Share

บทที่ 14 หญิงแก่อัปลักษณ์

เหลยเทียนหมิงชอบผู้หญิงแบบหยางลี่

พอหยางลี่ได้ยินที่เขาพูด ก็รู้สึกตื่นเต้นเอามาก ๆ สองวันมานี้เธอกังวลกับรอยแผลบนใบหน้าของเธอแทบตายอยู่แล้ว หากทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้เธอก็จะกลายเป็นคนอัปลักษณ์ และพอถึงตอนนั้นโจวห้าวก็จะต้องรังเกียจเธออย่างแน่นอน

เธออยู่ไม่ได้หากไม่มีโจวห้าว!

“แพทย์เซียนเหลย คุณสามารถรักษารอยแผลบนใบหน้าฉันได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ?”

“วางใจได้เลยสาวน้อย แผลจุดนี้บนใบหน้าของคุณสำหรับพวกหมอเถื่อนพวกนั้นแล้วเป็นโรคร้ายแรงที่ยากเกินกว่าจะรักษาได้ แต่สำหรับผมแล้วนั้นมันไม่ใช่เรื่องแบบนั้นเลย เพียงเข็มเดียวผมก็สามารถรักษาคุณให้หายได้แล้ว และรับประกันด้วยเลยว่าจะไม่ทิ้งรอยใด ๆ เอาไว้ทั้งสิ้น!”

“แต่ผมไม่ได้พกกระเป๋าเครื่องมือแพทย์มาด้วย และแผลบนใบหน้าของคุณก็ไม่อาจรอต่อไปได้แล้ว จะต้องฉีดยาให้คุณโดยเร็วที่สุด ดังนั้นผมแนะนำว่าให้คุณรีบตามผมมาในตอนนี้เลย!”

“ได้ค่ะได้ คุณหมอเหลย ขอบคุณคุณมาก ๆ เลยนะคะ!”

หยางลี่กังวลกับรอยแผลบนใบหน้าจนแทบตาย และไม่อาจรอต่อไปได้อีกแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่อาจฟังความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเหลยเทียนหมิงออกแต่อย่างใด แต่โจวเทียนเป่ยที่มาถึงข้าง ๆ กลับฟังออกอย่างชัดเจน และเขานั้นก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้โจวห้าวแต่งงานกับหยางลี่ตั้งแต่แรกอีกด้วย

เพราะว่าความสามารถของตระกูลหยางกับตระกูลโจวนั้นแตกต่างกันเป็นอย่างมาก และโจวเทียนเป่ยเองก็เคยรู้มาว่าที่โจวห้าวต้องกลายเป็นแบบนี้ในตอนนี้ ทั้งหมดก็เพราะสาเหตุมาจากหยางลี่

ในฐานะหัวหน้าของตระกูลโจว โจวเทียนเป่ยได้ผ่านผู้คนมานับไม่ถ้วน ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เจอกับเหลยเทียนหมิงเขาก็เข้าใจความคิดของเขาได้ในทันที ในเมื่อตอนนี้เขาสนใจในตัวหยางลี่ งั้นเขาก็จะช่วยทำให้เขาผู้นั้นได้สมดั่งใจไปตามปกติ

ดังนั้น โจวเทียนเป่ยจึงพูดกับหยางลี่ขึ้นว่า “แม่นางหยาง เธอยังไม่รีบขอบคุณแพทย์เซียนเหลยอีก เช่นนี้ เธอก็รีบตามเขาไป และจะต้องขอบคุณแพทย์เซียนเหลยอย่างแน่นอน! ”

“คุณอา วางใจได้เลยค่ะ ฉันจะทำตามนั้นเลยค่ะ”

ในไม่ช้า หยางลี่ก็ออกจากโรงพยาบาลไปกับเหลยเทียนหมิง และนั่งบนรถของโจวเทียนเป่ย

ในโรงพยาบาล หลังจากที่หยางลี่ออกไปกับเหลยเทียนหมิงได้ครู่หนึ่ง โจวห้าวก็ฟื้นขึ้นมา

“พ่อ ผม ขาผมไม่ดีขึ้นเลยเหรอ? ต่อไปนี้ผมจะต้องนั่งบนรถเข็นแล้วเหรอ?”

