Mag-log inRrrrrrrrrr Rrrrrrrrrr
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ปลุกปิ่นมุกให้ละสายตาจากกลิ่นอายของอดีตสามีที่เพิ่งพ้นจากสำนักงานเขตไป
หน้าจอปรากฏชื่อ "แทน" เพื่อนสาวสองของปิ่นมุกที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ๆ ทุกเหตุการณ์สำคัญของชีวิตมักมีหล่อนคนนี้คอยอยู่เคียงข้างเสมอ และคอยปกป้องเธอทุกครั้งที่โดนรังแก แทนเองก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าพ่อแม่เสียจากพายุพัดจนเรือล่ม อาศัยอยู่กับญาติในบ้านพักคนงานแห่งเดียวกัน แม่ของปิ่นมุกสงสารจึงคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ เหมือนลูกอีกคน
"ปิ่นเอง" เสียงรับสายอย่างอ่อนล้าเต็มที เพราะวันนี้เธอเดินทางทั้งวันยังไม่ได้หยุดพักเลยแม้แต่น้อย
(ปิ่น วันนี้หล่อนหายไปไหน ไม่เห็นตั้งแต่ลอยอังคารเสร็จ)
"ปิ่นมาธุระที่กรุงเทพกลับเย็นนี้ แต่คงค้างคืนบนฝั่ง ปิ่นขอโทษนะที่หลายวันมานี้รบกวนแทนตลอดเลย"
(รบกวนอะไรกันล่ะ หล่อนก็ไม่มีใครแล้ว ป้าเครือก็ไปสบายแล้วอะไรที่ช่วยกันได้ก็ช่วย ๆ กันไป)
"อึก! ขอบ...ขอบคุณนะแทน"
(อย่าร้อง ๆ ร้องไห้มาหลายวันแล้วข้าวก็ไม่ค่อยได้กิน แทนขอร้องละ กินอะไรบ้างเถอะ)
"รู้แล้ว พรุ่งนี้เจอกันนะ"
ร่างบอบบางแสดงอาการเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ปิ่นมุกพยายามฝืนตัวเองให้เดินไปถึงป้ายรถเมล์ให้ได้เพื่อจะเรียกแท็กซี่ไปยังบ้านของอดีตสามี แต่ร่างกายที่แสร้งว่าเข้มแข็งของเธอเหนื่อยล้ามาหลายวันแล้ว ทั้งยังแพ้ท้องอย่างหนัก ตอนนี้จึงทำได้เพียงเดินไปหย่อนตัวลงนั่งข้างต้นไม้พลางโก่งคออ้วกที่มีแต่ลมและน้ำลายเหนียว ๆ ออกมา
"หนู เอาน้ำไหมลูก"
ขวดน้ำที่เหลือเพียงครึ่งถูกยื่นมาตรงหน้า ปิ่นมุกเหลือบตามองเล็กน้อย ก่อนรับมาถือไว้และกล่าวคำขอบคุณเบา ๆ อยู่ ๆ น้ำตาที่พยายามกลั้นเก็บก็ทะลักออกมาอย่างไม่อาจหยุดยั้ง ความเจ็บปวดและความทรมานที่สั่งสมมานานถูกพังทลายลงในชั่วพริบตาด้วยน้ำเพียงขวดเดียว น้ำใจเล็ก ๆ ที่เธอได้รับในช่วงเวลาที่ยากลำบากกลับได้รับจากคนแปลกหน้า
เจ้าของร่างเล็กร้องไห้จนไหล่สั่นสะท้านเพียงลำพัง ไม่มีอ้อมกอดอบอุ่นมาปลอบประโลม มีเพียงตัวเธอและลูกในท้องที่ต้องเผชิญกับความทุกข์นี้ในวัยเพียงสิบเก้าปี หากตอนนี้แม่ยังอยู่ แม่คงอยู่เคียงข้างคอยถามไถ่ด้วยความห่วงใย พร้อมกับโอบกอดและลูบผมเธอเบา ๆ
