“วู้ย ! ฉันไม่คุยกับยัยซื่อบื้อแบบเธอแล้วย่ะ ! อารมณ์เสีย ไปทำงานต่อดีกว่า”
ใหม่กระแทกส้นเข็มกลับไปที่โต๊ะของตน
อิงดาวมองตามหญิงสาวสวยเปรี้ยวจี๊ดอย่างขำ ๆ เธอเข้าใจในความหวังดีของเพื่อน แต่อะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเธอก็ไม่ปฏิเสธ
หญิงสาวก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเองได้ไม่นานนักเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“อิง ๆ พรุ่งนี้พี่จัดอบรมพัฒนาทักษะนักวิจัย ไปช่วยพี่จัดงานหน่อยนะ”
พี่มุตา ที่อยู่ฝ่ายงานวิจัย เดินเข้ามาหาเธอที่โต๊ะ สำหรับพี่มุตานั้นงานล้นมือจริง เพราะต้องดูแลการขอรับทุนทั้งหมดของมหาวิทยาลัย รวมถึงการพัฒนาทักษะด้านการวิจัยให้แก่คณาจารย์ อิงดาวจึงตอบรับไปอย่างเต็มใจ
“ได้ค่ะพี่ตา แล้วมีอะไรให้หนูช่วยเตรียมไหมคะ”
“พี่เตรียมเอกสาร และอุปกรณ์สำหรับการอบรมไว้หมดแล้วจ้า เหลือแค่ตอนบ่ายเดี๋ยวช่วยกันยกไปจัดสถานที่ที่โรงแรม”
“ได้ค่ะ”
“อ่อ ถ้าตอนนี้ว่างอยู่ ลงไปซื้อกาแฟใต้ตึกเราให้หน่อยสิ นั่งทำงานตั้งแต่เช้า ชักเพลีย ๆ อยากได้กาแฟสักแก้ว”
“ได้ค่ะ”
อิงดาวตอบรับคำอย่างว่องไว คิดเสียว่าเป็นการลุกจากเก้าอี้ ได้ขยับแข้งขยับขาเสียบ้าง
“นี่จ๊ะ เงิน ของพี่เอาเอสเปรสโซ่น้ำผึ้งมะนาวนะ ส่วนอิงอยากกินอะไรก็ซื้อเลยพี่เลี้ยง”
พี่มุตาบอกอย่างใจป้ำ พร้อมกับยื่นธนบัตรใบสีแดงให้
“ขอบคุณค่ะ อิงไม่ทานกาแฟค่ะ”
เธอรับเงินมา แล้วเตรียมตัวจะลงไปข้างล่างตึก อีกหลายเสียงก็ดังแทรกขึ้นว่า
“พี่ฝากด้วย ของพี่คาปูชิโน่หวานน้อย”
“ของพี่ชาเขียวปั่นหวานน้อย ๆ”
“ค่ะ ๆ”
อิงดาวรับคำพร้อมกับเดินไปที่โต๊ะนู้นที โต๊ะนี้ทีเพื่อรับเงินและออร์เดอร์เครื่องดื่มสำหรับเบรกเช้า
สำนักงานของเธออยู่บนชั้นสามของอาคารสำนักงานอธิการบดี โดยปกติแล้วเธอใช้ลิฟต์ในการขึ้นลง แต่วันนี้เมื่อมาถึงหน้าลิฟต์ที่เคยใช้เป็นประจำ ปรากฏว่าลิฟต์ไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว อิงดาวจึงต้องเดินลงบันไดแทน
ในขณะที่ขาสั้น ๆ ของเธอก้าวลงบันไดแต่ละขั้นจนถึงชั้นสอง เธอเริ่มรู้สึกว่า บันไดเริ่มแยกออกซ้อนกันมากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อิงดาวกะพริบตาเพื่อปรับภาพให้ชัดขึ้น ขณะที่จวนเจียนจะถึงชั้นหนึ่ง เธอรู้สึกว่าโลกมันหมุนเร็วผิดปกติ หัวใจของเธอกระตุกวูบ เมื่อภาพบันไดตรงหน้าหนุนเคว้งคว้างจนเธอต้องหลับตา มืออันสั่นเทาจับราวบันได ไว้แน่น แต่แล้วเธอก็รู้สึกว่ามีแรงดูดมหาศาลกระชากตัวเธอให้ตกลงไปเบื้องล่าง
ตุบ !
