่าภัคธีมาจะเคืองขุ่นแค่ไหน“ขิมไม่เคยนอกใจพี่วิน และไม่เคยคิดจะให้ใครจูบหรือจูบกับใคร”“ดีนี่...ไอ้วินมันรู้คงชื่นใจตายที่มีแฟนแสนซื่อบื้อแบบนี้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มาลองจูบกับผมหน่อยไหม เผื่อจะได้เอาไว้เปรียบเทียบรสชาติ ว่าระหว่างพี่กับน้องใครจะเผ็ดร้อนถูกใจคุณมากกว่ากัน”เจ้าของใบหน้าคมคายก้มลงมาถามใกล้ใบหน้าสวยหวาน ดวงตาคมดุไหวระริกเมื่อหลุบมองริมฝีปากรูปกระจับนั้น เขาทำท่าเหมือนกำลังจะจูบ ทำเอาลมหายใจของภัคธีมาแทบจะหยุดชะงัก ทว่าเขากลับไม่จูบ แต่ไล้มือแกร่งไปตามสะโพกบั้นท้ายงอนงาม เล่นงานแบบนั้นจนร่างบางขนลุกซู่ไปทั้งร่างแทน“บ้า! คุณมันเลว” เสียงหวานแหวลั่น“เลวตรงไหน”“ก็เลวตรงที่คิดจะทำอะไรแบบนี้กับแฟนน้อง ทำเลวๆ ล

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 5

    บทที่ 5“พี่กริช!” ธาวินอุทานชื่อพี่ชายด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกอาการตกใจไม่น้อยภัคธีมาเองก็ตะลึงไปเหมือนกัน เมื่อสายตาปะทะกับเจ้าของร่างสูงเกือบสองเมตร แม้จะไม่ค่อยได้เจอกันแต่เธอจำได้แม่นว่าเขาคือ ‘ศาสตรา ภูวเดชาธร’ ผู้ชายซึ่งเต็มไปด้วยความหยิ่งทะนง เชื่อมั่นในตัวเองสูง ดิบเถื่อนและแข็งกระด้างเป็นที่สุด!คำว่าดิบเถื่อนและแข็งกระด้าง มันคือสิ่งที่เธอนิยามขึ้นสำหรับผู้ชายคนนี้โดยเฉพาะ ยิ่งตอนนี้เขาก็ยิ่งดูเหมาะกับคำนี้มากที่สุด ร่างสูงแต่งตัวแบบสบายๆ ด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนและรองเท้าหนัง ดูบึกบึนกำยำกว่าตอนที่เธอเจอเขาครั้งล่าสุดเมื่อหลายเดือนก่อนเสียอีก แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยก็คือหน้าตาคมเข้มและน่าเกรงขาม สมกับที่ใครๆ เรียกเขาว่า ‘พ่อเลี้ยงศาสตรา’ เขามาได้ยังไง? หรือว่ามากีดกันเธอกับพี่วิน?คำถามเกิดขึ้นในใจรัวๆ แต่สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือยกมือขึ้นไหว้เขา แม้รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีความเอ็นดูใดๆ ให้กับเธอ และเธอก็ค่อนข้างจะเกลียดความหยิ่งทะนงของเขา แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นลูกชายของเจ้านายเก่าพ่อ และที่สำคัญเขาคือพี่ชายของธาวินคนรักของเธอ“สวัสดีค่ะ”ภัคธีมายกมือขึ้นไหว้เขาตามมารยาทแม้จะไม