“ปิ่น เอาน้ำไหมลูก”
“ปิ่น กินข้าวหรือยังลูก”
“ปิ่น ดีขึ้นไหมลูก”
ปิ่นมุกรู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้อยู่ในโลกที่มืดมนและว่างเปล่าไม่มีที่พึ่งพิงไม่มีใครให้แบ่งปันความรู้สึก ตอนนี้ทุกอย่างกลายเป็นเพียงความทรงจำที่ไม่อาจหวนคืน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความใจง่ายของเธอเอง เธอไปหลงรักผู้ชายที่เกินเอื้อมคนนั้นและบทสรุปสุดท้ายกลายเป็นเธอที่สูญสิ้นทุกอย่าง มือเรียวเล็กคลี่หนังสือ ข้อตกลงในการหย่า ออกดูอีกครั้ง เพื่อตอกย้ำให้ตัวเธอเองรู้ตัวเสียทีว่านี่คือเรื่องจริง
ข้อตกลงในการหย่า คุณเขื่อนจะมอบเงินก้อนใหญ่ให้กับเธอ แต่ข้อแยกย่อยที่แจงละเอียดยิบ ทำให้หัวใจของปิ่นมุกหล่นลงพื้นแตกสลายลงไปต่อหน้าต่อตาของเธอเอง
-ห้ามนางสาวปิ่นมุก ไม้กล้า ติดต่อนายนาวินทร์ ภูมิพัฒน์ ทุกกรณี หากมีเหตุฉุกเฉินให้ติดต่อผ่านทนายความเท่านั้น
-ห้ามนางสาวปิ่นมุก ไม้กล้า อ้างอิงถึงนายนาวินทร์ ภูมิพัฒน์ ในทุกกรณี หากเกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงของนายนาวินทร์ ภูมิพัฒน์ นางสาวปิ่นมุก ไม้กล้า จะต้องถูกดำเนินคดีจนถึงที่สุด
เงินจำนวนห้าล้านบาท จะถูกโอนเข้าบัญชีของวันถัดไปหลังจากการลงนามหย่าเสร็จสิ้น
ปิ่นมุกค่อย ๆ พับเก็บหนังสือข้อตกลงการหย่าลงในกระเป๋าผ้าราคาถูกที่เธอชอบสะพายติดตัว ก่อนจะเดินทางไปปิดบัญชีธนาคารของตัวเอง เธอไม่อยากได้เงินของเขา แค่เห็นเขากลับมายิ้มได้ในรอบกว่าหนึ่งปีเธอก็ดีใจแล้ว แม้เธอจะต้องจุดไฟเผาตัวเองเพื่อให้แสงสว่างแก่เขาก็ตาม
รถแท็กซี่สีเขียวเหลืองเข้ามาจอดหน้ารั้วบ้านสองชั้นสีขาวตัวแอลหลังใหญ่เรียบหรู บ้านหลังนี้นาวินทร์เป็นคนออกแบบด้วยตัวเอง ในเมื่อเขาจบสถาปนิกจะเสียเงินจ้างคนอื่นทำไมล่ะ ผ่านไปเพียงครู่เดียวหญิงสาวร่างเล็กในชุดเดรสสีดำก็เปิดประตูเดินลงมาอย่างเชื่องช้าเหมือนพร้อมจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
"หนูไหวไหม? ลุงเห็นหน้าซีดตั้งแต่ขึ้นรถมาแล้ว"
ดวงตากลมโตเฉมองไปบนพื้น แต่ปากก็ยังพูดคุยกับคนขับเหมือนเดิม เธอรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อต้องคุยกับคนแปลก นิสัยนี้ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก ๆ