ร่างของเธอกระแทกเข้ากับบางสิ่งอย่างที่อุ่นและนุ่มเกินกว่าจะเป็นพื้นซีเมนต์แข็ง ๆ อิงดาวพยายามลืมตาขึ้นมอง ภาพตรงหน้าค่อย ๆ ชัดขึ้น เธอกำลังอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนหนึ่งที่รับไว้ก่อนที่ร่างของเธอจะกลิ้งตกบันไดลงไป
อิงดาวมองใบหน้าขาวใส ที่ถูกปั้นแต่งเอาไว้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นดวงตาคมภายใต้คิ้วดกดำ รับกับจมูกโด่งเป็นสันมีแว่นตากรอบดำพาดผ่าน ริมฝีปากบางราวกับผู้หญิง โครงหน้าหล่อเหลาและแสนสุภาพเช่นนี้ ทำให้หัวใจเต้นแรงอย่างประหลาด
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
เสียงนุ่มลึกของเขาถามขึ้น
“อะ เอ่อ”
อิงดาวพยายามตั้งสติ แล้วดันตัวออกจากอกเขา มือน้อย ๆ เกาะราวบันไดไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตกลงไปอีก
“เอ๊ะ”
แล้วเธอก็ต้องอุทานออกมาอีกครั้งเมื่อเขาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาประกบที่จมูกของเธอไว้ มือน้อย ๆ จึงจับผ้าเช็ดหน้าของเขาดึงออกโดยอัตโนมัติ แล้วก็พบว่าผ้าผืนนั้นเต็มไปด้วยสีแดงเข้ม ขาของเธอทรุดลงอีกครั้งเมื่อเห็นเลือดของตนเอง
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงง
กริ๊ง ๆ ๆ ๆ ๆ
ผู้ชายที่ช่วยเธอคนนั้น รับโทรศัพท์แล้วยืดตัวขึ้น พร้อมๆ กับคนเดินผ่านไปมาแถวนั้นวิ่งเข้ามาหาพยุงเธอแทนเขา
ตึก ๆ
“เป็นอะไรไหม เกิดอะไรขึ้น”
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก จนอิงดาวถูกห้อมล้อมไว้ด้วยผู้คนที่พยายามเข้ามาช่วยเหลือเธอ แล้วผู้ชายคนนั้นก็หายลับตาไปโดยที่เธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เอ่ยขอบคุณเขา
“ไปนานจังอิงดาวคนเยอะเหรอ”
พี่มุตาถามขึ้น เมื่อเธอเอากาแฟไปส่งให้ที่โต๊ะ
“พอดีลิฟต์เสีย แล้วอิงหน้ามืดจนเกือบตกบันไดค่ะพี่ตา”
“ตายจริง”
พี่มุตายกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ เพื่อนในสำนักงานต่างมองเธอเป็นตาเดียว
“แล้วเป็นอะไรไหม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
ใหม่ตะโกนถามมาจากโต๊ะของตนเอง
“ไม่เป็นไรจ้า พอดีมีคนช่วยไว้ทัน”
อิงดาวตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าที่ซูบผอมของเธอดูเหมือนจะซีดจนออกเหลือง
“ใครเหรอ”
ใหม่ถามขึ้นด้วยความอยากรู้จักคนช่วยมากกว่าอาการของเพื่อน
“ไม่รู้เหมือนกัน ยังไม่ทันได้ขอบคุณเขาก็เดินหายไปแล้ว”
เธอตอบไปตามตรงเพราะเธอเพิ่งจะเข้ามาทำงานในมหาวิทยาลัยยังไม่รู้จักใครมากนัก
“โอ๊ย ยัยอิงดาวเอ๊ย ในชีวิตเธอรู้อะไรกับเขาไหมเนี่ย นอกจากคำพูดคำจาที่แสนน้อยจนแทบนับคำได้แล้ว เรื่องอื่น ๆ เธอก็ไม่รู้อะไรเลยนอกจากเรื่องงาน”
ใหม่แกล้งบ่นล้อเพื่อนร่วมงานขำ ๆ
“ใครจะเหมือนเธอกันล่ะจ๊ะ นู๋ใหม่ รู้เรื่องชาวบ้านเขาไปทุกเรื่อง”
พี่มุตาอดไม่ได้จึงแขวะน้องใหม่แทนอิงดาว
“อะแน่นอนค่ะ ใหม่รู้โลกรู้ อิอิ”
ใหม่ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน
อิงดาวยิ้มให้ทั้งคู่ แล้วขอตัวไปเสิร์ฟกาแฟให้พี่ ๆ ตามโต๊ะ จากนั้น ก็ปลีกตัวเข้าไปในห้องน้ำ เอาผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนเลือดของเธอมาซัก ดีที่ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเป็นสีเทา และลื่นจึงทำให้คราบเลือดถูกซักออกอย่างง่ายดาย จากนั้นเธอก็เอามันไปพึ่งลมไว้หลังห้องครัว ที่มีลวดขึงไว้สำหรับตากผ้าของแม่บ้าน
ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ ทำให้ชุดทำงานของเธอไม่เลอะเลือดจนต้องกลับไปเปลี่ยนชุดที่บ้าน เธอรู้สึกขอบคุณเจ้าของผ้าเช็ดหน้าลึก ๆ ในใจ ความปีติบางอย่างทำให้ยิ้มฝีปากของเธอยกยิ้มอย่างไม่รู้ตัว เพียงแค่ แรกพบ เหตุใดถึงมีภาพใบหน้าหล่อคมของชายหนุ่มผู้นั้นลอยอยู่ในหัวตลอดเวลา
17.00 น.
