หญิงสาวในชุดกระโปรงสีหวานสวมเสื้อกาวน์สั้นเดินเข้ามาในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลพร้อมถุงขนมในมือ มือเรียวขยับแว่นตาให้ชิดใบหน้าก่อนผลักบานประตูเข้าไป เวลานี้ไม่มีคนไข้หนัก คุณหมอหนุ่มกำลังนั่งอ่านเคสคนไข้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
“พี่หมอก้องยุ่งหรือเปล่าคะ”
คนถูกทักเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “น้องหมิวมาถึงER มีอะไรหรือเปล่าเอ่ย”
หมิว-ธีรยา คุณหมอคนสวยส่ายหน้า เธออยู่แผนกพยาธิวิทยาแต่ตอนนี้ออกเวรแล้วจึงเดินมาที่แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เพื่อพบหมอก้องภพซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่จบจากโรงเรียนมัธยมเดียวกันและมหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้จะห่างกันหลายรุ่นก็ตาม
และใช่..เป็นคนที่ทำให้เธออกหัก
“สองสามวันก่อนพยาบาลแพรวเล่าให้ฟังว่าขนมในห้องERหายไป พอดีหมิวได้ขนมถั่วทอดโบราณเจ้าอร่อยมา ก็เลยเอาฝากพี่หมอก้องค่ะ”
“แหม! เรื่องน่าอายแบบนั้นเอาไปคุยเล่นกันอีก”
ก้องภพหัวเราะร่า เขาเป็นคนอารมณ์ดี หัวเราะง่าย ผิดกับเวลารักษาคนเจ็บหรือคนไข้จะจริงจังจนน่ากลัว ธีรยาพลอยหัวเราะตามไปด้วยแล้วยื่นถุงกระดาษที่ใส่ขนมส่งให้เขา
“ไม่เกรงใจนะ”
หมอก้องภพรับถุงขนมมาวางบนโต๊ะ มองหน้าหญิงสาวนิ่งๆ เขาอยากถามเรื่อง ‘คืนนั้น’ แต่เขาเดินตามเธอไม่ทัน และไม่เหมาะนักถ้าจะเดินไปตามถึงห้องพัก แต่เช้าวันต่อมาซึ่งเป็นวันว่างให้คนที่มาร่วมสัมมนาพักผ่อนตามอัธยาศัยก่อนเดินทางกลับ เขาไม่เจอธีรยาแต่เมื่อโทรหาก็ได้ยินน้ำเสียงงัวเงียทำให้เขาหัวเราะและขอโทษที่รบกวนเวลานอน เขาเห็นเธอเหมือนน้องสาวจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ และเหมือนจะเป็นห่วงจนเกินไป เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนยิ้มออกมา แล้วทำหน้าแบบพึ่งนึกได้
“มาพอดีเลย พี่ว่าจะไปหาอยู่เหมือนกัน”
“มีอะไรหรือคะ หรือจะมากล่อมให้หมิวเรียนต่ออีกคน” เธอเพิ่งทำงานที่โรงพยาบาลได้ปีเศษ ยังพอใจกับการทำงานที่แผนกของตนเอง
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก” ก้องภพพูดพลางเปิดลิ้นชักโต๊ะหยิบซองสีชมพูหวานแหววส่งให้ “ว่าจะเอาการ์ดงานแต่งงานไปให้นะ”
รอยยิ้มแข็งค้างบนใบหน้าทันที ธีรยารับซองสีหวานแถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆมาไว้ในมือ เพิ่งประกาศตัวว่ามีแฟนไปไม่กี่สัปดาห์ ตอนนี้มาแจกการ์ดงานแต่งงานแล้ว เธอต้องรู้สึกยังไงกันละที่นี่
แต่ที่แน่ๆ ใจเธอยังเจ็บแปลบอยู่เลย
“ยินดีด้วยนะคะ”
“ขอบใจนะ”
