ログインมือเรียวสวยเผลอลูบหน้าท้องเบาๆ เพราะตอนนี้มีก้อนหัวใจเล็กๆ ซ่อนอยู่อย่างเจียมตัวในท้องแบนราบของเธอ ความลับนี้คงมีเพียงเธอคนเดียวที่รู้!
もっと見るที่สำนักงานเขต
"ใส่ชุดดำมาทำไม มีใครตายหรือไงปิ่น?"
เขื่อน นาวินทร์ ภูมิพัฒน์
กัดฟันถามว่าที่อดีตภรรยาอย่างไม่แยแส ไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอ เขาเพียงแค่ปรายตามองครู่เดียวเท่านั้น เจ้าของร่างสูงยังคงนั่งนิ่งอยู่ข้าง ๆ ทนายไม่ขยับให้เธอนั่ง ปิ่นมุกต้องเดินตัวลีบอ้อมไปนั่งเก้าอี้ด้านในอีกแถวเพื่อรอคิวทำเรื่องหย่าเขื่อนยังคงโกรธที่เธอเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ถ้าวันนั้นตอนนั้นไม่มีเธออยู่ในเหตุการณ์ เรื่องราวก็คงง่ายกว่านี้ เขากับแฟนสาวก็คงได้แต่งงานกัน
หนึ่งปีกับหกเดือนที่ใช้ชีวิตด้วยกันเขาแทบจะไม่เคยเห็นข้อดีของเธอเลย นอกจากหน้าตาที่ดูสะอาดสะสวย ต้องยอมรับเลยว่าเธอเป็นผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้งที่สวยที่สุดที่เขาเคยเจอมา
แต่ก็นั่นแหละ น่าเบื่อสิ้นดี! โชคดีที่ไม่เคยมีความสัมพันธ์กันทางกายเลยไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรมาก แค่เห็นเงาของเธอเขาก็เอือมระอาเต็มที อย่าว่าแต่พูดคุยกันเลย เขานั่งคุยกับเงาตัวเองน่าจะรู้เรื่องมากกว่าเสียเวลาคุยกับเธอ
ใบหน้าสวยสะอาดดวงตากลมโตมีรอยคล้ำใต้ดวงตาเล็กน้อยกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ระหว่างรอคิวหย่าของเธอและว่าที่อดีตสามี ข้างหน้าเธอคงเป็นคู่แฟนที่กำลังจะมาจดทะเบียนสมรส ทั้งคู่สัมผัสร่างกายกันเบา ๆ พร้อมทั้งพูดคุยถึงเรื่องงานแต่งอย่างมีความสุข แต่สำหรับปิ่นมุก ไม้กล้า แล้วไม่ว่าจะตอนจดหรือตอนหย่าเธอก็ต้องตกอยู่ในอารมณ์เศร้าหมองแบบนี้ ต่างแค่ตอนนี้ไม่มีใครคอยปลอบใจเธออีกแล้ว
พอคู่รักด้านหน้าหันกลับมามอง แพขนตาหนางอนก็ผลุบลงทันทีปิ่นมุกไม่มีความกล้าในการสบตากับคนแปลกหน้าตั้งแต่เด็ก เธอไม่ได้เป็นเด็กผู้หญิงที่เพอร์เฟกต์ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยปมด้อยมากมายให้เพื่อน ๆ ได้ล้อกันสนุกปาก
"ปิ่น ไม่มีพ่อจริง ๆ เหรอ งั้นแม่เธอก็เป็นแม่หม้ายงั้นสิ"
