แดร์ริลตีหน้าใสซื่อก่อนที่เขาจะกล่าวต่อ "พูดตามตรงเลยนะ ผมไม่ได้มีความตั้งใจที่จะ...""หุบปาก!"เอเวอลินหน้าแดงแล้วกัดฟันในขณะที่เธอตัดบทของแดร์ริลอย่างโมโหแล้วคิด 'แดร์ริลช่างหน้าด้าน เขาเห็นเราในวิดีโอคอลในตอนนั้นแล้วแกล้งทำไรเดียงสา ช่างเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจ'ยังไงก็ตาม เธอไม่มีทางโต้กลับได้เลย เธอถูกล้อมด้วยเพื่อนสนิทของเธอ มันจะน่าอายเกินไปสำหรับเอเวอลิน หากเพื่อน ๆ ของเธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นเอง เซอร์ซีก็เดินมาแล้วถามอย่างแปลกใจ "เอเวอลิน นี่พวกเธอรู้จักกันด้วยเหรอ? ไปรู้จักกันได้ยังไง?"เอเวอลินหน้าแดงแล้วกล่าว "เซอร์ซี ฉันไม่มีทางรู้จักกับไอ้ชั่วนี่หรอก"ไอ้ชั่ว?แดร์ริลเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยวบนใบหน้าแล้วกล่าวอย่างจริงจัง "ไม่ ไม่ พวกเราไม่รู้จักกันมาก่อน..."เอเวอลินจ้องแดร์ริลและอดไม่ได้ที่จะถามเซอร์ซี "แล้วเธอพาเขามาทำไมที่นี่?"เซอร์ซียิ้มน้อย ๆ แล้วกล่าว "เขามาเพื่อกลั่นยาให้เธอไง"อะไรนะ?แดร์ริลมาที่นี่พื่อกลั่นยาให้เอเวอลิน?เอเวอลินตะลึงและกระวนกระวายเล็กน้อย "เซอร์ซี อย่าเพ้อเจ้อน่า เขาจะไปรู้เรื่องการกลั่นยาได้ยังไง?"แม้แต่ปรมาจารย์นักกลั่นยาผู้โด
เอเวอลินกระทืบเท้าของเธอแล้วแค่นเสียง "อยากให้ฉันขอร้องนายงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!"ฮึ่มแดร์ริลยักไหล่ "ก็ไม่เป็นไร ไปหาคนอื่นกลั่นยาเอาแล้วกัน ลาก่อน"แดร์ริลหันหลังแล้วเดินจากไป ยังไงก็ตาม เซอร์ซีหยุดเขาในตอนที่เขาเกือบจะถึงประตูแล้ว"แดร์ริล ได้โปรดอย่าโมโหสิ เอเวอลินต้องการยานี้จริง ๆ นะ" เซอร์ซีอ้อนวอนเสียงอ่อนแดร์ริลหัวเราะ เขารู้ว่าพลังหยินที่มากเกินไปจะส่งผลให้การปวดประจำเดือนรุนแรง และเอเวอลินจะต้องทรมานมากในทุกเดือนหากเธอไม่มีเม็ดยาหยาง แดร์ริลเพียงแค่อยากจะปั่นหัวเอเวอลินเล่นเมื่อเขาเห็นว่าเธอไม่ยอมเปิดปากขอ เขาหันหลังแล้วเตรียมจะเดินจากไป"ฉัน-ฉันขอร้องนายแทนเธอล่ะ ได้ไหม?" เซอร์ซีตื่นตระหนก เธอกลัวว่าแดร์ริลจะไป เธอกัดริมฝีปากแล้วอ้อนวอนเสียงอ่อย "ฉันขอร้องนายแทนเอเวอลิน ด-ได้โปรด ช่วยเอเวอลินกลั่นยาด้วยนะ"เซอร์ซีไม่เคยจินตนาการถึงเลยว่าเธอจะพูดแบบนี้ออกมา! ปกติแล้วเธอมักจะเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง โดดยเฉพาะกับผู้ชาย แต่เธอกลับมาอ้อนวอนแดร์ริลวันนี้"เซอร์ซี!" เอเวอลินดึงแขนของเธอก่อนจะตะโกนใส่แดร์ริล "แก! แกระวังไว้เถอะ! ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากแก!""อา..." แดร์ริล
