2
ส่งท่านเท่านี้
“คุณชายมาทำสิ่งใดในป่าเช่นนี้กัน”
“ข้ามาตามหาหมอเทวดาที่ผู้คนล่ำลือแต่ไม่รู้หมอเทวดาท่านนั้นอยู่ที่ใด ระหว่างทางเจอเข้ากับโจรป่าจึงแยกกับผู้ติดตาม หนีตายจนตกเขา เหตุนี้ถึงได้แม่นางช่วยไว้ ข้าขอขอบคุณ หากข้ากลับถึงบ้านแล้วจะต้องมอบสิ่งตอบแทนให้แม่นางเป็นแน่” มู่โม่โฉวลุกขึ้นยืนยกมือทั้งสองข้างมาประสาน ขอบคุณหญิงสาวตรงหน้า หากไม่ได้นางเขาคงตายอยู่กลางป่ากลางเขาไม่มีใครหาเจอแล้วเป็นแน่
นางเคยได้ยินแต่ผู้อื่นพูดถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลมู่ว่าเป็นบุรุษรูปงาม เอาแต่ใจ ไม่น่าคบหา อ่อนแอ ชอบสัมมะเรเทเมา ไม่เอางานเอาการ หากไม่ใช่เพราะเป็นหลานชายหวงกุ้ยเฟยในองค์จักรรพรรดิ เกรงว่าคนคงกร่นด่ากันทั่วเมือง
วันนี้ได้เจอตัวจริง ไม่เป็นดังที่ผู้อื่นกล่าวเลย บุรุษผู้นี้ทั้งอ่อนโยน เป็นสุภาพบุรุษ ทั้งยังรู้จักตอบแทนบุญคุณ พูดจาก็ดี ข่าวเล่าข่าวลือพวกนั้นเอามาจากที่ใดกัน
“คุณชายไม่ต้องทำเช่นนี้ ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งใดตอบแทน หลังจากนี้คุณชายจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ ข้ายังต้องอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน”
“หากเป็นเช่นนั้นข้าขอพักที่นี่สักวันได้หรือไม่ แล้วพรุ่งนี้เช้าข้าจะรีบไปไม่รบกวนเจ้าอย่างแน่นอน” น้ำเสียงสุภาพกล่าวเกรงอกเกรงใจ แม้ไม่อยากรบกวนแต่ก็รบกวนนางไปเสียแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกว่าตนเองอ่อนเพลียเกินจะเดินทางได้ จึงจำต้องรบกวนนางอีกสักครา
“คุณชายไม่ต้องเกรงใจ ท่านพักผ่อนเถิด ข้าขอตัวก่อน” พูดคุยกันรู้เรื่อง นางหันไปยกอ่างไม้เดินกลับไปที่ประตู ก้าวไปได้ไม่เท่าใดก็ถูกเรียกรั้งไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนแม่นาง เจ้าจะบอกหน่อยได้หรือไม่ เจ้าชื่อแซ่ใด”
“ข้าน้อยต่ำต้อยไม่มีแซ่มีเพียงชื่อ ข้าน้อยลี่อินเจ้าค่ะ คุณชายมู่”
“ลี่อินงั้นหรือ หรือว่าแม่นางลี่อินแห่งหออิงฮวา” มู่โม่โฉวกล่าวเสียงแผ่ว เช่นนี้เองนางจึงงดงามล่มบ้านล่มเมืองถึงเพียงนี้ ถึงหออิงฮวาจะเป็นของตระกูลมู่แต่เขากลับไม่เคยไปที่หอเลยสักครั้ง เขาได้ยินจากพ่อบ้านว่าแม่นางลี่อินแห่งหออิงฮวาทำกำไรให้หอแห่งนี้มากที่สุด