ก้องภพไม่รู้สึกผิดสังเกตอะไร แต่ไหนแต่ไรเขาแสดงออกชัดเจนว่าตัวเองมี ‘คุย’กันอยู่แล้ว และไม่เคยนอกลู่นอกทาง กับธีรยาก็เป็นรุ่นน้องจึงสนิทสนมกันมากแม้จะอยู่คนละแผนก และที่สำคัญแฟนของเขาก็เคยเจอธีรยาอยู่บ่อยๆ ถึงขั้นกำชับให้แจกการ์ดให้ธีรยาด้วย
“เงินใส่ซองไม่ต้อง แต่อยากให้คนมา” เขาพูดไปตามประสาคนตรงไปตรงมา “ในการ์ดมีแผนที่บ้านเจ้าสาวอยู่เส้นพุทธมณฑลสายสี่ งานเล็กๆแต่เน้นคนกันเอง”
“พี่ชายแต่งงานทั้งที หมิวต้องไปแน่นอน” เธอยังคงยิ้มให้เขาแต่รู้สึกเหมือนเป็นการยิ้มลามากกว่า “หมิวกลับก่อนนะ กินขนมให้อร่อยนะคะ”
“อืม ขอบใจมากนะ”
“ค่ะ” ธีรยาพยักหน้าให้แล้วหมุนตัวเดินออกมา ทว่าเพียงออกมาจากแผนกก็เห็นคนชกต่อยกันอยู่หน้าห้อง
“มาทะเลาะกันที่โรงพยาบาลอีกแล้ว”
ธีรยาอดบ่นไม่ได้ แล้วหยุดดูสถานการณ์ เจ้าที่หน้าเวรเปลเข้ามาห้าม แต่คนกลุ่มใหญ่ชกต่อยกันวุ่นวายไปหมด ข้าวของหล่นเกลือนกลาด เก้าอี้ล้ม ก้องภพที่อยู่ด้านในเพิ่งรู้ว่ามีเรื่องอยู่ด้านในจึงออกมาดู สายตาเขามองเห็นคนตะลุมบอนกันอยู่ ไม่รู้ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน จังหวะหนึ่งมีชายคนหนึ่งยกเท้าแตะชายอีกคนแล้วกระเด็นไปทางที่หมอธีรยายืนอยู่
“น้องหมิว ระวัง!”
ธีรยาเป็นผู้หญิงตัวเล็กสูงแค่155เซนติเมตร ผู้ชายตัวใหญ่พุ่งมาทางเธอ หญิงสาวทำได้แค่ยกมือขึ้นป้องศีรษะของตัวเองไว้ก่อน จู่ๆ ก็มีมือใหญ่มากระชากร่างเธอไปให้พ้นทาง ทำให้ชายคนนั้นล้มหงายหลังทันทีโดยไม่โดนตัวเธอ แต่ร่างเธอกลับอยู่ในอกแกร่งของใครก็ไม่รู้
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเป็นจังหวะที่เขาก้มหน้าลงพอดี ธีรยายกมือขึ้นดันแผงอกเขาไว้ อีกฝ่ายขยับตัวเพียงเล็กน้อยแล้วถอยออกมา แต่กลิ่นน้ำหอมเจือกลิ่นเหงื่อจางๆ ยังคงติดปลายจมูกของคุณหมอสาวอยู่
“น้องหมิวเป็นอะไรหรือเปล่า” ก้องภพรีบวิ่งเข้ามาดูทันที
“ไม่เป็นอะไรค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อย”
ธีรยาส่ายหน้ามาไปแล้วดันแว่นตาให้เข้าที่ เธอจะหันไปขอบคุณคนที่เข้ามาช่วยแต่ก็เห็นผู้ชายคนนั้นหันไปชกหน้าคนในกลุ่มนั้น และยกเท้าแตะไปอีกคน คนเพียงคนเดียวก็จัดการผู้ชายตัวใหญ่ๆ 4-5 ได้ในเวลารวดเร็วโดยที่รปภ.เพิ่งจะวิ่งมาถึง เธอได้ยินเขาพูดภาษาอะไรไม่รู้รัวๆ ฟังไม่ทันว่าอะไร แต่เห็นแค่นี้เธอก็ติดป้าย ‘ผู้ชายอันตราย’ ห้ามเข้าใกล้
“รปภ.มาแล้ว พี่จะไปดูคนเจ็บก่อน”
“ค่ะ”
ธีรยากระชับกระเป๋าสะพายแน่นขึ้นแล้วเดินออกมา แต่เธอรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองจึงอดเหลียวกลับไปมองไม่ได้ เป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำสีเดียวกับกางเกงที่เขาสวมอยู่ ผู้ชายคนนั้นจ้องมองเธอเขม็งทำให้เธอสะดุ้งโหย่ง แล้วรีบหมุนตัวเดินจากไปทันที
สายตาแบบนี้มันคืออะไรกัน น่ากลัวชะมัดเลย!
….