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 4

    บทที่ 4“ยังไงก็อย่าพาน้องกลับดึกนะครับ”“ขอบคุณครับคุณอา ผมจะรีบพาขิมกลับมาไม่เกินสามทุ่มครับ” ธาวินรับปากหนักแน่น“งั้นขิมไปก่อนนะคะพ่อ”ภัคธีมาพูดกับบิดา ก่อนจะเดินตามธาวินไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน“ไปไหนกันน่ะคะ” มธุรสที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวเอ่ยถามพี่เขยเมื่อเห็นหลังหลานสาวไวๆ“เข้าเมืองกัน”“จะดีหรือคะพี่ยุทธ คุณวินกำลังจะ...”“เอาน่าน้องรส พี่ว่าให้ขิมรู้จากปากคุณวินน่าจะดีที่สุด” อยุทธเอ่ยปลอบให้มธุรสคลายความกังวล และได้แต่หวังว่าธาวินจะรักษาความเป็นสุภาพบุรุษ อีกทั้งยังเชื่อใจลูกสาวว่ารักนวลสงวนตัวมากพอที่จะไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาภัคธีมาก็ดำรงความเป็นกุลสตรีที่รักและหยิ่งในศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงมาตลอดธาวินพาภัคธีมามายังร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขานั่งฟังภัคธีมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ในระหว่างออดิชันจนกระทั่งผ่านเข้ารอบสุดท้ายของการแข่งขันร้องเพลงรายการใหญ่ระดับประเทศ รอยยิ้มของภัคธีมาเต็มไปด้วยความสดใสและมีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังแทรกเป็นระยะ เมื่อเล่าถึงวีรกรรมของตัวเองตอนอยู่ต่อหน้ากรรมการ“เล่ามาเยอะแล้วแต่ยังไม่จบนะคะ ขิมว่าขิมเก็บไว้เล่าให้พี่วินฟัง

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 3

    บทที่ 3ภัคธีมาพยายามครุ่นคิดหาเหตุผล แต่ที่สุดแล้วสิ่งเดียวที่เธอคิดออกก็คือ ธาวินคงโดนทางครอบครัวของเขากีดกัน เพราะทั้งแม่เลี้ยงแสงหล้าและศาสตรา ต่างก็เห็นว่าเธอไม่เหมาะสมกับธาวิน!หญิงสาวสลัดความคิดนั้นทิ้ง พยายามข่มตานอนให้หลับเพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลายความเมื่อยล้าที่เกิดจากการเข้าออดิชันรอบสุดท้ายเกือบทั้งวัน จากนั้นก็เดินทางต่อมาที่เชียงใหม่เลยกริ๊ง กริ๊งงง...เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พร้อมด้วยแรงสั่นของตัวเครื่องเป็นระลอก ปลุกให้ร่างบางสะดุ้งตื่นหลังจากหลับ มือเรียวเล็กควานหาโทรศัพท์ยกขึ้นดู ก่อนที่อาการงัวเงียจะหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเห็นหน้าจอแสดงชื่อและเบอร์โทร.แสนคุ้นเคย“สวัสดีค่ะพี่วิน” เสียงหวานกรอกผ่านเครื่องมือสื่อสารนั้นไปด้วยความดีใจ“สวัสดีครับขิม นอนหรือยัง” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน ตามแบบที่ภัคธีมาคุ้นเคยเป็นอย่างดี“เพิ่งนอนค่ะ นึกว่าพี่วินจะไม่โทร.กลับมาซะแล้วสิ” เสียงหวานกระเง้ากระงอดใส่ตามอารมณ์ ก็นี่แฟนเธอ เธอทำแบบนี้กับเขามันก็ไม่ได้น่าเกลียด“ขอโทษด้วยครับ พอดีช่วงนี้พี่ยุ่งมาก”“ขิมเข้าใจค่ะ รู้ไหมคะว่าตอนนี้ขิมอยู่ที่บ้าน”“จร

