LOGIN@คณะวิศวกรรมศาสตร์
ร่างสูงลงจากรถแล้วเดินเข้าไปนั่งรวมกลุ่มกับพวกเพื่อน
ออสตินเพ่งพิศเพื่อนซี้อย่างสำรวจแล้วเอ่ยแซว
“ตั้งแต่ประกาศตัวว่ามีแฟนก็หายหัวเลยนะมึง”
“หายหัวห่าอะไร กูก็ต้องไปทำธุระของกูบ้างสิวะ จะให้กูนั่งเฝ้าพวกมึงตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยไง”
“ธุระของมึงหรือธุระของดาริณวะ”
คนถูกแซวไม่แย้งสักคำ หลายวันมานี้เขามัวแต่ยุ่งกับเรื่องของดาริณอย่างที่พวกมันพูดจริง ๆ นั่นแหละ
“เรื่องที่มึงกับดาริณคบกันแม่งโคตรเซอร์ไพรส์เลย บอกตามตรงว่าพวกกูยังงงกันอยู่เลยสรุปแล้วพวกมึงไปซุ่มคบกันตอนไหนวะ” วายุสงสัย
เพื่อนสนิททุกคนยังไม่มีใครรู้เรื่องที่เขากับดาริณแค่แกล้งแสดงละครเป็นแฟนกันเท่านั้น
“อย่าบอกนะว่าพวกมึงซั่มกันแล้ว”
ออสตินหรี่ตาแคบแล้วชี้ปลายนิ้วไปที่ใบหน้าของเจ้าขุน
เขามุ่นคิ้วใส่พลางปัดมือของออสตินออกก่อนจะพูดว่า
“ไร้สาระ”
ในระหว่างที่สามหนุ่มกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่เพื่อนสนิทอีกคนของกลุ่มก็เดินเข้ามาที่โต๊ะ ทิวเขายิ้มกว้างจนปากเกือบจะฉีกถึงใบหูขณะนั่งลงด้านข้างเจ้าขุน
“ยิ้มหน้าบานเลยนะมึง”
ออสตินเอ่ยแซวคนที่เพิ่งมาถึง อารมณ์ดีอย่างนี้สงสัย ‘น้ำหวาน’ คนที่เมื่อก่อนเจ้าตัวมักบอกว่าเป็นเด็กในบ้านยอมเป็นแฟนกับมันแล้ว
“ธรรมดา”
ทิวเขายิ้มรับสลัดภาพผู้ชายปากหนักไปแล้วตั้งแต่ยอมรับว่าตัวเองรักน้ำหวาน
พวกเพื่อนทำท่าทางหมั่นไส้ กว่าไอ้เพื่อนสนิทมันจะรู้ตัวว่ารักน้ำหวานก็นอนร้องห่มร้องไห้กลายเป็นหมาโบ้อยู่หลายวัน สมน้ำหน้าปากหนักดีนัก
เวลาต่อมา
หลังเลิกเรียนคาบเช้าพวกเพื่อนก็ชวนกันไปสนามแข่งรถที่พวกเขาทั้งสี่คนเป็นหุ้นส่วน เจ้าขุนทำหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะรีบปฏิเสธอย่างมีพิรุธ
“กูมีธุระว่ะ”
“อะไรของมึงเนี่ย ปกติเห็นชอบไปสิงอยู่แต่สนามไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวนี้เอะอะมีธุระตลอดเลยนะไอ้ห่า” วายุว่าให้
“เออน่า กูมีธุระจริง ๆ”
พูดแบบขอไปที จะบอกพวกเพื่อนซี้ได้ยังไงล่ะว่าเขาจะรีบกลับไปดูดาริณไม่รู้ป่านนี้คนเมาค้างลุกทานข้าวได้หรือยัง
หลังแยกตัวกับพวกเพื่อนเจ้าขุนก็รีบขับรถกลับเพ้นท์เฮ้าส์ ระหว่างทางไม่ลืมแวะซื้อข้าวต้มร้อน ๆ และแวะมินิมาร์ทเพื่อซื้อเครื่องดื่มที่ช่วยแก้อาการเมาค้างไปให้เธอด้วย
ขณะกำลังยืนเลือกของอยู่ตรงแถวกลาง อีกด้านหนึ่งของชั้นวางของมีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังเม้ามอยกันอย่างสนุกปาก เขาจะไม่สนใจเลยถ้าเรื่องที่พวกเธอกำลังเล่าไม่ใช่เรื่องของดาริณ
“ทะเลาะกับพ่อจนถึงขั้นไม่มีเงินติดตัวมาเลยสักบาท ยังมีหน้ามาชวนพวกเราออกไปกินเหล้าอีก ไม่มีเงินแล้วยังไม่เจียม”
