ระหว่างรอช่างทั้งสองก็มีโอกาสพูดคุยกันมากขึ้น เขารู้ว่าผู้ชายคนนี้ชื่อทิวาแต่ก่อนเคยทำงานเป็นผู้จัดการบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งเชียงใหม่ เขามาเที่ยวและกำลังจะเขากรุงเทพเพื่อไปหาเพื่อนและสมัครงาน
“คุณเป็นลูกครึ่งเหรอ”
“ครับ”
“ผมถามได้ไหม ว่าลูกครึ่งอะไร”
“ผมไม่รู้” แล้วก็เหมือนเดดแอร์ เขานิ่งเงียบแววตาหม่นลงจนเห็นได้ชัด
พอดีกับช่างที่โทรถามมาถึงพอดีทิวาเลยขอตัวลงไปคุยกับช่าง ก่อนจะกลับมาหาเขาที่รถ
“ถ้าคุณไม่ว่าอะไรผมขอติดรถไปได้ไหม”
“ได้สิ ขึ้นมาเลย”
“ผมขับให้ไหม” ทิวาไม่อยากเอาเปรียบ
“ได้สิ”
ทั้งสองสลับที่กัน เมคินไม่ถามเรื่องชาติกำเนิดของเขาเพราะรู้ว่าชายหนุ่มคงไม่สะดวกที่จะตอบ
“น่าจะอีกสักชั่วโมง คุณง่วงก็นอนก่อนได้นะครับ”
“ไม่เป็นไร ผมอยากคุยกับคุณมากกว่า” อยู่ๆ เมคินก็อยากทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น เพราะเขารู้สึกว่าทิวามีอะไรหลายอย่างที่น่าค้นหา
“จอดทำไมถึงที่พักคุณแล้วเหรอ”
“ยังหรอก ผมนัดเพื่อนไว้ที่นี่”
“ผมขอเบอร์คุณได้ไหม” เป็นครั้งแรกที่เมคินขอเบอร์โทรศัพท์คนอื่น
ทิวาหยิบโทรศัพท์ของเขามากดเบอร์ตัวเองลงไปก่อนจะเดินเข้าไปยังโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง
เพราะไม่เคยมาที่นี่เลยสักครั้งกว่าเขาจะตึกที่เพื่อนนัดพบก็เกือบแย่ โชคดีที่เจอแม่บ้าคนหนึ่งบอกทางให้
“ทิวนั่งก่อน” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเลื่อนเก้าอี้ให้เพื่อนรักนั่งที่หน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง
ธนาเป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ทั้งสองยังอยู่ที่ลำพูน พอเรียนจบสอบบรรจุอยู่หลายครั้งกว่าจะได้มาเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนมัธยมแห่งนี้
“เป็นไงบ้างวะ ไม่เจอนานเลย” คนถามเดินไปหยิบน้ำเปล่าดื่มในตู้เย็นออกมาให้เพื่อน
“ก็อย่างที่เล่า”
“เฮ้อ กูล่ะสงสารมึงจริงๆ อุตส่าห์รักมาตั้งนานสุดท้ายเขาก็ทิ้งไปหาคนที่รวยกว่า”
“อย่าพูดถึงมันเลย” ทิวาส่ายหัวไม่อยากนึกถึงเรื่องราวในอดีต
“แล้วมาครั้งนี้กะอยู่ยาวเลยไหม” ธนาเปลี่ยนเรื่อง
“ยังไม่รู้ ว่าจะลองหางานดูก่อน”
“อือ กูว่าหางานตามบริษัทใหญ่ดูก่อน ระดับผู้จัดการอย่างมึงคงหางานไม่ยาก เรื่องไปทำงานในเรืออะไรนั้นกูว่าอย่าพึ่งเลย”
เพราะก่อนมาที่นี่ทิวาเปรยๆ กับเพื่อนไว้ว่าอยากไปทำงานในเรือสำราญเพราะเงินดี
“กูยังไม่ตัดสินใจ ถ้ามีอะไรน่าสนใจกูก็คงยังไม่ลงเรือ”
“ก็ดีเหมือนกันนะ มึงโสดมานานแล้ว หาใครสักคนก็ดี”
“กูไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น กูหมายถึงเรื่องงาน บางทีกูอาจลองหาอะไรที่มันทำแล้วไม่เบื่อ ส่วนเรื่องหัวใจกูขอพักไว้ก่อน”
“มึงจะสนใจอดีตทำไมวะ เดินหน้าสิ หน้าตาดีอย่างมึงคงหาแฟนได้ไม่ยาก”
“สมัยนี้เขาไม่ได้ดูที่หน้าตาเอย่างเดียว หล่อแต่ในกระเป๋าไม่มีเงิน ใครเขาอยากจะคบด้วย” เขาถอนหายใจ
“เออน่า อย่าเพิ่งท้อเดี๋ยวเย็นนี้กูพามึงไปเลี้ยงเหล้า”
ระหว่างรอให้เพื่อนจัดการกับงานเอกสารตรงหน้าทิวาก็นั่งคิดถึงเรื่องราวความรักของตัวเอง ที่ผ่านมาเขาเคยมีแฟนเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น คบกันอยู่หลายปี ตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่อสร้างอนาคต แต่ทุกอย่างกลับไปได้สวยงามอย่างที่คิดไว้เพราะทางบ้านของอีกฝ่ายไม่สามารถยอมรับในตัวตน ทั้งเรื่องฐานะและชาติกำเนิด
จากนั้นทิวาก็ไม่เคยมีใครเข้ามาในชีวิตอีกเลย เขาไม่ได้เข็ดกับความรัก แต่ยังไม่เจอคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงได้เลยต่างหาก
ธนาพาเพื่อนรักมายังผับแห่งหนึ่ง แสงสียามค่ำคืนของกรุงเทพทำให้ทิวาตื่นเต้นไม่น้อย นานแล้วที่เขาไม่ได้ออกมาในสถานที่แบบนี้กับเพื่อน
ทั้งสองคนเลือกนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ สั่งเครื่องดื่มมาคนละแก้ว ทิวาเป็นคนไม่ชอบดื่มเท่าไหร่ เขาชอบดูบรรยากาศมากกว่า แต่ธนานั้นเป็นนักดื่มตัวยงคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
นั่งดื่มไปได้สักพักธนาก็ขอตัวออกไปโทรศัพท์ ทิวายังนั่งอยู่ที่ดื่ม เขาสั่งเครื่องดื่มมาอีกแก้วระหว่างรอให้ธนากลับมา แต่เพื่อนของเขาส่งข้อความมาบอกสั้นๆ ว่ามีธุระด่วน คืนนี้ให้เขาหาโรงแรมใกล้ๆ นอนไปก่อน
“เฮ้อ” ทิวาถอนหายใจดูเหมือนว่าวันนี้ทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามที่คิดเลย ตั้งแต่เรื่องรถเสียกลางทางและไหนจะต้องหาที่นอนในเมืองที่กว้างใหญ่อย่างนี้อีก
แต่เมื่อคิดไปถึงเรื่องราวเมื่อกลางวันเอาก็ยิ้ม เพราะนั่นเป็นเรื่องโชคดีเพียงอย่างเดียวที่เขาได้เจอ นึกแล้วก็ต้องขอบคุณผู้ชายคนนั้นที่ยอมให้เขาติดรถมาด้วย แต่ถ้ามีโอกาสได้เจออีกครั้งเขาจะขอเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวสักมือ
ขณะกำลังคิดเพลินสายตาก็ปะทะกับคนที่กำลังนึกถึง ทิวาเพิ่งได้มองรูปร่างของเขาอย่างชัดเจนก็ครั้งนี้ ชายหนุ่มมีรูปร่างสูง การแต่งกายสะอาดสุภาพ สีผิวไม่ได้ขาวมาก แต่ก็ไม่ถึงกับคล้ำ แต่ดูจากลักษณะแล้วคงเป็นคนชอบออกกำลังกายกลางแจ้ง ทรงผมตัดสั้นจัดทรงเรียบร้อย เขายังคงดูดีเหมือนครั้งแรกที่เจอกันในรีสอร์ต และเหมือนรู้ว่ากำลังมีคนกำลังมองอยู่ ชายหนุ่มเลยหันมา เขาเผลอยิ้มออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่อีกคนกลับเดินตรงมาหาทันที