“ลูกหมิว เห็นข่าวนี้หรือยัง เกิดเรื่องที่โรงพยาบาลของลูกเหรอ”
“มีออกข่าวด้วยเหรอคะ”
ธีรยาเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร ทุกเดือนเธอจะหาวันว่างกลับมาเยี่ยม ‘คุณแม่เพ็ญนภา’ ที่บ้านเด็กกำพร้าตะวันฉาย คุณเพ็ญนภาทำตาดุใส่แล้วดึงมือให้มานั่งลงข้างๆกัน พร้อมทั้งยื่นโทรศัพท์มือถือให้ดู หญิงสาวนั่งลงแล้วมองคลิปต้นเรื่อง
“ใครแอบถ่ายคลิปกันเนี้ย เขาห้ามถ่ายคลิปวีดีโอในโรงพยาบาลกันนะ”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ถ้าแม่ไม่เห็นข่าวนี้ก็คงไม่รู้ว่าที่โรงพยาบาลมีเรื่องสินะ”
“ก็เรื่องนิดเดียวเองค่ะ คุณแม่อย่าไปใส่ใจเลย อีกอย่างไม่เกี่ยวกับหมิวด้วย”
เธอไม่อยากปิดบังแต่ก็ไม่อยากให้แม่เพ็ญนภาไม่สบายใจ ที่บ้านเด็กกำพร้าตะวันฉายมีเรื่องให้ปวดหัวมากพอแล้ว เธอไม่อยากทำตัวเป็นภาระให้คุณแม่ต้องเป็นห่วง
“อย่าทำเหมือนตัวเองไม่มีใคร มีอะไรก็ต้องบอกแม่บ้าง” คุณเพ็ญนภาถอนหายใจเบาๆ พลางปรายตามองไปยังกรอบรูปที่ตั้งเรียงรายบนตู้เอกสาร
“วันหยุดก็หัดไปเที่ยวเล่นบ้างไม่ต้องกลับมาช่วยงานที่นี่ก็ได้”
หญิงสาวชะงักมือไปเล็กน้อย เธอแสร้งเป็นดันแว่นตาชิดใบหน้าแล้วยิ้มอ่อน ก็เพราะเอาวันหยุดไปเข้ารวมสัมมนาเลยได้อกหักถาวร และยัง...
เสียงลูกน้องตะโกนเตือน ธีรยากับโจวเจียอีหันไปมองพร้อมกัน เซียงซีฮันที่คิดว่าแอบหนีไปตอนชุลมุนกลับโผล่เข้ามาเหมือนสุนัขจนตรอก เขายกปืนเล็งมาทางโจวเจียอี เพียงเสียววินาที เพียงแค่การกระพริบตา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงปืนดังขึ้นสองนัด โจวเจียอีเบิกตากว้างไม่คิดว่าเลือดสีสดไหลทะลักจากรูกระสุนนั้นจะมาจากร่างของธีรยา “หมิว! บ้าจริง คุณมาบังกระสุนทำไม” “ไม่รู้ ขามันไปเอง” เธอเจ็บจนน้ำตาร่วงแถมเขายังตะคอกใส่อีก ไม่รู้ว่าเพราะเธอตัวเตี้ยหรือเพราะเจียงซีฮันเสียจังหวะเล็งเป้า กระสุนนัดแรกไปทางไหนไม่รู้ แต่นัดที่สองหัวไหล่ของเธอได้ “หมิว...” เขาอุ้มเธอเข้าไปในรถและสั่งให้ลูกน้องขับรถไปทันที “คุณทำแบบนี้ทำไม” “คุณจะบาดเจ็บไม่ได้” ธีรยาพูดขณะโจวเจียอีใช้เสื้อนอกของเขากดห้ามเลือด “คุณต้องบริจาคตับให้น้องชาย ห้ามคุณเป็นอันตรายหรือเสียเลือดเด็ดขาด” “หมิว” เขาครางออกมา ไม่คิดว่าเธอจะใส่ใจเรื่องนี้มากถึงขนาดนี้ “ตำแหน่งที่บาดเจ็บไม่อันตรายแต่คุณต้องช่วยกดห้ามเลือดไว้ก่อน” เ
ธีรยากลืนโจ๊กลงคอแล้วก็อดคิดถึงอีริคไม่ได้ เธอมั่นใจว่าเขามาช่วย แต่..