Share

บทที่8

แนสซิริย์ยา – ภัตตาคาร

แมสกูฟ

พันเอกฮัดสันกำลังย่ำเท้ากลับไปมาในโถงทางเดินหน้าบริเวณรับประทานอาหารหลักของภัตตาคารอย่างกระวนกระวาย แทบทุกนาทีเขาจะชำเลืองดูนาฬิกาข้อมือทรงสวยที่สวมอยู่บนข้อมือซ้ายเสมอ ไม่ถอดออกแม้แต่เวลาเข้านอน เขาตื่นเต้นพอๆ กับวัยรุ่นที่ออกเที่ยวกับคู่ควงเป็นครั้งแรก  

 

เขาได้สั่งมาร์ทินีใส่น้ำแข็งพร้อมชิ้นมะนาวฝรั่งมาช่วยฆ่าเวลา ชายเสิร์ฟเครื่องดื่มในบาร์ผู้ไว้หนวดนั้นมองเขาจากหลังคิ้วหนาในขณะที่เช็ดชุดแก้วก้านยาวอย่างขี้เกียจ  

 

ประเทศอิสลามไม่อนุญาตแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตาม เย็นนั้นมีข้อยกเว้น ภัตตาคารขนาดเล็กถูกสำรองไว้ให้คนเพียงสองคน  

ทันทีที่ได้จบการสนทนากับด็อกเตอร์ฮันเทอร์ พันเอกฮัดสันก็ได้ติดต่อเจ้าของและขอ แมสกูฟ พิเศษประจำภัตตาคารซึ่งเป็นที่มาของชื่อภัตตาคาร เนื่องจากความยากลำบากในการได้ส่วนประกอบหลักมาซึ่งก็คือ ปลาไทเกอร์สเตอร์เจียน เขาจึงต้องการให้แน่ใจว่าสถานประกอบการนี้แห่งสามารถจัดหาให้ได้ โดยเขายืนกรานให้ประกอบอาหารอย่างไม่รีบเร่งให้สมบูรณ์แบบที่สุดเนื่องจากทราบดีว่าต้องใช้เวลาเตรียม 2 ชั่วโมง  

 

เนื่องจากเครื่องแบบชุดพรางไม่เหมาะสมสำหรับเย็นนั้น เขาจึงตัดสินใจปัดฝุ่นชุดสูท วาเลนทิโน สีเข้มซึ่งนำมาจับคู่กับเนกไทไหมแบบกองทหารลายเทาและขาว รองเท้าสีดำซึ่งขัดอย่างที่เฉพาะทหารจึงทราบว่าขัดอย่างไรนั้นเป็นของอิตาเลียนเช่นกัน แน่นอนว่านาฬิกาทรงสวยไม่เกี่ยวกับทั้งหมดนี้ แต่เขาไม่สามารถไม่สวมนาฬิกานี้ได้  

 

“ พวกเขาอยู่ระหว่างทางครับ” เสียงดังออกมาจากเครื่องรับที่คล้ายกับโทรศัพท์มือถือซึ่งเขาเก็บไว้ในกระเป๋าตรงหน้าอก เขาปิดสวิตช์เครื่องและมองออกไปทางหน้าต่าง  

 

รถยนต์สีเข้มคันใหญ่หักเลี้ยวหลบถุงยู่ยี่ที่ลอยตามสายลมและกลิ้งตามถนนอย่างช้าๆ มาจอดด้านนอกตรงทางเข้าภัตตาคารพอดี คนขับรอให้ฝุ่นที่ตลบขึ้นมาเพราะยานพาหนะนั้นได้กลับลงไปบนพื้นก่อนแล้วลงจากรถอย่างระมัดระวัง สัญญาณ “ ปลอดโปร่ง ” มาจากหูฟังที่ซ่อนอยู่ในหูข้างขวา เขาชำเลืองมองตำแหน่งที่ตกลงไว้ก่อนหน้านี้อย่างถี่ถ้วนจนกระทั่งแน่ใจว่าเขาได้ระบุตัวตนของเพื่อนทหารแต่ละคนที่มีอุปกรณ์ต่อสู้ครบครันผู้จะดูแลความปลอดภัยของผู้รับประทานอาหารทั้งสองตลอดช่วงอาหารเย็นแล้ว  

 

พื้นที่ปลอดภัย  

 

