ปรายลดาจำเป็นต้องเรียกแท็กซี่กลับบ้านก่อนเวลา ด้วยเหตุว่าเธอมีไข้ต่ำ ๆ จนเรียนวิชาต่อไปไม่ไหว ขณะที่เพื่อนรักอาสาอยู่จดบันทึกการสอนในห้องเรียนให้ แทนที่จะไปส่งซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องแปลกอยู่
เธอเป็นคนไม่มีญาติที่ไหน... นอกจากพี่เปา แม่อนงค์ และยัยปริม ก็คงจะไม่มีใครจริง ๆ พ่อปองกานต์จริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่พ่อของเธอ ไม่เคยมาแยแสกันด้วยซ้ำ นานแล้วที่เธอเคยอ่านหัวข้อสนทนา ‘ในวันที่ไม่รู้ว่าเป็นลูกใคร’ ในโลกออนไลน์ พอได้เกิดเข้ากับตัวเองจริงดันขำไม่ออก เพราะนั่นหมายความว่าเธอจะต้องดิ้นรนและพยายามให้มากกว่าคนอื่นหลาย ๆ เท่า คอนโดมีเนียมของเธอที่ซื้อไว้นั้นอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย โดยสารทางรถยนต์แค่สิบนาทีก็ถึง จะเรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งไม่น่าจะถึงห้าสิบบาท ต่อให้เป็นช่วงการจราจรติดขัด ทันทีที่มาถึงห้องสตูดิโอฯ สี่เหลี่ยมที่มีขนาดกำลังพอดีไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ตกแต่งด้วยดีไซส์ทันสมัยสมราคา เธอไม่ลืมส่งข้อความบอกเพื่อนว่าเดินทางมาถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ ก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาจากกล่องยาในกระเป๋าสะพาย เดินตรงไปที่ตู้เย็น... ทันใดนั้นเอง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างมองชายร่างสูงใหญ่ในชุดทำงานเรียบร้อยก้าวพ้นออกมาจากความมืด ใต้แสงไฟสีเหลืองนวลสลัว “พุด... ทำไมพี่โทรไปไม่รับ?” ความคับข้องหมองใจพุ่งขึ้นมาระลอกหนึ่งในแววตาประกายกร้าว เมื่อพบว่าสาวน้อยที่เขาเฝ้าทะนุถนอมซูบโทรมลงไปมากขนาดไหน ปรายลดาเป็นคนผอมอยู่แล้ว ความเครียดทำให้เธอน้ำหนักหายไปกว่าห้ากิโลฯ ในเดือนเดียว ดวงตาแดงช้ำเศร้าหมองบอกว่าเธอไม่เคยมีความสุข หญิงสาวกัดริมฝีปากตัวเองแรง ๆ เพื่อพยายามกลั้นเสียงสั่น ๆ เอาไว้ “พี่เปามีอะไรคะ?” ในน้ำเสียงเย็นชาอาจเย็นยะเยียบอยู่เท่า ๆ กันกับอีกคนหนึ่ง “กลับบ้านกับพี่... เรายังเรียนหนังสือไม่จบ พี่ไม่อนุญาตให้มาอยู่กับผู้ชาย” “พุดอยู่ที่นี่คนเดียว ห้องนี้... เป็นห้องพุด พุดไม่ได้ทำอะไรเสียหาย...” วงหน้าหล่อเหลาเครียดเข้มขึ้น พอนึกถึงคำพูดของนัชชาที่อาจจะเชื่อไม่ได้ทั้งหมด ทว่าเขาก็ยังไม่แน่ใจ สายตาอาลัยอาวรณ์ของเขาค้างอยู่บนใบหน้าสดสวยซีดเผือดที่มีหยดน้ำตารินไหลลงอาบแก้ม แม้ว่าเธอกำลังจะเชิญเขาออกไปจากห้องนี้... “พี่เปาเอากุญแจมาจากปริมใช่ไหม?” “พี่เอากุญแจมาจากใครไม่สำคัญ เราต้องกลับบ้านกับพี่” “อะไรนะคะ พุดเนี่ยนะ ต้องกลับบ้าน...?” ในเมื่อบ้านของเขาที่เธออาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิด เขายังเป็นฝ่ายขับไสไล่ส่งเธอทางอ้อมแค่เพราะว่าไม่พอใจอะไรสักอย่าง ปรายลดาแค่นหัวเราะทั้งน้ำตา