“โลกมันกลมนะครับ” เขาทักทาย
“ครับ”
“ครับ คุณล่ะ ไหนว่าไปหาเพื่อน แล้วทำไมมานั่งดื่มคนเดียว”
“มากับเพื่อนครับ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะกลับไปแล้ว”
“ผมนั่งดื่มด้วยคนนะ”
“ครับ” มีเขานั่งด้วยก็ยังดีว่าต้องนั่งดื่มคนเดียวในสถานที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้
เมคินสั่งเครื่องดื่มจากนั้นก็ชวนเขาคุยเรื่องทั่วๆ ไป การได้ดื่มแล้วมีคนนั่งคุยด้วยทำให้เขาลืมดูเวลาไปเลย
“คุณเมาหรือเปล่า”
“นิดหน่อย คอนโดผมอยู่ใกล้แค่นี้ ไม่มีด่าน”
“ที่ผมถามเพราะกลัวคุณจะเกิดอุบัติเหตุ” ไม่รู้ทำไมทิวาถึงได้เป็นห่วงคนตรงหน้า
“ผมจะระวัง แล้วคุณจะกลับยังไง ให้ผมไปส่งไหม บอกที่อยู่เพื่อนคุณมา”
“ไม่เป็นไร ดึกแล้วคุณกลับเถอะ เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่”
“ใช่ ดึกแล้วและคุณอาจต้องรอแท็กซี่นาน ให้ผมไปส่งเถอะ ผมไม่ได้เมา ปกติดื่มเยอะกว่านี้”
“คุณไปส่งผมโรงแรมที่ใกล้ที่สุดก็ได้”
“อ้าว ไหนว่าจะไปพักกับเพื่อน” คนตัวสูงถามอย่างแปลกใจ
“คงไม่ได้แล้ว เพื่อนผมมีธุระด่วน คืนนี้ผมคงต้องหาโรงแรมใกล้ คุณไปส่งผมโรงแรมไหนก็ได้ แต่อย่าแพงมากนะ ผมกำลังตกงาน”
“อือ”
เมคินเดินนำเขาไปที่รถ จากนั้นก็ขับออกไประหว่างนั้นในหัวก็กำลังคิดถึงโรงแรมที่ใกล้ที่สุด เมคินรู้จักแต่โรงแรมระดับสามดาวขึ้นไปทั้งนั้นแต่ทิวาบอกว่าอยากได้ราคาไม่แพงเพราะกำลังตกงาน เขาจึงตัดสินใจหักพวงมาลัยเลี้ยวเขามาจอที่คอนโดของตัวเอง
“นี่ไม่ใช่โรงแรม” ทิวามองหน้าอย่างสงสัย
“นี่คอนโดผม”
“คุณจะให้ผมพักที่นี่เหรอ”
“ใช่ พักกันผมนี่แหละ ไม่ต้องไปเสียเงินนอนโรงแรมหรอก”
“คุณไว้ใจผมมากไปแล้ว เราเพิ่งรู้จักกันเองจะเรียกว่าคนแปลกหน้าก็ได้”
“แปลกหน้าที่ไหน เจอกันตั้งหลายครั้ง อยู่ในรถอีกตั้งหลายชั่วโมง มาเถอะ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก” เมคินเดินนำ ทิวาทั้งง่วงทั้งเพลียเลยยอมเดินตามเข้าไปอย่างง่ายดาย