ซอนญ่าพูดด้วยท่าทางหงุดหงิด เธอไม่ได้สำนึกสักนิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อคืนเขาเรียกว่าคนเห็นแก่ตัว
“จริง ดีนะที่พวกเราชิ่งหนีออกมาทัน ไม่อย่างนั้นได้ชดใช้ค่าเหล้าแทนยัยดาริณอ่วมแน่”
น้ำฟ้าเห็นด้วยเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“พวกแกก็พูดเกินไป ทำไมไม่คิดถึงตอนที่ดาริณช่วยพวกเราบ้างล่ะ”
รถเมล์ปรามสองสาว
“แหมยัยเพื่อนที่แสนดี แล้วทำไมแกไม่อยู่จ่ายเงินให้ยัยนั่นล่ะยะจะวิ่งตามพวกฉันออกมาทำไม”
“ก็ใครจะไปจ่ายไหวล่ะ แค่ค่าเหล้าก็ปาเข้าไปตั้งหลายพันไหนจะค่าอาหารอีก”
รถเมล์ทำหน้าจ๋อย เธอรู้สึกเห็นใจดาริณอยู่เหมือนกัน ครั้นจะให้เธอจ่ายเงินค่าเหล้าและค่าอาหารทั้งหมดนั่นมันก็ไม่ไหวแต่ถ้าหารกันสามคนก็ว่าไปอย่าง
“แต่เมื่อคืนเราทิ้งยัยดาริณไว้อย่างนั้นไม่รู้ว่าป่านนี้เป็นยังไงบ้างเนอะ วันนี้ก็ไม่มาเรียนด้วย”
“โอ๊ยแกจะไปห่วงทำไม นางก็คงจะโทรให้ใครสักคนมาจ่ายแทนนั่นแหละ แฟนนางก็อยู่ในแก๊งคิงวิศวะนะลืมไปแล้วเหรอ”
เจ้าขุนยืนฟังอย่างหมดความอดทน เขากัดฟันกรอดขณะเดินสวนกับสามสาว นัยน์ตาดุดันจ้องมองพวกเธอราวกับอยากฆ่าให้ตาย
รถเมล์เป็นคนหันมาเห็นเจ้าขุนก่อนเพราะเขาดูโดดเด่นและเป็นที่สะดุดตากว่าทุกคนในร้าน เธอพยายามสะกิดให้ซอนญ่าหยุดพูดแล้วบุ้ยปากไปทางเจ้าขุน ทั้งสามสาวหน้าถอดสีขึ้นมาทันที
เจ้าขุนจงใจเดินผ่านทั้งสามสาว ดวงตาแข็งกร้าวไล่มองพวกเธอทีละคนราวกับหมายหัว ถ้าพวกเธอเป็นผู้ชายเขาคงไล่ต่อยเรียงตัว เป็นเพื่อนประสาอะไรนอกจากเห็นแก่ตัวแล้วยังเอาเรื่องของเพื่อนมานินทาลับหลัง
หลังออกจากมินิมาร์ทเจ้าขุนก็รีบบึ่งรถกลับเพ้นท์เฮ้าส์ คนเพิ่งเข้ามากวาดตามองหาคนที่เขาบอกให้นอนรอแต่ตอนนี้ไม่รู้เธอหายไปไหนแล้ว
เหมือนจะได้ยินเสียงหวาน ๆ กำลังฮัมเพลงแว่วมาจากทางห้องน้ำ เขาย่องเข้าไปยืนใกล้ประตูแล้วแอบดูคนที่กำลังนอนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำอย่างสบายใจ
อารมณ์ดีขนาดนั้นเชียว
คิดคนเดียวในใจแล้วเผลอยิ้มออกมา ดวงตาจดจ้องเรือนร่างขาวเนียนที่เห็นเพียงส่วนที่โผล่พ้นขอบอ่างอย่างไม่ละสายตาแล้วคิดเลยเถิดไปถึงเรื่องสิบแปดบวก ก่อนจะรีบหุบยิ้มแล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
นี่กูตกต่ำถึงขั้นมายืนแอบดูผู้หญิงอาบน้ำแล้วเหรอวะเนี่ย
สลัดหัวไล่ความคิดลามกออกจากสมอง จากนั้นก็รีบเดินออกจากห้องลงไปนั่งรออยู่ด้านล่างน่าจะดีกว่า
คนอาบน้ำใช้เวลานานเฉกเช่นทุกครั้ง กว่าคุณเธอจะเสด็จลงมาจากห้องได้เจ้าขุนก็ผล็อยหลับคาทีวี
ดาริณนั่งลงใกล้ ๆ นัยน์ตาสวยเพ่งสำรวจใบหน้าของคนนอนหลับแล้วคลี่ยิ้ม
“ความจริงนายก็น่ารักดีนะ”
ทว่าจู่ ๆ คนที่เธอคิดว่านอนหลับก็ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน ร่างเล็กตกใจผงะหงายหลัง
