LOGINหลังทานข้าวเจ้าขุนก็พาดาริณไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า เขาบอกให้เธอเลือกซื้อตามที่ต้องการได้เลยไม่ต้องเกรงใจ ยังไงซะเธอก็ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของเขา
แม้จะเป็นแค่แฟนปลอม ๆ ก็เถอะ
หลังจากซื้อของใช้ส่วนตัวเขายังพาหญิงสาวไปเลือกซื้อชุดนักศึกษาใหม่ ดาริณรู้สึกเกรงใจเจ้าขุนมาก เธอคิดเอาไว้ว่าถ้ากลับเข้าบ้านเมื่อไหร่จะคืนเงินทุกบาททุกสตางค์ให้ชายหนุ่มทันที
เมื่อซื้อของเสร็จสรรพกำลังจะพากันกลับบังเอิญเดินผ่านร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อหนึ่ง หญิงสาวหยุดยืนอยู่หน้าร้านมองสินค้าคอลเลกชันใหม่แววตาเศร้าสร้อย
เจ้าขุนหยุดเดินแล้วหันหลังกลับไปมองคนที่ยังยืนอยู่หน้าร้านขายกระเป๋า จากนั้นเขาก็ถามเธอ
“อยากได้เหรอ”
“เปล่า”
“ไม่อยากได้แล้วมองทำไม”
“ฉันแค่กำลังสงสัยว่า ทำไมเมื่อก่อนฉันโง่จัง ยอมจ่ายเงินหลักแสนเพื่อซื้อกระเป๋าใบแค่นี้ ทั้งที่ความจริงแล้วกระเป๋าใบละร้อยกว่าบาทก็ใส่ของได้เหมือนกัน”
รู้สึกประหลาดใจจนไม่อยากเชื่อหูตัวเอง แต่ก็แอบดีใจที่เห็นดาริณคิดได้อย่างนั้น ชายหนุ่มลอบยิ้มก่อนจะจูงมือดาริณเข้าไปในร้านขายกระเป๋าด้วยกัน
“ฉันไม่เข้าไปนะเจ้าขุน”
“มาเถอะน่า”
“สวัสดีค่ะ”
พนักงานของร้านกล่าวต้อนรับพร้อมทั้งยกมือไหว้ เจ้าขุนพยักหน้าตอบรับจากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“ผมขอดูคอลเลกชันใหม่ล่าสุดครับ”
“ได้ค่ะ คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายเชิญนั่งรอทางด้านนี้ค่ะ”
จูงมือดาริณไปนั่งตรงโซฟารับแขกหรูหราที่ตั้งอยู่ตรงกลางร้าน พนักงานอีกคนยกน้ำมาเสิร์ฟให้ลูกค้าหนุ่มสาว
“ช่วยทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย”
เขาบีบแก้มเนียนให้เธอฉีกยิ้มแต่กลับถูกดาริณพองแก้มโกรธเคืองใส่ ไอ้บ้าเจ้าขุนชอบบังคับใจเธอชะมัด
เจ้าขุนหัวเราะขบขันท่าทางของเธอ
นั่งรอเพียงไม่นานกระเป๋าคอลเลกชันใหม่ก็ถูกวางเรียงรายอยู่ต่อหน้า ดาริณมองค้อนคนที่ชอบทำตัวโชว์ป๋าอวดรวยไม่เข้าท่าแล้วพ่นลมหายใจฟืดฟาดใส่
“ชอบสีไหนเธอเลือกสิ”
“ไม่เอา”
พูดเสียงเบาพร้อมกับส่ายหน้า
เขาทำตาเจ้าเล่ห์ใส่ จากนั้นก็ก้มลงกระซิบกระซาบกับเธอ
“ฉันไม่ได้ให้เธอเอา ฉันให้เธอเลือกกระเป๋า”
“ไอ้บ้า”
มองคนตรงหน้าตาเขียวปั้ด จากนั้นก็หันมาสนใจกระเป๋าคอลเลกชันใหม่ที่ถูกวางเรียงรายบนแท่นกระจกใสจำใจเลือกมาหนึ่งใบอย่างไม่ลังเล ชี้นิ้วไปที่ใบสีดำละกัน
“ฉันว่าสีดำไม่เหมาะกับเธอหรอก ผมเอาสีชมพูครับ” บอกหญิงสาวแล้วหันไปบอกพนักงานของร้าน
ดาริณถลึงตาใส่คนเผด็จการ ถ้าจะเลือกเองอย่างนี้จะให้เธอเลือกทำไมตั้งแต่แรก
หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยทั้งสองคนก็พากันกลับมายังเพ้นท์เฮ้าส์ส่วนตัวของเจ้าขุน
ชายหนุ่มถือของขึ้นไปเก็บไว้ในห้องที่เขาจัดแจงให้เป็นห้องพักส่วนตัวของเธอ
หญิงสาวเดินตามเข้าไปอย่างเก้ ๆ กัง ๆ กวาดตาสำรวจห้องนอนที่กว้างขวางไม่แพ้อีกห้อง
“มีอะไรก็เรียกนะ”
วางของใช้ทุกอย่างไว้บนโต๊ะแล้วตั้งท่าจะเดินออกจากห้องปล่อยให้หญิงสาวจัดเก็บข้าวของส่วนตัวตามลำพัง แต่ต้องหยุดกึกเพราะเสียงเรียกจากคนด้านหลัง
“เดี๋ยวก่อนเจ้าขุน”
“มีอะไร”
“ขอบคุณนะ”
กล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง
เจ้าขุนรู้สึกขัดเขินแปลก ๆ เขายกมือขึ้นมาลูบท้ายทอยของตัวเองเพื่อแก้เขินแล้วพูดว่า
“ไม่เป็นไร ก็เราเป็นเพื่อนกันหนิ”
ในยามที่เพื่อนลำบากจะให้เขานิ่งเฉยได้ไง เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนอย่างนี้แหละถูกแล้ว
อีกด้าน
หลังถูกเจ้าขุนซ้อมจนน่วมไปทั้งตัวดาวิทย์ก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่ที่คอนโดไม่ยอมกลับบ้าน เพราะกลัวว่าจะเจอกับพวกนักเลงคุมบ่อนที่ตามมาทวงหนี้ยี่สิบล้านบาท
ตอนแรกที่ยืมเงินชวินก็ตั้งใจเอาไปใช้หนี้ แต่ดันเอาไปต่อทุนจนหมดตัวเสียก่อนหนี้ก็ยังไม่ทันได้ใช้สักบาท
เมื่ออาการเริ่มดีขึ้นดาวิทย์ก็หอบหิ้วร่างกายที่ยังบอบช้ำเล็กน้อยไปหาชวินที่บ้าน
สภาพของชวินก็ไม่ต่างจากดาวิทย์เท่าไหร่นัก เพราะวันนั้นเขาถูกเจ้าขุนอัดซะยับแถมยังถูกลูกน้องของฝ่ายนั้นรุมกระทืบจนต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่โรงพยาบาลหลายวัน
พอเห็นหน้าดาวิทย์คนกำลังโมโหก็แผลงฤทธิ์ใส่ เป็นเพราะดาวิทย์คนเดียวที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพนี้
“ทำไมมึงไม่บอกก่อนว่าน้องสาวมึงมีแฟนแล้ววะ”
“แฟนที่ไหน ดาริณยังไม่มีแฟน”
“ไม่มีแฟนเหรอ? งั้นมึงดูนี่”
ชวินเปิดข่าวการคบกันของดาริณและเจ้าขุนให้ดาวิทย์ดู คนเป็นพี่ชายอ้าปากค้างนี่มันไอ้นักเลงเจ้าของบ่อนนี่หว่า
ดาวิทย์ไม่รู้เรื่องข่าวเลยสักนิด อาจเป็นเพราะช่วงนี้เขาติดการพนันจนไม่ได้สนใจโลกภายนอกแถมบ้านช่องก็ไม่ได้กลับนอนค้างอ้างแรมอยู่ที่คอนโดนานนับเดือนแล้ว
“มึงรู้จักมันเหรอ”
“กูไม่รู้ว่ามันเป็นคนของแก๊งไหน รู้แค่ว่าพวกชายชุดดำเรียกมันว่านายน้อย ตอนนี้มันยังเป็นนักศึกษามหา’ลัยอยู่เลย”
เพราะแค้นมากชวินจึงให้คนไปสืบเรื่องของเจ้าขุนแต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก ไม่รู้เป็นเพราะมีคนจงใจปิดบังข้อมูลส่วนตัวหรือเพราะอีกฝ่ายไม่ได้มีอะไรน่าสนใจกันแน่
ครั้นจะให้ยกพวกไปเอาคืนเลยก็ยังรู้สึกเกรงกลัวเพราะเขาเป็นเพียงคนตัวเล็ก ๆ ในแวดวงธุรกิจสีเทา เกิดไปเหยียบหางแก๊งใหญ่เข้าจะทำให้เป็นเรื่องได้ เอาไว้ให้แน่ใจเสียก่อนว่าอีกฝ่ายเป็นแค่ลูกกระจ๊อกธรรมดา ๆ แล้วค่อยไปเอาคืนทีหลังก็ยังไม่สาย
