LOGIN“ก็ได้ค่ะ”หลังจากสืออวี๋แจ้งที่อยู่ของบ้านตระกูลไป ทั้งสองคนก็วางสายคุณหวังวางโทรศัพท์ลง พลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกถ้าหากตอนนี้สืออวี๋ไปที่เซิ่งซื่อหาวถิง ต้องรู้แน่ ๆ ว่าห้องตรงข้ามเธอกำลังตกแต่งอยู่ ถึงตอนนั้นความลับก็คงแตกช่วงพลบค่ำ หลังจากสืออวี๋และคุณย่าสือทานอาหารเย็นเสร็จ ขณะกำลังเดินเล่นอยู่ในสวน พ่อบ้านก็ถือกุญแจเดินเข้ามาหาทั้งสอง “คุณหนูใหญ่ครับ เมื่อครู่มีคนอยู่ที่หน้าประตู ฝากผมเอากุญแจมาให้คุณครับ”สืออวี๋รับกุญแจมา “ค่ะ ขอบคุณนะคะ”คุณย่าสือเหลือบมองกุญแจในมือเธอ “แกเตรียมจะย้ายไปเมื่อไหร่ล่ะ?”“ก็คงอีกสองสามวันนี้ค่ะ”คุณย่าสือถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “เพิ่งจะมาอยู่เป็นเพื่อนยายแก่คนนี้ได้ไม่กี่วัน ก็จะย้ายหนีไปซะแล้ว เฮ้อ…” สืออวี๋ย่อตัวลงตรงหน้าท่าน ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณย่าคะ ต่อให้หนูย้ายออกไป หนูก็จะกลับมาเยี่ยมคุณย่าบ่อย ๆ แน่นอนค่ะ อีกอย่าง ถ้าปกติคุณย่าว่าง ก็ไปหาหนูที่นั่นได้ทุกเมื่อเลยนะคะ”“ไม่พักที่บ้านจริง ๆ เหรอ? ย่าให้คนขับรถรับส่งแกไปกลับที่ทำงานทุกวันก็ได้นะ”“ไม่ดีกว่าค่ะ หนูขอย้ายออกไปอยู่เองดีกว่า บางทีหนูต้องทำงานล่วงเวลาจนดึกมาก พั
ซือเยี่ยนเลิกคิ้วหนา “ผอ. ไล่ผมออกก่อนก็ได้ครับ พอได้เงินลงทุนแล้วค่อยว่ากันอีกที”“หมอซือ ทำไมคุณถึงดูกระตือรือร้นนักล่ะ นี่คงไม่ได้คิดจะใช้โอกาสนี้ลาออกจากโรงพยาบาลหรอกใช่ไหมครับ”“เปล่าครับ ผอ. วางใจได้ อีกไม่นานผมก็กลับไปแล้วครับ”…กลางดึกสือม่านต่อสายโทรศัพท์ “ช่วยทำสร้อยคอเลียนแบบให้ฉันเส้นนึง เดี๋ยวฉันส่งรูปไปให้”หลังจากวางสาย สือม่านก็ค้นหารูปในโทรศัพท์ แล้วส่งอีเมลไปยังที่อยู่อีเมลแห่งหนึ่งในต่างประเทศเมื่อส่งอีเมลสำเร็จ สือม่านก็วางโทรศัพท์ลง ลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียงเธอมองเห็นทิวทัศน์ของสวนดอกไม้ได้ทั่วถึง ครั้งสุดท้ายที่เธอยืนอยู่ตรงนี้ ก็เมื่อเจ็ดแปดปีที่แล้ว ครั้งนี้ เธอจะต้องเหยียบสืออวี๋ให้จมดินให้ได้!เช้าวันจันทร์ ทนายเฉินนำเอกสารอสังหาริมทรัพย์และสัญญาเช่ามาด้วย “คุณหนูสือครับ ไท่หลงโอนเป็นชื่อคุณเรียบร้อยแล้ว นี่คือเอกสารสิทธิ์ นี่ข้อมูลติดต่อของผู้จัดการบริษัทนิติบุคคลที่ดูแลไท่หลง ส่วนนี่คือสัญญาเช่าทั้งหมด ผมเรียงลำดับตามวันหมดอายุจากเก่าไปใหม่และทำเครื่องหมายไว้ให้คุณแล้วครับ”สืออวี๋พยักหน้า “ค่ะ รบกวนคุณแล้วค่ะ ทนายเฉิน”“คุณสือเกรงใจไปแล้วครับ