คนที่นอนอยู่บนโซฟาคว้าข้อมือเธอแล้วดึงรั้งลงมากอดรัด ดาริณล้มลงบนหน้าอกแน่นหนั่น หญิงสาวรีบยกแขนขึ้นมาดันแผงอกหนา ดวงตาสองคู่จดจ้องกัน
“แอบมองฉันเหรอ”
“เปล๊า!!!” ปฏิเสธเสียงสูงลิ่ว
มุมปากหยักยกสูงแววตาดูสุขุมนุ่มลึกแต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ดาเมจรุนแรงจนดาริณรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า
“ปล่อยได้แล้ว”
หลบตาอย่างเขิน ๆ พลางหันหน้าหนี
เจ้าขุนยอมคลายอ้อมแขนปล่อยเธอเป็นอิสระ หลังจากดาริณยืนขึ้นเขาก็ลุกนั่งทันที
“เธอกินข้าวรึยัง”
“...” หญิงสาวส่ายหน้าตอบ
“ฉันซื้อข้าวต้มมาให้วางอยู่บนโต๊ะน่ะ แต่ป่านนี้คงเย็นหมดแล้วมั้ง”
“นายกลับมานานแล้วเหรอ”
“ก็...”
กำลังจะตอบว่ากลับมานานแล้วแต่ฉุกคิดขึ้นมาได้เสียก่อน ขืนบอกไปตามตรงก็กลัวคนถามจะสงสัยว่าเขาเข้าไปแอบดูเธออาบน้ำหรือเปล่า
“ก็...ไม่นานเท่าไหร่”
หญิงสาวพยักหน้า หลังจากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะรับประทานอาหาร หยิบถุงข้าวต้มที่วางอยู่บนนั้นเดินเข้าไปตรงเคาน์เตอร์ครัวแล้วเทมันใส่ชามใบใหญ่
“เดี๋ยวฉันอุ่นให้ เธอไปนั่งรอไป”
เจ้าของห้องเดินมาช่วยจัดแจงเอาชามข้าวต้มไปอุ่นในไมโครเวฟให้ ดาริณเดินไปนั่งรอที่เก้าอี้ มองแผ่นหลังกว้างของคนที่ทำดีกับเธอผิดปกติ
วันนี้เขาทำตัวแปลก ๆ
ข้าวต้มร้อน ๆ ถูกยกมาเสิร์ฟตรงหน้า ดาริณตักชิมเพียงคำแรกคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งก็เอ่ยถามขึ้นมา
“เธอทะเลาะกับพ่อเหรอ”
ไม่รู้เป็นเพราะบังเอิญหรือเจ้าขุนเก่งไปเสียทุกอย่างเขาถึงได้รู้ความเป็นไปของเธอซะทุกเรื่อง คนถูกถามเงยหน้าสบตากับเจ้าของเพ้นท์เฮ้าส์แล้วตอบไปตามความจริง
“อืม ฉันถูกพ่อไล่ออกจากบ้านน่ะ”
“เพราะเรื่องฉันรึเปล่า”
“ก็ส่วนหนึ่ง แต่หลัก ๆ เป็นเพราะท่านโกรธที่ฉันไปว่าให้ลูกชายสุดที่รักของท่านมากกว่า”
“เหอะ! ลูกชายผีพนันน่ะสิไม่ว่า”
อดไม่ได้ที่จะด่าไอ้หน้าตัวเมียที่ขายได้แม้กระทั่งน้องสาวของตัวเอง จากนั้นก็หันมาสนใจคนตรงหน้าแล้วเอ่ยถาม
“แล้วเธอจะทำยังไงต่อ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งบัตรเครดิตและเงินในบัญชีก็คืนคุณพ่อไปหมดแล้ว ตอนนี้นอกจากโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์ที่มีเงินแค่ไม่กี่บาทฉันก็ไม่มีอะไรติดตัวมาเลยสักอย่าง แม้แต่ชุดนักศึกษาที่จะใส่ไปเรียนก็ยังไม่มีเลย”
เธอร่ายยาว แววตามีความเศร้าสร้อยแต่ไม่ถึงกับร้องไห้
“ถ้างั้นเธอก็อยู่ที่นี่แหละ ข้างบนมีห้องนอนสองห้องเธอก็นอนอีกห้องละกัน”
“จะดีเหรอ”
“มีอะไรไม่ดี หรือเธอกลัวว่าฉันจะทำอะไรเธอ”
“เปล่า ฉันก็แค่เกรงใจ เกิดวันไหนแฟนนายมาหาแล้วเห็นฉันเข้าเดี๋ยวจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่”