ส่วนดาวิทย์กลับรู้สึกพอใจเป็นอย่างมากหลังจากได้รู้เรื่องว่าที่น้องเขย เขาเริ่มมองเห็นผลประโยชน์บางอย่าง
สงสัยต้องกลับบ้านสักหน่อยแล้ว
กลางดึก
ร่างเล็กนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงกว้างพยายามข่มตาให้นอนหลับทว่าจิตใจกลับเอาแต่ว้าวุ่น เธอลุกนั่งจากนั้นก็เปิดประตูออกมานอกห้องเพ่งมองประตูอีกบานซึ่งปิดสนิท
‘หลับแล้วเหรอ’
คิดสงสัยในใจ ครั้นจะให้เคาะประตูเรียกก็เกรงว่าจะเป็นการรบกวนคนที่นอนหลับไปแล้ว
ดาริณตัดสินใจเดินลงมาชั้นล่างเปิดตู้เย็นหาอะไรที่พอจะทานรองท้องได้ โบราณว่าไว้ว่าหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน เธอก็เลยอยากหาอะไรกินให้หนังท้องของเธอตึงเพื่อหนังตาของเธอจะได้หย่อนตาม
ขณะหยิบผลแอปเปิลขึ้นมากัด หางตาก็สะดุดเข้ากับร่างกำยำของเจ้าของเพ้นท์เฮ้าส์ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องฟิตเนส
เขาเล่นฟิตเนสตอนกลางคืนเนี่ยนะ
ดวงตากลมโตเบิกกว้างริมฝีปากอ้าค้างขณะผลแอปเปิลยังคาอยู่ที่ปาก ดาริณกลืนน้ำลายอึกใหญ่ระหว่างมองร่างสูงที่กำลังเดินเข้าใกล้เธอช้า ๆ ร่องกล้ามที่เรียงตัวกันเป็นลอนทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนมนต์สะกดให้หยุดนิ่ง
ไอ้บ้าเจ้าขุนเดินเปลือยท่อนบนอย่างหน้าตาเฉยไม่คิดถึงความรู้สึกของเพื่อนอย่างเธอบ้างเลยรึไงกัน
มุมปากหยักกระตุกยิ้ม ก่อนจะเดินผ่านเธอไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่ม น้ำเย็นไหลเลอะเทอะมาถึงร่องกล้ามดาริณมองเขาตาไม่กะพริบ
บ้าไปแล้วดาริณ
เธอหันหลังให้คนที่ยืนกินน้ำจากนั้นก็เดินไปที่โซฟาหยิบรีโมตกดเปิดทีวีเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินจนหน้าแดง ดวงตาจดจ้องไปยังหน้าจอทีวีทว่าจิตใจกลับเอาแต่คิดฟุ้งซ่าน
ไม่ใช่ไม่เคยเห็นสักหน่อย เลิกคิด ดาริณ เลิกคิด
เจ้าขุนเดินตามมานั่งด้านข้าง นั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่รู้รึยังไงกันว่ากล้ามแน่น ๆ ของเขามันทำให้เธอมึนหัวไปหมด
โอ๊ย! สงสัยจะเมากล้าม
“ฉันขึ้นห้องแล้วนะ”
จู่ ๆ หญิงสาวก็ทำหน้าบึ้งตึงแล้วลุกพรวดตั้งท่าจะเดินกลับขึ้นไปบนห้องแต่ถูกเจ้าขุนคว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน
“เธอนอนไม่หลับเหรอ”
“ก็นิดหน่อย คงแปลกที่แปลกทางมั้ง”
ไม่ใช่ว่าไม่เคยมานอนที่นี่สักหน่อยแปลกที่แปลกทางอะไรกัน มาทุกครั้งก็เห็นนอนหลับดีสงสัยยัยดาริณจะคุ้นชินกับห้องนอนของเขามากกว่าห้องนั้น
“สนใจมานอนด้วยกันไหม”
เขาพูดขณะลุกขึ้นยืนมือหนายังกำอยู่ที่ข้อมือเล็ก นัยน์ตาเรียบนิ่งไม่มีเล่ห์เหลี่ยมทว่าการชวนให้นอนด้วยกันมันดูกำกวมพิลึก
“นอนเฉย ๆ?”