ก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจ เปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำมารินใส่แก้ว แกะกล่องยาแต่ละช่องออกเพื่อรับประทานมัน อย่างที่ว่าเธอต้องรักตัวเองหากเขาไม่เห็นคุณค่าของเธอ “เรามีแฟนแล้วหรือ?” “...” “พ่อเลี้ยงถาม... ตอบ” ในคำสั่งอย่างทวงบุญคุณเป็นอะไรที่ปรายลดาไม่ชอบเลย ปรเมษฐ์มักจะแทนตัวเองว่า ‘พ่อเลี้ยง’ เวลาที่เขาโกรธเธอมาก ๆ ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอเงยหน้าขึ้นจากแก้วน้ำใส “พุดจะนอน” น้ำตาแต่ละหยดที่ร่วงรินราวตกลงตรงกลางใจชายหนุ่ม ถึงมีความหึงหวงอยู่สักเท่าไร ตาคมจับจ้องร่างบางที่พาสองขาไร้เรี่ยวแรงไปล้มตัวลงนอน ก้าวตามไปหย่อนก้นนั่งลงบนเตียงนุ่มที่ยวบยุบลงตามน้ำหนักของชายร่างกำยำ “ไม่สบายไปหาหมอหรือยัง ซื้อยาอะไรมากิน... ทำไมกินยาก่อนกินข้าว?” ไม่มีคำตอบจากหญิงสาวที่ซุกตัวในผ้านวมหนาเพราะความหนาว เธอพริ้มตาปิดลงอย่างเหนื่อยล้าจากการเรียนและปัญหาหัวใจ โดยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยดี ปรเมษฐ์ผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ เพราะไม่รู้จะทำยังไง ครั้งสุดท้ายที่เขาจากไป... มันเกิดเรื่องทำนองนี้ ในเมื่อเขาไม่ได้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ก็คงต้องมีอารมณ์ร้อนรุ่มประสาชายโสด และความปรารถนาอันมากล้นที่มีต่อตัวเธอ... นานแล้วที่เขาแอบลักเล็กขโมยน้อยกับเรือนร่างหอมกรุ่นตอนหลับ... เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง ริมฝีปากไม่ทำตามสัมปชัญญะจะคอยเฝ้าจุมพิตไปบนซอกคอขาวเนียน ไล่เรียงไปตามเรือนกายราวกับว่าเธอเป็นของเขา ปัดป่ายมือไปมาในชุดกระโปรงนอน จบลงที่การกอดประคองด้วยความรักใคร่ อยู่มาวันหนึ่งเขาดันรู้ว่าเธอรู้สึกตัวอยู่ตลอด ไม่กล้าสู้หน้าจนต้องหนีไปทำงานต่างประเทศ “พุด... เด็กดีไม่แกล้งหลับนะครับ” ในน้ำเสียงอ่อนโยนลง เหมือนที่เขาพูดกับเด็กน้อยคนหนึ่ง มือหนาเอื้อมไปข้างหน้า พลันค้างไว้ที่กลางอากาศ เขาไม่กล้าที่จะแตะต้องเธออีกแม้ปลายเส้นผม... “พี่จะ... โทรหาปริมนะ” ในเวลาที่ปรายลดาไม่อยากนอนเธอจะหลับตาอยู่ในความเงียบ เช่นตอนนี้ เธอรู้ดีว่าคนเจ้าแผนการอย่างยัยปริมไม่มีทางรับโทรศัพท์ และก็เป็นเช่นนั้น... หลังจากที่ปรเมษฐ์พยายามต่อสายหาเพื่อนผู้หญิง ซึ่งตัวของเขาเองก็คงจะไม่มี ปิ่นแก้วนั้นยังอยู่ฟิลิปปินส์ แม่อนงค์ก็กลับไปเลี้ยงหลาน ในที่สุดเขาจึงต้องตัดสินใจก้าวผ่านความขี้ขลาดของตนเอง เมื่อชีวิตคนตรงหน้าสำคัญกว่า หากพอยื่นมือไปข้างหน้าอีกครั้ง ยาที่เริ่มออกฤทธิ์พาสติของเธอกลับมา อาการปวดศีรษะค่อยทุเลาลง ดวงตาสุกใสแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธ น้อยเนื้อต่ำใจอย่างล้นเหลือ “ตั้งใจจะฆ่ากันอยู่แล้ว ก็ปล่อยให้ตาย ๆ ไปเถอะ” เสียงกระด้างราวแส้ที่หวดเขาด้วยพิษคำ ปลายรดาเป็นเด็กดีไม่เคยมีกริยาแบบนี้กับเขาแม้สักครั้ง