อิงดาวลงจากสำนักงานเกือบจะคนสุดท้าย เธอไม่อยากให้งานค้างจึงรีบสะสางให้เสร็จเรียบร้อยทุกวัน
บ้านของเธออยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยประมาณ 8 กิโลเมตร เธอเดินทางไปกลับด้วยรถเมล์ที่วิ่งผ่านหน้ามหาวิทยาลัย และตอนเย็นเธอก็จะลงที่ตลาดสดแม่ลา เพื่อไปช่วยแม่ขายข้าวแกง
“อิงดาว เลิกงานแล้วรึ”
ป้าพรร้านขายดอกไม้หน้าตลาดเอ่ยทักเหมือนเช่นทุกวัน
“สวัสดีค่ะ ป้าพร เลิกแล้วค่ะ”
ความจริงที่ซ่อนไว้ 8ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ Unlucky in love , Unlucky in gameเมื่อถึงรอบการประเมินเพื่อเลื่อนตำแหน่งจากพนักงานมหาวิทยาลัยระดับฝึกหัดเป็นระดับปฏิบัติการหากผ่านจะมีฐานเงินเดือนที่สูงขึ้น และมีความก้าวหน้าในสายงานอาชีพมากขึ้นปรากฏว่าฉันถูกประเมินว่า “ไม่ผ่าน” ซึ่งหัวหน้าสำนักงาน (พี่ณี) และท่านรองฯ ให้เหตุผลกับฉันว่า...เพราะเธอไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ (คงจะเป็นเมื่อครั้งที่ฉันรั้นจะจัดอบรมนอกมหาวิทยาลัย) มาสาย และบ่นลงเฟสบุ๊คเหตุผลแต่ละข้อที่กล่าวมา ทำให้ฉันหัวเราะทั้งน้ำตาการเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือนไม่ได้ดูที่ผลงานหรืองานที่พัฒนาขึ้น แต่วัดกันที่เหตุผลส่วนบุคคลของคนบางกลุ่ม จนบางครั้ง ฉันรู้สึกหมดแรงกับการทำงานตั้งใจทำงานเพื่ออะไร พัฒนางานไปเพื่ออะไรทำงานให้เสร็จเรียบร้อยเพื่ออะไรเพราะทำไปเงินเดือนก็ไม่ขึ้น ตำแหน่งก็ไม่ได้ สู้เอาแรงกายแรงใจไปนั่งเลียแข้งเลียขาเจ้านายดีกว่าไหมสุดท้าย....ฉันก็ต้องยอมรับกับผลการประเมินที่ไม่เป็นธรรมแต่จะให้เปลี่ยนตนเองเป็นคนเลียแข้งเลียขา หรือเช้าชามเย็นชามก็ไม่ไหวเพราะสิ่งที่ฉันยึดมั่นอยูในใจเสมอมา คือค่าของคนอยู
ความบังเอิญครั้งที่ 4วันนั้น ฉันจัดประชุมคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์กว่าการประชุมจะสิ้นสุดลง ก็กินเวลาจวนเจียนจะบ่ายข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้อง น้ำย่อยในกระเพาะมันร่ำร้องให้ฉันพาตนเองไปทานข้าวที่โรงอาหารกลางเมื่อกินข้าวเสร็จก็ลุกขึ้นเพื่อเอาจานไปวางไว้ที่อ่างสำหรับเตรียมล้างนึกไม่ถึงเลยว่าจะเจออาจารย์ A กำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่ด้านหลังเขานั่งหันหลังให้ฉันแม้หัวใจมันร่ำร้องอยากจะเข้าไปทักแต่สถานะที่เป็นอยู่ทำให้ฉันต้องข่มใจ แล้วเดินผ่านอาจารย์ไปฉันเดินออกจากโรงอาหารไปด้วยหัวใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะขึ้นสำนักงาน จึงแวะที่ร้านกาแฟก่อนระหว่างที่นั่งรอกาแฟนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ A จะมาที่ร้านกาแฟเหมือนกันอาจารย์ A เปิดประตูเข้ามา ใบหน้าเรียบเฉย มองฉันแค่แวบเดียวแล้วมองผ่านเลย เหมือนคนไม่เคยรู้จักกันฉันกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอในเมื่อเขาไม่อยากรู้จัก เราก็จะไม่ทักเขาให้ต้องระคายเคืองใจเมื่อได้กาแฟแล้ว ฉันก็รีบเดินออกจากร้านทันทีและสิ่งที่ทำให้ฉันตัดใจไม่ได้สักที คือผลจากแผนการที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้นที่ฉันเที่ยวไปประกาศปาว ๆ ว่างานอะไรที่เกี่ยวข้องก