ปิ่นมุกไม่เคยรู้ว่าพ่อตัวเองคือใคร หน้าตาเป็นแบบไหน เธออยู่บนเกาะมันตรามาตั้งแต่เกิดแทบจะไม่ได้ออกไปเจอโลกภายนอกเลย นอกจากเวลาข้ามฝั่งไปเรียนชั้นมัธยม และเธอก็มีเพื่อนสนิทน้อยเหลือเกิน เพราะเธอไม่ได้เป็นคนช่างพูดแบบเพื่อนวัยเดียวกัน สื่อโซเชียลของเธอก็แทบจะว่างเปล่า มีเพียงรูปทะเลแค่เปลี่ยนมุมถ่ายรูปเท่านั้น
ดวงตากลมโตเหล่มองร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดปลดกระดุมคอถึงสองเม็ดเหมือนกับทุก ๆ วัน เขายังคงนั่งนิ่งอยู่กับเก้าอี้ตัวเดิม ไม่แม้แต่จะทักถามอะไร มีเพียงทนายเอนกและผู้ช่วยของเขาที่มาเป็นพยานในวันนี้หันมายิ้มให้กำลังใจเธอบ้างในบางครั้ง
"คิวที่เจ็ด เชิญที่ช่องห้าค่ะ"
"คุณปิ่นครับ ถึงคิวแล้ว"
"อ้อค่ะ"
ปิ่นมุกลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า หลายวันมานี้เธอแทบไม่ได้นอน แม้แต่อาหารสักมื้อก็ยังแทบจะกลืนไม่ลง ภาวะเครียดเริ่มเกาะกินร่างเล็กจนสภาพร่างกายดูซูบผอมลง
ทั้งสองคนนั่งลงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ด้วยอารมณ์รู้สึกที่แตกต่างออกไป สีหน้าของเขื่อนดูผ่อนคลายมีรอยยิ้มประดับอยู่ที่มุมปากนิด ๆ แต่ปิ่นมุกกลับมีแต่หยาดน้ำใสที่เอ่ออยู่เต็มเบ้าตา เธอต้องแอบหันไปเช็ดออกบ่อยครั้ง ขอให้ครั้งนี้เป็นความเสียใจครั้งสุดท้ายของเธอที่มีต่อเขา ผู้ไม่เคยคิดที่จะรักและใส่ใจเธอเลย
หนังสือข้อตกลงการหย่าถูกยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อแสดงถึงข้อตกลงและความยินยอมทั้งสองฝ่าย ทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่สอบถามเธอก็ได้แต่ตอบรับสั้น ๆ ตามว่าที่อดีตสามี ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะต้องยืดเยื้อออกไป ไม่มีบุตร ไม่มีทรัพย์สิน ไม่มีหนี้สิน ไม่มีอะไรร่วมกันทั้งนั้น
ขั้นตอนต่าง ๆ ดำเนินการมาจนถึงปลายทางสุดท้าย ปิ่นมุกค่อย ๆ จรดลายเซ็นลงไปในใบหย่า ถึงเวลาที่เธอต้องคืนอิสระให้กับเขาแล้ว ถึงเวลาที่เธอต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อชีวิตของตัวเธอเอง
นี่คงเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตที่เธอได้มีสามี ผู้หญิงแบบเธอคงไม่มีใครกล้ารับเข้าไปอยู่ในชีวิต "น่าเบื่อชะมัด" สามีของเธอชอบบอกแบบนี้
"เรียบร้อยแล้วครับ"