ให้ของลูกสาวตัวเองทำอย่างกับสงเคราะห์ แถมยังป่าวประกาศให้คนรู้ไปทั่ว“เธออยากพูดก็ปล่อยเธอพูดไปเถอะ ยังไงซะตอนนี้ไท่หลงก็โอนมาเป็นชื่อของฉันแล้ว ต่อให้เธอเที่ยวพูดไปทั่วก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับฉันอยู่ดี”เดิมทีเธอไม่คิดจะแย่งชิงอะไรกับสือม่าน แต่หลังจากเรื่องคืนนี้ ทั้งคำพูดของโจวฉินบนเวที และท่าทีของเธอเมื่อครู่ที่สั่งให้เธอมอบสร้อยคอที่คุณย่าสือให้ไปอยู่ในความดูแลของเธอ ก็ทำให้สืออวี๋เปลี่ยนใจในเมื่อไม่ว่าเธอจะสู้กับสือม่านเพื่อแย่งชิงทรัพยากรของตระกูลสือหรือไม่ โจวฉินก็ยังคงลำเอียงเข้าข้างสือม่าน และหาทุกวิถีทางมากดขี่เธออยู่ดี แล้วทำไมเธอถึงจะสู้เพื่อตัวเองบ้างไม่ได้?เดิมทีของพวกนั้นก็เป็นของเธออยู่แล้ว เป็นโจวฉินต่างหากที่พยายามจะแย่งชิงของของเธอไปให้สือม่าน ไม่ใช่หรือไง?“พูดถูก ในเมื่อแกกลับมาตระกูลสือแล้ว อะไรที่ควรเป็นของแกก็ต้องเอามาให้ได้ อย่าให้ยัยดอกบัวขาวอย่างสือม่าน แย่งชิงของที่เป็นของแกไปได้”สืออวี๋พยักหน้า “แกวางใจเถอะ ฉันรู้ว่าควรทำยังไง”เมื่อเห็นว่าสืออวี๋ดูมีแผนการในใจแล้ว ซ่งจื่ออินก็ไม่ได้พูดถึงหัวข้อนี้อีก“จริงสิ เมื่อกี้หลังจากแกออกมา เหลียงหยวนโจวกั
เขาพยายามข่มอารมณ์ขุ่นมัวในใจ จ้องหน้าสืออวี๋แล้วพูดเน้นทีละคำ: “สืออวี๋ ผมขีดเส้นแบ่งกับเสินหลีชัดเจนแล้ว ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่ติดต่อกับเธออีกเด็ดขาด”สืออวี๋ตอบรับอย่างเรียบเฉย “อ้อ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยคะ?”ท่าทีไม่ยี่หระของเธอ ทำให้ใจของเหลียงหยวนโจวหนักอึ้ง“อีกไม่กี่วันผมจะมาคุยกับพ่อแม่คุณเรื่องงานแต่งของเรา ถึงตอนนั้นคุณ...”“เดี๋ยวก่อน”สืออวี๋ขัดจังหวะเขา “เหลียงหยวนโจว ฉันไปพูดตอนไหนว่าจะแต่งงานกับคุณ?”“คุณเคยพูดไม่ใช่เหรอว่า แค่ผมตัดขาดกับเสินหลีให้เด็ดขาด คุณก็จะยกโทษให้ผม?”ตอนนี้เขาเลิกกับเสินหลีแล้ว เธอยังจะเล่นไม้อะไรอีก?ในสายตาเขา สืออวี๋เป็นคนที่เขาใช้ความอดทนด้วยทั้งหมดแล้ว ถ้าเธอยังไม่รู้จักพอ เขาก็จะไม่ทนเธออีกต่อไปการงอนมันก็ควรมีขอบเขตบ้าง“ที่ฉันพูดแบบนั้น ก็แค่ต้องการพิสูจน์ให้ป้าเซี่ยงเห็นว่าคนอย่างคุณไม่มีทางตัดขาดจากเสินหลีได้หรอก ตอนที่พูดประโยคนั้นออกมา ฉันก็ไม่ได้รักคุณแล้ว”ทั้งที่เพิ่งผ่านมาแค่เดือนกว่าๆ แต่พอนึกถึงบทสนทนากับเซี่ยงชินเฟินคราวนั้น สืออวี๋กลับรู้สึกว่ามันเหมือนเรื่องที่นานแสนนานมาแล้วความรู้สึกที่เธอมีต่อเหลียงหยวนโจว