ความจริงที่ซ่อนไว้ 7ยิ่งคุยกัน.....ระยะห่างระหว่างเรายิ่งสั้นลงเรื่อย ๆไม่รู้ทำไม...ทุกครั้งที่จบการสนทนาในแชทบล็อกเราต้องนั่งอมยิ้มคนเดียวแล้วในหัวก็จะมีเรื่องของเขาวนเวียนอยู่ในหัวทันทีที่เริ่มรู้สึกรัก ฉันก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดอกหักทันทีที่รัก เพราะรู้ดีแก่ใจว่า รักครั้งนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ฉันตั้งใจขุดหลุมล่อหลอกอาจารย์ให้ตกลงไปเพื่อใช้อาจารย์เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นหัวหน้ากลับกลายเป็นฉันที่ตกลงไปในหลุมเสียเองจนอยากที่จะปีนขึ้นไปในขณะที่ฉันเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักอาจารย์จนยากจะตัดใจอาจารย์ก็เริ่มรู้ตัวว่าถูกฉันตามจีบการสนทนากันในแชทจึงเริ่มน้อยลง อาจารย์ A ถามคำตอบคำจนฉันเริ่มรู้ถึงการรักษาระยะห่างของเขาฉันจึงพยายามตัดใจจากเขา เพราะเข้าใจดีว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่มีทางมองผู้หญิงระดับต่ำกว่าแน่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา หรือฐานะดังนั้น ฉันจึงห้ามใจไม่ทักแชทไปอีก และหักดิบโดยการเลิกเป็นเพื่อนกับเขาทาง F******k เพื่อที่จะไม่ต้องรับรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับเขาอีกแต่ดูเหมือนฟ้าจะยังคงสนุกกับการทรมานหัวใจของฉันยิ่งอยากตัดใจ ก็ยิ่งให้ฉันต้องบังเอิญ
จนกระทั่งรถวิ่งผ่านสวนป่าข้างหนองน้ำ...“ ด้านซ้ายมือ... จะเห็นเครื่องออกกำลังกาย... สำหรับออกกำลังกายตอนเย็นๆ รอบหนองน้ำเป็นทางวิ่ง เขาเรียกกันว่า.... หนอง... หนอง....”อาจารย์ A หันมาสบตาฉันเพื่อขอความช่วยเหลือ...“หนองอิเจมค่ะ”ฉันตอบทันทีอย่างรู้งาน“ทำไมถึงชื่อ หนองอิเจมหรือครับ”วิทยากรสงสัย.......และแล้วอาจารย์ A ก็ได้รับอีก 1 หน้าที่ นั่นคือ นักเล่าประวัติศาสตร์หนองอิเจมของมหาวิทยาลัยจนกระทั่งในที่สุดรถก็เลี้ยวเข้าตึกสำนักงานอธิการบดีที่รถอาจารย์ A จอดไว้เครื่องมือแก้แค้นหัวหน้ากำลังจะลงจากรถแล้ว !ฉันเหลือบมองกระเป๋าอาจารย์ A ที่วางอยู่บนเบาะข้าง ๆสวรรค์ช่างเข้าข้างนัก !ฉันจึงถือกระเป๋าใบนั้นขึ้นมา ในขณะที่อาจารย์ A กำลังไหว้ลาวิทยากร แล้วเปิดประตูลงจากรถ“อาจารย์คะ กระเป๋าค่ะ !”ฉันตะโกนเรียกอาจารย์ พร้อมกับชูกระเป๋าให้ดู“อ๋อ... ขอบคุณครับ”ฉันยื่นกระเป๋าให้.....มือหนึ่งจับด้านข้าง.... อีกมือสอดไว้ใต้กระเป๋าอย่างจงใจ...อาจารย์ A ยื่นมือมารับกระเป๋า...มือนุ่มๆ ยาวเรียวของเขาประกบกับมือเล็ก ๆ ที่ฉันจงใจสอดไว้ใต้กระเป๋าหนังใบโต...Yes !เป็นไปตามแผน !... ฉันลิงโลดในใจ