“ผม ผมไม่อยากนั่งบนรถเข็น ผมอยากให้ฉินเป่ยตาย ๆ ไปซะ!”

“พ่อ พ่อไปฆ่ามัน ฆ่ามันนะพ่อ!”

พอโจวห้าวฟื้นขึ้นมาก็อาละวาด เขาหวาดกลัว ไม่ใช่หวาดกลัวฉินเป่ย แต่หวาดกลัวว่าตัวเองจะต้องนั่งรถเข็นไปอีกครึ่งชีวิตที่เหลือ!

โจวเทียนเป่ยมองดูลูกชายที่ไร้ประโยชน์ ความโกรธก็ระเบิดออกมาจากใจของเขา

“หุบปากซะ! ไอ้สวะ แม้แต่ฉินเป่ยคนเดียวก็จัดการไม่ได้ แกจะให้ฉันวางใจฝากตระกูลโจวไว้กับแกได้ยังไงกัน? ฮะ? ! “

เสียงตะโกนนี้ของโจวเทียนเป่ย ทำให้โจวห้าวหุบปากลงทันที

ความสามารถของเขามีไม่มากนัก แต่ความทะเยอทะยานนั้นใหญ่หลวง หากหัวหน้าในอนาคตของตระกูลโจวไม่ใช่เขา มันจะมีความหมายอะไรให้เขามีชีวิตอยู่ต่ออีก!

“พ่อ ผมรู้ว่าผิดไปแล้ว ผมก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าไอ้สารเลวฉินเป่ยนั้นมันจะกล้าหักขาผมจริง ๆ และยิ่งคิดไม่ถึงด้วยว่ามันจะมีความสามารถในการต่อสู้ขนาดนี้ พ่อ ตระกูลโจวของเรายังมีบอดี้การ์ดที่เก่ง ๆ กว่านี้ไม่ใช่เหรอ? พ่อให้บอดี้การ์ดไปแก้แค้นแทนผมไม่ได้หรือไง?”

“ใช่แล้ว วันนี้เป็นเวลาที่กำหนดไว้วันสุดท้ายที่ไอ้หนุ่มฉินเป่ยนั้นให้มา”

“เวลาที่กำหนดอะไรกัน?”

โจวเทียนเป่ยถาม โจวห้าวไม่กล้าปิดบังจึงรีบบอกข้อเรียกร้องของฉินเป่ยออกมาทันที

“เหอะ ๆ เจ้าเด็กโง่เขลา คิดว่าตระกูลโจวของฉันรังแกได้ง่ายจริง ๆ เหรอ? ช่างเป็นมดที่กล้าหาญชาญชัยจริง ๆ !”

โจวเทียนเป่ยโกรธจัด และกำลังเตรียมการที่จะไปปลิดชีพของฉินเป่ยด้วยตัวเอง แต่จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของโจวเทียนหนานน้องสองของเขาขึ้นมา จากนั้นก็เปลี่ยนมาพูดกับโจวห้าวด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งว่า “ลูกห้าว แกวางใจได้เลยแกเป็นถึงลูกชายของฉันโจวเทียนเป่ย เป็นถึงหัวหน้าในอนาคตของตระกูลโจว แค้นนี้ฉันจะชำระแทนแกเอง แต่ก็ต้องรอก่อน!”

“แพทย์เซียนเหลยที่มาจากเมืองมังกรได้เห็นขาที่เจ็บอยู่ของแกแล้ว เขารับประกันกับฉันว่าจะสามารถทำให้กลับมายืนขึ้นได้ใหม่อีกครั้ง”

“สองสามวันนี้ก็ตั้งใจพักผ่อนที่โรงพยาบาลซะ จริงสิ ยัยเด็กผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อหยางลี่ตัดออกไปจากชีวิตให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ซะนะ!”

พูดจบ โจวเทียนเป่ยก็หันหลังกลับไป โจวห้าวรีบเรียกเขา แล้วถามขึ้นว่า “พ่อ พ่อพูดอะไร ผมกับลี่ลี่เป็นรักแท้นะครับ ผมจะแต่งงานกับเธอ เรื่องนี้พ่อตอบตกลงแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ในอีกไม่กี่วันต่อจากนี้ผมก็จะจัดงานแต่งงานกับเธอแล้ว และอารองของผมก็ยังเคยสัญญาเอาไว้กับผมด้วยว่าจะให้หงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงครามมาเป็นสักขีพยานในงานแต่งของผมกับลี่ลี่อีกด้วย!”