เสียงเจ้าหน้าที่เอ่ยขึ้นเบา ๆ พร้อมกับส่งยิ้มให้กำลังใจกับคู่หย่าร้างที่ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ใบหน้าของอดีตสามีดูเปล่งประกายและมีความสุขเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปีหกเดือน
"ปิ่นมาเซ็นใบหย่าและมาลาพี่เขื่อนค่ะ ที่จริงปิ่นเห็นข้อความที่ทนายส่งมาแจ้งเรื่องหย่าแล้ว แต่ว่าปิ่นมีเรื่องที่ต้องจัดการก็เลยมาช้าค่ะ ปิ่นต้องขอโทษพี่เขื่อนด้วยนะคะ"
รวบรวมความกล้าครั้งสุดท้ายเงยหน้าขึ้นสบตาอดีตสามี และพูดประโยคที่ท่องจำผ่านหน้ากระจกมา เพื่อพูดกับเขาเพียงรอบเดียวครั้งเดียวนาทีเดียว
"อืม ไม่เป็นไร"
นี่คงเป็นคำพูดที่ไพเราะที่สุดที่เขาพูดกับเธอครั้งแรกนับตั้งแต่แต่งงานกันมา
เขื่อนเหลือบตามองใบหน้าซีดเซียวของว่าที่อดีตภรรยาแวบหนึ่งแล้วก้มหน้ามองใบหย่าในมือ ร่างเล็กในชุดเดรสสีดำยกมือปาดน้ำตาเงียบ ๆ พลางเก็บใบหย่าลงในซองสีน้ำตาล
ปิ่นมุกบันทึกภาพนั้นเอาไว้ในความทรงจำเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เธอจะลาขาดจากเขาไปตลอดกาล เรื่องราวที่ผ่านมาคงยากที่จะหวนมาเจอกันได้อีก
เขื่อนมองตามหลังร่างเล็กที่วันนี้ดูแปลกออกไป เธอแทบจะไม่พูดอะไรเลย สายตาคู่นั้นก็ดูว่างเปล่าจนไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ทุก ๆ ครั้งต่อให้เขาด่าว่าเธอยังไง เธอก็มักจะก้มหน้ายิ้มกลับมาเสมอ
"จะใส่ชุดดำมาประชดเหรอ หรือมีใครจะตาย ก็แค่หย่าหรือเปล่า" เขื่อนบ่นออกไปตามประสาโดยไม่คิดอะไรมาก แต่...
ใช่ มีคนตายจริง ๆ คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของปิ่นมุก เธอเหมือนสูญสิ้นแล้วทุกสิ่งภายในอาทิตย์เดียว หลายวันมานี้เธอต้องทำตัวให้เข้มแข็งพยายามไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น และบอกกับทุกคนว่าเธอสบายดี
ดวงตากลมโตมองดูรถหรูคันคุ้นเคยที่เคลื่อนตัวออกจากสำนักงานเขตไปอย่างเชื่องช้า โดยที่คนในรถไม่แม้แต่จะเอ่ยถามเธอสักคำว่าเธอจะไปไหนต่อ ให้ไปส่งหรือเปล่า? อย่างน้อย ๆ ก็เป็นการแสดงน้ำใจครั้งสุดท้าย
ต่อจากนี้ไปเธอคงตัดใจจากเขาได้เสียที ผู้ชายที่เป็นเหมือนความฝัน ผู้ชายที่เธอรักเขาเพียงข้างเดียวตลอดมา มือเรียวสวยเผลอลูบหน้าท้องเบา ๆ เพราะตอนนี้มีก้อนหัวใจเล็ก ๆ ซ่อนอยู่อย่างเจียมตัวในท้องแบนราบของเธอ ความลับนี้คงมีเพียงเธอคนเดียวที่รู้!