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าผู้ประมูลไม่เคยมีผู้ใดได้แตะต้องร่างกายนาง บุรุษผู้นั้นทำได้เพียงนั่งดื่มสุราที่นางริน นั่งชมระบำ ฟังดนตรี พูดคุยกันเท่านั้น ถึงเวลานางจะจากไป แต่อย่างไรวันต่อมาก็จะมีบรรดาคุณชาย ขุนนาง แวะมาหาตั้งใจมาพูดคุย ดูเหมือนเป็นธรรมเนียมเพราะนางไม่มีทางออกมาพบผู้คนนอกเหนือจากการประมูล
“คุณชายเข้าใจไม่ผิด ข้าน้อยเป็นคณิกาหอสุราเจ้าค่ะ’
“ข้าไม่ตั้งใจดูถูกแม่นาง ข้าเพียงแปลกใจเท่านั้น ข้าเคยได้ยินว่าเจ้าไม่ออกจากหอจึงไม่คิดว่าจะพบเจ้านอกเมืองเช่นนี้” เขามีสีหน้าแปลกใจไม่น้อยหลังรู้ว่านางเป็นคณิกาที่ผู้คนร่ำลือ พอเห็นนางมีสีหน้าเปลี่ยนไปเขาจึงคิดว่านางรู้สึกไม่ดีกับท่าทีของตนเองจึงรีบแก้ความเข้าใจผิด
“คุณชายพักเถิด” หญิงสาวตอบแล้วหัวเราะขบขันเล็กน้อยก่อนเดินออกไป นางไม่ได้รู้สึกว่าดูถูกดูแคลนแต่อย่างใด จึงขบขันเมื่อเห็นบุรุษตรงหน้าดูลนลาน นางเองต้องการให้ผู้คนคิดว่านางเป็นเพียงสตรีต่ำต้อยเท่านั้น จะได้ไม่มีผู้ใดสงสัยในตัวนาง ทำการสิ่งใดจะได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
หลังออกจากห้องพักนางก็เดินเลี่ยงจากห้องพักของมู่โม่โฉว ไปยังห้องของหวงเหว่ยถิง เขาเองก็รอจะพูดคุยกับนางอยู่เช่นกันแต่ไม่ได้ไปรบกวนตอนนางรักษาบุรุษนั่น เขาเองก็หลีกหนีผู้คนมาอาศัยอยู่ที่นี่ จะกล่าวให้ถูกเขาเป็นหมอหากนับดี ๆ ก็ถือเป็นหนึ่งในตระกูลหวง จึงมิอาจแสดงตัวได้
“เป็นอย่างไร” เหว่ยถิงถามขึ้นเมื่อเห็นหน้าลูกศิษย์สาว เอื้อมมือไปรินชาใส่จอกยื่นให้ นางเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามเอื้อมมือไปรินชาให้ผู้เป็นอาจารย์ เขารับชามาดื่มมองหน้าลี่อินรอคอยคำตอบ
เขาดูแล้วบุรุษผู้นั้นไม่เป็นอันใดมาก เพียงบาดเจ็บจากการตกเขาแล้วผิวพรรณนอกอาภรณ์ถูกครูดกับดิน หิน รวมถึงตอไม้ หญ้าแห้ง เขาจึงให้นางได้รักษาเอง นอกจากวันประมูลนางมักไปรักษาผู้ยากไร้แถบนอกเมือง ขอทาน ผู้ไร้บ้านมากมายไปรวมกันอยู่เพราะไม่มีเงินไปรักษาโรงหมอในเมือง
“ไม่เป็นอันใดมาก ตอนนี้กำลังพักผ่อนเจ้าค่ะท่านอาจารย์ เขาเป็นบุตรชายตระกูลมู่”
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ให้ลุงจางไปส่งเขาในเมืองเถอะ หากอยู่นานแล้วเขารู้สิ่งใดขึ้นมาเราอาจมีปัญหาภายหลัง”
