“อิง ๆ อาจารย์ธาวิน ขอสายอิงนะ”
ใหม่เด็กสาวที่อายุรุ่นเดียวกันกับเธอ เรียกให้รับโทรศัพท์จากอาจารย์ท่านหนึ่ง
อิงดาวมองหน้าสาวธุรการประจำสำนักงานคนสวยอย่างงวยงง เธอมาทำงานที่นี่ได้เพียงแค่สองอาทิตย์เท่านั้น ทำไมมีคนโทรมาติดต่องานเร็วจัง
“ไม่ต้องทำหน้างงจ๊ะ อาจารย์เขาจะขอพูดกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องมาตรฐานห้องทดลองของมหาวิทยาลัย ก็มีแค่อิงดาวคนเดียวเท่านั้นล่ะจ๊ะที่ทำเรื่องนี้”
ใหม่รีบพูดขึ้นเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ใหม่ประจำสำนักงานทำท่าเงอะงะเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก
“จ๊ะ ขอบใจ”
อิงดาวยิ้มให้เพื่อนแก้เก้อ พลางยกหูโทรศัพท์ขึ้นแล้วกรอกเสียงลงไปว่า
“สวัสดีค่ะ อิงดาวพูดค่ะ”
“ครับ คุณดูแลเรื่องมาตรฐานห้องทดลองใช่ไหม”
เสียงทุ้มจากปลายดังขึ้น
“ค่ะ”
อิงดาวตอบเสียงสั่น หัวใจเต้นตุบตับรู้สึกร้อนรน เพราะเธอเพิ่งจะเข้าทำงานได้ไม่ถึงเดือน เกิดเหตุผิดพลาดจากงานที่ทำหรือเปล่านะ ทำไมอาจารย์ต้องโทรมาหาเราด้วย
“ห้องทดลองของผม ไม่มีเชื้อโรคและพิษจากสัตว์นะ คงไม่ต้องส่งรายละเอียดของห้องทดลองคืนกลับไปให้ใช่ไหม”
เสียงจากปลายสายดังรัวเข้ามา คนที่รับฟังอยู่ปลายสายเหงื่อแตกซิกเต็มหน้าผากก่อนตอบเสียงสั่นว่า
“ใช่ค่ะ รายงานเฉพาะห้องทดลองที่ใช้เชื้อโรคและพิษจากสัตว์ค่ะ”
อิงดาว เริ่มจำได้คร่าว ๆ แล้วว่า เมื่อสองสามวันก่อนหัวหน้าสำนักงานสั่งให้เธอทำหนังสือถึงคณะฯ ต่าง ๆ เพื่อสำรวจห้องทดลองที่ใช้เชื้อโรคและพิษจากสัตว์ในการวิจัย ตามคำสั่งจากสำนักงานวิจัยแห่งชาติอีกทีหนึ่ง แต่ไม่รู้ทำไมหนังสือไปถึงมืออาจารย์ที่ไม่ได้ทำเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
“ผมว่าควรส่งไปที่ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมน่าจะตรงกว่า”
“ค่ะ”
อิงดาวตอบรับเสียงเบา กลัวปลายสายด่ากลับมาว่าส่งหนังสือผิด แต่สิ่งที่เธอได้ยินก็ทำให้เธอโล่งอกได้ไปกว่าครึ่ง
“สงสัยพี่โอมจะส่งหนังสือให้ผิด”
ปลายสายกำลังเอ่ยถึงเจ้าหน้าที่วิจัยประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่มีหน้าประสานงานและจัดส่งหนังสือที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยทั้งหมดของคณะวิศวกรรมศาสตร์
“ค่ะ”
อิงดาวตอบได้แค่นั้น เพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอย่างไร
“ครับ งั้นเข้าใจตรงกันผมไม่ต้องรายงานข้อมูลอะไร”
“ค่ะ”
เมื่อสิ้นสุดการสนทนา อิงดาววางหูลง ใหม่ก็ยิ้มให้เธอพร้อมกับทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ
“เป็นไง ๆ เสียงอาจารย์สุดหล่อ ตัวท๊อประจำมหาวิทยาลัย เป็นไงบ้าง นุ่มหูดีไหม?”
