หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่มีใครกล้าแกล้งคุณชายริค ไวท์อีกเลย ถึงจะมีหลายๆ คนไม่ค่อยพอใจที่ให้เลือดผสมเรียนรวมกับเลือดบริสุทธิ์อย่างพวกเขาก็ตามที แต่ด้วยตำแหน่งคู่หมั้นของรัชทายาทก็ทำให้คนที่พากันทำแบบนั้นมีจุดจบที่น่าอับอายไม่น้อย ลงโทษแบบนั้นยอมตายเสียดีกว่ามีชีวิตแบบถูกลดตำแหน่งแบบนั้นไปตั้งหลายปี ถึงจะรู้ว่านิสัยของคุณชายมีเมตตาแต่ความเมตตานั้นเป็นดาบสองคมมากกว่า
ทำให้ฝ่ายที่ไม่พอใจและไม่เห็นด้วยพากันมาขอโทษและหวังว่าจะได้รับการให้อภัยจากอีกฝ่าย เพราะไม่อยากถูกลงโทษอะไรแบบนี้อีกแล้ว มันรู้สึกน่าอับอายมากกว่าเดิมที่ต้องให้อีกฝ่ายมาขอร้องลดโทษให้ ทั้งที่พวกเขาผิดก็สมควรจะได้รับโทษอย่างเต็มที่ จากไม่เห็นด้วยเป็นการยอมรับถึงจะยังไม่ทั้งหมดแต่ก็ถือว่าเข้าใจบ้างในบางเรื่อง
"ไม่เป็นไรหรอก ข้าไม่ได้โกรธอะไรพวกเจ้า ไม่ต้องมาขอโทษกัน"
"ขอบคุณขอรับที่ใจดีกับพวกข้าขนาดนี้"
"ไม่หรอก ถ้าเป็นเรื่องงานหรือการต่อสู้ข้าคงไม่ยอมอ่อนข้อให้หรอก ยังไงซะพลังของข
“แต่ข้าก็ไม่อาจให้ลูกอยู่แดนมังกรได้ อาจจะถูกคนในดินแดนทำร้ายก็เป็นได้” ซิคฟรีดบอกพลางกัดฟันด้วยความขมขื่นในจิตใจ มันเป็นความจริงทั้งหมด เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเธอ หากเธอดูแลไม่ได้อย่างน้อยถ้าส่งให้ อพอลโลก็ยังเลี้ยงดูได้ ด้วยนิสัยของเขาจะต้องทำเช่นนั้นเป็นแน่“สิ่งที่เจ้าคิดไม่ผิดนักหรอก แต่มันจะดีกว่านี้หากข้ารับรู้และเฝ้ามองการเติบโตของเขา อย่างน้อยก็ทำให้ไวท์รับรู้ว่ายังมีพ่อที่คอยมาหา” อพอลโลกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า หากเขารู้เร็วกว่านี้น่าจะได้เห็นการเจริญเติบโต ช่วงเวลาที่น่ารักของลูกชายตัวน้อย แต่บัดนี้คงไม่น่าอยากได้ความรักจากเขาแล้ว“ความผิดพลาดของผู้ใหญ่ ทำให้เด็กได้รับความเสียหายทางจิตใจ”“ท่านเป็นจักรพรรดิยังไง ถึงได้พูดจาทำร้ายจิตใจข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า”“เจ้าเป็นถึงจักรพรรดินีแดนมังกร มีอำนาจทางทหารและการเมืองทัดเทียมกับข้า ข้าพูดความจริงผิดตรงไหน หากวันพรุ่งนี้เจอลูกของเจ้า
“ข้าอยากจะบอกพวกท่านทั้งสองว่า บัดนี้ผู้เลี้ยงดูเด็กคนนี้ในโลกมนุษย์เสียชีวิตแล้ว ภายใต้การดูแลจักรวรรดิของพวกเรา” รัชทายาทเอ่ยบอกสิ่งสำคัญและก้มหัวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง“ไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะช่วงอายุของมนุษย์นั้นช่างสั้นนัก