“พี่คิน เราจะเป็นไข้เลือดออกกันไหมครับ เราไม่มียากันยุง”“เดี๋ยวพี่โทรไปขอทางรีสอร์ตให้ อย่าเพิ่งออกไปนะเดี๋ยวโดนยุงกัดตัวลายขึ้นมาผิวสวยจะเสียหมด”รอไม่นานพนักงานของรีสอร์ตก็เอายากันยุงกับไฟแช็กมาให้ เมคินรับมาพร้อมกับมอบเงินให้เล็กน้อยค่าเสียเวลาเขาเดินออกไปจุดยากันยุงไว้หลายจุดเพราะกลัวว่ายุงจะมากัดผิวสวยๆ ของคุณเลขา“รอสักพักค่อยออกไปนะครับ พี่ขอล้างมือก่อน”“ครับ” เสียงทิวาขานรับขณะที่กำลังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงพอเมคินเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งสองก็หอบหมอนและผ้าห่มเดินออกไปบริเวณสระว่ายน้ำซึ่งมีเตียงอาบแดดอยู่ด้านริม“พี่คินว่าเราจะเห็นดาวตกไหม”“ก็น่าจะเห็นอยู่นะ” เมคินไม่ได้สนใจฝนดาวตก แต่เพราะอีกคนอยากเห็นก็เลยต้องออกมานอนตากน้ำค้างอย่างนี้ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาวก็จริง แต่ทุกดวงยังคงประดับอยู่บนท้องฟ้า“ทิวครับ ง่วงหรือเปล่า”“นิดหน่อยครับ”“ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนนะ”“ยังไหวครับพี่ แต่ถ้าผมเผลอหลับพี่คินอย่าทิ้งผมไว้ตรงนี้คนเดียวนะ”“ใครจะทิ้งได้ลงล่ะครับ” เมคินหันมาบอกคนรักที่อยู่เตียงใกล้ๆ กันตาคู่สวยของเลขาคู่ใจยังคงจ้องไปบนท้องฟ้า ส่วนส
ตลอดสองเดือนที่คุณจางหยวนเข้ามาในชีวิตของทิวา เมคินต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เพราะรู้สึกเห็นใจที่เขากับลูกเพิ่งจะได้เจอกัน แต่พอเวลาผ่านไปเขาเองก็เริ่มทนความรู้สึกนี้ไม่ได้ และตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าห้องทำงานของคุณจางหยวน“สวัสดีครับคุณเมคิน ไม่คิดเลยว่าบริษัทผมจะมีโอกาสต้อนรับคุณ”“สวัสดีครับคุณจาง ผมมาหาทิวาครับ”“อ้อ มาหาลูกชายผมนั้นเอง เดี๋ยวผมเรียกให้นะ”“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปหาเองได้ ผมแค่แวะมาทักทายและจะมาบอกว่าต่อนี้ไปผมจะไม่ให้ทิวามาทำงานกับคุณอีกแล้ว”“ทำไมละครับ เขาเป็นลูกผมอีกหน่อยเข้าต้องมาทำงานแทนผม”“แต่มันยังไม่ถึงเวลาครับ คุณยังแข็งแรงอยู่เลยแล้วอีกอย่างคุณก็รู้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน”“ใช่ผมรู้และก็ไม่ได้กีดกันสักหน่อย”“ไม่ได้กีดกันครับ แต่ช่วงนี้คุณแทบจะไม่ปล่อยให้เข้าไปทำงานกันผมเลย ผมแค่มาทวงเลขาคืน”“ตายจริง ผมคงลืมไปว่าเขาเป็นเลขาของคุณด้วย คิดแต่ว่าเป็นคนรักกัน”“ทิวเป็นทั้งสองอย่างนั่นแหละครับ”“ผมชอบที่คุณพูดตรงๆ กับผมนะ เอาล่ะ ตอนนี้ทิวาก็เรียนรู้งานมากแล้ว ที่ผมยอมให้เขากลับไปก็เพราะว่างานที่นี่มันค่อนข้างลงตัวแล้ว เขาแค่อาจต้องเข้ามาประชุมบ้างก็เท่านั้น