“อาจารย์คราวนี้ผู้ประมูลคือสวี่เลี่ยงหรง โอกาสของเราคงใกล้เข้ามาแล้ว” ผู้เป็นเจ้าของเสียงหวานบอกด้วยความหวัง นางใช้เวลาเกือบสี่ปีทำให้ตนเองมีชื่อเสียงเลื่องลือจนทำให้ตระกูลสวี่เข้ามาร่วมประมูลได้ ภายหลังนางจะได้มีโอกาสสืบข่าวคราวเรื่องเจ็ดปีก่อนได้
เหว่ยถิงระลึกถึงเหตุการณ์ถูกประหารล้างตระกูลเมื่อเจ็ดปีก่อน เขาเป็นบุตรชายบุญธรรมของน้องชายบุญธรรมแม่ทัพหวง บิดาเขาเป็นหมอตระกูลในหวงซึ่งถูกประหารไปเมื่อเจ็ดปีก่อน เขาศึกษาวิชาการแพทย์จากผู้เป็นบิดาตั้งแต่จำความได้ จนแปดปีก่อนถูกบิดาส่งมาฝึกวิชาสมุนไพรกับการต่อสู้ที่วัดร้างแห่งนี้
หนึ่งปีต่อมาบุตรสาวของตระกูลหวงก็ถูกส่งมาให้เขารักษา มารดานางรู้ว่าตระกูลหวงมีภัยจึงให้บุตรสาวหนีออกมา ทำให้นางรอดพ้นความตายมาได้ แต่ทุกคน ในจวนแม่ทัพหวงกลับถูกฆ่าจนสิ้น หนึ่งคืนเต็ม ๆ ที่จวนถูกเผาจนไม่เหลือแม้สิ่งใด
เหว่ยถิงสืบจนรู้ความว่าจึงยังอยู่ที่นี่ โดยมีลุงจางคนขับรถม้าและลี่อิน บุตรสาวแม่ทัพที่เพิ่งอายุสิบปีเท่านั้น ทั้งสามวางแผนสืบความจริงแก้ข้อกล่าวหากบฎของตระกูล ล้างแค้นผู้ที่ใส่ร้ายตระกูลหวงให้ต้องโทษประหารเช่นนี้
“เช่นนั้นเจ้าคิดทำสิ่งใดต่อ แล้วอยากให้ข้าทำสิ่งใด”
“ต้องรอการประมูลเดือนหน้า หากผู้ชนะเป็นสวี่เลี่ยงหรง ข้าจะทำให้บุรุษผู้นั้นหลงใหลจนอยากรับข้าเป็นภรรยา การแอบเข้าห้องหนังสือของสวี่เฟยฮุ่ยคงไม่ยากแล้ว”
“เจ้ามั่นใจแล้วหรือที่จะใช้ตนเองเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน” เหว่ยถิงกล่าวแผ่วเบา เขาเห็นด้วยกับทุกสิ่งที่นางคิดทำ แต่รู้สึกหวิวไหวไม่น้อยเมื่อนางอยากใช้ตนเองเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนในการแก้แค้น อย่างไรเสียเขาก็ดูแลนางมาเจ็ดแปดปีแล้ว นางเป็นเหมือนน้องสาว เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่
หากหลังจากแก้แค้นสำเร็จ แต่นางต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต การแก้แค้นนี้ไม่อาจบอกได้เลยว่าคุ้มค่าแล้วหรือไม่
“ขอเพียงล้างคำครหาของตระกูลได้ข้ายอมทั้งนั้น ข้าต้องทำให้ตระกูลสวี่ได้รับกรรมอย่างสาสมให้ได มิเช่นนั้นชาตินี้ข้าคงไม่อาจหลับสนิทได้อีก”
“เช่นนั้นข้าขอลาแม่นางลี่อิน หากมีโอกาสข้าต้องตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน” คุณชายมู่ยกมือขึ้นมาประสานกันกล่าวขอบคุณหญิงสาวตรงหน้า นับจากนี้นางถือว่าเป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่งของเขามีโอกาสเมื่อใดเขาต้องตอบแทนนางให้ได้
