“เออนี่ ได้ข่าวหรือยัง” หัวเราะไม่นานเขาก็ถามมาด้วยสีหน้าจริงจังจนหญิงสาวต้องขมวดคิ้ว
“ข่าวอะไรเหรอคะ ถ้าเป็นเรื่องของคนคนนั้น โซ่ไม่อยากรู้หรอกนะคะ”
“รู้หน่อยเถอะ” คนเป็นเหมือนพี่ชายรบเร้าก่อนจะเล่าต่อโดยไม่รอฟังว่าหญิงสาวจะฟังหรือไม่ “แม่คณิตานั่นน่ะ ไปทำเชิดว่าจะได้เป็นนางเอกโพรเจกต์ชนช่องแต่ก็ไปขัดตานางเอกเบอร์ต้น ๆ ของช่องโน่นเข้า สงครามนางเอกกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว นางเอกคนนี้น่ะกัดไม่ปล่อยแน่... ส่วนตัวนายกันต์เองก็ไม่ได้มีความสุขอย่างที่ควรมี”
“ไม่มีความสุข?”
“ใช่ ได้ข่าวว่าผู้ถือหุ้นคนใหม่เพ่งเล็งและหาโอกาสโจมตีอยู่ตลอด คนที่บ้านก็แทบจะเมินใส่หันไปสนใจแต่สะใภ้...ที่สาวเจ้าก็ไม่ค่อยจะสนใจมันเท่าไหร่” ชายหนุ่มบอกเล่าก่อนจะหลุดหัวเราะสมน้ำหน้า ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับภานุกานต์จะเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่เรื่องการนอกใจก็ทำให้เขาโกรธเพื่อนคนนี้ไม่น้อย แทบจะไม่มองหน้าด้วยซ้ำ แต่พอได้ยินข่าวคราวพวกนี้ เขาก็สบายใจขึ้นและก็สมน้ำหน้า
กรรมใครก็กรรมมัน อะไรที่ทำให้ทุกข์ นั่นแหละคือกรรม
“นายกันต์กับแม่นั่นกำลังได้นับผลจากการกระทำ แต่ซอโซ่หลุดพ้นแล้ว...กลับมามีความสุขได้แล้วนะซอโซ่”
“แน่นอนค่ะพี่พีช จากนี้ไปโซ่จะมีความสุขให้มาก”
ศศิรินทร์ยิ้มหลังจากพูดจบ ทว่าไม่ได้รู้สึกใด ๆ กับข่าวที่ได้รับ...รู้สึกเฉย ๆ ไปซะแล้ว
พิชยะยื่นมือมาตบไหล่คนเป็นเหมือนกับน้องสาวแท้ ๆ ก่อนจะบอกเสียงอ่อนโยน “ดีแล้ว ไว้ว่าง ๆ พวกเรานัดพี่แพร์ไปกินข้าว แล้วก็ไปเที่ยวกัน อัพความสุขอวดให้เต็มโซเชียลไปเลย”
“ค่ะ ๆ ไว้ว่าง ๆ ซึ่งไม่ค่อยมีใครว่างแล้วกันนะคะ”
“ฮะฮะ พี่น่ะว่างเสมอเพื่อพี่แพร์กับซอโซ่ ซอโซ่ต้องบอกตัวให้ว่างต่างหากล่ะ” เขาบอกอย่างนั้น ทั้งยังเหลือบไปมองกองเอกสารบนโต๊ะของหญิงสาวที่มันดูจะเยอะแยะจนเขาขนลุก ศศิรินทร์มองตามก่อนจะผุดยิ้มร้ายและเอ่ยอย่างจริงจัง
“ก็ถ้ามาช่วยโซ่ทำงาน โซ่คงจะพอมีเวลาว่างนะคะ”
“หว้า พี่นัดเพื่อนไว้ ต้องไปแล้วซิ ไว้เจอกันนะ แล้วพี่จะรีบเอารถมาคืน บ๊ายบาย”
“พอพูดเรื่องงานล่ะชิ่งไวจริง ๆ” เจ้าของบริษัทสาวพึมพำก่อนจะส่ายหน้าพอพูดเรื่องงานขึ้นมาชายหนุ่มก็รีบรุดหาข้ออ้างออกจากห้องไปทันที แต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองใด ๆ ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าทั้งพิชยะและพิชชาภาต่างก็มีสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ และเธอก็ไม่คิดจะบังคับให้ใครมาทำ คนเราถ้าฝืนทำในสิ่งที่ไม่ชอบยังไงก็ไม่มีความสุข