เม็ดแรกนั่นก็คือเม็ดยาหยางที่เอเวอลินต้องการ ในขณะที่อีกสองนั้นเป็นเม็ดยาผสานและเม็ดยาสะพรั่งที่มาจากวัตถุดิบพิเศษที่แดร์ริลหยิบไปก่อนหน้านี้ ทั้งสองเม็ดนั้นทั้งหายากและพิเศษ ในขณะที่แดร์ริลกำลังเก็บพวกมันลงกระเป๋าอย่างอารมณ์ดี เขาก็พลันรู้สึกถึงตัวตนทรงพลังจากจ้างหลังของเขา เขาพลันหันไปโดยศัญชาตญาณแล้วก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็นพระร่างเตี้ยหัวล้านสูงประมาณ 1.5 เมตร เดินมาหาเขา เขาปลดปล่อยแรงกดดันออกมาในขณะที่มีรอยสักรูปราศีพิจิกอยู่บนหัวล้าน ๆ ของเขาให้ตาย มีรอยสักบนกะโหลกของเขา!? ถึงแม้มันจะดูงี่เง่า แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันดูอันตรายมาก แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือบรรยากาศที่เขาปลดปล่อยออกมาต่างหาก ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่"คุณเป็นใคร?" แดร์ริลถามหลังจากจ้องเขาอยู่หลายวินาทีชายคนนี้ต้องเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงแน่ หรือว่าบางทีเขาอาจเป็นบอดี้การ์ดของเซอร์ซี? ยังไงก็ตาม มันก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะจ้างพระมาเป็นบอดี้การ์ดนี่นา?พระองค์นั้นไม่ได้ตอบสนอง เขาเดินไปหาแดร์ริลอย่างเดียว ก่อนจะหยุดลงหน้าเขา โดยไม่กล่าวอะไรสักคำ เขาพลันกดจุดลมปราณของแดร์ริลแดร์ริลไม่ทันป้องกัน เขาต้องการจะหลบ แต่มั
บนเกาะสราญรมย์วันนี้ บนเกาะนั้นมีชีวิตชีวากว่าที่เคยด้วยแสงสีที่จุดขึ้นและศิษย์ที่เดินตรวจตราเป็นแถว จุกลมปราณของแดร์ริลถูกพระกดจุดไว้ เขาทั้งพูดและขยับไม่ได้เลย เขากลัวเมื่อเขาเห็นว่าพระพาเขามาที่เกาะนี้นี่ประมุขนิกายรู้เรื่องที่เขาใช้วิชามังกรนพเก้าทะยานฟ้าแล้วรึเปล่า?หรือประมุขนิกายรู้เรื่องที่เขามีประเด็นกับนายหญิง?บัดซบ! หัวของเขาวุ่นวายไปหมดเมื่อคิดเรื่องพวกนั้นพระอุ้มแดร์ริลไปขณะที่หลบเลี่ยงการตรวจตราของศิษย์ไปที่ห้องก่อนที่จะเคาะประตูเบา ๆนี่… นี่มัน… ห้องของนายหญิงนิกายไม่ใช่รึไง?"นายหญิง เขาอยู่ที่นี่แล้วครับ" การประกาศของพระดังออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึกและทรงพลัง"ฮึ่ม เข้ามา" เสียงนุ่มนวลดังออกมาจากในห้องพระแบกแดร์ริลเข้ามาในห้องตามการอนุญาตของเธอแล้วโยนเขาลงบนพื้นก่อนจะออกไป'ให้ตายเถอะ อย่างน้อยก็ช่วยวางฉันเบา ๆ หน่อยสิว้อย!' แดร์ริลพึมพำกับตัวเองในขณะที่เจ็บจากการถูกโยน แต่ต่อมา สายตาของเขาพลันบ้าคลั่งเมื่อเงยหน้าขึ้นไปนายหญิงแหง่นิกาย โมนิก้ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องของเธอซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นหอม ร่างกายอันสง่างามและประณีตของเธอสวมชุดเดรสผ้าไหมสีม