“ข้าส่งคุณชายเพียงเท่านี้ ขอให้เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ” นางเดินเข้าหาเขาครึ่งก้าว ยิ้มอ่อนหวาน กล่าวลาก่อนเขาจะขึ้นรถม้า เขาชะงักครู่หนึ่งเมื่อนางส่งยิ้มอ่อนหวานให้ พลันใจเต้นรัว คงเป็นเพราะความงามของนาง ยามพูดคุยด้วยจึงไม่มีสติเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยเหตุใดนางต้องใส่ผ้าคลุมหน้ายามอยู่ในหอสุรา เกรงว่าหากนางปลดผ้าคลุมออกราคาประมูลคงเพิ่มขึ้นอีกสี่ห้าเท่า ผู้คนแย่งกันประมูลจนโกลาหลเป็นแน่
“ขอบคุณแม่นางลี่อินอีกครั้ง”
บทส่งท้ายของขวัญนี้ข้ามอบแด่ท่านเหมันตฤดูปีนี้แม้จะมีหิมะตกอยู่เสมอแต่กลับรู้สึกเย็นสบายไม่หนาวเท่าปีก่อน หิมะเกาะกิ่งไม้ ใบไม้จนกลายเป็นสีขาวทั่วบริเวณ หญิงสาวเปิดหน้าต่างห้องพักตนเองเพื่อรับลม ทั้งที่หิมะตกเช่นนี้บางครานางยังรู้สึกร้อนจนต้องเปิดหน้าต่างรับลมเช่นนี้“ฮูหยิน จะทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ” ผิงผิงบ่าวคนสนิทเอ่ยถาม นางกำลังปักลายดอกท้อลงบนเสื้อแต่เสื้อนั้นกลับเล็กจนนางคิดว่าคงไม่มีผู้ใดในบ้านใส่ได้แน่ นางไม่ตอบเพียงหันมายิ้มอ่อนหวานให้สาวใช้เท่านั้น นางเพียรปักผ้าผืนนี้มาเกือบเจ็ดวันแล้วนางปักผ้าไปยิ้มไปใบหน้าบ่งบอกว่ามีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่มากนัก หากฮูหยินมีความสุขนางจะขัดไปใย นึกดี ๆ แล้วช่วงนี้ฮูหยินของนางอารมณ์ดีกว่าเมื่อก่อน เห็นสิ่งใดก็ดูดีดูงดงามไปเสียหมด“งามหรือไม่ผิงผิง”“งามเจ้าค่ะฮูหยิน แต่ผู้ใดจะใส่ได้หรือเจ้าคะ”“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง ท่านพี่อยู่ที่ใดห
31ให้ข้าอยู่กับเจ้าไปตลอดชีวิต“ซิ่วอิง เจ้านั่งอยู่ตรงนี้มานานแล้ว ไม่คิดทำสิ่งอื่นบ้างหรือ” มู่โม่โฉวเอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงศาลาข้างสวนดอกไม้ นางนั่งอยู่ที่นี่มาเกือบสองชั่วยามแล้ว นานจนเขานึกเป็นห่วงกลัวนางต้องลมนานจะพาลป่วยไข้“ท่านว่าข้ายังมีสิ่งใดให้ทำอีกหรือ ข้าทวงความยุติธรรมให้ครอบครัวได้แล้ว ทุกสิ่งล้วนถูกที่ถูกทาง ก่อนนี้ข้าไม่เคยได้พัก ไม่เคยคิดเรื่องเหน็ดเหนื่อยสักครั้ง