อยากรู้ว่าเขามีแฟนไหมครั้นจะให้ถามตรง ๆ อาจทำให้เจ้าขุนคิดว่าเธอสนใจ ดาริณเลยแกล้งพูดอ้อมค้อม
เจ้าขุนแค่นยิ้มก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“ไม่เห็นหรอก”
คนฟังปั้นหน้าไม่พอใจตอบแบบนี้แสดงว่าเขามีแฟนแล้วสินะ จู่ ๆ หัวใจดวงน้อยก็กระตุกวูบประหนึ่งว่ามีคนมากระชากเล่น
เจ้าขุนลอบยิ้มก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำออกมาเทน้ำใส่แก้ว เดินถือแก้วน้ำมาวางตรงหน้าหญิงสาวก่อนจะพูดขึ้นว่า
“เพราะฉันไม่มีแฟน”
ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อสองแก้มเห่อร้อนอัตโนมัติ เธอกัดริมฝีปากเบา ๆ ด้วยความขัดเขินไม่กล้าเงยหน้าสบตากับคนที่กำลังจ้องมองกันอยู่
“งั้นเดี๋ยวฉันจะไปตามแม่บ้านมาจัดห้องให้เธอนะ”
พยักหน้าหงึก ๆ ขณะตักข้าวต้มเข้าปาก หลังจากนั้นเจ้าขุนก็เดินไปที่หน้าประตูห้องสั่งการให้ลูกน้องโทรตามแม่บ้านมาทำความสะอาดห้องนอนอีกห้องให้ดาริณ
อากาศยามค่ำของบ้านพักตากอากาศริมทะเลมีลมพัดโชยสร้างความรู้สึกเย็นสบาย แสงไฟสีอบอุ่นส่องสว่างติดตามแนวรั้วไม้ของบ้านช่วยเพิ่มความโรแมนติก ดาริณเดินเล่นอยู่ริมชายหาดเพียงลำพัง ดวงตาเป็นประกายทอดมองไปยังสุดขอบฟ้า ร่างหนาเดินเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง สันจมูกโด่งคมเคลื่อนไล้ไปตามแก้มเนียนแล้วหอมเธอฟอดใหญ่ ก่อนจะถามคนที่ยืนมองท้องฟ้าราวกับคนเหม่อลอย “คิดอะไรอยู่” พูดชิดแก้มนุ่มจากนั้นริมฝีปากหยักก็ขบกัดตรงใบหูเล็ก ก่อนจะจับร่างเล็กให้หันมาสบตากัน “คิดถึงเรื่องของเราน่ะ ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าเราสองคนจะมีวันนี้ได้” เจ้าขุนคลี่ยิ้ม แววตาลึกล้ำจดจ้องใบหน้าหญิงคนรักแล้วพูดว่า “เธอเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม” “...” หญิงสาวเลิกคิ้วรอฟัง “พรหมลิขิตให้เราได้กลับมาเจอกับคนที่เราเฝ้าตามหามาสิบปี” “นายหมายถึงใคร” “จำกันไม่ได้จริง ๆ เหรอเนี่ย น่าน้อยใจจัง” พูดพลางดึงรั้งร่างเล็กเข้ามากอดก่อนจะจุมพิตลงบนหน้าผากสวยได้รูป จากนั้นก็จับเธอผละออกเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายมองสำรวจใบหน้าขอ
ริมฝีปากหยักเคลื่อนไซ้ไปตามท้ายทอยและซอกคอหอมกรุ่น กดจูบและขบเม้มสร้างความกระสันเสียว ร่างเล็กบิดส่ายเร่าร้อนมือสองข้างเกาะอยู่เบื้องหน้า ปลายนิ้วแกร่งเกี่ยวรั้งกางเกงชั้นในตัวจิ๋วลงมากองอยู่บนพื้น “เสียบเลยได้ไหม” เสียงพูดชิดอยู่ตรงริมแก้มเนียน ก่อนที่ริมฝีปากจะจูบซับพวงแก้มระเรื่อขณะรออีกฝ่ายเอ่ยตอบ “ไม่ไหวแล้วเหรอ” “ไม่ไหวแล้ว” พูดจบก็ถอดเสื้อยืดออกจากทางศีรษะ มือหนาเร่งปลดตะขอกางเกงแล้วรูดรั้งลงไปพร้อมกับกางเกงในบอกเซอร์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สลัดมันออกจากปลายขาอย่างไม่ไยดี