“พ่อกับอารองพวกท่านทั้งสองจะผิดคำพูดไม่ได้นะครับ จริงสิ แล้วลี่ลี่ล่ะ?”

โจวเทียนเป่ยไม่ได้สนใจโจวห้าว และเดินออกไปจากห้องพักรักษาตัวผู้ป่วยทันที

อีกด้านหนึ่ง ในขณะนี้หยางลี่นอนขดตัวอยู่บนเตียง โดยใช้ผ้าห่มคลุมตัวเองเอาไว้แน่น และน้ำตาไหลไม่หยุด เธอไม่รู้ว่าเหลยเทียนหมิงให้เธอกินยาอะไร รู้แค่ว่าพอกินยาแล้วเธอก็เหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเสียอย่างนั้น แล้วหลังจากนั้น……

“แพทย์เซียน คุณ เมื่อกี้ที่คุณให้ฉันกินมันคือยาอะไรเหรอคะ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?”

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ? ฉันขอโทษนะพี่ห้าว ฉันขอโทษจริง ๆ ……ฮือ ๆ ……”

หยางลี่ก้มหน้าร้องไห้ โดยที่มีเหลยเทียนหมิงยืนสูบบุหรี่อยู่ข้าง ๆ ก่อนที่เขาจะหันมากดทับบนตัวเธออีกครั้ง พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “ยังจะเป็นยาอะไรไปได้อีกล่ะ? แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นยาแบบนั้นไม่ใช่เหรอ?”

“อะไรนะ? แก แกมันสารเลว!”

หยางลี่ตบไปที่หน้าของเหลยเทียนหมิง แล้วผลักเขาออกไปเพื่อที่จะหลบหนี แต่เหลยเทียนหมิงระวังตัวอยู่ตั้งนานแล้ว จากนั้นเขาก็คว้าผมของเธอแล้วดึงเธอกลับมา

“ทำไม? เธอไม่อยากให้ผมรักษาแผลบนใบหน้าเธอให้หายแล้วเหรอ? เธอต้องเข้าใจให้ชัดเจนด้วยว่าผมเป็นคนที่ตระกูลโจวเชิญให้มารักษาขาให้กับโจวห้าว แม้ว่าเธอจะเป็นคู่หมั้นของเขา แต่ผมก็ไม่มีภาระหน้าที่ที่ต้องรักษาให้เธอ! เธอคิดว่าถ้าแผลบนใบหน้าของเธอไม่หายดีหรือทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ โจวห้าวจะยังแต่งงานกับเธออีกไหมล่ะ?”

คำพูดของเหลยเทียนหมิงทำให้หยางลี่ผงะไปและได้สติขึ้นมาทันที

“เห็นท่าทางเมื่อกี้ของเธอ ผมก็รู้แล้วล่ะว่าโจวห้าวเป็นไอ้สวะคนหนึ่ง เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาด ผมเชื่อว่าเธอจะต้องเลือกถูกแน่นอน!”

พูดจบ เหลยเทียนหมิงก็รอให้หยางลี่เข้ามาในอ้อมกอดของเขาเอง

แน่นอนว่า หยางลี่ครุ่นคิดอยู่นานนับนาที ก่อนจะริเริ่มโน้มตัวเข้ามาในอ้อมแขนของเหลยเทียนหมิง

……

ณ คลินิกเจียวหรง

ในขณะนี้ฉินเป่ยได้กลั่นยาออกมาเจ็ดเม็ด ที่มีชื่อว่ายาลูกกลอนเผยหยวน เพื่อสร้างตรีลมปราณสัตตะชีพจรของอวี่เจียวหรงขึ้นมาใหม่จำเป็นต้องใช้ยาลูกกลอนเผยหยวนถึงสิบเม็ดด้วยกัน ซึ่งยังขาดอีกสามเม็ด แต่เขาจำเป็นต้องพักผ่อนแล้ว

การสกัดยาอายุวัฒนะต้องสูญสิ้นพลังงานที่แท้จริงเป็นจำนวนมาก แม้ว่าการฝึกฝนของเขาจะไปถึงระดับตำนานแล้ว แต่เขาก็ยังเหนื่อยล้าหลังจากใช้พลังงานที่แท้จริงมาเป็นเวลานาน!