ถ้าเทียบกับพวกเราทั้งหมดในที่แห่งนี้นับว่ายาวนานกว่ามาก” อพอลโลบอกพลางก้มหัวเช่นกัน“เจ้าคิดเห็นอย่างไรในเรื่องนี้เหรอไวท์ ในฐานะที่เจ้าเป็นเจ้าของเรื่องทั้งหมด ข้าเป็นทั้งคู่หมั้นและผู้ปกครอง เจ้าอยากจะทำอะไร นับจากนี้” รัชทายาทถามด้วยความเป็นห่วง สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือสภาพจิตใจของไวท์ ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งในที่ประชุมนี้“ผมไม่รู้จะทำตัวยังไงดีครับ ตกใจ เสียใจ ดีใจ โล่งใจ มันสับสนไปหมดเลย” เขาไม่สามารถรับรู้ว่าควรทำตัวอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกอย่างมันรวดเร็วจนตั้งรับไม่ทัน“เจ้าไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นภรรยาข้า ต้องการสิ่งใด จงเอ่ยออกมา” รัชท
“เจ้าบ้านี่! อย่ามาล้อเล่นกับข้านะ!” อีกฝ่ายโกรธจนเลือดขึ้นหน้าใช้พลังเวทย์จู่โจมเข้ามาด้วยความเร็วของสัญชาติญาณแวมไพร์ เป็นความจริงที่ว่าแวมไพร์ยิ่งมีอายุขัยมากเท่าไหร่ ก็จะมีพลังมหาศาลมากขึ้นเท่านั้น แต่ใช้ไม่ได้ผลกับเผ่าพันธุ์ของมังกรกับเทพเลยแม้แต่น้อยโดยธรรมชาติของเผ่ามังกรนั้นมีพละกำลังมหาศาล รวมถึงเอกลักษณ์ในการเรียนรู้เวทย์มนตร์นั้นถือว่าเป็นเลิศ และมีพลังที่สามารถเอาชนะได้แม้กระทั่งพระเจ้า ถือเป็นสิ่งที่ชาวสวรรค์เกรงกลัวมากกว่าเผ่าอื่นเพราะมีข้อห้ามของสวรรค์อยู่ แต่สำหรับมังกรกลับไม่มีผลเช่นนั้นพลังของเทพเกิดจากแรงศรัทธาของมนุษย์ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ จะทำให้เทพที่ถูกบูชามีพลังมากพอที่จะปกปักษ์คุ้มครองแผ่นดินให้มีความปลอดภัย ช่วยเหลือยามถูกปีศาจรุกรานได้เป็นอย่างดี รวมถึงแสงสว่างของปีกเหล่าเทวดาหรือเทพเจ้าเองก็เป็นออร่ามากพอที่จะทำให้ได้รับความเคารพเรื่อยมา“ข้าไม่เคยคิดล้อเล่นกับเจ้า ทุกอย่างจริงจังเสมอ” มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาพร้อมกันแล้
ณ วังหลวงส่วนจัดงานเลี้ยงบรรยากาศในงานออกมาแนวธีมสีอ่อนเพื่อให้เข้ากับภาพลักษณ์และนิสัยเจ้าของวันเกิด อาหารถูกนำมาเสริฟ์ด้วยเมนูรสชาติจืดแล้วค่อยไล่ระดับไปเผ็ด ขนมหวานและอาหารว่างที่ดูแปลกตาทั้งหมดถูกนำมาจัดวางภายในงาน แน่นอนว่าบุคคลผู้สอนการทำทั้งหมดเป็นฝีมือของไวท์นอกจากมีตำแหน่งเป็นบุตรบุญธรรมของตระกูลริค รวมถึงได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ดูแลการจัดการอาหารว่างอย่างเป็นทางการของวังหลวง และยังเป็นคู่หมั้นขององค์รัชทายาทอีกด้วย