คนขับเปิดประตูหลังและยื่นมือขวาออกมาช่วยรับผู้โดยสาร  

เอลิซาขอบคุณทหารและก้าวลงจากรถอย่างสง่างาม เธอเงยหน้ามองข้างบนขณะสูดอากาศสดชื่นในเวลาเย็นเข้าจนเต็มปอดพร้อมกับหยุดชั่วครู่เพื่อพินิจพิเคราะห์ทิวทัศน์ตระการตาที่พบได้เฉพาะจากท้องฟ้าอันพร่างพราวไปด้วยดาวเหนือทะเลทราย  

 

พันเอกฮัดสันรอชั่วขณะ ไม่สามารถตัดสินได้ว่าจะออกไปพบเอลิซาหรืออยู่ข้างในรอให้เอลิซาเข้ามาดี ท้ายที่สุดเขาเลือกที่จะนั่งอยู่กับที่โดยหวังว่าจะทำให้ตนดูกระวนกระวายน้อยลง แล้วด้วยการแกล้งทำเป็นไม่สนใจ เขาก็เดินไปที่บาร์ นั่งบนเก้าอี้สูง และดื่มเครื่องดื่มหยดสุดท้ายที่คงเหลืออยู่ในแก้วลงไปโดยเท้าศอกซ้ายบนพื้นผิวไม้สีเข้มและมองดูขณะที่เมล็ดมะนาวฝรั่งตกลงสู่ก้นแก้วอย่างช้าๆ  

ประตูเปิดพร้อมเสียงเอี๊ยดเล็กน้อย และทหารคนขับมองไปรอบๆ ตรวจสอบว่าทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อย พันเอกฮัดสันพยักหน้าให้เล็กน้อย และคนขับก็เชิญเอลิซาเข้ามาโดยผายมือกว้างให้เอลิซาเดินนำหน้า  

“ สวัสดีตอนเย็นครับด็อกเตอร์ฮันเทอร์” พันเอกฮัดสันกล่าวโดยลุกขึ้นจากเก้าอี้และยิ้มอย่างดีที่สุด “ผมเชื่อว่าการเดินทางสะดวกสบายใช่ไหมครับ”  

“ สวัสดีค่ะผู้พัน” เอลิซาตอบด้วยรอยยิ้มพราวเท่าเทียมกัน “ดีมาก ขอบคุณค่ะ คนขับของท่านใจดีมาก”  

“ นายไปได้แล้ว ขอบใจ” เขาบอกคนขับด้วยน้ำเสียงแสดงอำนาจ ชายหนุ่มทำวันทยหัตถ์ หมุนตัว และหายไปในความมืด  

“ รับเหล้าก่อนอาหารไหมครับอาจารย์” พันเอกฮัดสันถามพร้อมกับโบกมือเรียกชายเสิร์ฟเครื่องดื่มในบาร์ผู้ไว้หนวดให้มาหา  

“ อะไรก็ได้ที่ท่านดื่มอยู่ค่ะ” เอลิซาตอบอย่างไม่ลังเล ชี้ไปที่แก้วมาร์ทินีที่พันเอกฮัดสันยังคงถืออยู่ แล้วกล่าวเสริมว่า “เรียกฉันว่า

เอลิซาเถอะค่ะผู้พัน ฉันชอบมากกว่า”  

“ ได้เลยครับ และคุณเรียกผมว่าแจ็กได้ “ผู้พัน” แค่ไว้ให้ทหารของผมเรียก”  

 

นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดี พันเอกฮัดสันคิด  

 

ชายเสิร์ฟเครื่องดื่มหลังบาร์เทมาร์ทินีแก้วที่สองและส่งให้ผู้มาใหม่อย่างชำนาญ เอลิซายกแก้วชนกับพันเอกฮัดสัน  

“ ดื่มค่ะ” เอลิซากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาแล้วจิบ  

“ ผมต้องพูดเลยว่าคุณดูงามสง่ามากเย็นนี้ เอลิซา” พันเอกฮัดสันกล่าวโดยกวาดสายตาขึ้นลงแขกของตนอย่างรวดเร็ว  

“ แหม ท่านก็ดูไม่เลวค่ะ เครื่องแบบอาจมีเสน่ห์ แต่ฉันชอบท่านอย่างนี้มากกว่า” เอลิซากล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และเอียงศีรษะไปด้านหนึ่ง  

 

ด้วยความเขินอยู่บ้าง แจ็กเปลี่ยนความสนใจไปยังสิ่งที่อยู่ในแก้วที่ตนถืออยู่ จ้องมองสักพักแล้วกระดกดื่มหมดแก้ว  

