เหลยเทียนหมิงชอบผู้หญิงแบบหยางลี่พอหยางลี่ได้ยินที่เขาพูด ก็รู้สึกตื่นเต้นเอามาก ๆ สองวันมานี้เธอกังวลกับรอยแผลบนใบหน้าของเธอแทบตายอยู่แล้ว หากทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้เธอก็จะกลายเป็นคนอัปลักษณ์ และพอถึงตอนนั้นโจวห้าวก็จะต้องรังเกียจเธออย่างแน่นอนเธออยู่ไม่ได้หากไม่มีโจวห้าว! “แพทย์เซียนเหลย คุณสามารถรักษารอยแผลบนใบหน้าฉันได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ?”“วางใจได้เลยสาวน้อย แผลจุดนี้บนใบหน้าของคุณสำหรับพวกหมอเถื่อนพวกนั้นแล้วเป็นโรคร้ายแรงที่ยากเกินกว่าจะรักษาได้ แต่สำหรับผมแล้วนั้นมันไม่ใช่เรื่องแบบนั้นเลย เพียงเข็มเดียวผมก็สามารถรักษาคุณให้หายได้แล้ว และรับประกันด้วยเลยว่าจะไม่ทิ้งรอยใด ๆ เอาไว้ทั้งสิ้น!”“แต่ผมไม่ได้พกกระเป๋าเครื่องมือแพทย์มาด้วย และแผลบนใบหน้าของคุณก็ไม่อาจรอต่อไปได้แล้ว จะต้องฉีดยาให้คุณโดยเร็วที่สุด ดังนั้นผมแนะนำว่าให้คุณรีบตามผมมาในตอนนี้เลย!”“ได้ค่ะได้ คุณหมอเหลย ขอบคุณคุณมาก ๆ เลยนะคะ!”หยางลี่กังวลกับรอยแผลบนใบหน้าจนแทบตาย และไม่อาจรอต่อไปได้อีกแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่อาจฟังความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเหลยเทียนหมิงออกแต่อย่างใด แต่โจวเทียนเป่ยที่มาถึงข้าง ๆ กลับฟังออ
คำพูดเหล่านั้นของเวินซูซูทำให้เฉินเหมยลี่โกรธจนปอดแทบจะระเบิดออกมา! “ยัยผู้หญิงน่าเกลียด แกพูดว่าใครโง่เขลา? แล้วแกพูดว่าใครอัปลักษณ์กันฮะ?”เฉินเหมยลี่พุ่งเข้าไปหาเวินซูซูด้วยความโกรธ!เพียะ! เวินซูซูตบออกไปหนึ่งฉาด และเฉินเหมยลี่ก็เซจนเกือบจะล้มลงเธองงงวยและโมโห ท่วมท้นไปด้วยความโกรธฉินเป่ยนั่งจิบชาข้าง ๆ อย่างสบาย ๆ แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าเวินซูซูจะอารมณ์ร้อนขนาดนี้ พอพูดคุยกันไม่ลงรอยก็ลงมือแล้วโชคดีที่เธอมีภูมิหลังที่ลึกล้ำ ไม่เช่นนั้นฉินเป่ยจะต้องคิดว่าตัวเองมีเรื่องลำบากแล้วเป็นแน่หญิงแก่เฉินเหมยลี่คนนี้ทำร้ายใครจนเจ็บไม่ได้ แต่เธอข่มขู่คนได้ฉินเป่ยนั้นไม่อยากเกี่ยวข้องใด ๆ กับเธอ! “แก กล้าตบฉันเหรอ? แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? !” ในขณะนี้ เฉินเหมยลี่ปิดหน้าเอาไว้พร้อมกับจ้องมองไปที่เวินซูซู ด้วยสายตาที่แทบอยากจะกินเธอเข้าไป เพียะ!เวินซูซูตบออกไปอีกฉาด“แกเป็นใครฉันไม่รู้และไม่อยากรู้ด้วย แต่แน่นอนว่าแกไม่รู้แน่ ๆ ว่าฉันเป็นใคร! ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสแกมีชีวิตอยู่ต่อ คุกเข่าลงขอโทษคุณฉินซะ!”“อะไร? แก แกให้ฉันคุกเข่าลงขอโทษฉินเป่ยที่เป็นนักโทษเหรอ?”“แกคิดว่าแกเป