“เอ๊ะ”
อิงดาวอุทานออก พร้อมกับแสดงสีหน้าเหมือนไม่เข้าใจว่าเพื่อนร่วมงานกำลังพูดภาษาอะไรกับเธออยู่
“ทำหน้างงอีกแล้ว นี่เธอรู้ไหมว่า อาจารย์ที่โทรมาหาเธอเมื่อกี้ เป็นอาจารย์หนุ่มที่เก่งมาก และก็หล่อมากด้วย สาวเล็ก สาวน้อยต่างมองอาจารย์ตาเป็นมัน อยากจะเข้าไปจิ๊จ๊ะอี๋อ๋อกับอาจารย์ทั้งนั้นล่ะย่ะ เธอนี่ โชคดีนะ ทำงานไม่ทันไร ก็ได้คุยกับอาจารย์แล้ว”
“เอ่อ อาจารย์แค่บอก ว่าเราส่งหนังสือผิด”
อิงดาวยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับบอกออกไปตามประสาซื่อ และไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำโฆษณาชวนเชื่อของเพื่อนสาวแม้แต่น้อย
“เธอนี่นะ ซื่อบื้อเป็นบ้า ถ้าเป็นฉันนะ จะแกล้งถามโน้นถามนี้ แกล้งคุยนาน ๆ เสียหน่อย อิ อิ”
ใหม่หัวเราะคิกคักก่อนจะหันกลับไปทำงานตามเดิม
ส่วนอิงดาวก็หันกลับมาตั้งใจทำงานตรงหน้าต่อไป เธอเพิ่งได้โอกาสเข้าทำงานเป็นครั้งแรก หลังจากที่เธอเรียนจบในวัยยี่สิบสามปี ดังนั้น เธอจะต้องทำทุกอย่างให้เต็มที่เพื่อจะได้ไม่ถูกไล่ออก
การที่เราเรียนจบอีกสาขาหนึ่ง แล้วมาทำงานในอีกสาขาหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องยากมากนักสำหรับการทำงาน หากเราลดทิฐิมานะลง ไม่ถือว่าตัวเองจบจากสถาบันไหน หรือได้เกียรตินิยมมาหรือไม่ ก็สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้เสมอ
อิงดาวก็เช่นกัน หลายสิ่งหลายอย่างเธอเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ สำหรับงานในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่วิจัย ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เช่น การเรียนรู้ว่าโครงการวิจัยที่มีการเก็บข้อมูลกับมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นด้านพฤติกรรม สังคม ร่างกายหรือจิตใจล้วนต้องขอจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ ก่อนที่จะเริ่มเก็บของมูลเหล่านั้นมาทำวิจัย
งานในหน้าที่หลัก ๆ ของอิงดาว คือ การบริหารจัดการโครงการวิจัยของมหาวิทยาลัยทั้งหมดให้เป็นไปตามมาตรฐานการวิจัยระดับสากล อาจารย์และนักวิจัยจะต้องยื่นข้อเสนอโครงการวิจัยเข้ามาที่สำนักงานวิจัย ก่อนการทำวิจัยทุกครั้ง แล้วเธอก็จะนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณารับโดยคณะกรรมการด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยนั้น ๆ