“อืม หรือเธออยากทำอย่างอื่น”
“ปะ...เปล๊า!!!” โบกไม้โบกมือปฏิเสธ
เจ้าขุนแค่นหัวเราะให้กับท่าทางเลิ่กลั่กของเธอจากนั้นร่างสูงก็จูงมือหญิงสาวไปที่ห้องนอนของเขา
“เธอนอนก่อนได้เลย ฉันไปอาบน้ำก่อน”
ว่าจบเจ้าของห้องก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ดาริณมองตามร่างหนาจนลับตาแล้วเดินเก้ ๆ กัง ๆ ไปที่เตียงนอน
“คิดถูกไหมเนี่ยดาริณ”
อากาศยามค่ำของบ้านพักตากอากาศริมทะเลมีลมพัดโชยสร้างความรู้สึกเย็นสบาย แสงไฟสีอบอุ่นส่องสว่างติดตามแนวรั้วไม้ของบ้านช่วยเพิ่มความโรแมนติก ดาริณเดินเล่นอยู่ริมชายหาดเพียงลำพัง ดวงตาเป็นประกายทอดมองไปยังสุดขอบฟ้า ร่างหนาเดินเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง สันจมูกโด่งคมเคลื่อนไล้ไปตามแก้มเนียนแล้วหอมเธอฟอดใหญ่ ก่อนจะถามคนที่ยืนมองท้องฟ้าราวกับคนเหม่อลอย “คิดอะไรอยู่” พูดชิดแก้มนุ่มจากนั้นริมฝีปากหยักก็ขบกัดตรงใบหูเล็ก ก่อนจะจับร่างเล็กให้หันมาสบตากัน “คิดถึงเรื่องของเราน่ะ ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าเราสองคนจะมีวันนี้ได้” เจ้าขุนคลี่ยิ้ม แววตาลึกล้ำจดจ้องใบหน้าหญิงคนรักแล้วพูดว่า “เธอเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม” “...” หญิงสาวเลิกคิ้วรอฟัง “พรหมลิขิตให้เราได้กลับมาเจอกับคนที่เราเฝ้าตามหามาสิบปี” “นายหมายถึงใคร” “จำกันไม่ได้จริง ๆ เหรอเนี่ย น่าน้อยใจจัง” พูดพลางดึงรั้งร่างเล็กเข้ามากอดก่อนจะจุมพิตลงบนหน้าผากสวยได้รูป จากนั้นก็จับเธอผละออกเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายมองสำรวจใบหน้าขอ
ริมฝีปากหยักเคลื่อนไซ้ไปตามท้ายทอยและซอกคอหอมกรุ่น กดจูบและขบเม้มสร้างความกระสันเสียว ร่างเล็กบิดส่ายเร่าร้อนมือสองข้างเกาะอยู่เบื้องหน้า ปลายนิ้วแกร่งเกี่ยวรั้งกางเกงชั้นในตัวจิ๋วลงมากองอยู่บนพื้น “เสียบเลยได้ไหม” เสียงพูดชิดอยู่ตรงริมแก้มเนียน ก่อนที่ริมฝีปากจะจูบซับพวงแก้มระเรื่อขณะรออีกฝ่ายเอ่ยตอบ “ไม่ไหวแล้วเหรอ” “ไม่ไหวแล้ว” พูดจบก็ถอดเสื้อยืดออกจากทางศีรษะ มือหนาเร่งปลดตะขอกางเกงแล้วรูดรั้งลงไปพร้อมกับกางเกงในบอกเซอร์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สลัดมันออกจากปลายขาอย่างไม่ไยดี ก่อนที่ร่างสูงจะขยับมายืนประกบอยู่ด้านหลังคนตัวเล็ก ปลายนิ้วหนาบดบี้ส่วนที่เป็นติ่งเสียวของหญิงสาว นิ้วกร้านแหย่แยงเข้าไปในร่องรักเพื่อเบิกทางเพิ่มน้ำหล่อลื่น ร่องสวาทเปียกแฉะไปด้วยน้ำหวานที่ผลิตออกมาอย่างล้นหลาม เจ้าขุนจับท่อนเอ็นใหญ่ถูไถตรงสะโพกกลมกลึง ปลายนิ้วทำหน้าที่แหวกให้ร่องรูเบิกกว้าง จากนั้นก็เอาส่วนปลายหยักไปจ่อไว้ตรงปากทางแล้วดันเข้าไปรวดเดียวมิดด้าม ปลายลิ้นหนาแลบเลียตามแนวกระดูกสันหลังด้วยความหื่นกระหาย