เวินซูซูพบว่าฉินเป่ยเหมาะกับรสนิยมของเธออย่างแรง!“คุณฉิน ให้ฉันจัดการเจ้าทึ่มนี่ให้ตายไหมคะ?”เวินซูซูพูดติดตลก เธอไม่สนใจว่าจะจัดการเหลยเทียนหมิงได้หรือไม่ ถึงอย่างไรยายของเธอก็อยู่ที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เหลยเทียนหมิงต้องการคือร้านของฉินเป่ย ซึ่งเธอเชื่อว่ายายจะต้องยินดียืนหยัดเพื่อฉินเป่ยอยู่แล้วต่อให้ตระกูลเวินจะต้องเสียทั้งหมดไปก็ตามแต่ตอนนี้เธอนั้นอยากจะรู้จริง ๆ ว่าสุดท้ายแล้วพลังยุทธ์ของฉินเป่ยคืออะไร แม้ว่าในตอนนี้เธอจะยังไม่แน่ใจว่าฉินเป่ยเป็นจอมยุทธ์หรือไม่ แต่เมื่อกี้เขาลงมือเร็วมากเหลือเกิน โดยที่ไม่มีลมปราณของจอมยุทธ์ใด ๆ เลย แต่ไหนแต่ไรเธอนั้นไม่เคยพบเจอคนลึกลับเช่นฉินเป่ยมาก่อน!ความอยากรู้อยากเห็นในตัวเขาของเธอมาถึงยังจุดสูงสุดแล้ว! ในตอนนี้ เหลยเทียนหมิงถูกความฮอตและรูปลักษณ์ที่น่าทึ่งของเวินซูซูดึงดูดเข้าอย่างจัง และความคิดที่ชั่วร้ายก็ผุดขึ้นมาในใจ“แม่เจ้าโว้ย สาวน้อยคนนี้มาได้เวลาจริง ๆ เลย หยางลี่ก็ยังเทียบเธอไม่ติดเลย”“ถ้าได้ใช้เวลาคืนหนึ่งกับสาวน้อยเช่นนี้ ต่อให้ฉันต้องตายฉันก็ยอมเลย!”เหลยเทียนหมิงพูดในใจ ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มบ้ากามออกมา เขาเด
ชายชราได้บดขยี้น้องชายอันปะติ๋วของเหลยเทียนหมิงไปแล้ว!ภาพนี้ทำให้หยางหลี่และแม่หยางหลี่หวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ“ลูก หมอปาฏิหาริย์เหลยที่ลูกหามาดูเหมือนจะท่าไม่ค่อยดีนะ แม่ขอตัวไปก่อนล่ะ!”เฉินเหม่ยลี่กลัวมากจนคลานหนีไป ส่วนหยางหลี่ก็ที่เห็นแม่ของตัวเองหนีไปแล้วก็อยากหนีตามไปเหมือนกัน แต่ในเวลานี้ฉินเป่ยก็เอ่ยปากขึ้นว่า “ผมปล่อยให้คุณไปแล้วเหรอครับ?”“แก แก แกฉินเป่ยทำภัยใหญ่และครั้งนี้ต่อให้เป็นเทพเซียนมาจากไหนก็ช่วยแกไม่ได้หรอก!”ป๊าบ!เวินซูซูกระโจนออกมาและตบหน้าหยางลี่จนหมดสติ จากนั้นก็รีบวิ่งไปหน้าเหลยเทียนหมิงและเตะเขาที่เป้าของเขาที่ยังนอนโอดครวญอยู่“ขยะเหมือนหมาแบบแกสมควรคู่ควรให้ฉันไปดื่มเป็นได้ยังไงยะ ไสหัวไป!”เหลยเทียนหมิง ไปไม่ได้เพราะเขาโคม่าไปแล้วในเวลานี้ บอดี้การ์ดหลายคนของตระกูลเวินปรากฏตัวขึ้นและลากเหลยเทียนหมิงและหยางลี่ออกไปชายชราโค้งคํานับฉินเป่ยพร้อมตั้งท่าจะจากไป แต่ฉินเป่ยเดินมาอยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นเขาก็กระดิกนิ้วแล้วยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งก็ออกมา“ขอบคุณครับ!”หลังพูดจบ ฉินเป่ยจึงหันหลังกลับและเข้าไปในหลังคลินิก ส่วนชายชรายังยืนตะลึงอยู่กับที่!“ปู่หยาง คุณยังงง