ความจริงที่ซ่อนไว้ 5และแล้ววันอบรมก็มาถึง !ฉันต้องดีดตัวเองลุกจากที่นอนตั้งแต่ไก่โห่ !แล้วแจ้นไปรับวิทยากรที่สนามบิน !….ส่วนอีกทีมหนึ่งฝากให้น้องนก กับพี่เกด คอยต้อนและรับเหล่าอาจารย์ ที่เข้าร่วมอบรมให้ขึ้นรถบัส แล้วไปสมทบกันที่ รีสอร์ต The best orchid….เริ่มต้นการอบรม เป็นไปอย่างสวยงาม ผู้เข้าร่วมอบรมต่างประทับใจวิทยากรกันยกใหญ่...ทึ่งกับความคิดที่ไม่เหมือนใครทึ่งกับแนวทางการก้าวสู่ “ตำแหน่งศาสตราจารย์” ที่อายุยังน้อยและทึ่งกับฉันที่สามารถขุดค้นศาสตราจารย์ท่านนี้มาได้น้อง ๆ พี่ทีมงานที่มาช่วยจัดอบรมต่างรู้กันดีว่า ฉันกำลังวางแผนจีบอาจารย์ A เพื่อแก้แค้นหัวหน้า ดังนั้น ทุกคนต่างสนับสนุนช่วยเหลือฉันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็น ช่วยถ่ายรูปอาจารย์ A เอาไว้แทบจะทุกช็อตในระหว่างที่นั่งอบรมกันในห้องประชุมนั้นอาจารย์ A ขอน้ำดื่มเพิ่ม พี่เกดก็มาสะกิดฉันให้ยกน้ำดื่มไปเสิร์ฟอาจารย์แม้กระทั่งตอนพักเที่ยง....ฉันแอบชำเลืองมองไปที่โต๊ะอาหารที่กลุ่มอาจารย์คณะวิศวะฯ นั่งอยู่ เมื่อเห็นว่า กลุ่มอาจารย์กำลังลุกออกจากโต๊ะฉันจึงรวบช้อน รีบกลืนข้าวที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียดให้ลงคอ แล้วตามด้วยน้ำ“หนู
ความจริงที่ซ่อนไว้ 41 สัปดาห์ผ่านไป !อาจารย์ท่านอื่นๆ สมัครมาเกือบจะเต็มจำนวนที่เปิดรับแล้วอาจารย์ A ยังไม่ตอบรับมาเลย >เอาไงดี ๆ -ฉันกระวนกระวายในใจ“พี่เกด !” (นามสมมุติ)ฉันร้องเสียงหลง... ทันทีที่เห็นพี่เกดเดินเข้ามาในออฟฟิศ....ยังเช้าตรู่ ทั้งออฟฟิศมีแค่ฉันกับพี่เกด ดังนั้น ฉันจึงโหวกเหวกได้ตามใจ“แวะ ๆ แวะ โต๊ะหนูก่อน”ฉันลากพี่เกดมาที่โต๊ะ“พี่เกด หนูจะเชิญอาจารย์ A ไปอบรมกับหนูแบบเนียน ๆ”“หือ....”พี่เกดลากเสียง ตาวาว เพราะไม่มีใคร ไม่รู้จักความฮอต ของอาจารย์ผู้นั้น“หนูอยากจะทำความรู้จักกับอาจารย์ A ค่ะ”ฉันรีบบอกความต้องการของตนเองไปอย่างตรงไปตรงมา เพราะตอนนี้ความอยากแก้แค้น และเอาคืน มันมีมากกว่าความรู้สึกกระดากอาย“เอาจริง”“จริงแท้ แน่นอน”“เปลี่ยนเป้าหมายใหม่เถอะ ! เขาเป็นถึงตัวท๊อปของคณะวิศวะเลยนะ ! เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์เลยนะคะ”พี่เกดพูดพร้อมกับจะขยับตัวลุกขึ้น แต่คนมือไวคว้าหมับ รั้งไว้“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ ! ให้หนูลองดูสักตั้งนะคะ”วินาทีนี้ ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนความตั้งใจของฉันได้ !สุดที่รักของหัวหน้าใช่ไหม ! คอยดู ! แล้วฉันจะสอยลงมาอยู่ในกำมือ