"ไหวค่ะ หนูแค่นอนน้อย ขอบคุณนะคะคุณลุง รบกวนรอหนูก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจ่ายพิเศษให้"
ปิ่นมุกมองบ้านหรูสองชั้นหลังใหญ่ตั้งอยู่บนเนื้อที่หนึ่งไร่หรือมันมีชื่อเรียกแบบเสแสร้งว่าเรือนหอ อดีตภรรยาเจ้าของบ้านเปิดประตูเล็กข้างรั้วเดินอ้อมไปยังห้องด้านหลังที่เธอใช้อยู่อาศัยตลอดกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา มันเป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์หรูหราราคาแพง มีเพียงเตียงเหล็กเล็ก ๆ ตู้เสื้อผ้าสองประตู และโต๊ะเครื่องแป้งที่เธอใช้ทั้งอ่านหนังสือและอื่น ๆ อีกจิปาถะ
"เราโง่อยู่ในห้องนี้ตั้งหนึ่งปีกว่าเชียวเหรอ" ปิ่นมุกพึมพำกับตัวเองเบา ๆ หัวเราะกับความโง่ที่รักผู้ชายคนนั้นแบบไม่ลืมหูลืมตา
กระเป๋าเดินทางล้อลากถูกเปิดอ้าออก เสื้อผ้าที่มีอยู่ไม่มากถูกจัดลงกระเป๋าทีละตัว ๆ แต่อยู่ ๆ น้ำตาเธอก็ไหลอาบแก้มออกมาอีกแล้วเมื่อนึกถึงคำพูดของเขา
"ใส่ชุดดำมาทำไม? มีใครตายหรือไงปิ่น"
ใบหน้าสวยของปิ่นมุกอาบไปด้วยน้ำตาแห่งความสำนึกผิด เธอเป็นลูกที่ไม่ได้เรื่อง เป็นลูกที่ไม่เชื่อฟังมัวแต่หลงทางวิ่งไล่อยู่กับสิ่งที่ไม่มีวันเอื้อมถึง คำพูดของแม่เพราะจับใจและเต็มไปด้วยความหวังดีกลับไม่ยอมฟัง มัวแต่ไปฟังจินตนาการที่เพ้อเจ้อของตัวเอง
ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ใส่ใจรับรู้ชีวิตความเป็นไปของครอบครัวเธอด้วยซ้ำ แต่เธอกลับเป็นบ้าใส่ใจทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขา เขาชอบทานอะไร ชอบสีอะไร แววตาแบบไหนคือโกรธ เสียงหัวเราะแบบไหนคือจริงหรือเสแสร้ง เธอรู้ทุกอย่าง
แต่พอถึงวันหนึ่งที่เธอต้องการเขาบ้าง เธอกลับโดนเขาบล็อกข้อความและได้เพียงข้อความสั้น ๆ จากทนายให้กลับมาเซ็นใบหย่า น้ำตาที่ไหลเอ่อเพียงลำพังถูกปาดทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงความอ่อนแอ และต้องปลอบใจตัวเองว่าต้องอยู่ต่อไปให้ได้อย่างน้อย ๆ ก็เพื่อลูกในท้อง
ของทั้งหมดถูกเก็บลงในกระเป๋าใบใหญ่เรียบร้อยแล้ว ปิ่นมุกค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้นยืนช้าพลางมองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง เธอเอาชีวิตตัวเองมาขังอยู่ในที่แคบ ๆ แบบนี้ได้ยังไงกันนะ ตลกสิ้นดี!