เธอที่มีความสุขกับงานตรงนี้ก็ทำตรงนี้ไป ส่วนคนไม่ชอบก็ไม่จำเป็นต้องไปบีบคั้นกัน ยังไงซะตอนนี้เธอก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของบริษัทแต่เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว
ศศิรินทร์เลิกคิดถึงเรื่องของพิชยะและกลับมาสนใจงานตรงหน้าอีกครั้ง เรื่องของคนอื่นก็ช่างมันเถอะ เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องของใครแล้ว ใครจะมีความสุขหรือไม่ก็ช่างเถอะ แค่ต่างคนต่างอยู่ไม่มาทำให้รำคาญก็พอแล้ว...แค่ใครคนนึงที่มาวนเวียนในฝันก็ทำให้เธอฟุ้งซ่านพอแล้ว
โดยที่หญิงสาวไม่รู้เลยว่ากำลังจะมีเหตุให้เธอได้เจอกับใครคนนั้นที่ทำให้ฟุ้งซ่านอีกครั้ง…ในสภาพที่ไม่คาดคิด
จะเจอกันแล้วจ้า เขาจะเจอกันแล้ว
ภารกิจด่านพี่ ด่านเพื่อน ด่านน้องผ่านไปก็มีภารกิจใหม่เข้ามา นั่นก็คือการทำความรู้จักกับผู้คนรอบตัวของชายหนุ่ม สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปเข้ามาพร้อมกับผู้คนที่หลากหลาย แต่ยังดีที่มีเจ้ญาดาและลูกสาวคอยช่วยทำให้เธอได้รู้จักกับคนภายในแฟลตได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วและด้วยความที่ไม่ได้บอกเล่าว่าเธอเป็นใครทำอาชีพอะไรทุกคนจึงทำตัวสบาย ๆ ทำให้หญิงสาวค่อนข้างจะสบายใจเวลาที่ได้พูดคุย เพียงไม่นานก็สนิทกับเกือบทุกคนโดยเฉพาะกับสาว ๆ จากกลุ่มสืบสวนที่มีกลุ่มไลน์ไว้คุยกันอย่างสนุกสนาน เธอถูกเรียกขานกันเป็นซ้อรองและกลายเป็นคนที่ทุกคนให้ความสำคัญรองลงมาจากซ้อใหญ่อย่างนีรนุชบรรยากาศภายในกลุ่มค่อนข้างสนุกและเป็นเอง ภายนอกกลุ่มก็ค่อนข้างเป็นไปได้ด้วยดีแต่ทุกสังคมก็มีทั้งทั้งดีและไม่ดี ปะปนกัน แต่ละคนก็มีนิสัยแตกต่างกันออกไป เธอจึงได้พบทั้งคนที่แสนดีและเป็นมิตร ทั้งคนที่จ้องจะนินทา คนที่นินทาเธอกับรังสิมันตุ์ก็มีอยู่เหมือนกัน แต่ทั้งเธอและรังสิมันตุ์ก็เลือก