พอเหลือบมองดูเวลาเด็กผู้หญิงข้างนอกนั่นก็คงกำลังหมดฤทธิ์แล้ว แผนการกำจัดเขื่อนออกจากชีวิตกำลังจะสำเร็จ เธอจะได้เป็นอิสระและพ่วงความน่าสงสารน่าเห็นใจเข้าไปด้วยหลังจากปิ่นมุกดื่มน้ำพั้นช์ได้สักพักก็รู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองดูแปลก ๆ ตอนนี้ง่วงจนแทบทนไม่ไหว จึงดื่มน้ำพั้นช์ที่เหลืออยู่จนหมด เผื่อจะสดชื่นขึ้น"น้องปิ่นคะ เข้าไปเปลี่ยนผ้าปูได้เลยค่ะ""ค่ะ ดะ ได้ค่ะคุณผู้หญิง"นิรณามองตามหลังเด็กสาวด้วยความพึงพอใจเพราะใบหน้าของเธอแดงก่ำ ลมหายใจเริ่มรุนแรงแสดงถึงอาการผิดปกติในร่างกาย ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนของเธอ"ห้ามเปิดไฟสว่างนะคะ""รับทราบค่ะคุณผู้หญิง"พอเดินพ้นประตูเข้าไปก็พบว่าบนเตียงมีคุณเขื่อนนอนเปลือยท่อนบนอยู่ก่อนแล้วเธอจะเปลี่ยนผ้าปูได้ยังไง ปิ่นมุกอยากก้าวออกจากห้อง แต่ร่างกายของเธอกลับหมดแรงไปดื้อ ๆ และ...ตุ้บ!อยู่ ๆ ก็โดนผลักจนล้มลงบนที่นอนตอนนี้เด็กสาวไร้กำลังต่อต้าน ดวงตากลมโตที่จ้องใบหน้าหล่อเหลาของคุณเขื่อนค่อย ๆ ปิดลงช้า ๆ และภาพก็ตัดไปในที่สุดปัง ๆ ๆ ๆ ! "คุณเขื่อน เปิดประตูหน่อยค่ะ เปิดประตู!"ปัง ๆ ๆ ๆ ! เสียงเอะอะที่ดังโวยวายอยู่ข้างนอกมันรบกวนการนอนของชายหนุ่
และแล้ววันที่เป็นจุดพลิกผันของทุกอย่างก็มาถึง เมื่อปิ่นมุกได้เจอกับคนที่ไม่ควรจะเจอ"นิรณา" แฟนสาวของผู้ชายที่เธอตกหลุมรักจนหมดหัวใจทุก ๆ วันหยุดปิ่นมุกมักจะมาทำงานที่มันตรารีสอร์ตซึ่งมีคุณธีร์ดนัยเป็นเจ้าของ เพื่อหารายได้พิเศษช่วยแบ่งเบาภาระแม่แม้ว่าการใช้ชีวิตในเกาะแห่งนี้จะเรียบง่าย และแทบไม่ต้องใช้จ่ายอะไรที่ฟุ่มเฟือย แต่ก็เคยเห็นแม่หยิบใบแจ้งหนี้มาดูบ่อย ๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นหนี้สินพัวพันนานมาแล้ว แม่ของเธอไม่ค่อยบอกอะไรมาก เธอเองก็ไม่กล้าถาม ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นงานอะไรปิ่นมุกก็ทำได้หมด จนทักษะงานโรงแรมกลายเป็นความสามารถพิเศษของเธอไปแล้ว และวันนี้เธอก็ต้องมาทำในสิ่งที่หัวใจสีชมพูที่เคยพองโตแทบจะแตกสลายคุณเขื่อนมาเช่าเหมาโซนหน้าหาดทั้งหมดเพื่อขอคุณ "นิรณา" แฟนสาวแสนสวยแต่งงาน ทั้งสถานที่และการตกแต่งปิ่นมุกช่วยพนักงานคนอื่น ๆ จัดออกมาได้สวยงามตามแบบที่คุณเขื่อนต้องการ สีหน้าและแววตาของเขาดูพึงพอใจไม่น้อยเมื่อเห็นสถานที่จริง คุณเขื่อนถึงกับให้เงินพิเศษเป็นรายบุคคลรวมถึงปิ่นมุกด้วยที่รับเงินจากมือของเขา แต่คุณเขื่อนก็ยังคงจำเธอไม่ได้อยู่ดี "เด็กผู้หญิงบนรถสองแถวคนนั้น"บรรยากาศการขอ