สองเดือนที่ผ่านมาอะไร ๆ คงจะเปลี่ยนไปมาก “ถ้าลุกไหว ก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปกินข้าวซะก่อน ค่อยมานอน” พออีกคนยังไม่ขยับ เสียงทุ้มแฝงความเคร่งขรึมขึ้นในถ้อยคำเด็ดขาด “ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” ดวงตาคู่สวยหรี่เล็กลงเหยียดตรงมองกลับไปด้วยความขุ่นเคืองใจ เขาไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับเธอ! “ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ พุทรา” ความเสียใจหลั่งออกมาจากสีหน้าดื้อรั้น เสียงสั่น ๆ เค้นออกมาทีละคำ “ออกไป” ใบหน้าสันคมฉายแววเจ็บปวด เมื่อสาวน้อยแสนเรียบร้อย น่ารักกับเขาเสมอ ลุกพรวดจากที่นอน เริ่มสาดเทความกร้าวโกรธใส่เขาด้วยหมอนที่ฟาดลงไม่ยั้ง “ออกไป ๆ ไป... ไป!” ปรเมษฐ์ไม่คิดว่าเธอจะทำร้ายเขา หากว่าเธอไม่เป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ! จึงยอมสงบศึกด้วยการลุกไปแต่โดยดี เขาให้เวลาเธอได้สงบสติอารมณ์ลำพัง โดยนั่งรออยู่ตรงโซฟาด้วยจิตใจกระวนกระวาย มีแค่เสียงร้องไห้ครวญครางของผู้หญิงอกหักช้ำใจคนหนึ่ง... มันทำให้เขานึกถึงคำพูดของแม่ว่าจะเป็นบ้าตายไปเสียก่อนเพราะอะไร แล้วเขาหรือจะทนไหว...? บาดแผลฉกรรจ์ครั้งนี้ที่เขาเป็นคนลงมีดเองคงจะอยู่ไปอีกเนิ่นนาน น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้มแค่ได้ยินซุ่มเสียงเจ็บปวดจนต้องยกมือขึ้นกุมหน้าตัวเองเอาไว้ นานนับชั่วโมงกว่ามันจะค่อย ๆ เงียบลง เมื่อถึงที่สุดของปรายลดาที่ร้องไห้จนผล็อยหลับไปเหมือนทุก ๆ วัน“พ่อกินข้าวมารึยัง?” เสียงหวานถามอย่างดีอกดีใจ หลังพ่อปองกานต์ก้าวผ่านประตูบ้านมาได้ไม่กี่ก้าวเท่านั้นตาคมหลุบมองหน้าท้องเนินนูนของลูกสาวที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเก่า ไม่อวบอ้วนจนเกินไป หน้าตาสดใสมีความสุขดี“ยังเลย มีอะไรให้พ่อกินบ้างล่ะ?”“กับข้าวเต็มโต๊ะเลยพ่อ พี่เปาซื้อมา พ่ออาบน้ำ โกนหนวดก่อนไหมคะ? หรือพ่อจะกินข้าวก่อน” ทั้งน้ำเสียงและแววตาแลดูเป็นห่วงเป็นใยพ่อเสียเหลือเกิน แม้แต่คนที่เดินข้างกันเข้าบ้านแล้วยังรู้สึกได้ตั้งแต่ปองกานต์ทิ้งบ้านไปตอนลูกสาวอายุได้ประมาณห้าขวบ จะกลับมาก็แค่ปีละหนสองหน ยังไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน แม้ไม่ได้มีความผูกพันอะไรกันทางสายเลือดหรืออยู่ด้วยกันตลอด มีหลาย ๆ ครั้งที่ปรายลดาคิดถึงพ่อพอคนพ่อเดินตามไปถึงห้องรับประทานอาหาร ติดห้องรับแขกกว้างขวาง ลูกสาวตักข้าวร้อน ๆ ให้ใส่จาน“เป็นยังไงบ้างล่ะ? ปวดขา ปวดหลังไหม ลูกดิ้นหรือยัง?”“ดิ้นแล้ว... ชอบดิ้นตอนกลางคืน ปวดขา ปวดหลังค่ะ แต่ว่ามีคนนวดให้” วงหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ ก้มหน้าเอียงอายมองทัพพีในมือเหมือนข้าวในหม้อจะโรยน้ำตาล“ไม่ได้เรื่องหรอก พ่อนวดเก่งกว่าเยอะ เดี๋ยวพ่อกินข้าวเสร็จ พ่อนวดเท้าให้ลูกดีไหม?