ถึงตำแหน่งในฐานะนักดาบยังไม่ได้มากมายแต่ตำแหน่งอื่นถือว่ามากพอที่จะสั่นคลอนจักรวรรดิได้มากทีเดียวองค์รัชทายาทและเจ้าชายฝาแฝดทั้งสองถูกเชิญกลับมายังเมืองหลวงอย่างถาวร มารับตำแหน่งและจัดการงานภายในวังหลวงแทนการดูแลเมืองในเขตปกครองห่างไกล เพื่อช่วยกันจัดระเบียบรวมถึงการให้ความสำคัญกับลำดับของทายาท และความมั่นคงของวงศ์ตระกูลแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์“จัดเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วใช่หรือไม่ ยังขาดเหลืออะไรอีกหรือเปล่า&
ณ พระราชวังของจักรพรรดิ“จักรพรรดิพะยะค่ะ เซอร์เรเวลมาขอเข้าเฝ้า” มีเทนรายงานให้ผู้เป็นนายฟังเพราะดูเหมือนว่าจะมีสมาธิแต่การทำงานจนไม่ได้ฟังสิ่งที่คนภายนอกรายงานเข้ามาเลย“อะแฮ่ม...ข้ามัวแต่ทำงานเพลิน ให้เข้ามา”“พะยะค่ะ” มีเทนขานรับแล้วเดินไปเปิดประตู“ถวายความเคารพองค์จักรพรรดิ”“ไม่ต้องมากพิธี มีอะไรก็ว่ามา” จักรพรรดิเร่งเพราะยังมีงานค้างที่ต้องจัดการอีกมาก การมาเข้าเฝ้าอย่างเร่งด่วนและไม่มีการขอล่วงหน้าคงจะมีเรื่องด่วนพอสมควร แต่ถ้าไม่ด่วนขนาดนั้นจะสั่งขังสักสิบวันแล้วค่อยให้มาทำงาน เป็นทหารมานานแต่ดันไม่รู้จักระเบียบของวังบ้างเสียเลย“ข้าจะมารายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับพลังของพระคู่หมั้นองค์รัชทายาทพะยะค่ะ” เรเวลตัดสินใจบอกออกไป เพราะอยากเลิกทำงานนี้เสียที เพราะต้องตามสืบคนเดียวมาตลอดหลายเดือน อยากให้มันสิ้นสุดเ
มือขวาดีดนิ้วทำให้วงเวทย์จำกัดการใช้พลังของพวกเราให้อยู่เพียงภายในวงเท่านั้น เพื่อไม่ให้คนอื่นได้รับผลกระทบไปด้วย เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าพลังของทั้งคู่มีมากน้อยแค่ไหน เขาจึงตัดสินใจใช้พลังของมังกรปิดกั้นมันไว้ทันทีก่อนจะออกตัวต่อสู้ผัวะ!แรงปะทะกันซึ่งหน้าทำให้ต่างคนต่างกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง ประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยมของมังกรได้เปิดใช้ทำงานเพื่อประเมินสถานการณ์แต่กลับพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใช้ความรู้สึกเป็นศัตรูเพื่อมาสู้กับเขา หมายความว่านี่คือการทดสอบความสามารถสินะ ถ้างั้นมาลองกันสักตั้งแล้วกัน ขอไม่เกรงใจกันแล้วผัวะ! พลั่ก! ตุ้บ!ไวท์เร่งความเร็วทั้งพละกำลังและการต่อสู้อย่างเต็มกำลังเพื่อวัดกันไปเลยว่าสารวัตรต้องการจะตรวจสอบอะไรกันแน่ มาตรวจกันให้มันจบวันนี้ไปเลย ทุกกระบวนท่าที่เคยร่ำเรียนมาทั้งหมดใส่ไปให้หมดไม่ต้องปกปิดความสามารถเอาไว้เพราะว่าบุคคลนี้จะต้องนำเรื่องนี้ไปแจ้งแก่องค์จักรพรรดิอย่างแน่นอนคีย์สังเกตเห็น