เขาช่วยเพราะหน้าที่หรือเพราะเป็นห่วงเธอจริงๆ ผู้ชายที่อยากแต่งงานกับเธอ แต่ไม่เคยบอกรักเธอสักคำ จริงอยู่ว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขามันเกิดจากเซ็กส์ชั่วคืน หากไม่เพราะ ‘บังเอิญ’ พบกันอีก คนที่ทำงานให้ห้องแล็บอย่างเธอก็คงไม่ได้พบนักธุรกิจระดับพันล้านที่แสนเอาแต่ใจจอมเผด็จการคนนั้น เธอยกมือแตะสร้อยที่สวมอยู่ เขาสวมสร้อยเส้นนี้ให้เธอตั้งแต่วันไปงานแต่งงานก้องภพแล้วก็ไม่เอาสร้อยคืน จากคนไม่ใส่เครื่องประดับก็ใส่จนเคยตัว เขาช่างเป็นคนนิสัยแย่ที่สุดที่มาเปลี่ยนชีวิตที่แสนเรียบง่ายของเธอ เหมือนน้ำตาหยดจะร่วงหล่น เธอกลั้นสะอื้นแล้วกลืนอาหารลงคอ อย่างไรก็ต้องดูแลตัวเองไม่ให้เป็นภาระหากต้องหนี เธอก็ต้องมีแรงหนี. ... โจวเจียอีก้าวเข้ามาในคฤหาสน์หลังงามชานเมืองกรุงเทพฯ ดูเหมือนเจ้าของบ้านไม่แปลกใจที่ได้เห็นเขานัก “รวดเร็วสมกับเป็นประธานโจว” เจียงซีฮันเอ่ยแล้วผายมือเชิญให้เขานั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม “อยากเจอผมก็มาเชิญผมสิ
“แต่งงานโดยไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงเนี้ยนะ” คุณกานดาเค้นเสียงหัวเราะ “จะทำตัวเหมือนพ่อหรือไง พอเวลาเจอคนที่ตัวเองรักก็แอบเลี้ยงไว้ข้างนอก” “แม่ครับ มันไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่ไม่มั่นใจความรู้สึกตัวเอง ผมรู้แค่ว่าผมชอบเวลาอยู่กับเธอ มีความสุขทุกครั้งที่เห็นเธอยิ้ม และอยากไม่ต้องการให้ใครแตะต้องเธออยากครอบครองเธอเพียงคนเดียว” คุณกานดาฟังแล้วก็พยักหน้า“แม่กับพ่อแต่งงานกันเพราะความเหมาะสมและผลประโยชน์ แต่แม่ก็รักพ่อจากใจจริง ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมจากบ้านเกิดไปอยู่ที่จีน ไปเป็นคนแปลกหน้าที่นั้น ความจริงแม่รู้อยู่แล้วว่าพ่อมีคนที่ชอบอยู่ แต่ต้องแต่งงานกับแม่ แต่เพราะแม่รักพ่อของลูกมากถึงได้หลอกตัวเองว่าพ่อแกรักแม่จริงจัง ทำเป็นไม่รู้เรื่องที่พ่อแกเลี้ยงผู้หญิงไว้นอกบ้าน” “แม่รู้อยู่แล้ว” “อืม...ไม่ใช่ว่าแม่ใจดำไม่อยากช่วยเด็ก แต่เห็นหน้าเด็กคนนั้นก็ตอกย้ำว่าพ่อแกนอกใจแม่ ไม่สิ พ่อแกไม่ได้รักแม่อยู่แล้วจะเรียกว่านอกใจก็ไม่ได้ เพราะเหตุนี้แม่ไม่อยากเห็นผู้หญิงคนไหนต้องมาเจอแบบแม่อีก ลูกอยากช่วยหนูหมิว เป็นเรื่องที่ควรทำแต่ถ้าลูกไม่รักผ
“ค่ะ พี่รู้ว่าน้องหมิวไม่ได้คิดอะไร และน้องหมิวเองก็มีแฟนแล้ว แต่พี่เตือนด้วยความหวังดี ยังไงเสียทั้งหมิวและพี่ก้องก็ยังทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน แม้ว่าจะอยู่กันคนละแผนกก็ตาม”“ค่ะ” ขนมที่ว่าอร่อยก็กร่อยจนกลืนไม่ลง ธีรยาคิดหาวิธีออกจากสถานการณ์แสนอึดอัดอย่างนี้ โชคดีที่มีข้อความส่งเข้ามา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอ่านดูข้อความเจสัน : วันนี้ผมยังเจ็บแผลอยู่ จะให้ลูกน้องไปรับคุณธีรยานะครับหมอหมิว : ไม่เป็นไรค่ะ หมิวออกมากินกาแฟกับพี่เข็ม...ภรรยาพี่หมอก้องภพค่ะ สักประเดี๋ยวจะเดินทางไปบ้านคุณแม่กานดาแล้วเจสัน : คุณธีรยาส่งโลเคชั่นมาครับ ผมให้ลูกน้องขับรถไปรับหมอหมิว : โอเค.