“แม่จัดการหนี้ให้หมดแล้ว อย่าไปก่อเรื่องอีกล่ะ มีพ่อที่ไหนเขาต้องให้ลูกเลี้ยงอายุแค่ยี่สิบกว่า ๆ มาโอนเงินให้ตลอด เหล้าน่ะกินมันเข้าไป ไว้หนวดไว้เครายังกับโจร เมื่อไรแกจะทำตัวเป็นผู้เป็นคนสักที” อนงค์บ่นน้ำไหลไฟดับ ก้าวฉับ ๆ เดินฝ่าแดดร้อนจัดข้างชายที่อยู่ในสภาพเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเก่า ๆ ต่างกันกับตัวเธอ การแต่งตัวนั้นก็ออกไปทางวัยรุ่น ด้วยกางเกงยีนส์เสื้อยืด ไม่ได้นุ่งผ้าซิ่นแบบคนเฒ่าหากพูดเรื่องความกระฉับกระเฉงของสาววัยเจ็ดสิบสองที่ดูแลตัวเองสม่ำเสมอเป็นคนละเรื่องกับลูกชายวัยห้าสิบปี เขาดันดูแก่กว่าแม่เสียอีก“เรื่องของผมเปล่าแม่...”คนได้ยินมองขวับตาขวาง โทสะเดือดพล่านขึ้นมาในทันที “เรื่องของแก มันเป็นปัญหาของฉันไหมล่ะ? ไอ้ที่ต้องมาโรงพักเพราะเจ้าหนี้มันจะฟ้องฉ้อโกง มันไม่ใช่เรื่องของฉันตรงไหน.. ฮะ”“ผมหมายถึงเรื่องหนวด... มันหนวดผม” ปองกานต์ชี้ไปที่หนวดแล้วก็ทำเมินเฉย ปล่อยให้แม่โมโหอยู่อย่างนั้นทีแรกเขาก็นึกว่าพวก ‘เฮียซ้ง’ จะจ้างคนมาทำร้ายหรือไปรังควานลูกสาวของเขา กลายเป็นลากมาขึ้นโรงพักลงบันทึกประจำวัน ยื่นฟ้องฐานฉ้อโกง เพื่อเอาครอบครัวเข้ามาเอี่ยว คู่กรณีอย่างเขาจึงต้องจ่ายเ
‘ผู้หญิงของเจ้านายคุณน่ะ ระวังตัวไว้ดี ๆ ก็แล้วกัน ฉันโทรมาเตือนครั้งสุดท้าย’คำขู่ของหญิงสาวผู้เต็มไปด้วยความริษยาในตัวลูกเลี้ยงเมื่อหลายวันก่อนทำให้เขาไม่สบายใจอลันทำการสืบสาวเรื่องราวบางอย่างมาได้สักพักว่ามีอะไรแปลก ๆ เกี่ยวกับปิ่นแก้ว และรายงานเจ้านายไปก่อนหน้านี้ นอกจากเรื่องที่เธอไปหาปองกานต์ ยังไปยุ่งวุ่นวายกับพวกกู้หนี้นอกระบบ บ่อน ซึ่งเขาได้สั่งให้ลูกน้องแอบตามไปสัญชาติญาณเลขาฯ ไฟแรงเขาคงอยากลุกขึ้นมาสะสางปัญหาเรื่องผู้หญิงของเจ้านายให้เรียบร้อย คนที่หยุดปลายเท้าลงข้างเตียงดันทักขึ้นเสียก่อน“คุณอลัน... กินข้าวต้ม กินยาให้ครบ ไม่ไหวก็ไม่ต้องลุก เดี๋ยวฉันจะกลับแล้วนะ” ในน้ำเสียงกึ่งสั่ง ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวราวกระดาษมองกลับไปยังร่างบางในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นงานแบรนด์สมฐานะคุณหนูนัชชาถึงเป็นเด็กปากร้ายไปสักหน่อย