@โรงพยาบาล ว่าที่คุณพ่อนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจเลือด ใบหน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้มเมื่อรู้ว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาต้องถูกแทงเข็มฉีดยาเข้าไปในร่างกาย ลูกผู้ชายตัวโตเรื่องปืนผาหน้าไม้ไม่เคยเกรงกลัว แต่พอเป็นเข็มฉีดยากลับกลายเป็นคนใจเสาะใจปลาซิวขึ้นมาเสียได้ ดาริณหัวเราะกระซิก รู้สึกขบขันมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทว่ากับกลัวเข็มฉีดยาอันเล็กกระจิ๋วหลิ๋ว คนหน้าเข้มใช้สายตาดุดันเพ่งมองใบหน้าสวยของคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง ริมฝีปากหนาแนบชิดใบหูเล็กแล้วพูดกระซิบ “หัวเราะเยาะเหรอ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยนะ” “ไม่กลัว” เธอยิ้มแป้นแล้นล้อเลียนเห็นแล้วมันน่าจับฟัดแก้มชะมัด มือหนายกขึ้นบีบแก้มดาริณด้วยความมันเขี้ยว ขณะนั้นคุณพยาบาลก็ออกมาเรียกเขาเข้าห้องเจาะเลือดพอดี “เชิญคุณภัทรดนัยค่ะ” คนถูกเรียกเดินเข้าไปด้านในด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ก่อนเข้าไปก็ไม่ลืมหันมามองคาดโทษคนที่หัวเราะเยาะเขาไม่หยุด คืนนี้เธอโดนแน่ดาริณ เวลาต่อมา ดาริณนอนอยู่บนเตียงตรวจโดยมีเจ้าขุนนั่งอยู่ด้านข้าง ม
“พวกมึงคิดจะทำอะไรหลานกู” คนมีอำนาจตวาดเกรี้ยวกราดมือข้างหนึ่งยกปืนขึ้นจ่อขมับคนที่คุกเข่าอยู่ เปลวไฟแห่งโทสะลุกโชนอยู่ในดวงตาสีเทาอ่อน ดวงตาดุดันจ้องเขม็งคนตรงหน้าราวกับอยากฆ่าให้ตาย ภาพชวินนั่งตัวสั่นเทาทำให้ดาวิทย์เริ่มหวาดกลัว เขานั่งลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจ้าขุนก้มหัวกราบกรานร้องขอชีวิต “เจ้าขุนฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว นายไว้ชีวิตฉันด้วย สัญญาว่าฉันจะไม่ทำแบบนี้อีก ต่อไปนี้ฉันจะกลับตัวเป็นคนดี ไว้ชีวิตฉันด้วยนะ” แค่นหัวเราะให้กับคำพูดของดาวิทย์ เขาไม่เชื่อสักนิดว่าคนอย่างดาวิทย์จะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้ ถ้ามันอยากกลับตัวจริง ๆ มันคงทำไปตั้งนานแล้ว “ยูจะเอาไง” เจ้านายใหญ่หันมาถามหลานเมีย ตอนแรกเขาไม่คิดจะทำร้ายดาวิทย์ แต่มาคิด ๆ ดูแล้วถ้าปล่อยดาวิทย์ไปอีกครั้งมันต้องสร้างปัญหาอีกแน่ และที่เขากังวลมากที่สุดคือคนอย่างดาวิทย์มันต้องใช้ลูกกับเมียของเขาเป็นเครื่องมือต่อรอง เจ้าขุนยกยิ้มมุมปากจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องให้ถึงตายนะ ทำให้พิการตลอดชีวิตและพูดไม่ได้ก็พอ” บอกความต้องการเรียบร้อยก็หันหลังให