ก่อนที่ร่างสูงจะขยับมายืนประกบอยู่ด้านหลังคนตัวเล็ก ปลายนิ้วหนาบดบี้ส่วนที่เป็นติ่งเสียวของหญิงสาว นิ้วกร้านแหย่แยงเข้าไปในร่องรักเพื่อเบิกทางเพิ่มน้ำหล่อลื่น ร่องสวาทเปียกแฉะไปด้วยน้ำหวานที่ผลิตออกมาอย่างล้นหลาม เจ้าขุนจับท่อนเอ็นใหญ่ถูไถตรงสะโพกกลมกลึง ปลายนิ้วทำหน้าที่แหวกให้ร่องรูเบิกกว้าง จากนั้นก็เอาส่วนปลายหยักไปจ่อไว้ตรงปากทางแล้วดันเข้าไปรวดเดียวมิดด้าม ปลายลิ้นหนาแลบเลียตามแนวกระดูกสันหลังด้วยความหื่นกระหาย
@โรงพยาบาล ว่าที่คุณพ่อนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจเลือด ใบหน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้มเมื่อรู้ว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาต้องถูกแทงเข็มฉีดยาเข้าไปในร่างกาย ลูกผู้ชายตัวโตเรื่องปืนผาหน้าไม้ไม่เคยเกรงกลัว แต่พอเป็นเข็มฉีดยากลับกลายเป็นคนใจเสาะใจปลาซิวขึ้นมาเสียได้ ดาริณหัวเราะกระซิก รู้สึกขบขันมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทว่ากับกลัวเข็มฉีดยาอันเล็กกระจิ๋วหลิ๋ว คนหน้าเข้มใช้สายตาดุดันเพ่งมองใบหน้าสวยของคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง ริมฝีปากหนาแนบชิดใบหูเล็กแล้วพูดกระซิบ “หัวเราะเยาะเหรอ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยนะ” “ไม่กลัว” เธอยิ้มแป้นแล้นล้อเลียนเห็นแล้วมันน่าจับฟัดแก้มชะมัด มือหนายกขึ้นบีบแก้มดาริณด้วยความมันเขี้ยว ขณะนั้นคุณพยาบาลก็ออกมาเรียกเขาเข้าห้องเจาะเลือดพอดี “เชิญคุณภัทรดนัยค่ะ” คนถูกเรียกเดินเข้าไปด้านในด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ก่อนเข้าไปก็ไม่ลืมหันมามองคาดโทษคนที่หัวเราะเยาะเขาไม่หยุด คืนนี้เธอโดนแน่ดาริณ เวลาต่อมา ดาริณนอนอยู่บนเตียงตรวจโดยมีเจ้าขุนนั่งอยู่ด้านข้าง ม
“พวกมึงคิดจะทำอะไรหลานกู” คนมีอำนาจตวาดเกรี้ยวกราดมือข้างหนึ่งยกปืนขึ้นจ่อขมับคนที่คุกเข่าอยู่ เปลวไฟแห่งโทสะลุกโชนอยู่ในดวงตาสีเทาอ่อน ดวงตาดุดันจ้องเขม็งคนตรงหน้าราวกับอยากฆ่าให้ตาย ภาพชวินนั่งตัวสั่นเทาทำให้ดาวิทย์เริ่มหวาดกลัว เขานั่งลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจ้าขุนก้มหัวกราบกรานร้องขอชีวิต “เจ้าขุนฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว นายไว้ชีวิตฉันด้วย สัญญาว่าฉันจะไม่ทำแบบนี้อีก ต่อไปนี้ฉันจะกลับตัวเป็นคนดี ไว้ชีวิตฉันด้วยนะ” แค่นหัวเราะให้กับคำพูดของดาวิทย์ เขาไม่เชื่อสักนิดว่าคนอย่างดาวิทย์จะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้ ถ้ามันอยากกลับตัวจริง ๆ มันคงทำไปตั้งนานแล้ว “ยูจะเอาไง” เจ้านายใหญ่หันมาถามหลานเมีย ตอนแรกเขาไม่คิดจะทำร้ายดาวิทย์ แต่มาคิด ๆ ดูแล้วถ้าปล่อยดาวิทย์ไปอีกครั้งมันต้องสร้างปัญหาอีกแน่ และที่เขากังวลมากที่สุดคือคนอย่างดาวิทย์มันต้องใช้ลูกกับเมียของเขาเป็นเครื่องมือต่อรอง เจ้าขุนยกยิ้มมุมปากจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องให้ถึงตายนะ ทำให้พิการตลอดชีวิตและพูดไม่ได้ก็พอ” บอกความต้องการเรียบร้อยก็หันหลังให