ค่ะเขมิกาจิบกาแฟจนหมดแก้ว แล้วมองธีรยาที่ก้มหน้าก้มตากดส่งข้อความ จะว่าเธอเป็นคนใจร้ายก็ยอม แต่ตอนนี้เธอมีฐานะเป็น ‘ภรรยา’ ของก้องภพอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เธอสามารถทำอะไรที่ควรทำได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งประกาศให้ผู้หญิงตรงหน้ารู้ถึงสถานะของเธอด้วยธีรยาส่งข้อความเรียบร้อยก็เงยหน้าขึ้นพร้อมยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยขึ้น “หมิวขอโทษนะคะ พอดีมีธุระด่วนค่ะ”“ตายจริง นึกว่าเป็นวันหยุดเสียอีก”“วันหยุดค่ะ แต่พอดีมีธุระด่วนต้องไปค
“ถ้าไม่มีอะไร เราต้องกลับไปทำงานต่อ” “ยัยหมิว!” “จะเรียกทำไม” เธอขึงตาใส่แล้วพูดอย่างเพิ่งนึกได้ “นายทำเจสันเจ็บ คราวนี้ดูแลเขาด้วย” “อ้าว ทำไมต้องเป็นเราล่ะ” “ได้ ถ้าอย่างนั้นหมิวไปดูแลเอง” “โอ๊ย! ถ้างั้นหมิวไม่ต้องไป เราไปเอง!” เจสันกลั้นยิ้มขำ จะบอกว่าไม่ต้องดูแลเขาก็ได้ ขนาดถูกยิงกระสุนทะลุท้อง เขายังนอนพักฟื้นคนเดียว แต่แค่คิดอยากแกล้งเพื่อนของคุณธีรยาจึงไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้ “คุณธีรยาใกล้เลิกงานแล้ว ผมรอส่งคุณธีรยาก่อนดีกว่าครับ” “ไม่ต้อง วันนี้หมิวจะไปบ้านคุณแม่” “คุณแม่?” ปกป้องถามอย่างงุนงง “หมายถึงแม่ของอีริคนะ” คราวนี้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมา “นี่ถึงขั้นไปเจอญาติผู้ใหญ่กันแล้วเหรอ” ปกป้องทำหน้ายุ่งแต่ในใจแอบเจ็บอยู่ไม่น้อย ความหวังให้เธอเป็น ‘แฟน’ ของเขา “ก็...เกี่ยวอะไรกับนายด้วยเล่า เอาล่ะๆ หมิวไปทำงานต่อแล้ว เจสันกลับไปพักผ่อนเถอะ ประเดี๋ยวแผลจะอักเสบเอา” “ครับ ถ้าอย่างนั้นผมให้บอดี้การ์ดคนอื่นมาดูแลคุณธีรย
คนตัวสูงรั้งร่างบอบบางเข้ามากอด“ผมอยากกลับไปห้องของเราจัง” “อย่าดื้อค่ะ” โจวเจียอีเงยหน้าหัวเราะแล้วยกมือสองมือประคองใบหน้าหวานสบตากับดวงตาหลังแว่นตาแสนเชย แต่ภายใต้ดวงตาใสกระจ่างคือความอ่อนโยนอย่างที่เขาไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน “คราวนี้คุณเชื่อใจผมได้หรือยัง ผมไม่เคยมีใครและไม่เคยซุกเมียเก็บไว้” แน่นอนว่าเขาไม่อยากเป็นเหมือนพ่อ และไม่อยากเห็นคนที่เขารักต้องทุกข์ใจเช่นที่แม่เขาต้องเผชิญ รัก...เขารู้จักคำนี้จริงๆหรือ? “จะรับไว้พิจารณานะคะ” “โธ่ หมิว...” เขาครางอย่างอ่อนใจ “เอาไว้หมิวหาเวลาเรียนภาษาจีนก่อน เวลาคุณพูดอะไร หมิวจะได้ฟังออกว่าคุณไม่ได้ปิดบังอะไรอีก” “ได้ ผมสอนให้เอง”“ค่าสอนแพงไหมคะ ระดับประธานโจวมาสอนเอง หมิว จะจ่ายไม่ไหวเอานะสิ”“อื้ม...ผมคิดเป็นอย่างอื่นก็แล้วกัน”สายตากรุ้มกริ่มของเขาทำให้หญิงสาวเขินหน้าแดง เธอทุบอกเขาแก้เขินแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย วันนี้เกิดเรื่องมากมาย แต่มันก็คุ้มค่าที่ได้รู้ว่าเขาไม่ได้มีใครอื่นซุกซ่อนไว้จริงๆ.