'นี่เธอหลงรักเราเหรอ?' เขาตอบเธอด้วยรอยยิ้มแสยะเมื่อคิดได้แบบนั้น "แน่นอน ผมไม่ได้ลืมเรื่องภารกิจที่ท่านมอบให้ผม ผมได้เข้าสถาบันหกวิถีในฐานะนักเรียนและกำลังรอช่วงเวลาที่เหมาะสมอยู่"ให้ตาย คิดว่าการขโมยอะไรสักอย่างจากครูใหญ่มันง่ายนักรึไง? เขาไม่สามารถพบกับประมุขนิกายได้ด้วยซ้ำแม้ว่าเขาจะอยู่ในเกาะเดียวกัน!โมนิก้ายิ้ม "หวังว่าฉันจะได้ยินข่าวดีจากนายเร็ว ๆ นี้นะ"แดร์ริลพยักหน้าอย่างรอบคอบก่อนจะทำหน้าขมขื่น "นายหญิงครับ นี่ไม่ใช่ภารกิจง่าย ๆ เลย ท่านรู้ไหมว่าผมแอบเข้าไปให้ห้องของครูใหญ่โดยไม่ได้อะไรกลับมากี่ครั้ง? ครั้งล่าสุดที่ผมทำ ผมถูกพบเข้าโดยยามรักษาความปลอดภัยแล้วเกือบถูกทุบตีจนตาย! ผมยังมีแผลอยู่เลย"'เรานี่มันฉลาดกับเรื่องแบบนี้ชะมัด เธอต้องหลงกลแน่'อย่างที่คาด ใบหน้าของโมนิก้ากลายเป็นตื่นตระหนกและเป็นห่วง เธอเดินมาหาเขาโดยไม่รู้ตัว "นายเจ็บเหรอ? ตรงไหน? ให้ฉันดูหน่อย"โมนิก้าไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเธอถึงเป็นห่วงแดร์ริลนักเมื่อโมนิก้าเข้าใกล้เขา กลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ก็แรงขึ้นเช่นเดียวกับความกล้าของเขา เขากอดเธอด้วยแขนของเขาแล้วเกี้ยวพาราสี "นายหญิง ผมไม่ได้เจ็บหรอก ผมแค่
ประมุขนิกายโบกแขนเสื้อของเขาในขณะที่เดินไปที่เตียงแล้วนั่งลง "ฉันกำลังตื่นเต้นในคืนนี้ ดังนั้นฉันจึงมาหาเธอ ฮ่าฮ่า!"ตั้งแต่ที่โมนิก้าแต่งงานกับเขาที่เกาะแห่งนี้ ประมุขนิกายก็ปฏิบัติกับเธอด้วยความรักและเอาใจใส่อย่างมาก เขายอมทำให้เธอพึงพอใจในทุกอย่างตราบใดที่มันไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ ดังนั้นเหล่าศิษย์ทั้งหลายจึงปฏิบัติกับเธออย่างที่พวกเขารับใช้ประมุขนิกาย ใครก็ตามที่ไม่เคารพเธออาจจบลงที่โทษประหาร ยังไงก็ตาม โมนิก้าก็ปฏิบัติกับประมุขนิกายอย่างเฉยเมยและเย็นชา เพราะเธอไม่เคยมีความสุขอย่างแท้จริงเลยตั้งแต่ย้ายมาที่เกาะแห่งนี้โมนิก้าเทชาให้เขาหนึ่งถ้วยแล้วพัดมันเบา ๆ ก่อนจะถาม "ฉันถามได้ไหมว่าอะไรทำให้ท่านดีใจมากขนาดนี้?"ประมุขนิกายตบที่ที่ว่างข้าง ๆ เขาเป็นสัญญาณให้เธอนั่งตรงนั้นก่อนจะอธิบายด้วยรอยยิ้ม "ดาร์ลิ้ง ฉันเจอหนังสือที่น่าสนใจซึ่งเขียนโดยประมุขนิกายรุ่นที่สิบสามในตอนที่ฉันใช้เวลาว่างในห้องสมุด""หนังสือเล่มนั้นบันทึกชนิดของการดัดเสียงต่าง ๆ ที่ทำให้เสียงของผู้ใช้เปลี่ยนไปได้ ฉันรู้สึกว่ามันน่าสนใจดังนั้นฉันจึงศึกษาไปชนิดสองชนิด ให้ฉันแสดงให้เธอดู!" ประมุขนิกายกล่าวอย