เรื่องมันเริ่มมาจาก...หนึ่งปีกว่าที่แล้วท่าเรือประจำเกาะมันตราปิ่นมุกในวัยสิบเจ็ดปีกำลังเรียนมัธยมปลายชั้นปีที่หก วันนั้นเธอลงจากเรือข้ามฟากประจำเกาะแล้วก็เร่งรีบวิ่งขึ้นรถโดยสารในตอนเช้าเหมือนทุก ๆ วัน กระเป๋านักเรียนใบใหญ่แกว่งไปมา และหนังสือบางเล่มหลุดร่วงลงพื้นโดยไม่รู้ตัว“น้องครับ หนังสือหล่น”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง ดวงตากลมโตหันไปมองและเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับครึ่งแขนคู่กับกางเกงสแล็กสีเทาดูสะอาดตา ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มบาง ๆ ทำให้ปิ่นมุกเผลอมองหยุดนิ่ง มือของเขากำลังหยิบหนังสือของเธอขึ้นมาให้ ในมืออีกข้างมีโทรศัพท์ที่กำลังง่วนกับการโทรหาใครสักคน“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวในชุดนักเรียนพูดตะกุกตะกักยื่นมือไปรับหนังสือมาอย่างประหม่า“รถมาแล้วรีบขึ้นรถเถอะ” แม้ประโยคที่พูดออกมาจะไม่กี่คำ แต่เธอกลับจำน้ำเสียงนั้นได้ไม่เคยลืมปิ่นมุกพยักหน้าหงึก ๆ แล้วรีบก้าวขึ้นรถโดยมีเขาก้าวขึ้นตามมา บนรถสองแถวเก่า ๆ มีผู้โดยสารเพียงไม่กี่คน เขาหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามพร้อมทั้งคุยโทรศัพท์ไปด้วย"รถเสียจอดอยู่ในลานจอดท่าเรือมันตรา แค่หารถเช่าดี ๆ สักคัน งานง่าย ๆ แทบไม่ต้องใ
เขื่อนเอาแต่หงุดหงิดกับชีวิตที่ไม่ได้ดังใจ แต่อีกคนกลับไม่มีแม้แต่เวลาจะหงุดหงิดกับอะไรทั้งนั้น เธอในวัยสิบเก้าปี กับลูกในท้องยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้ควรจะเดินไปทางไหน@ท่าเรือเกาะมันตราด้วยความเป็นห่วงเพื่อนแทนจึงออกมากับเรือรอบเช้าเพื่อรอรับปิ่นมุกหลังจากที่เจ้าตัวบอกว่าจะนอนในเมืองสักคืนแล้วตอนเช้าค่อยกลับเข้าเกาะ แทนมองเห็นเจ้าของร่างเล็กเดินลากกระเป๋ามาแต่ไกล ท่าทางดูอิดโรยเหลือเกินเพราะแทบไม่กินไม่นอนมาเป็นอาทิตย์ จึงรีบวิ่งเข้าไปดึงก้านกระเป๋าจากมือเล็ก ๆ มาถือไว้เอง ยิ่งมองก็ยิ่งอดเป็นห่วงไม่ได้ท้องอ่อน ๆแบบนี้ทำไมคุณเขื่อนถึงปล่อยให้มาคนเดียวนะอยู่ดี ๆ ก็หายไปทั้งวันทั้งคืน แต่สภาพที่โผล่มาก็ยังโทรมเหมือนเดิม พอพยุงปิ่นมุกลงนั่งเรียบร้อยจึงเอานิ้วอังจมูกดูหน่อย"หล่อนก็ยังหายใจปกตินี่ แต่ท่าทาง...เฮ้อ สภาพฉันตื่นนอนยังดูดีกว่าหล่อนตอนนี้อีก""ขอบใจนะแทน แต่ตอนนี้ปิ่นเหนื่อยมากเลย""ซบมาสิ ถึงท่าเดี๋ยวปลุก"ฟังเสียงเพื่อนที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความอ่อนล้าก็ทำให้แทนอดสงสารไม่ได้ แต่แค่นี้ก็ดีแล้วที่อังจมูกแล้วยังมีลมหายใจอยู่ ปิ่นมุกซบศีรษะลงที่ไหล่ของเพื่อนอย่างไร้เรี่ยวแรง ตล