ด้วยความตั้งใจ และความทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่ของอิงดาวเพียงแค่ห้าเดือนพี่ ๆ ในสำนักงานแทบจะไม่ต้องสอนอะไรเธออีก และสามารถปล่อยให้เธอทำงานสำคัญอย่างเช่น การจัดการประชุมคณะกรรมการได้อย่างสบายใจ อีกทั้งงานที่เธอทำเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว พี่ ๆ ในสำนักงานจึงมักจะไหว้วานให้เธอช่วยทำงานอย่างอื่นนอกเหนือจากหน้าที่ในตำแหน่งของตน วันนี้ก็เช่นกัน
“น้องอิงดาว”
เสียงป้านก สาวที่ใหญ่ทั้งตัว ทั้งตำแหน่งใหญ่ที่สุดในสำนักงานดังขึ้น พร้อมกับร่างอวบอ้วนตรงเข้ามาที่โต๊ะของอิงดาว
“ช่วยพี่ส่งร่างรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ให้ผู้ทรงหน่อยนะ”
เธอขอร้องแกมออกคำสั่ง พร้อมกับวางเล่มรายงานกองโตไว้ตรงหน้าหญิงสาวที่กำลังมองเธอตาปริบ ๆ
“ค่ะ ได้ค่ะ”
อิงดาวยิ้มรับ พร้อมกับเลื่อนเล่มร่างรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ ไปไว้อีกมุมหนึ่งของโต๊ะ
“ขอบใจจ้ะ”
ป้านกฉีกยิ้มกว้าง แล้วรีบพูดขึ้นว่า
“แต่ว่าพี่ยังไม่ได้หาชื่อผู้ทรงคุณวุฒิสำหรับอ่านงานวิจัยในแต่ละเรื่องเลยนะ ฝากอิงดาวหาให้พี่ด้วยเลยแล้วกันนะ งานวิจัยหนึ่งเรื่องต้องให้ผู้ทรงคุณวุฒิอ่านสามคน เมื่อหารายชื่อผู้ทรงได้ ก็โทรไปทาบทามผู้ทรง ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ แล้วค่อยจัดส่งเล่มร่างรายงานไปให้ผู้ทรงทางไปรษณีย์ ส่วนซองจดหมาย กับแสตมป์เบิกกับน้องใหม่นะจ๊ะ”
พูดจบป้านกก็ฉีกยิ้มให้ทีหนึ่งก่อนที่จะเดินออกไปอย่างสบายใจ เหมือนโยนก้อนหินใหญ่ออกจากตัว แล้วเดินตัวเบากลับไปที่นั่งของตน ปล่อยให้คนรับก้อนหินอย่างอิงดาวมองตามตาปริบ ๆ สมองเด็กใหม่ประจำสำนักงานอย่างเธอกำลังประมวลผล สิ่งที่พี่นกสั่งให้ทำ คือ ทำตั้งแต่ต้นจนจบใช่ไหม
“นี่ ๆ ถูกป้านกหลอกใช้อีกล่ะสิ ถึงได้นั่งเอ๋อแดกพร้อมกับเอกสารกองโตขนาดนี้”
ใหม่เข้ามาสะกิดเธอ
“เราก็ว่าง ๆ พอดี ช่วยพี่เขาทำนิดหน่อยเอง”
อิงดาวยิ้มน้อย ๆ ตอบไปตามความจริง
“จ๊ะ แม่คนดี นี่เธอหัดปฏิเสธคนเป็นไหม อะไรที่มันไม่ใช่งานในหน้าที่ของเราก็อย่าทำเยอะ เหนื่อยเปล่า ๆ เพราะคนได้หน้ายังไงก็เจ้าของงาน”
“เอ่อ”
อิงดาวได้แต่ส่งยิ้มกลับไป จะให้เธอพูดอะไรได้ในเมื่อคนที่ไหว้วานให้ช่วยงาน คือคนที่สูงวัยกว่าเธอ และมีตำแหน่งสูงกว่าเธอ อีกทั้งเธอเพิ่งจะเข้าทำงานได้ไม่นาน เธอยังไม่อยากถูกไล่ออกเพียงเพราะปฏิเสธงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้