ตู้เสื้อผ้าที่ตอนนี้ถูกแบ่งเป็นสองฝั่งเรียงรายไปด้วยเสื้อผ้าที่แตกต่างกัน ฝั่งขวาเป็นเสื้อผ้าของรังสิมันตุ์ที่มีเพียงไม่มาก ส่วนฝั่งด้านซ้ายมือเป็นเสื้อผ้าของศศิรินทร์ที่กินเลนไปเกือบสามของสี่ส่วน หญิงสาวกวาดสายตามองชุดนอนที่เรียงรายกันกินเลนไปในฝั่งของชายหนุ่มหลังจากที่จัดเสื้อผ้าใส่ตู้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะทอดถอนใจ อยู่ ๆ ก็รู้สึกไม่มีตัวไหนน่าพอใจขึ้นมาซะอย่างนั้นเธอกลายเป็นคนเรื่องมากเรื่องชุดนอนตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย!คิดขึ้นมาอย่างหงุดหงิดใจเบา ๆ แต่แล้วสายตาก็มองเลยไปในเขตของเจ้าของห้อง ตาคู่หวานหยุดลงที่เสื้อยืดคอวีสีขาวตัวใหญ่ที่ดูธรรมดาไม่ได้พิเศษที่เรียงกันอยู่ถึงสามตัวก่อนจะหยิบออกมาจากตู้ด้วยแววตาพอใจ...ยืมใส่สักวันก็คงไม่ว่าหรอกมั้งนะคนไม่พอใจกับเสื้อผ้าตัวเองคิดเองเออเองเสร็จสรรพก่อนจะถือเสื้อที่หมายตาเข้าไปในห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี ตอนที่แยกย้ายกั
มื้อเย็นวันนี้เป็นมื้อที่ค่อนข้างหายใจหายคอลำบากสำหรับศศิรินทร์ หญิงสาวมองไปยังด้านซ้ายที่มีพิชญาดาและพิชญะก่อนจะเบนสายตามายังด้านขวาถัดไปจากเก้าอี้ของรังสิมันตุ์ที่มีเพื่อนสาวทั้งสามคนนั่งเรียงกันอยู่ ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นว่าทั้งเพื่อนทั้งพี่แท็คทีมกันมาในวันเดียวกันแบบนี้ได้นะสายตาคู่หวานมองเลยเพื่อนสาวทั้งสามคนไปยังภาสกรเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เพื่อนหนุ่มใจสาวกลับไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเลยสักนิด...เสียแรงที่เรียกมาให้ช่วยจริง ๆ ก๊อก ๆ ๆเสียงเคาะจากด้านนอกทำให้บรรยากาศภายในห้องอาหารส่วนตัวที่พิชญาดาซึ่งเป็นเจ้าของภัตตาคารแห่งนี้เปิดเป็นพิเศษเพื่อวันนี้โดยเฉพาะผ่อนคลายลงมาบ้าง ศศิรินทร์ลอบเป่าปากเบา ๆ เมื่อทุกสายตาหันไปสนใจที่ประตู ทว่าเมื่อหญิงสาวหันไปมองตามก็ต้องขมวดคิ้วและหันมามองรังสิมันตุ์ด้วยความรู้สึกสงสัย“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะคุณแพร” น้
อาทิตยะเป็นคนที่จัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแค่สลายทีมงานแต่ยังพุ่งไปชักชวนพิชญะและภาสกรออกไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันด้วย มิหนำซ้ำยังไม่วายคว้ามือพานางเอกและพระเอกของเรื่องไปด้วยภายในห้องจึงเหลือแค่เพียงศศิรินทร์และเจ้าของสถานที่ที่มองมาที่เธอและรังสิมันตุ์ตาแทบไม่กระพริบ“เอ่อ...ขนมคะ” หญิงสาวทนสายตาที่มองมาไม่ไหวต้องรีบหยิบยกเรื่องขนมขึ้นมาพูดจะได้ไม่รู้สึกเขิน “พอดีสั่งมาให้ทีมงาน ก็เลยเอามาฝากทุกคนด้วย ช่วงนี้ก็...