หลังจากที่ผลตรวจดีเอ็นเอคุณจางหยวนก็ดีใจมาก เขาอยากให้ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า ครอบครัวที่คิดว่าเสียไปแล้วเมื่อยี่สิยกว่าปีก่อน แล้ววันนี้ได้มาเจอกันอีกครั้งอย่างพร้อมหน้า พ่อ แม่ ชายวันห้าสิบกว่าก็ออกอาการดีใจเหมือนกับเด็กๆ ที่ได้ของเล่นเลยทีเดียวเขาพูดจาหว่านล้อมจนคุณลักษิกายอมขึ้นมากรุงเทพ แม้เธอจะยังจำเรื่องในอดีตได้แต่ก็ยอมเดินทางมาเพราะอยากจะเจอกับทิวาอีกครั้งครั้ง ตอนนี้นอกจากรูปถ่ายใบนั้นแล้วคุณจางหยวนยังมีรูปที่ทั้งสองคนถ่ายด้วยกันที่โรงเรียน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับเธอ และยังมีรูปถ่ายอีกหลายรูปที่ลูกชายและลูกสาวบุญธรรมส่งมาให้ทางอีเมล ลักษิกาเลยเริ่มเปิดใจยอมรับเขาทีละนิด เพราะทุกรูปที่เขามีนั้นดูเหมือนว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกันจริงๆวันนี้ทิวาเลยนัดทั้งสองคนให้มาที่บ้านของเมคิน เพราะทุกคนที่นี่ก็คือครอบครัวของเขา“พอครับ แม่ครบ นี่คุณจางหยวนกับคุณลักษิกาครับ” เขาเรียกคุณเมฆาและคุณจีรญาว่าพ่อและแม่อย่างเต็มปากในขณะที่เรียกพ่อแม่แท้ๆ ว่าคุณ ทำให้เมฆารู้ในทันทีว่าทิวายังไม่เปิดใจยอมรับทั้งสองมากนัก“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณจางหยวนคุณลักษิกา” เมฆากล่าวทักทาย“ยินดีท
เมคินเลขาคู่ใจกลับมาทำงานกันตามปกติ ส่วนคุณจางหยวนนั้นยังขออยู่ที่เชียงใหม่ต่อ ทิวาโล่งใจที่เขาไม่กลับมาด้วยเพราะตัวเองยังคงสับสนกับทุกเรื่อง“บอสครับบ่ายนี้มีประชุมกับฝ่ายวางแผนกลยุทธ์นะครับ แล้วตอนเย็นก็ต้องมีงานเลี้ยงรุ่นนะครับ” ทิวาเดินถือกาแฟมาให้กับเจ้านายพร้อมบอกตารางการทำงานของบ่ายวันนี้อย่างเคย“ลืมไปสนิทเลย ทิวเปลี่ยนใจไปกับพี่ไหม” เมคินรั้งให้คนรักมานั่งบนตัก กดจมูกไปยังแก้มเนียนชายหนุ่มมักจะฉวยโอกาสอย่างนี้ทุกครั้งที่ทิวาเอากาแฟเข้ามาให้“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ไปด้วยพี่จะได้สนุกเต็มที่”“ไม่กลัวพี่ไปเจอคนอื่นเหรอ”“คนเขารู้กันทั้งเมืองว่าพี่มีเจ้าของแล้ว ผมอยากจะรู้จังว่าใครมันจะกล้าเข้ามาหาพี่”“ไม่แน่นะทิว คนเราบางทีก็อยากท้าทาย”“ก็จริงนะครับ แต่ตบมือข้างเดียวมันคงไม่ดังหรอก”“แสดงว่าเชื่อใจพี่”“แน่นอนครับ ผมเชื่อว่าพี่จะไม่มีคนอื่น เพราะฉะนั้นพี่อย่าทำลายความเชื่อใจของผม”“ใครจะทำอย่างนั้น”“ผมต้องออกไปแล้วหายเข้ามานานเดี๋ยวคุณวีณาสงสัย”“คนรักกันจะอยู่ด้วยกันนานหน่อยไม่น่ามีปัญหานะ ทิวย้ายเข้ามานั่งทำงานในห้องดีไหม”“อย่าเลยครับ ผมกลัวพี่เห็นหน้าผมทั้งกลางวันกลางคืนแล้ว