“มันจะเหมือนกันได้ยังไงคะ?! ไม่ได้ สร้อยเส้นนี้จะยกให้เธอไม่ได้!”“ของของฉัน ฉันอยากจะให้ใครมันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน เธอยังไม่มีสิทธิ์มาตัดสิน”“คุณแแม่! ท่าน…”“พอได้แล้ว!” คุณย่าสือโบกมืออย่างรำคาญ “ฉันยังมีเรื่องจะคุยกับสืออวี๋ พวกเธอออกไปได้แล้ว”โจวฉินยืนนิ่ง ยังคิดจะหาเหตุผลมาโต้เถียงกับคุณย่าสือต่อ แต่สือม่านที่อยู่ข้าง ๆ ก็กระซิบ “แม่คะ เราไปกันเถอะค่ะ”“แต่ว่า...”พอนึกถึงเรื่องที่คุณย่าสือยกสร้อยเส้นนั้นให้สืออวี๋ ในใจเธอก็เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม“ไปเถอะค่ะ ขืนยังอยู่ที่นี่ต่อ ก็จะยิ่งทำให้คุณย่าโกรธมากขึ้นเท่านั้น”เธอหันไปมองคุณย่าสือ “คุณย่าคะ พวกเราขอตัวก่อนนะคะ”หลังจากสือม่านลากโจวฉินออกไปแล้ว สืออวี๋ก็หันไปพูดกับคุณย่าสือ “คุณย่าคะ สร้อยเส้นนี้ล้ำค่าเกินไป หนูรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ ท่านเก็บกลับไปเถอะค่ะ”“ล้ำค่าอะไรกัน ในเหอเยวี่ยนมีของที่แพงกว่านี้ยังมีอีกเยอะ ให้แล้วก็รับไว้เถอะ”เมื่อคุณย่าสือยืนกราน สืออวี๋จึงทำได้เพียงตกลงรับสร้อยเส้นนั้นไว้“ขอบคุณค่ะ คุณย่า”พอกลับมาที่บ้านตระกูลสือ คุณย่าสือเป็นเพียงคนเดียวที่เตรียมของขวัญให้เธอ ส่วนสือหมิงฮุย ถ้าไม่ใช่เ
เหลียงหยวนโจวตวัดสายตาเย็นชาจับจ้องเขา “ยังไม่ถึงคราวที่คุณต้องมาสอนผม!”“ประธานเหลียงอาจจะเข้าใจผิดไป ที่ผมพูดเมื่อกี้ไม่ใช่การสั่งสอน แต่เป็นคำเตือน”“คำเตือนงั้นเหรอ?”เหลียงหยวนโจวหัวเราะ “คุณเป็นแค่หมอคนหนึ่ง มีปัญญาอะไรมาเตือนผม? เชื่อไหมว่าแค่ผมโทรศัพท์สายเดียว คุณก็อย่าหวังว่าจะมีที่ยืนในเมืองเซินอีกต่อไป”ซือเยี่ยนมุมปากยกยิ้ม “ประธานเหลียงอยากจะจัดการผมงั้นเหรอ?”“คำว่าจัดการมันประเมินคุณสูงเกินไป”ในสายตาของเขา ซือเยี่ยนไม่ต่างอะไรกับมดปลวกบนพื้น การจะบดขยี้อีกฝ่ายก็ง่ายดายเหมือนขยี้มดตัวหนึ่ง“งั้นก็เชิญประธานเหลียงตามสบายเลยครับ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าประธานเหลียงจะมีความสามารถมากมายขนาดไหน ที่จะทำให้ผมอยู่เมืองเซินไม่ได้”เหลียงหยวนโจวเหยียดยิ้มเย็น “คุณจะต้องชดใช้ในสิ่งที่พูดคืนนี้!”“ผมจะตั้งตารอเลยครับ”สายตาของทั้งคู่ปะทะกันกลางอากาศ อีกฝ่ายเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง อีกฝ่ายกลับสงบนิ่งไม่สะทกสะท้านระหว่างพวกเขาราวกับมีสนามแม่เหล็กพิเศษที่แยกพวกเขาออกจากผู้คนรอบข้าง แม้ว่าเสียงรอบข้างจะอึกทึกครึกโครม แต่ตรงกลางระหว่างพวกเขากลับเงียบสงัด……สืออวี๋เพิ่งเดิ