เธอกลับรับผิดชอบในการกระทำ ตั้งแต่นอนเฝ้าไข้เขาอยู่ข้างเตียงคนป่วยในโรงพยาบาล ขับรถยนต์ให้แทนเพื่อพาเขากลับมาส่งถึงคอนโดฯ ยังคอยดูแลเรื่องยาและอาหารให้ไม่แปลกที่ฝรั่งไร้ญาติจะเกิดความรู้สึกเศร้าเสียดาย จู่ ๆ เขาซึ่งอยู่คนเดียวมาตลอดดันอยากให้เธออยู่ด้วยกันเรื่อย ๆ
ตั้งแต่ทุกคนออกจากบ้านไปแล้วหญิงสาวกลับมาแค่สองคน ได้เรื่องว่าเลขาฯ หนุ่มโดนหมอจับล้างท้องจนไม่เหลือเรี่ยวแรงยังต้องนอนหยอดน้ำเกลือ เขาคงจะต้องโมโห จึงพยายามติดต่อเจ้าตัวซึ่งหายเข้ากลีบเมฆ ยังไม่รับสายหลังก่อเรื่องเอาไว้ทันทีที่ประตูบ้านปิดลงพร้อมการจากไปของนัชชาซึ่งรับปากว่าจะไปดูแลอลัน ให้แทน เนื่องจากว่าลูกครึ่งหนุ่มบราซิลไม่มีญาติที่ไหนร่างสูงในชุดทำงานก้าวพรวดไปสอดลำแขนเข้าประคองเอวเล็ก สัดส่วนโค้งเข้าพอดี หน้าท้องเนินนูนเพียงเล็กน้อยตามอายุครรภ์เพียง 13 สัปดาห์ ปรายลดาเริ่มใส่เดรสของคนท้องบ้างในบางวันยังติดเข็มกลัดไว้ตามที่แม่อนงค์บอก“พุทรา... พวกเขาไปกันหมดแล้ว หมดเรื่องแล้ว พุดไม่ต้องกังวลนะ พี่ไม่อยู่เฉย ๆ กับเรื่องนี้แน่” ปลายเสียงเด็ดขาด แน่ว่าเขาจะต้องเอาเรื่องในภายหลัง หล่อนไม่มีวันได้มาเหยียบบ้านของเขาอีก!ตอนนี้เขายังคิดอยู่ว่าถ้าสตรีมีครรภ์รับประทานยาปลุกเซ็กส์เข้าไป ตามฉลากห้ามรับประทาน เด็กในท้องคงได้รับอันตราย ไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าเป็นพวกมักมากอย่างเขาที่โดนกับคนอื่นก็คงจะทนไหว แต่กับสาวน้อยในความดูแลแล้วเท่าไรคงไม่พอ...“พี่ไม่ได้เจอเมียมาเป็นอาทิตย์แหนะ”“แล้ว
“กรี๊ด!”ต่างคนปิดยกมือขึ้นปิดหูแม้กระทั่งคนกรี๊ดเอง เว้นแค่ปรายลดาที่ยืนหัวเราะเพื่อน เห็นอยู่ว่านัชชาจงใจตะเบ็งเสียงคอแทบแตกใส่หน้าปิ่นแก้ว ก่อนที่เจ้าตัวจะทำหน้าเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“โดนตัดออกจากกองมรดกแล้วค่ะ ปริมแค่แวะมาบอก โตแล้วเนอะจะไปไหนก็ได้นี่ ไปกันดีกว่า พุด...”