“ปล่อยตัวประกันมาก่อน แล้วกูจะบอกว่าเงินอยู่ไหน” เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะได้หลงเชื่อตั้งแต่แรกว่าดาวิทย์ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ จึงให้ออสตินเป็นคนถือกระเป๋าที่บรรจุเงินสดสามสิบล้านเอาไว้ก่อน เมื่อเห็นดังนั้นชวินก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ใบหน้าเหี้ยมโหดแดงก่ำด้วยแรงโทสะ “มึงคิดจะเล่นตุกติกกับกูเหรอ” “ถ้ากูอยากเล่นตุกติกกับมึงกูโทรแจ้งตำรวจไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าอยากได้เงินก็ปล่อยตัวประกันออกมาก่อนแล้วกูจะบอกว่าเงินอยู่ไหน” ชวินทำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหันไปทางมือขวาคนสนิทแล้วเอ่ยสั่ง “ไปเอาตัวไอ้ดาวิทย์มา” “ครับนาย” ดาวิทย์ถูกลากออกมาจากในตึกร้าง มือสองข้างถูกมัดไพล่หลัง สภาพเหมือนคนปกติไม่ได้ถูกซ้อมจนน่วมเหมือนคนที่ถูกจับตัวมา ลูกน้องคนหนึ่งแกะเชือกให้ดาวิทย์ “ทีนี้มึงบอกกูได้รึยังว่าเงินอยู่ที่ไหน” “เงินอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าทางเข้า” เมื่อรู้ที่ซ่อนเงินชวินก็คลี่ยิ้มจนกว้าง เขาส่งซิกให้ลูกน้องสองคนไปเอากระเป๋าเงินตรงจุดที่เจ้าขุนบอก พอรู้ที่ซ่อนเงินแน่ชัดสองหนุ่มเพื่อนซี้ก็หันมาส่
รถสปอร์ตคันงามแล่นไปตามท้องถนนด้วยความเร็วมุ่งหน้าไปที่บ้านของท่านรัฐมนตรี ร่างสูงโปร่งก้าวฉับ ๆ เข้าไปในบ้านของว่าที่พ่อตาอย่างไม่เกรงกลัว เมื่อเห็นหน้าลูกเขย คนร้อนใจก็รีบร้อนเข้าไปหาทันที “พวกมันติดต่อมารึยังครับ” “ติดต่อมาแล้ว มันบอกว่าให้เอาเงินไปให้มันที่นี่” ท่านรัฐมนตรียื่นกระดาษที่จดสถานที่นัดหมายให้กับเจ้าขุน เขาหยิบมันมาดูแล้วพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเงยหน้าสบตากับคนอายุมากแล้วเอ่ยถาม “พวกมันต้องการเงินเท่าไหร่ครับ” ความจริงก็ได้ยินที่ดาริณอุทานแล้วล่ะ แต่ก็อยากถามให้แน่ใจอีกครั้ง ท่านรัฐมนตรีมีสีหน้าหวั่นวิตก ริมฝีปากขบเม้มเป็นเส้นตรง ก่อนจะค่อย ๆ ขยับพูดเสียงอ่อย “สามสิบล้าน” ได้ยินแค่นั้นเจ้าขุนก็ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วรีบโทรหาจรณ [ครับนายน้อย] “คุณช่วยเอาเงินมาให้ผมที่บ้านท่านรัฐมนตรีนพดลหน่อย” [ได้ครับ นายน้อยจะเอาเท่าไหร่ครับ] “สามสิบล้าน” [ได้ครับ ผมจะรีบไป] หลังวางสายจากลูกน้องเขาก็กดโทรหาเพื