ความจริงที่ซ่อนไว้ 8ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ Unlucky in love , Unlucky in gameเมื่อถึงรอบการประเมินเพื่อเลื่อนตำแหน่งจากพนักงานมหาวิทยาลัยระดับฝึกหัดเป็นระดับปฏิบัติการหากผ่านจะมีฐานเงินเดือนที่สูงขึ้น และมีความก้าวหน้าในสายงานอาชีพมากขึ้นปรากฏว่าฉันถูกประเมินว่า “ไม่ผ่าน” ซึ่งหัวหน้าสำนักงาน (พี่ณี) และท่านรองฯ ให้เหตุผลกับฉันว่า...เพราะเธอไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ (คงจะเป็นเมื่อครั้งที่ฉันรั้นจะจัดอบรมนอกมหาวิทยาลัย) มาสาย และบ่นลงเฟสบุ๊คเหตุผลแต่ละข้อที่กล่าวมา ทำให้ฉันหัวเราะทั้งน้ำตาการเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือนไม่ได้ดูที่ผลงานหรืองานที่พัฒนาขึ้น แต่วัดกันที่เหตุผลส่วนบุคคลของคนบางกลุ่ม จนบางครั้ง ฉันรู้สึกหมดแรงกับการทำงานตั้งใจทำงานเพื่ออะไร พัฒนางานไปเพื่ออะไรทำงานให้เสร็จเรียบร้อยเพื่ออะไรเพราะทำไปเงินเดือนก็ไม่ขึ้น ตำแหน่งก็ไม่ได้ สู้เอาแรงกายแรงใจไปนั่งเลียแข้งเลียขาเจ้านายดีกว่าไหมสุดท้าย....ฉันก็ต้องยอมรับกับผลการประเมินที่ไม่เป็นธรรมแต่จะให้เปลี่ยนตนเองเป็นคนเลียแข้งเลียขา หรือเช้าชามเย็นชามก็ไม่ไหวเพราะสิ่งที่ฉันยึดมั่นอยูในใจเสมอมา คือค่าของคนอยู
ความบังเอิญครั้งที่ 4วันนั้น ฉันจัดประชุมคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์กว่าการประชุมจะสิ้นสุดลง ก็กินเวลาจวนเจียนจะบ่ายข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้อง น้ำย่อยในกระเพาะมันร่ำร้องให้ฉันพาตนเองไปทานข้าวที่โรงอาหารกลางเมื่อกินข้าวเสร็จก็ลุกขึ้นเพื่อเอาจานไปวางไว้ที่อ่างสำหรับเตรียมล้างนึกไม่ถึงเลยว่าจะเจออาจารย์ A กำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่ด้านหลังเขานั่งหันหลังให้ฉันแม้หัวใจมันร่ำร้องอยากจะเข้าไปทักแต่สถานะที่เป็นอยู่ทำให้ฉันต้องข่มใจ แล้วเดินผ่านอาจารย์ไปฉันเดินออกจากโรงอาหารไปด้วยหัวใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะขึ้นสำนักงาน จึงแวะที่ร้านกาแฟก่อนระหว่างที่นั่งรอกาแฟนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ A จะมาที่ร้านกาแฟเหมือนกันอาจารย์ A เปิดประตูเข้ามา ใบหน้าเรียบเฉย มองฉันแค่แวบเดียวแล้วมองผ่านเลย เหมือนคนไม่เคยรู้จักกันฉันกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอในเมื่อเขาไม่อยากรู้จัก เราก็จะไม่ทักเขาให้ต้องระคายเคืองใจเมื่อได้กาแฟแล้ว ฉันก็รีบเดินออกจากร้านทันทีและสิ่งที่ทำให้ฉันตัดใจไม่ได้สักที คือผลจากแผนการที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้นที่ฉันเที่ยวไปประกาศปาว ๆ ว่างานอะไรที่เกี่ยวข้องก