“ เราไปที่โต๊ะกันดีไหม”  

“ เป็นความคิดที่ดีค่ะ” เอลิซาอุทาน “ฉันหิวมากๆ”  

“ ผมได้สั่งอาหารพิเศษประจำร้านไว้แล้ว ผมหวังว่าคุณจะชอบ”  

“ อย่าบอกนะคะว่าท่านโน้มน้าวให้เขาทำ แมสกูฟ !” เอลิซากล่าวด้วยสีหน้ามึนงงโดยเบิ่งตาสีเขียวน่ารักของตนให้กว้างที่สุดเท่าที่ทำได้ “เกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะเจอ ปลาไทเกอร์สเตอร์เจียนในเวลานี้ของปี ”  

“ สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้นเพื่อแขกอย่างคุณ” พันเอกฮัดสันกล่าวอย่างอิ่มอกอิ่มใจที่เห็นว่าตัวเลือกของตนดูเหมือนจะออกมาดี เขายื่นมือขวาออกมาอย่างสุภาพและเชิญเอลิซาให้ตามมา เอลิซายอมให้เขานำไปที่โต๊ะโดยยังคงยิ้มอย่างซุกซน  

 

สถานที่ตกแต่งอย่างน่าดึงดูดใจในลักษณะที่เป็นปรกติของภูมิภาค แสงไฟอบอุ่นและนวลตา และม่านขนาดใหญ่โตมโหฬารที่ยาวตั้งแต่เพดานลงมานั้นเกือบคลุมผนัง พรมผืนใหญ่ที่มีหน้าลายพรมแบบอาหรับคลุมพื้นแทบทั้งหมด ในขณะที่ผืนอื่นๆ ซึ่งเ ล็กกว่าได้รับการวางอยู่ที่มุมห้องเสมือนเพื่อเป็นกรอบ แน่นอนว่าตามประเพณี แล้วคงรับประทานอาหารในขณะที่เอนตัวอยู่บนเบาะนุ่มสบายบนพื้น แต่ในฐานะชาวตะวันตกทั่วไป พันเอกฮัดสันชอบโต๊ะ “ปรกติ” มากกว่า แม้แต่โต๊ะก็จัดไว้เป็นอย่างดีโดยสีที่เลือกสำหรับผ้าปูโต๊ะเข้ากับส่วนที่เหลือของอาคารอย่างพอเหมาะพอเจาะ ดนตรีในฉากหลังซึ่งมี ดาร์บูก้า 9

พร้อมจังหวะ แมกซัม 10

ประกอบทำนองจาก อู้ด 11

กังวานไปทั่วห้องเบาๆ  

 

ค่ำคืนอันสมบูรณ์แบบ  

 

บริกรร่างผอมสูงเข้ามาใกล้ทั้งสองอย่างสุภาพและโค้งเชิญให้นั่ง พันเอกฮัดสันปล่อยให้เอลิซานั่งลงก่อนในขณะที่สนใจจัดเก้าอี้ของตนแล้วนั่งตรงข้ามกันโดยระวังไม่ให้เนกไทพาดไปบนจาน  

“ ที่นี่ดูดีมากจริงๆ” เอลิซากล่าวโดยมองไปรอบๆ ตัว  

“ ขอบคุณครับ” พันเอกฮัดสันกล่าว “ผมต้องสารภาพว่าผมกังวลนิดหน่อยว่าคุณจะไม่ชอบที่นี่ แต่แล้วผมก็จำได้ว่าคุณหลงใหลแถบนี้และคิดว่าคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด”  

“ ท่านเดาถูกต้อง!” เอลิซากล่าวโดยอวดรอยยิ้มมหัศจรรย์อีกครั้งหนึ่ง  

 

บริกรเปิดจุกขวดแชมเปญ และในขณะที่กำลังเติมแก้วทั้งสอง บริกรอีกคนหนึ่งก็มาถึงโดยถือถาดมาด้วย “ต้องการลอง โมสต์โอแบดเดมจัน 12

ไหมครับ”  

ผู้รับประทานอาหารเย็นทั้งสองมองหน้ากันด้วยความยินดี ทั้งสองยกแก้วของตนขึ้นดื่มอวยพรอีกครั้งหนึ่ง  

ในรถยนต์สีเข้มห่างจากภัตตาคารออกไปประมาณหนึ่งร้อยเมตร คนแปลกหน้าสองคนกำลังง่วนอยู่กับระบบสอดแนมอันชาญฉลาด  