เสียงกระเป๋าล้อลากดังกระทบพื้นกระเบื้องใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ "ป้าเนียม" คนรับใช้เก่าแก่ที่เลี้ยงคุณหนูเขื่อนมาตั้งแต่เด็ก ๆ รีบเดินตรงเข้าไปดึงแขนเธอเบา ๆ
"หนูปิ่น หนูปิ่นกินข้าวสักหน่อยไหมลูก เดี๋ยวค่อยไป"
"หนูไปทานข้างนอกดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันเครื่อง"
"แป๊บเดียวเองนะลูกนะ ป้าทำของโปรดหนูเอาไว้ให้"
สายตาแห่งความใจดีที่มองเธออย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลง ทำให้ปิ่นมุกใจอ่อนยอมวางกระเป๋าไว้ที่หน้าประตูและเดินตามป้าเนียมไปอย่างว่าง่าย แม้ป้าเนียมจะไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายทั้งสองคน แต่ก็อยากทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดเป็นครั้งสุดท้าย
"นั่งลงก่อนลูก ป้าไปตักข้าวให้"
หญิงค่อนไปทางวัยชรากุลีกุจอตักข้าวสวยร้อน ๆ ส่งกลิ่นหอมอ่อนมาวางให้เธอพร้อมกับเปิดถ้วยแกงที่อุ่นเตรียมไว้ให้อีกสองสามอย่าง
"ต้มส้มปลาหมึก คะน้าฮ่องกงน้ำมันหอย แล้วก็หมูทอด กินสักหน่อยนะลูกนะ ไม่รู้เราจะได้เจอกันตอนไหน"
"ค่ะ"
เธอยิ้มที่มุมปากก่อนจะเริ่มทานอาหารมื้อสุดท้ายในบ้านหลังนี้ แต่พอตักคำแรกเข้าปาก...
"อุกกกกก! ผัดคะน้าเหม็นมากเลยป้าเนียม ป้าเนียมใส่อะไรลงไปคะ"
ร่างเล็กถลาวิ่งไปเข้าห้องน้ำส่งเสียงโอ้กอ้ากอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเดินหน้าซีดเซียวออกมา
"นะ หนูปิ่นบอกว่าเหม็นผัดคะน้าเหรอคะ? ป้าก็ใส่กระเทียมเจียวเยอะ ๆ แบบที่คุณปิ่นชอบไงคะ"
"ใช่ค่ะ แต่ปิ่นคงทานต่อไม่ไหวจริง ๆ ค่ะ ป้าเนียมอย่าเสียใจนะคะ"
หญิงเกือบชราผู้ผ่านโลกมามากใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ เดินเข้ามาจับมือและมองหน้าปิ่นมุก
"ประจำเดือนขาดนานหรือยังคะคุณปิ่น?"
พอเหลือบมองดูเวลาเด็กผู้หญิงข้างนอกนั่นก็คงกำลังหมดฤทธิ์แล้ว แผนการกำจัดเขื่อนออกจากชีวิตกำลังจะสำเร็จ เธอจะได้เป็นอิสระและพ่วงความน่าสงสารน่าเห็นใจเข้าไปด้วยหลังจากปิ่นมุกดื่มน้ำพั้นช์ได้สักพักก็รู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองดูแปลก ๆ ตอนนี้ง่วงจนแทบทนไม่ไหว จึงดื่มน้ำพั้นช์ที่เหลืออยู่จนหมด เผื่อจะสดชื่นขึ้น"น้องปิ่นคะ เข้าไปเปลี่ยนผ้าปูได้เลยค่ะ""ค่ะ ดะ ได้ค่ะคุณผู้หญิง"นิรณามองตามหลังเด็กสาวด้วยความพึงพอใจเพราะใบหน้าของเธอแดงก่ำ ลมหายใจเริ่มรุนแรงแสดงถึงอาการผิดปกติในร่างกาย ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนของเธอ"ห้ามเปิดไฟสว่างนะคะ""รับทราบค่ะคุณผู้หญิง"พอเดินพ้นประตูเข้าไปก็พบว่าบนเตียงมีคุณเขื่อนนอนเปลือยท่อนบนอยู่ก่อนแล้วเธอจะเปลี่ยนผ้าปูได้ยังไง ปิ่นมุกอยากก้าวออกจากห้อง แต่ร่างกายของเธอกลับหมดแรงไปดื้อ ๆ และ...