ยามนี้ไม่มีสิ่งใดต้องทำอีกแล้วข้าอยากพักสักหน่อย”“เจ้าว่าอย่างไรข้าก็ว่าอย่างนั้น เช่นนั้นให้ข้าอยู่ด้วยได้หรือไม่” นางละสายตาจากภาพทิวทิศน์เบื้องหน้ากลับไปมองผู้ที่ยืนพูดอยู่ด้านหลัง นึกสงสัยในคำกล่าวเมื่อครู่ มู่โม่โฉวไม่พูดสิ่งใดต่อทำเพียงยิ้มให้นาง“ท่านไม่มีสิ่งใดให้ทำหรือ มาอยู่กับข้าทั้งวันเช่นนี้ไม่เบื่อหรือ”“ข้าไม่เคยเบื่อคิดว่าเจ้าคงรู้ หากอยู่ด้วยจนตายได้ยิ่งดี” มู่โม่
30รางวัลหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างจากชานเมืองถูกเปลี่ยนเป็นโรงหมอ คอยรับผู้ป่วยจากในและนอกเมือง รับเพื่อไม่ให้เข้าไปแพร่เชื้อในเมือง ส่วนผู้อยู่ในเมืองที่ติดก็จำต้องออกมารับการรักษานอกเมืองโรงหมอในเมืองพากันปิดหมดเมื่อรู้ว่าผู้ที่มาหาหมอติดโรคประหลาด ด้วยวิชาแพทย์ที่แตกฉานของหวงเหว่ยถิงและลูกศิษย์สาวอย่างหวงซิ่วอิง โรคระบาดจึงมิได้ลุกลามไปไกลยังพอควบคุม รักษาได้ทันท่วงที คนเจ็บปวดได้รับการรักษาจนหายดี เด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ บุรุษ สตรี ล้วนได้รับการรักษาอย่างเท่าเทียมมิได้แบ่งแยกนางกักขังตนเองอยู่กับผู้ป่วยสามวันสามคืนจึงหาทางรักษาจนได้ ผู้ทดลองยามิใช่ใครอื่น มู่โม่โฉวกับสวี่เลี่ยงหรงล้วนติดโรคประหลาดจากการช่วยนางดูแลผู้ป่วยยากไร้นางคิดสูตรยาอยู่เกือบสามวัน ใช้อาการของโรคเทียบกับตัวยา ช่วงแรกที่มีอาการหนักนางรักษาไปตามอาการ ผลคือผู้ป่วยไม่ดีขึ้นเลย อาการยังคงเป็นเช่นเดิม จนสุดท้ายได้สูตรยามาแต่ไม่มีสิ่งใดรับรองว่ายานี้จะได้ผล ดังนั้นนา
29โรคระบาดการกลับคำของฮ่องเต้องค์ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ แต่การใส่ร้ายขุนนางซื่อสัตย์ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง องค์จักรพรรดิทรงกล่าวกับนางเช่นนี้ ไม่นานจึงออกพระราชโองการลงโทษคนตระกูลสวี่ สวี่เฟยฮุ่ยและคนสนิทถูกประหาร ส่วนผู้อื่นถูกเนรเทศ สมบัติถูกริบเข้าคลัง ยศตำแหน่งถูกริบคืนทั้งหมด แม้แต่บุตรตระกูลสวี่ก็ถูกสั่งห้ามรับราชการอีกตลอดชีวิต ตำแหน่งจอหงวนของสวี่เลี่ยงหรงที่เพิ่งสอบได้ไม่นานก็ถูกยกเลิก“ข้านั้นอยากสั่งประหารสามชั่วโคตร แต่มีคำขอจากสตรีบอบบางผู้หนึ่ง นางกล่าวกับข้าว่าสวี่เลี่ยงหรงไม่ได้ทำผิดใดเขาเองก็ช่วยหาหลักฐานสำคัญเพื่อหยุดการกระทำของบิดา หากต้องโทษประหารไป ยังจะมีผู้ใดอยากทำสิ่งดีอีก ข้าจึงละเว้น เจ้าว่าข้าทำเช่นนี้เหมาะหรือไม่”“การกระทำของพระองค์ล้วนเหมาะสม หม่อมฉันขอขอบพระทัยที่พระองค์ทรงคืนความเป็นธรรมให้นาง”“เหตุใดเจ้าต้องขอบคุณแทนนาง รู้จักนางหรือ”“หม่อนฉันไม่รู้จัก