หลังจากนั่งสมาธิพักเป็นเวลาสองชั่วโมง พลังงานที่แท้จริงของฉินเป่ยก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ตอนนี้เวินซูซูช่วยพ่อแม่ของเขาทำงานที่คลินิกให้จนเสร็จหมดแล้ว ตอนนี้ขาดก็แค่ยา หลังจากนั้นก็รอเปิดคลินิกก็ได้แล้ว

ฉินเป่ยมาถึงยังแผนกต้อนรับของคลินิก ยังไม่ทันได้ทักทายกับพ่อ ก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยที่ทำให้เขาคลื่นไส้ขึ้นมาเสียก่อน

เจ้าของใบหน้านี้มีชื่อว่าเฉินเหม่ยลี่ ซึ่งเป็นแม่ของหยางลี่!

“อ้าวฉินเป่ย แกเป็นนักโทษที่ไปติดคุกอยู่ตั้งห้าปีแต่ก็นิสัยเดิมไม่เปลี่ยนเลยสินะ!”

“ออกมาปุ๊บก็ทำร้ายลูกสาวฉันจนบาดเจ็บปั๊บ แถมยังทำร้ายนายน้อยโจวลูกเขยของฉันในอนาคตจนบาดเจ็บอีกด้วย เรื่องนี้ช่างมันเถอะ แต่นายยังจะขู่เอาเงินห้าล้านหยวนจากลูกสาวฉันกับนายน้อยโจวอีกเหรอ?”

“ใครมอบความกล้าหาญนี้ให้นายกัน!”

“ฟังให้ดีนะ ตอนนี้นายมีแค่ทางเดียวเท่านั้น รีบไปหาลูกสาวฉันกับนายน้อยโจว แล้วคุกเข่าลงขอโทษพวกเขาทั้งสอง จากนั้นก็ทำลายแขนขาของตัวเองทิ้งซะ!”

“เห็นแก่ลูกสาวของฉัน ฉันจะขอร้องหัวหน้าตระกูลโจวให้แทนนายเอง ไม่อย่างนั้นครอบครัวของพวกนายทั้งหมดจะต้องตาย!”

“คุณฉิน หญิงแก่อัปลักษณ์ที่โง่เขลาคนนี้คือใครกันเหรอคะ?”

ไม่รอให้ฉินเป่ยเอ่ยปากตอบกลับมา เวินซูซูก็กระโจนตัวขึ้นมาอยู่ด้านหน้าของฉินเป่ย ฉินฮั่นยืนขึ้นอย่างเงียบ ๆ แล้วดึงตัวตู้เหม่ยจวนเข้าไปในห้องโถงด้านหลัง

“เสี่ยวเป่ยโตแล้วนะ เรื่องของเขาเขาแก้ไขเองได้ แต่ตัวตนของแม่นางซูซูดูแล้วอาจไม่ง่ายนัก หลังจากนี้เรื่องของเธอกับลูกและคนอื่น ๆ พวกเขาจะแก้ไขกันเอง คุณไม่ต้องไปพูดและไม่ต้องไปยุ่งอะไรทั้งนั้น!”

“เขาจะแก้ไขได้ยังไง คุณนี่เป็นพ่อประสาอะไรกัน? คุณไม่รู้ว่าห้าปีก่อนเขาต้องผ่านอะไรมาบ้างหรือไง?”

“รีบออกไปช่วยเลย เฉินเหมยลี่เป็นมนุษย์ป้าใจหยาบคนหนึ่ง และหยางลี่ก็ตามโจวห้าวไปแล้วด้วย อำนาจของตระกูลหยางเองก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันนะ!”

“ครั้งนี้เสี่ยวเป่ยลำบากแน่!”

ตู้เหมยจวนกังวลมากจนแทบจะร้องไห้ แต่ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็รู้สึกราวกับว่าถูกบีบเข้าที่หลังคอ ก่อนจะหมดสติไป!

หน้าแผนกต้อนรับ คำพูดเหล่านั้นของเวินซูซูทำให้เฉินเหมยลี่โกรธจนปอดแทบจะระเบิดออกมา!

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status