ตุ้บ!อยู่ ๆ ก็โดนผลักจนล้มลงบนที่นอนตอนนี้เด็กสาวไร้กำลังต่อต้าน ดวงตากลมโตที่จ้องใบหน้าหล่อเหลาของคุณเขื่อนค่อย ๆ ปิดลงช้า ๆ และภาพก็ตัดไปในที่สุดปัง ๆ ๆ ๆ ! "คุณเขื่อน เปิดประตูหน่อยค่ะ เปิดประตู!"ปัง ๆ ๆ ๆ ! เสียงเอะอะที่ดังโวยวายอยู่ข้างนอกมันรบกวนการนอนของชายหนุ่
และแล้ววันที่เป็นจุดพลิกผันของทุกอย่างก็มาถึง เมื่อปิ่นมุกได้เจอกับคนที่ไม่ควรจะเจอ"นิรณา" แฟนสาวของผู้ชายที่เธอตกหลุมรักจนหมดหัวใจทุก ๆ วันหยุดปิ่นมุกมักจะมาทำงานที่มันตรารีสอร์ตซึ่งมีคุณธีร์ดนัยเป็นเจ้าของ เพื่อหารายได้พิเศษช่วยแบ่งเบาภาระแม่แม้ว่าการใช้ชีวิตในเกาะแห่งนี้จะเรียบง่าย และแทบไม่ต้องใช้จ่ายอะไรที่ฟุ่มเฟือย แต่ก็เคยเห็นแม่หยิบใบแจ้งหนี้มาดูบ่อย ๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นหนี้สินพัวพันนานมาแล้ว แม่ของเธอไม่ค่อยบอกอะไรมาก เธอเองก็ไม่กล้าถาม ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นงานอะไรปิ่นมุกก็ทำได้หมด จนทักษะงานโรงแรมกลายเป็นความสามารถพิเศษของเธอไปแล้ว และวันนี้เธอก็ต้องมาทำในสิ่งที่หัวใจสีชมพูที่เคยพองโตแทบจะแตกสลายคุณเขื่อนมาเช่าเหมาโซนหน้าหาดทั้งหมดเพื่อขอคุณ "นิรณา" แฟนสาวแสนสวยแต่งงาน ทั้งสถานที่และการตกแต่งปิ่นมุกช่วยพนักงานคนอื่น ๆ จัดออกมาได้สวยงามตามแบบที่คุณเขื่อนต้องการ สีหน้าและแววตาของเขาดูพึงพอใจไม่น้อยเมื่อเห็นสถานที่จริง คุณเขื่อนถึงกับให้เงินพิเศษเป็นรายบุคคลรวมถึงปิ่นมุกด้วยที่รับเงินจากมือของเขา แต่คุณเขื่อนก็ยังคงจำเธอไม่ได้อยู่ดี "เด็กผู้หญิงบนรถสองแถวคนนั้น"บรรยากาศการขอ
เรื่องมันเริ่มมาจาก...หนึ่งปีกว่าที่แล้วท่าเรือประจำเกาะมันตราปิ่นมุกในวัยสิบเจ็ดปีกำลังเรียนมัธยมปลายชั้นปีที่หก วันนั้นเธอลงจากเรือข้ามฟากประจำเกาะแล้วก็เร่งรีบวิ่งขึ้นรถโดยสารในตอนเช้าเหมือนทุก ๆ วัน กระเป๋านักเรียนใบใหญ่แกว่งไปมา และหนังสือบางเล่มหลุดร่วงลงพื้นโดยไม่รู้ตัว“น้องครับ หนังสือหล่น”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง ดวงตากลมโตหันไปมองและเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับครึ่งแขนคู่กับกางเกงสแล็กสีเทาดูสะอาดตา ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มบาง ๆ ทำให้ปิ่นมุกเผลอมองหยุดนิ่ง มือของเขากำลังหยิบหนังสือของเธอขึ้นมาให้ ในมืออีกข้างมีโทรศัพท์ที่กำลังง่วนกับการโทรหาใครสักคน“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวในชุดนักเรียนพูดตะกุกตะกักยื่นมือไปรับหนังสือมาอย่างประหม่า“รถมาแล้วรีบขึ้นรถเถอะ” แม้ประโยคที่พูดออกมาจะไม่กี่คำ แต่เธอกลับจำน้ำเสียงนั้นได้ไม่เคยลืมปิ่นมุกพยักหน้าหงึก ๆ แล้วรีบก้าวขึ้นรถโดยมีเขาก้าวขึ้นตามมา บนรถสองแถวเก่า ๆ มีผู้โดยสารเพียงไม่กี่คน เขาหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามพร้อมทั้งคุยโทรศัพท์ไปด้วย"รถเสียจอดอยู่ในลานจอดท่าเรือมันตรา แค่หารถเช่าดี ๆ สักคัน งานง่าย ๆ แทบไม่ต้องใ
เขื่อนเอาแต่หงุดหงิดกับชีวิตที่ไม่ได้ดังใจ แต่อีกคนกลับไม่มีแม้แต่เวลาจะหงุดหงิดกับอะไรทั้งนั้น เธอในวัยสิบเก้าปี กับลูกในท้องยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้ควรจะเดินไปทางไหน@ท่าเรือเกาะมันตราด้วยความเป็นห่วงเพื่อนแทนจึงออกมากับเรือรอบเช้าเพื่อรอรับปิ่นมุกหลังจากที่เจ้าตัวบอกว่าจะนอนในเมืองสักคืนแล้วตอนเช้าค่อยกลับเข้าเกาะ แทนมองเห็นเจ้าของร่างเล็กเดินลากกระเป๋ามาแต่ไกล ท่าทางดูอิดโรยเหลือเกินเพราะแทบไม่กินไม่นอนมาเป็นอาทิตย์ จึงรีบวิ่งเข้าไปดึงก้านกระเป๋าจากมือเล็ก ๆ มาถือไว้เอง ยิ่งมองก็ยิ่งอดเป็นห่วงไม่ได้ท้องอ่อน ๆแบบนี้ทำไมคุณเขื่อนถึงปล่อยให้มาคนเดียวนะอยู่ดี ๆ ก็หายไปทั้งวันทั้งคืน แต่สภาพที่โผล่มาก็ยังโทรมเหมือนเดิม พอพยุงปิ่นมุกลงนั่งเรียบร้อยจึงเอานิ้วอังจมูกดูหน่อย"หล่อนก็ยังหายใจปกตินี่ แต่ท่าทาง...เฮ้อ สภาพฉันตื่นนอนยังดูดีกว่าหล่อนตอนนี้อีก""ขอบใจนะแทน แต่ตอนนี้ปิ่นเหนื่อยมากเลย""ซบมาสิ ถึงท่าเดี๋ยวปลุก"ฟังเสียงเพื่อนที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความอ่อนล้าก็ทำให้แทนอดสงสารไม่ได้ แต่แค่นี้ก็ดีแล้วที่อังจมูกแล้วยังมีลมหายใจอยู่ ปิ่นมุกซบศีรษะลงที่ไหล่ของเพื่อนอย่างไร้เรี่ยวแรง ตล