ทันทีที่โจวเทียนเป่ยเห็นเวินซูซู สีหน้าของเขาดูย่ำแย่ขึ้นมาทันทีพวกบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังเขาไม่รู้จักเวินซูซู แต่เขารู้!คุณหนูเวินที่มาจากหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ แห่งหยางตู!สิบตระกูลโจวก็เทียบไม่ได้กับตระกูลเวิน!มีปัญหาแล้ว!ใบหน้าของโจวเทียนเป่ยย่ำแย่มาก เดิมทีเขาทำตามคำแนะนําของน้องรอง และยังไม่อยากยุ่งกับฉินเป่ย แต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน มีคนโยนเหลยเทียนหมิงและหยางลี่ไปที่ประตูโรงพยาบาลและเมื่อหยางลี่ฟื้นขึ้นมา เขาก็ถามเหตุการณ์และได้รับรู้ว่าฉินเป่ยเป็นคนทำ!เขาทนไม่ไหวแล้ว เหลยเทียนหมิงได้รับเชิญจากเขาให้รักษาขาของโจวห้าวลูกชายของเขา ตอนนี้ขาของลูกชายของเขายังไม่หาย เหลยเทียนหมิงก็ดันมาไร้ประโยชน์ เขาทนไม่ไหวจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงมาที่ฉินเป่ยด้วยตนเองแต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าเวินซูซูจะอยู่ที่นี่ด้วย อีกทั้งจากคำพูดของเวินซูซูเมื่อกี้นี้ เขาก็รับรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเวินซูซูกับฉินเป่ยนั้นไม่ธรรมดาแต่เมื่อเขาคิดว่าลูกชายของเขายังคงนอนอยู่ในโรงพยาบาล โจวเทียนเป่ยก็เปลี่ยนน้ำเสียงทันที และพูดว่า “ที่แท้แล้วก็เป็นคุณหนูเวินนี่เอง ขออภัยด้วยนะ”“คุณหนูเวิน ฉินเป่ยไม่เพีย
ฉันไม่สนหรอกนะถ้าจะต้องทำลายคนตระกูลโจวอย่างพวกแกซะ !เสียงของฉินเป่ยไม่ดังมากนัก น้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่กลับทำให้คนฟังอดรู้สึกอกสั่นขวัญหายเสียไม่ได้ในเวลานี้เอง เวินหงอิงได้ออกความเห็นขึ้นมา “เสี่ยวเป่ย เลื่อนเส้นตายนี้ไปอีกสามวันให้หลังได้หรือเปล่า เพราะอีกสามวันจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในเมืองหยางตู ถึงตอนนั้นพวกตระกูลสูงศักดิ์รวมถึงผู้มีอำนาจแวดวงต่าง ๆ ก็จะมารวมตัวกันครบ!”“ถึงตอนนั้นแล้วก็ค่อยให้โจวห้าวกับหยางลี่มาคุกเข่าขอขมาต่อหน้าแม่ของคุณค่ะ!”เมื่อฉินเป่ยได้ฟัง เขาก็คิดว่าเอาตามนั้นก็ได้ ถึงก่อนหน้านี้ที่อวี่เจียวหรงโทรมาจะไม่ได้บอกเขาว่าเธอจะกลับมาเมื่อไร แต่เขารู้สึกได้ว่าอีกสามวันให้หลังเธอต้องปรากฏตัวขึ้นแน่ ถึงตอนนั้นจะได้ให้โจวห้าวกับหยางลี่ขอโทษเธอด้วย !“ได้ครับ ท่านย่าเวิน ผมจะทำตามนั้น”เวินหงอิงพยักหน้ารับพลางยิ้มหน้าบาน ทว่า เพียงครู่เดียวสีหน้าของเธอก็เย็นชาขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับของสองพี่น้องโจวเทียนเป่ย จากนั้นเธอก็แล้วเอ่ยขึ้น “พวกแกสองคนได้ยินชัดหรือยัง?”“ยายเฒ่าเวิน คุณมันร้ายนักนะ ใครจะชนะมันก็ยังไม่แน่นักหรอก!”“ไอ้หนู ไว้คอยดูให้ดีเถอะ คิดจ