“ปล่อยตัวประกันมาก่อน แล้วกูจะบอกว่าเงินอยู่ไหน” เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะได้หลงเชื่อตั้งแต่แรกว่าดาวิทย์ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ จึงให้ออสตินเป็นคนถือกระเป๋าที่บรรจุเงินสดสามสิบล้านเอาไว้ก่อน เมื่อเห็นดังนั้นชวินก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ใบหน้าเหี้ยมโหดแดงก่ำด้วยแรงโทสะ “มึงคิดจะเล่นตุกติกกับกูเหรอ” “ถ้ากูอยากเล่นตุกติกกับมึงกูโทรแจ้งตำรวจไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าอยากได้เงินก็ปล่อยตัวประกันออกมาก่อนแล้วกูจะบอกว่าเงินอยู่ไหน” ชวินทำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหันไปทางมือขวาคนสนิทแล้วเอ่ยสั่ง “ไปเอาตัวไอ้ดาวิทย์มา” “ครับนาย” ดาวิทย์ถูกลากออกมาจากในตึกร้าง มือสองข้างถูกมัดไพล่หลัง สภาพเหมือนคนปกติไม่ได้ถูกซ้อมจนน่วมเหมือนคนที่ถูกจับตัวมา ลูกน้องคนหนึ่งแกะเชือกให้ดาวิทย์ “ทีนี้มึงบอกกูได้รึยังว่าเงินอยู่ที่ไหน” “เงินอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าทางเข้า” เมื่อรู้ที่ซ่อนเงินชวินก็คลี่ยิ้มจนกว้าง เขาส่งซิกให้ลูกน้องสองคนไปเอากระเป๋าเงินตรงจุดที่เจ้าขุนบอก พอรู้ที่ซ่อนเงินแน่ชัดสองหนุ่มเพื่อนซี้ก็หันมาส่
รถสปอร์ตคันงามแล่นไปตามท้องถนนด้วยความเร็วมุ่งหน้าไปที่บ้านของท่านรัฐมนตรี ร่างสูงโปร่งก้าวฉับ ๆ เข้าไปในบ้านของว่าที่พ่อตาอย่างไม่เกรงกลัว เมื่อเห็นหน้าลูกเขย คนร้อนใจก็รีบร้อนเข้าไปหาทันที “พวกมันติดต่อมารึยังครับ” “ติดต่อมาแล้ว มันบอกว่าให้เอาเงินไปให้มันที่นี่” ท่านรัฐมนตรียื่นกระดาษที่จดสถานที่นัดหมายให้กับเจ้าขุน เขาหยิบมันมาดูแล้วพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเงยหน้าสบตากับคนอายุมากแล้วเอ่ยถาม “พวกมันต้องการเงินเท่าไหร่ครับ” ความจริงก็ได้ยินที่ดาริณอุทานแล้วล่ะ แต่ก็อยากถามให้แน่ใจอีกครั้ง ท่านรัฐมนตรีมีสีหน้าหวั่นวิตก ริมฝีปากขบเม้มเป็นเส้นตรง ก่อนจะค่อย ๆ ขยับพูดเสียงอ่อย “สามสิบล้าน” ได้ยินแค่นั้นเจ้าขุนก็ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วรีบโทรหาจรณ [ครับนายน้อย] “คุณช่วยเอาเงินมาให้ผมที่บ้านท่านรัฐมนตรีนพดลหน่อย” [ได้ครับ นายน้อยจะเอาเท่าไหร่ครับ] “สามสิบล้าน” [ได้ครับ ผมจะรีบไป] หลังวางสายจากลูกน้องเขาก็กดโทรหาเพื