“ นายเห็นไหมว่าพันเอกนั่นปรนเปรอผู้หญิงคนนั้นยังไง” คนที่น้ำหนักตัวเกินอย่างแน่นอนในที่นั่งของคนขับกล่าวด้วยรอยยิ้มแสยะ เขากำลังเคี้ยวแซนด์วิชชิ้นมโหฬาร และทำให้ทั้งท้องและกางเกงเต็มไปด้วยผงขนมปัง  

“ เป็นความคิดปราดเปรื่องที่ใส่ตัวส่งสัญญาณเข้าไปในตุ้มหูของอาจารย์นั่น” อีกคนหนึ่งซึ่งผอมกว่ามากตอบ เขามีตาสีเข้มดวงใหญ่และกำลังจิบกาแฟจากถ้วยกระดาษสีออกน้ำตาลขนาดใหญ่ “เราได้ยินทุกอย่างที่พวกเขากำลังพูดได้จากตรงนี้”  

“ ให้แน่ใจนะว่านายไม่ทำเสียและบันทึกทุกอย่าง” อีกคนหนึ่งดุ “ไม่งั้นเขาจะบังคับเรากินตุ้มหูนั่นเป็นอาหารเช้า”  

“ อย่ากังวลเลย ฉันคุ้นเคยกับอุปกรณ์นี้มาก เราจะไม่พลาดแม้แต่เสียงกระซิบ”  

“ เราต้องหาว่าผู้หญิงคนนั้นได้ค้นพบอะไรแน่” คนอ้วนกว่ากล่าวเสริม “เจ้านายลงทุนไปเยอะแล้วกับการติดตามการวิจัยนี้อย่างลับๆ”  

“ นั่นไม่ง่ายแน่ดูจากโครงสร้างการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาที่พันเอกนั่นวางไว้” ผู้ชายร่างผอมเงยหน้ามองท้องฟ้าเสมือนอยู่ในความฝันแล้วกล่าวเสริมว่า “ถ้าเขาให้แม้แต่เศษส่วนหนึ่งของเงินนั่นเดี๋ยวนี้ ฉันคงนอนแผ่ใต้ต้นปาล์มในคิวบา และสิ่งเดียวที่ฉันจะต้องเป็นห่วงคงเป็นเรื่องว่าจะสั่งมาร์การิต้าหรือพินาโคลาด้าดี”  

“ และอาจมีเด็กผู้หญิงสองสามคนในชุดบิกินี่ทาครีมกันแดดให้นายด้วยซ้ำ” ผู้ชายร่างใหญ่กล่าวแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาซึ่งทำให้เศษขนมปังหล่นออกจากท้องที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลง  

 

“ อาหารเรียกน้ำย่อยจานนี้อร่อยนะคะ ” เสียงของอาจารย์สาวผิดเพี้ยนไปเล็กน้อยด้วยลำโพงขนาดเล็กที่อยู่บนแผง “ฉันต้องสารภาพว่าฉันไม่เคยคิดว่าจะมีผู้ชายแสนฉลาดซ่อนอยู่หลังเครื่องแบบทหารเข้มงวดนั่นเลย”  

“ แหม ขอบคุณครับเอลิซา และผมคงไม่คิดเลยว่านักวิชาการผู้มีคุณวุฒิสูงและสวยจะเป็นมิตรและมีเสน่ห์มากได้ ” พันเอกฮัดสันกล่าว เสียงผิดเพี้ยนบ้างเช่นกัน แต่ต่ำกว่าเล็กน้อย  

“ ฟังพวกเขาอ่อยกันสิ” ผู้ชายตัวใหญ่อุทานอยู่ในที่นั่งของคนขับ “ฉันว่าเขาจะไปจบที่เตียงกัน”  

“ ฉันไม่แน่ใจนะ” อีกคนหนึ่งยืนยัน “ด็อกเตอร์เป็นผู้หญิงฉลาดแน่นอน และฉันไม่เชื่อว่าอาหารเย็นและคำชมสั่วๆ อย่างนั้นจะพอที่จะทำให้เธอยอมอยู่ในอ้อมแขนของเขา”  

“ ฉันจะพนันกับนายสิบเหรียญว่าพวกเขาจะทำอย่างว่าคืนนี้” ผู้ชายคนอ้วนกล่าวโดยยื่นมือขวาให้เพื่อนร่วมงาน  

“ ตกลง ได้เลย” อีกคนหนึ่งตกลงโดยจับมือใหญ่ที่เสนอให้  

 

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status