ความจริงที่ซ่อนไว้ 7ยิ่งคุยกัน.....ระยะห่างระหว่างเรายิ่งสั้นลงเรื่อย ๆไม่รู้ทำไม...ทุกครั้งที่จบการสนทนาในแชทบล็อกเราต้องนั่งอมยิ้มคนเดียวแล้วในหัวก็จะมีเรื่องของเขาวนเวียนอยู่ในหัวทันทีที่เริ่มรู้สึกรัก ฉันก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดอกหักทันทีที่รัก เพราะรู้ดีแก่ใจว่า รักครั้งนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ฉันตั้งใจขุดหลุมล่อหลอกอาจารย์ให้ตกลงไปเพื่อใช้อาจารย์เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นหัวหน้ากลับกลายเป็นฉันที่ตกลงไปในหลุมเสียเองจนอยากที่จะปีนขึ้นไปในขณะที่ฉันเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักอาจารย์จนยากจะตัดใจอาจารย์ก็เริ่มรู้ตัวว่าถูกฉันตามจีบการสนทนากันในแชทจึงเริ่มน้อยลง อาจารย์ A ถามคำตอบคำจนฉันเริ่มรู้ถึงการรักษาระยะห่างของเขาฉันจึงพยายามตัดใจจากเขา เพราะเข้าใจดีว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่มีทางมองผู้หญิงระดับต่ำกว่าแน่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา หรือฐานะดังนั้น ฉันจึงห้ามใจไม่ทักแชทไปอีก และหักดิบโดยการเลิกเป็นเพื่อนกับเขาทาง F******k เพื่อที่จะไม่ต้องรับรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับเขาอีกแต่ดูเหมือนฟ้าจะยังคงสนุกกับการทรมานหัวใจของฉันยิ่งอยากตัดใจ ก็ยิ่งให้ฉันต้องบังเอิญ
จนกระทั่งรถวิ่งผ่านสวนป่าข้างหนองน้ำ...“ ด้านซ้ายมือ... จะเห็นเครื่องออกกำลังกาย... สำหรับออกกำลังกายตอนเย็นๆ รอบหนองน้ำเป็นทางวิ่ง เขาเรียกกันว่า.... หนอง... หนอง....”อาจารย์ A หันมาสบตาฉันเพื่อขอความช่วยเหลือ...“หนองอิเจมค่ะ”ฉันตอบทันทีอย่างรู้งาน“ทำไมถึงชื่อ หนองอิเจมหรือครับ”วิทยากรสงสัย.......และแล้วอาจารย์ A ก็ได้รับอีก 1 หน้าที่ นั่นคือ นักเล่าประวัติศาสตร์หนองอิเจมของมหาวิทยาลัยจนกระทั่งในที่สุดรถก็เลี้ยวเข้าตึกสำนักงานอธิการบดีที่รถอาจารย์ A จอดไว้เครื่องมือแก้แค้นหัวหน้ากำลังจะลงจากรถแล้ว !ฉันเหลือบมองกระเป๋าอาจารย์ A ที่วางอยู่บนเบาะข้าง ๆสวรรค์ช่างเข้าข้างนัก !ฉันจึงถือกระเป๋าใบนั้นขึ้นมา ในขณะที่อาจารย์ A กำลังไหว้ลาวิทยากร แล้วเปิดประตูลงจากรถ“อาจารย์คะ กระเป๋าค่ะ !”ฉันตะโกนเรียกอาจารย์ พร้อมกับชูกระเป๋าให้ดู“อ๋อ... ขอบคุณครับ”ฉันยื่นกระเป๋าให้.....มือหนึ่งจับด้านข้าง.... อีกมือสอดไว้ใต้กระเป๋าอย่างจงใจ...อาจารย์ A ยื่นมือมารับกระเป๋า...มือนุ่มๆ ยาวเรียวของเขาประกบกับมือเล็ก ๆ ที่ฉันจงใจสอดไว้ใต้กระเป๋าหนังใบโต...Yes !เป็นไปตามแผน !... ฉันลิงโลดในใจ