28ประทานรางวัลผู้คนล้วนรับรู้ว่าหวงกุ้ยเฟยเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้มากเพียงใด วันนี้จึงพากันมามอบของกำนัล อวยพร มู่โม่โฉวเองก็เช่นกันเขามาอวยพรหวงกุ้ยเฟยในฐานะตัวแทนตระกูลมู่“ข้าขออวยพรให้หวงกุ้ยเฟยมีสุขภาพแข็งแรงอายุยืนเป็นร้อยปี วันนี้ขอมอบระบำนี้ เพื่ออวยพรให้หวงกุ้ยเฟยและองค์จักรพรรดิ”“เช่นนั้นเจ้าเล่นฉินให้ข้าฟังด้วยได้หรือไม่ โฉวเอ๋อร์ข้าไม่ได้ฟังเพลงฉินของเจ้านานนัก”“หากเป็นประสงค์ข้าย่อมทำตาม” ข้าหลวงนำฉินมาวางกลางลานให้มู่โม่โฉวได้บรรเลง หวงซิ่วอิงค้อมตัวคารวะผู้สูงศักดิ์ตรงหน้าก่อนจะเริ่มระบำไปพร้อมเพลงฉินอันไพเราะ ทำนองเพลงฉินนี้ทั้งอ่อนหวานชวนเคลิบเคลิ้ม ระบำก็งดงามอ่อนช้อย ไม่มีผู้ใดละสายตาจากระบำตรงหน้าได้เลยความงดงามของนางระบำที่แม้จะปิดบังใบหน้าแต่กลับน่าค้นหา ทั้งหมดราวกับต้องมนตร์จนระบำจบลงมนตร์นี้จึงถูกคลาย“ดียิ่ง ดีจริง ๆ ข้าไม่เคยเห็นระบำงดงามเช่นนี้มาก่อน
27ไม่ได้ครอบครองหลังเตรียมอาหารเสร็จหวงซิ่วอิงและหวงเหว่ยถิงช่วยกันยกอาหารไปวางที่โต๊ะกลางลานบ้าน ผ่านไปไม่กี่เฟินสวี่เลี่ยงหรงก็ตามออกมา ท่าเดินโซซัดโซเซดูไม่มีแรงมากนัก“ท่านยังไม่หายดี ออกมาข้างนอกทำไมกัน” หวงซิ่วอิงเดินไปประคองสวี่เลี่ยงหรงไปนั่งที่โต๊ะกลางลานบ้าน หวงเหว่ยถิง และจางหย่งนั่งมองนิ่ง ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกไป“คารวะท่านทั้งสอง” เป็นสวี่เลี่ยงหรงที่เอ่ยทั้งสองบุรุษที่โต๊ะกลางลานบ้านก่อน จางหย่งที่มักไม่ค่อยพูดยกมือขึ้นมาประสานรับคารวะแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด หวงเหว่ยถิงพยักหน้ารับขยับชามโจ๊กไปให้คุณชายสวี่“กินข้าวเถอะ จะได้พักผ่อนท่านยังไม่หายต้องพักให้มากหน่อย ถ้าจะให้ดีไม่ควรฝืนขยับตัว”“พวกท่านกินกันไปก่อน ข้าจะเอาอาหารไปให้คุณชายมู่” กล่าวจบก็เดินถือถาดอาหารไปยังเรือนพักด้านข้าง ทิ้งให้บุรุษสามคนนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันเพราะมั่นใจว่าหวงเหว่ยถิงจะไม่ทำอันตรายสวี่เ