“พุด... รอไปพร้อมพี่” ชายหนุ่มแทรกขึ้นมาแล้วเดินไปคว้ามือเรียวไว ๆ แต่ก็ถูกสะบัดออกด้วยสีหน้าดื้อรั้นซึ่งเลือนหายไปในอีกครู่ เป็นรอยยิ้มใส ๆ“พุดไปกับปริมดีกว่าค่ะ พุดรีบ เดี๋ยวไปไม่ทัน วันนี้อาจารย์หมอมาด้วย พุดมีคำถามตั้งเยอะแยะ พี่ทำงานไปก่อนเถอะ เรื่องลูกเมื่อไรก็ได้” พูดแล้วก็คว้ามือเพื่อนสาว รีบเดินหนีเจ้าของบ้านไป ปรายลดาโมโหอย่างไรยังสำรวมกริยา ถึงเธออยากจะกรี๊ดใส่หน้าใครสักคนให้ได้อย่างนัชชาสักแค่ไหนคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังหัวใจกระตุกวูบ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว และเขาก็ไม่อยากจะทำงานต่อ“เดี๋ยวผมให้วิศวกรดูหน้างานอีกที สระว่ายน้ำกับร้านอาหาร ผนังต้องให้ลูกค้าเลือกก่อนว่าจะเอาผนังปูนเปลือย บล็อกอิฐแก้ว หรือกระจก คุณเป็นหัวหน้างานสถาปนิกคุมทีมก่อสร้าง มีอะไรคุณตัดสินใจไปเลยละกัน”เพราะคำว่า ‘หัวหน
ปรเมษฐ์ มาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงเย็นพร้อมปิ่นแก้วที่หอบงานโปรเจคใหญ่กลับมาทำต่อ มันเป็นงานที่จะต้องทำร่วมกันเป็นทีม ซึ่งเจ้าของบ้านก็ให้เกียรติภรรยา ไม่พาผู้หญิงเข้าห้องทำงานส่วนตัว ใช้สถานที่ในห้องรับแขกโปร่งโล่ง เปิดกระจกไว้ทุกบาน สำหรับวางกระดานแบบงานอันใหญ่ใต้ร่มไม้ของม้านั่งหินในสวนหย่อมหน้าบ้าน ดวงตาคู่สวยจ้องเขม็งผ่านขอบจอโน๊ตบุ๊คไปยังบุคคลทั้งสองในบ้าน พวกเขากำลังยืนอยู่หน้ากระดานแบบงานหน้าบ้านหน้าตาคร่ำเครียด“ฉันกลับมาขายเสื้อกับแกต่อได้มั้ย?” คนถามนั่งเท้าคางอย่างเซ็ง ๆ ขณะที่ปรายลดาไม่ตอบอะไรฮอร์โมนคนท้องทำให้เธอกลายเป็นคนอารมณ์แปรปรวน ยังหงุดหงิดตลอดวัน ดีหน่อยตรงที่ไม่แพ้ท้องมาก นัชชายังอยู่เป็นเพื่อนตลอด หลังจากที่เจ้าตัวไม่มีไข้แล้ว อาการดีขึ้นตามลำดับเรียกได้ว่าเกือบหายดี“แกไม่ฟังที่ฉันพูดเลย หึงผัวล่ะสิ ให้ฉันจัดการเหอะ”“ไม่เป็นไร... ขอบใจนะ ปริม แกเอาตัวแกเองให้รอดเหอะ” ย้อนคำคนที่มีกำลังปัญหาความรักและชีวิตครอบครัวขนาดว่าไม่ยอมกลับบ้าน ก่อนจะหันมองใบหน้าสดสวยสลดเศร้าลงจนต้องถาม“ตกลงแกทะเลาะอะไรกับพี่ธาม ร้องไห้จนหลับ ไม่เห็นเล่าให้ฉันฟังสักอย่าง”“เรื่องมันยาวอ่ะ