"ขาคุณหนู"เสียงตระหนกของแม่บ้านดังลอดโทรศัพท์เข้ามา หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงเดินอยู่ด้านนอก"ป้าเข้าไปนะคะ"แม่บ้านของคุณหนูร่างยักษ์ตกใจกับน้ำเสียงของคุณเขื่อน เพราะปกติเขาจะไม่หงุดหงิดตั้งแต่เช้าแบบนี้ ปกติจะแต่งตัวหล่อหอมสะอาดลงมาจิบกาแฟ ทานอาหารเช้าและออกไปทำงานอย่างอารมณ์ดี"ป้าไม่เตรียมอะไรให้ผมเลย""แล้วป้าต้องเตรียมอะไรล่ะคะ""ก็ที่ปิ่นเขา..."เสียงของเขาชะงักลงราวกับรู้ตัวว่าหลุดพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป แต่ไม่ทันที่จะถามอะไรเพิ่ม คุณหนูของป้าเนียมก็สะบัดหน้ากลับไปหาของต่ออย่างไม่สบอารมณ์"วันนี้ผมมีประชุมสำคัญ แล้วเสื้อผ้าผมล่ะ""งั้น ๆ คุณหนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ ป้าจะเตรียมให้"เสียงปิดประตูห้องน้ำดัง ปัง! พยายามกลบความรู้สึกเบาโหวงลึกในใจของเขาที่มั่นใจว่าตัวเอง "ไม่มีทางคิดถึงเด็กคนนั้นแน่นอน" พร้อมทั้งตะโกนสวนออกไปเพื่อเน้นย้ำกับแม่บ้านที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็ก"ผมยี่สิบหกปีแล้ว ผมไม่ใช่คุณหนูแล้ว""ค่ะ ๆ คุณเขื่อนยี่สิบหกก็ยี่สิบหก"ทั่วทั้งห้องมีแต่เสียงของความหงุดหงิดและความวุ่นวายอยู่นานหลายนาที เพราะตั้งแต่คุณปิ่นแต่งงานเข้ามาบ้านนี้ ป้าเนียมก็เหมือนกับได้พัก เพรา
"ประจำเดือนขาดนานหรือยังคะคุณปิ่น?""ป้าเนียมกำลังคิดอะไรอยู่คะ ปิ่นแค่เหนื่อยเพราะช่วงนี้ปิ่นพักผ่อนน้อยและทานข้าวไม่ตรงเวลา ปิ่นขอตัวก่อนนะคะ"มือเล็กแกะการเกาะกุมของป้าเนียมออกแล้วเดินไปลากกระเป๋ารีบออกจากบ้านหลังใหญ่ทันที หากช้ากว่านี้เธอคงเผยพิรุธจนป้าเนียมจับได้"คุณปิ่นคะ ๆ"ป้าเนียมพยายามจะวิ่งไล่ตามเธอให้ทัน แต่ด้วยหัวเข่าที่เริ่มเสื่อมไปตามวัย จึงทำได้เพียงเดินเร็วขึ้นกว่าปกติอีกนิด ซึ่งกว่าจะไปถึงประตูรั้ว ปิ่นมุกก็นั่งรถออกไปไกลแล้วปิ่นมุกเหลียวหลังกลับไปมองเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเธอกำลังจะไปเริ่มชีวิตใหม่ บ้านหลังนี้ เมืองนี้ ทุกคนที่นี่ จะกลายเป็นเพียงอดีตเท่านั้น"ลาก่อน"เขื่อนนั่งนิ่งเป็นหุ่นปั้นมองดูใบหย่าที่ปิ่นมุกตวัดลายเซ็นลงไปโดยไม่ลังเล ครั้งนี้เธอไม่มีความลังเลใด ๆ เหลืออีกเลย ก่อนหน้านี้เขาให้ทนายโทรตามเธออยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ไม่ยอมรับสาย พอให้ทนายส่งข้อความไปก็ได้รับข้อความตอบกลับว่า"ทราบแล้วค่ะ จะรีบไปภายในสองถึงสามวันนี้ ปิ่นจะแจ้งเวลาที่แน่นอนอีกครั้งนะคะ"ในตอนแรกก็คิดว่าเธอคงซื้อเวลาเอาไว้ แต่พอเห็นจากสีหน้าและแววตาที่ว่างเปล่าถึงรู้ว่าเธอคงตัดสินใจมาแ