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 2

    บทที่ 2“ขิมผ่านเข้ารอบสุดท้ายแล้วค่ะพ่อ รายการเพิ่งประกาศวันนี้ แต่อีกสองอาทิตย์ถึงจะออนแอร์ ขิมรู้ปุ๊บก็รีบกลับมาหาพ่อกับน้ารสทันทีเลย ดีใจกับขิมไหมคะ”“ดีใจสิลูก ขิมเก่งมากลูก” อยุทธกอดลูกสาวแน่นด้วยความดีใจสุดจะบรรยาย เขารู้ดีว่าภัคธีมารักการร้องเพลงมากแค่ไหน พรสวรรค์นี้ลูกสาวของเขาได้มาจากภรรยาที่เสียไปแล้ว ซึ่งถ้าหทัยรัตน์ได้รู้ เธอจะต้องภูมิใจในตัวนางฟ้าตัวน้อย ที่ตอนนี้โตเป็นสาวเต็มตัวมากแน่ๆ“แต่ว่าพ่อกับน้ารสคงต้องทนคิดถึงขิมหน่อยนะคะ เพราะเวลาเข้าเก็บตัวช่วงที่แข่งขัน ทางรายการจะไม่ให้ติดต่อสื่อสารกับคนภายนอกเด็ดขาด ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัว ขิมก็เลยอยากมาขอกำลังใจจากพ่อกับน้ารสก่อน”“ไม่เป็นไรลูก พ่อกับน้ารสจะไปเชียร์หนูทุกสัปดาห์ เราคงได้เจอกันที่นั่น แม้จะไม่นานแต่ก็น่าจะชดเชยความคิดถึงได้”“ขอให้ขิมประสบความสำเร็จในการแข่งขันสมดังหวังนะลูก” มธุรสกล่าวอวยพรพลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตัวหลานสาวที่ตัวเองเลี้ยงดูมาตั้งแต่เยาว์วัย“ขอบคุณค่ะน้ารส ขิมรักพ่อกับน้ารสนะคะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างอ้อนๆ ก่อนจะซุกเข้าหาอกพ่ออีกครั้ง จากนั้นทั้งสามคนก็เดินตามกันเข้าบ้านด้วยความรู้สึกอันอบอว

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 1

    บทที่ 1แสงสีส้มอมแดงของพระอาทิตย์ในยามเย็น ส่องสะท้อนมายังอาชาไนยสองตัวที่ตอนนี้ยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกบัวตองซึ่งกำลังบานสะพรั่ง จนทำให้ภูเขาทั้งลูกแทบจะถูกปกคลุมด้วยสีเหลืองอร่าม เหล่าผีเสื้อบินโฉบเชยชมความงามของดอกบัวตองดอกนั้นดอกนี้ บางทีก็หยุดดอมดมดอกไม้สีเหลืองนั้นเนิ่นนานเป็นพิเศษ คล้ายกับจะหลอกล่อให้เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังรอให้พ่อมารับกลับบ้านต้องวิ่งเข้ามาจับ ครั้นพอเธอเข้าใกล้ มันก็โบยบินขึ้นสู่อากาศ ทำให้เท้าเล็กๆ ต้องขยับวิ่งตามไปเรื่อยๆ“ฮะๆ รอด้วยเจ้าผีเสื้อ!”เสียงหัวเราะที่ใสกังวานราวกับระฆังแก้ว บวกกับภาพการวิ่งเล่นอย่างร่าเริง เรียกความสนใจจากเด็กชายวัยเก้าขวบที่กำลังถูกพี่เลี้ยงสอนให้หัดขี่ม้า กับหนุ่มน้อยวัยสิบเจ็ดคนหนึ่งที่นั่งอย่างสง่างามอยู่บนหลังม้าสีดำอีกตัว ท่าทางของเขาบ่งบอกถึงความเป็นผู้ใหญ่เกินวัย และมาดอันแสนองอาจนั้นทำให้รู้โดยปริยายว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป “อุ๊ย! ฮือๆๆๆ” เสียงหัวเราะของเด็กหญิงกลายเป็นเสียงอุทานและเสียงร้องไห้ เมื่อเท้าเล็กๆ ภายใต้รองเท้าผ้าใบถูกเกี่ยวด้วยเถาของดอกบัวตอง ทำให้ร่างเล็กเสีย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status