ความจริงที่ซ่อนไว้ 5และแล้ววันอบรมก็มาถึง !ฉันต้องดีดตัวเองลุกจากที่นอนตั้งแต่ไก่โห่ !แล้วแจ้นไปรับวิทยากรที่สนามบิน !….ส่วนอีกทีมหนึ่งฝากให้น้องนก กับพี่เกด คอยต้อนและรับเหล่าอาจารย์ ที่เข้าร่วมอบรมให้ขึ้นรถบัส แล้วไปสมทบกันที่ รีสอร์ต The best orchid….เริ่มต้นการอบรม เป็นไปอย่างสวยงาม ผู้เข้าร่วมอบรมต่างประทับใจวิทยากรกันยกใหญ่...ทึ่งกับความคิดที่ไม่เหมือนใครทึ่งกับแนวทางการก้าวสู่ “ตำแหน่งศาสตราจารย์” ที่อายุยังน้อยและทึ่งกับฉันที่สามารถขุดค้นศาสตราจารย์ท่านนี้มาได้น้อง ๆ พี่ทีมงานที่มาช่วยจัดอบรมต่างรู้กันดีว่า ฉันกำลังวางแผนจีบอาจารย์ A เพื่อแก้แค้นหัวหน้า ดังนั้น ทุกคนต่างสนับสนุนช่วยเหลือฉันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็น ช่วยถ่ายรูปอาจารย์ A เอาไว้แทบจะทุกช็อตในระหว่างที่นั่งอบรมกันในห้องประชุมนั้นอาจารย์ A ขอน้ำดื่มเพิ่ม พี่เกดก็มาสะกิดฉันให้ยกน้ำดื่มไปเสิร์ฟอาจารย์แม้กระทั่งตอนพักเที่ยง....ฉันแอบชำเลืองมองไปที่โต๊ะอาหารที่กลุ่มอาจารย์คณะวิศวะฯ นั่งอยู่ เมื่อเห็นว่า กลุ่มอาจารย์กำลังลุกออกจากโต๊ะฉันจึงรวบช้อน รีบกลืนข้าวที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียดให้ลงคอ แล้วตามด้วยน้ำ“หนู
ความจริงที่ซ่อนไว้ 41 สัปดาห์ผ่านไป !อาจารย์ท่านอื่นๆ สมัครมาเกือบจะเต็มจำนวนที่เปิดรับแล้วอาจารย์ A ยังไม่ตอบรับมาเลย >เอาไงดี ๆ -ฉันกระวนกระวายในใจ“พี่เกด !” (นามสมมุติ)ฉันร้องเสียงหลง... ทันทีที่เห็นพี่เกดเดินเข้ามาในออฟฟิศ....ยังเช้าตรู่ ทั้งออฟฟิศมีแค่ฉันกับพี่เกด ดังนั้น ฉันจึงโหวกเหวกได้ตามใจ“แวะ ๆ แวะ โต๊ะหนูก่อน”ฉันลากพี่เกดมาที่โต๊ะ“พี่เกด หนูจะเชิญอาจารย์ A ไปอบรมกับหนูแบบเนียน ๆ”“หือ....”พี่เกดลากเสียง ตาวาว เพราะไม่มีใคร ไม่รู้จักความฮอต ของอาจารย์ผู้นั้น“หนูอยากจะทำความรู้จักกับอาจารย์ A ค่ะ”ฉันรีบบอกความต้องการของตนเองไปอย่างตรงไปตรงมา เพราะตอนนี้ความอยากแก้แค้น และเอาคืน มันมีมากกว่าความรู้สึกกระดากอาย“เอาจริง”“จริงแท้ แน่นอน”“เปลี่ยนเป้าหมายใหม่เถอะ ! เขาเป็นถึงตัวท๊อปของคณะวิศวะเลยนะ ! เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์เลยนะคะ”พี่เกดพูดพร้อมกับจะขยับตัวลุกขึ้น แต่คนมือไวคว้าหมับ รั้งไว้“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ ! ให้หนูลองดูสักตั้งนะคะ”วินาทีนี้ ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนความตั้งใจของฉันได้ !สุดที่รักของหัวหน้าใช่ไหม ! คอยดู ! แล้วฉันจะสอยลงมาอยู่ในกำมือ