'นั่นมันคัมภีร์ที่นายหญิงบอกให้เราขโมยไปใช่รึไง?'โมนิก้าเองก็ถึงกับต้องสะท้านด้วยความตกใจและมองประมุขนิกายด้วยความไม่อยากเชื่อ "อะไรนะคะ?"คัมภีร์มหาปริศนาเป็นคัมภีร์ที่ผู้บ่มเพาะทุกคนล้วนต้องการครอบครอง คัมภีร์นี้มีทั้งหมดเจ็ดเล่มและแต่ละเล่มมีสีหน้าปกแตกต่างกัน ได้แก่ แดง, ส้ม, เหลือง, เขียว, น้ำเงิน, คราม, และม่วงตามลำดับจากตามตำนาน มันมีความลับอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในทั้งเจ็ดเล่มนี้ หากผู้ใดที่สามารถครอบครองมันครบทั้งเจ็ดเล่ม ผู้นั้นจะค้นพบความลับที่สามารถทำให้เขากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก"ประมุขนิกายที่รัก ใครจะไม่อยากเก็บสิ่งนี้ไว้กับตัว? ทำไมจู่ ๆ นิกายตำหนักอมตะถึงได้ใจดีแล้วมอบมันให้ท่านกัน?" โมนิก้าถามอย่างสงสัยประมุขนิกายเพียงแค่ยิ้มออกมา "ไม่ต้องกังวลดาร์ลิ้ง ฉันไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นต้องการทำอะไรหรอกนะ แต่ฉันจะเก็บมันไว้และไม่ทำไปมากกว่านี้ในเมื่อพวกเขาส่งมันมาให้แล้ว!"โมนิก้าพยักหน้าแต่ไม่ได้กล่าวอะไรมากกว่านั้นประมุขนิกายดูพอใจมากแล้วกล่าวต่อ "ฉันสะสมคัมภีร์มหาปริศนาไว้ถึงสามเล่มแล้ว เรามีทั้งสีแดงและเขียวอยู่กับตัว และเล่มที่พวกเขาส่งมาให้ฉันคือเล่มสีเ
เกาะของนิกายจ้าวสวรรคืมีชีวิตชีวามากในวันต่อมา!ผู้บ่มเพาะมากมายเดินทางมาจากแดนไกลเพื่อร่วมแสดงความยินดีในวันเกิดของประมุขนิกาย นิกายเจ้าสวรรค์เป็นนิกายที่ทรงอำนาจ ดังนั้นเหล่าผู้คนที่แข็งแกร่งมากมายจึงต้องการที่จะคงความสัมพันธ์ไว้กับนิกายนี้โต๊ะมากกว่าร้อยถูกจัดไว้ที่โถงหลัก เหล่าสมาชิกระดับสูงของนิกายปรากฏตัวอยู่พร้อมกับเหล่าแขก ที่นั่งถูกเติมเต็มอย่างรวดเร็วบัลลังก์มังกรถูกตั้งไว้กึ่งกลางของโถงพร้อมกับประมุขนิกายผู้น่าเกรงขามและสง่างามกำลังนั่งอยู่บนมัน ข้าง ๆ เขาคือนายหญิงแห่งนิกายโมนิก้าสวมชุดราตรีสีม่วงอ่อนและปลดปล่อยสัมผัสของความงามของมารดาออกมานอกร่างกายอันทรงเสน่ห์และเย้ายวนนั้นแดร์ริลนั้นถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้อาวุโสซึ่งเป็นตำแหน่งที่สูงที่สุดในนิกายรองจากประมุขและนายหญิงแห่งนิกาย เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวแรกใต้พวกเขาทั้งสองด้านใต้แดร์ริลคือจตุราชันย์พิทักษ์ทั้งสี่ นี่เป็นครั้งแรกของแดร์ริลที่ได้เห็นพวกเขารวมตัวพร้อมกัน มังกรฟ้า, พยัคฆ์ขาว, นกยูงเพลิง, และเต่าดำ ทั้งสี่ล้วนเป็นสุดยอดฝีมือ!มังกรฟ้านั้นเป็นชายวัยกลางคืนร่างผอมที่มีรอยสักมังกรเขียวบนคอของเขา ถึงแม้เขาจ