หวังเอินไหลได้ยินดังนั้นก็เกิดตกใจขึ้นมาเล็กน้อย“ไอ้หนู ดูไม่ออกเลยนะว่าแกจะมีฝีมืออยู่เหมือนกัน ทำไม แกคิดอยากจะออกตัวแทนนังแพศยาสองคนนี้งั้นเหรอ”“แกต้องคิดดูให้ดีนะ ถ้าฉันลงมือขึ้นมาเกรงว่าแกจะรับหมัดฉันไม่ได้แม้แต่หมัดเดียว !”หวังเอินไหลหยิบซิการ์ขึ้นมาสูบด้วยสีหน้ายียวน ไม่แม้แต่จะเห็นฉินเป่ยอยู่ในสายตาฉินเป่ยนั่งลงอยู่ฝั่งตรงข้ามพลางเอ่ยเสียงเรียบ “คุณอยากลงมือกับผม แต่ผมไม่อยากลงมือกับคุณนี่ เพราะมันคุณมันอ่อนแอเกินไป มันสกปรก !”“หรือไม่งั้นคุณคุกเข่าขอขมาสาวสวยสองคนนี้ดีไหม จากนั้นก็ทำลายน้องชายของคุณนั่นให้เละซะ”เมื่อได้เห็นสีหน้าและท่าทางกวนประสาทของฉินเป่ยแล้ว หวังเอินไหลไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่กลับหัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ทว่าชายหนุ่มยังไม่ทันได้พูดอะไร เหล่าศิษย์นับสิบกว่าคนของตำหนักเล็กที่เก้าก็พากันด่าทอฉินเป่ยเสียแล้ว“ไอ้หนู แกอย่ามาทำอวดดีนะ แกเป็นใครมาจากไหนกัน”“แกนี่ไม่รู้จักกลัวตายจริง ๆ กล้าพูดแบบนี้กับเจ้าตำหนักน้อยของเรา แกมีสักกี่หัวกันฮะ !” “เจ้าตำหนักน้อย ให้พวกเราจัดการมันให้ตายดีไหมครับ !”เหล่าศิษย์จากตำหนักเล็กที่เก้าพากันขยับแข้งขยับขาพร้อมออกหมัด แ
หวังเอินไหลตะลึงงัน และเริ่มลนลานคนที่สามารถทำให้รองเจ้าตำหนักหลักทั้งสองท่านโทรมาเพื่อปกป้องเขาด้วยตนเอง ตัวตนของเขาต้องน่ากลัวขนาดไหน?ทว่าเขาจ้องมองไปที่ฉินเป่ยที่ทำหน้าครุ่นคิดตรงหน้าฆ่าให้ตายก็ไม่เชื่อเขาจะเชิญรองเจ้าตำหนักหลักทั้งสองมาได้ภาพหลอน?ความบังเอิญ?ต้องเป็นความบังเอิญแน่ ๆ !คนที่ท่านพ่อพูดถึงต้องเป็นคนอื่นอย่างแน่นอน!หวังเอินไหลไม่เชื่อเป็นอันขาดว่าฉินเป่ยที่อยู่ตรงหน้าเขาจะมีฝีมือที่เก่งกาจขนาดนั้น!พอคิดได้เช่นนี้ ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปทันที“เหอะๆ ไอ้เจ้านี่ อีกนิดเดียวก็เกือบถูกแกโม้จนเชื่อแล้วเชียว อยากใช้ลูกไม้แบบนี้ขู่ฉันนั้นเหรอ?”“แกมันยังอ่อนเกินไป หักแขนขามันเดี๋ยวนี้!”หลังจากทำเสียงคำสั่งของหวังเอินไหลสิ้นลง สาวกของตำหนักเล็กที่เก้าก้าวเข้าใกล้ฉินเป่ยไปเรื่อยๆ แต่ละคนอวดเก่งกันทั้งนั้น เวินซูซูและหลินชิวเสียตกใจกลัว โดยเฉพาะหลินชิวเสีย เธอตัดสินใจที่จะประนีประนอมเพราะเธอไม่ต้องการทำให้เวินซูซูและฉินเป่ยต้องเดือดร้อนไปด้วย“หวังเอินไหล ให้คนของแกถอยออกไป แกต้องการฉันไม่ใช่หรือไง?” “ฉันตกลงทำตามที่แกขอ แต่ฉันมีเงื่อนไขคือแกต้องปล่อยไปพวกเ