ทิวากลับมายังคอนโดด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เขาไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่ได้ยินมาจากปากของชายคนที่มาอ้างตัวว่าเป็นพ่อ แต่พอเห็นรูปถ่ายที่ชายคนนั้นเอามาให้ดูแล้วก็เริ่มไม่มั่นใจ ผู้หญิงในรูปถ่ายหน้าตาเหมือนเขาราวกับเป็นฝาแฝดถ้าเขาใสวิกผมยาวก็คงแทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน“อย่าเพิ่งคิดมาเลยทิว รอผล DNA ก่อนดีกว่า”“มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมเป็นลูกเขาจริงๆ”“ถ้าให้ตอบในมุมมองของพี่นะ มันก็ดีที่เรารู้ว่าพ่อเราเป็นใคร และเท่าที่ฟังคุณจางหยวนก็ไม่ได้ทิ้งทิวไป แต่มันเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้น คนที่จะให้คำตอบได้ก็คือแม่ของทิว ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านก็คงจะเห็นทิวผ่านตามสื่อบ้างแล้ว”“พี่หมายความว่าแม่ผมอาจตายไปแล้วใช่ไหมครับ” เสียงของทิวาสั่นเครือ แม้ที่ผ่านมาจะอยู่มาได้โดยไม่มีพ่อและแม่ แต่พอมาได้ยินเรื่องราววันนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอยากเจอผู้ให้กำเนิด อยากรู้ว่าท่านอยู่สุขสบายดีไหม“พี่ขอโทษ” พอพูดออกไปแล้วก็รู้สึกผิด เขาไม่น่าไปตั้งข้อสงสัยแบบนั้นเลยจริงๆ“ถ้าแม่ยังอยู่ก็คงเห็นผม ขนาดแม่ครูที่ไม่ค่อยมีเวลาดูทีวียังเคยเห็นเลย”“จริงสิ เราลองถามแม่ครูดูไหมบางทีอาจมีเบาะแส”“อย่าเลยครับพี่คิน เอาเรื่องคุ
ในแต่ละวันเมคินและทิวาก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ทุกอย่างกำลังเป็นได้ด้วยดี ทั้งเรื่องงานและเรื่องของความรัก ยิ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งสองก็ยิ่งรักและเข้าใจกันมากขึ้นชีวิตที่กำลังลงตัวของทิวากำลังจะเปลี่ยนไปเมื่ออยู่ๆ ชายชาวจีนคนหนึ่งก็บอกว่าอยากเจอเขา โดยชายคนนั้นติดต่อผ่านทางบริษัทโฆษณาของเมลดาทิวาไม่เคยมีคนรู้จักอยู่ที่นั่น และก็ไม่รู้ว่าชายคนนั้นอยากเจอตนเองด้วยเรื่องอะไร แต่เพราะอีกฝ่ายยินดีที่จะบินมาที่เมืองไทย ชายหนุ่มก็เลยตอบตกลงที่จะให้เขาเข้ามาพบวันนี้ชายคนนั้นเดินทางมาจากปักกิ่งเพื่อขอพอกับทิวา โดยนัดกันที่ห้องอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่งเมคินและทิวามาถึงโรงแรมตรงเวลานัดพอดี แต่เขาคนนั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีครับ คุณทิวา ผมชื่อจางหยวน” เขากล่าวทักทายด้วยภาษาไทยที่ชัดแจ๋ว“สวัสดีครับผมทิวา คุณคงรู้อยู่แล้วและนี่เมคินคนรักของผมครับ” ทิวาแนะนำตัวเองและคนรักให้กับชายแปลกหน้าด้วยสถานะที่ทั้งสองไม่เคยปิดบัง“ครับ เชิญนั่งก่อน ผมสั่งอาหารแล้ว เราทานไปด้วยคุยไปด้วยก็ได้”“ผมว่าคุยรีบคุยธุระของคุณดีกว่าครับ เราสองคนยังไม่หิว”“ผมอยากคุยกับคุณตามลำพังมากกว่า”“เสียใจครับ ผมคงให้คุ