รบกวนหน่อยนะคะ”“มะ ไม่รบกวนเลยครับซ้อรอง สำหรับซ้อรองแล้ว ไม่มีอะไรรบกวนเลยครับ”“ใช่ครับ ๆ สำหรับแฟนพี่รองน่ะไม่รบกวนพวกเราหรอกครับ”“เอ่อ ค่ะ” เจอท่าทีคล้ายประจบของเพื่อนร่วมงานของรังสิมันตุ์เข้าไปหญิงสาวก็ไปไม่เป็นต้องเงยหน้ามองชายหนุ่ม ผู้กองหนุ่มรู้ถึงสัญญาณของความช่วยเหลือในทันทีจึงส่งเสียงกระแอมขึ้
ทั้งที่ศศิรินทร์เดินออกมาแต่ถึงอย่างนั้นภานุกานต์ก็ไม่ได้แยกไปไหนเพราะสถานที่ที่เขาจะมาก็เป็นห้องเดียวกับที่หญิงสาวเดินเข้าไป ชายหนุ่มก้าวเข้าไปภายในห้องอย่างเงียบเชียบทว่ากลับไม่ได้มองหาคนที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่ สายตาคู่นั้นจับจ้องไปที่อดีตคนรักที่นั่งดูการถ่ายทำอยู่กับเพื่อนหนุ่มใจสาวอยู่เงียบ ๆ โดยไม่ละไปไหน“เขามองแกอยู่” ภาสกรส่งเสียงกระซิบพร้อมกับสะกิดให้หญิงสาวได้รู้ตัว ทว่าศศิรินทร์กลับไม่ได้สนใจใด ๆเธอคาดเดาไม่ออกหรอกว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้เอาแต่จ้องมองมา คนคนนี้คาดเดาได้ยากมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และเธอก็ไม่คิดที่จะหาคำตอบอีกแล้ว“คัส...โอเค พักกินข้าวได้” เสียงสั่งของอาทิตยะดังขึ้นในเสี้ยววินาทีต่อมา พร้อม ๆ กับที่คนของบ้านขนมไทยบุษบามาส่งขนม ทีมงานทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าวันเปิดกล้องวันแรกบอสสาวมักจะสั่งขนมไทยร้านประจำมาเลี้ยงเสียงเฮฮาจึงเริ่มต้นขึ้น
วันต่อมารังสิมันตุ์ที่วันนี้สวมเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ที่ศศิรินทร์เลือกให้เมื่อเย็นวานนี้เปิดประตูเข้ามาในห้องประจำทีมและตรงดิ่งมายังมุมชงกาแฟอย่างอารมณ์ดีโดยไม่สนใจทีมงานของกองถ่ายที่เข้ามาเตรียมตัวสำหรับการถ่ายทำอยู่ภายในห้องรวมไปถึงสายตาของเพื่อนร่วมงานที่มองมาราวกับว่าเขากินยาลืมเขย่าขวดหรือไม่ก็ซัดของผิดสำแดงเข้าไป ธัญย์ธิชาและตรัยคุณที่มักจะพูดคุยกันแทบทุกเรื่องจ้องมองไปที่พี่รองของทีมแล้วก็หันมองสบตากันคนแบบนี้มีความรักจริง ๆ สินะ“พี่รองกลับมาแล้วเหรอครับ” บางคนหายตกใจกับอาการอารมณ์ดีผิดปกติของพี่รองได้ไวก็ส่งเสียงทัก คำว่ากลับมาแล้ว ไม่ได้หมายความว่ารู้อยู่แล้วว่ารองหัวหน้าทีมหายไปไหน แต่หมายถึงกลับมาทำงานแล้วเหรอ“อื้อ”แม้ว่าจะดูอารมณ์ดีผิดปกติแต่พี่รองก็ยังคงเป็นพี่รอง ผู้กองรังสิมันตุ์ก็ยังคงเป็นคนพูดน้อย ไม่ได้ม