Share

บทที่ 5 ข้อตกลง

Author: Just W.
last update Last Updated: 2025-06-28 01:50:52

“งั้นผมขออนุญาตทำให้คุณป้าลองใช้ดูนะครับ” เสียงทุ้มของสายเมฆดังเข้ามาถึงในห้องนอน ทำให้ข้าวหอมที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราต้องงัวเงียเล็กน้อย เธอพลิกตัวบิดขี้เกียจก่อนจะลุกจากเตียงนอนไม้เก่า ๆ อย่างไม่เต็มใจนัก

‘เจ้ามิจฉาชีพนั่นมาหลอกอะไรคุณแม่อีกแล้วเนี่ย ดีนะที่ฉันตื่นมาพอดี ไม่งั้นมีหวังแม่ต้องโดนหลอกจนหมดตัวแน่ ๆ !’ ข้าวหอมคิดอย่างขุ่นเคือง เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา เธอก็รีบเปิดประตูห้องพรวดพราดออกไปแทบจะทันที

ในห้องครัว แม่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารมื้อเช้า ส่งกลิ่นหอมของข้าวต้มและกับข้าวอ่อนๆ คลุ้งไปทั่ว ส่วนสายเมฆก็กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ทำอะไรบางอย่างอยู่ใกล้ ๆ เตาไฟ

“ทำอะไรกันอยู่เหรอคะแม่?” ข้าวหอมถามแม่ด้วยน้ำเสียงที่จงใจให้ดังพอที่จะให้ชายหนุ่มอีกคนได้ยิน ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยจ้องเขม็งไปยังสายเมฆอย่างไม่วางตา แววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจฉายชัดเจนจนใครก็ดูออก

‘ยัยเด็กบ้านี่… มองฉันแบบนี้อีกแล้วนะ! ฉันกำลังช่วยแม่เธออยู่นะเนี่ย!’ สายเมฆไม่ได้ตอบโต้คำถามของข้าวหอม เขายังคงก้มหน้าก้มตาทำที่ตากเนื้อแห้งต่อ เพียงแต่ริมฝีปากหยักได้รูปเม้มเข้าหากันเล็กน้อยอย่างอดกลั้น

ศจี จึงหันมาตอบลูกสาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “พอดีแม่ไปตลาดได้เนื้อมาเยอะเลยลูก ว่าจะทำเนื้อแห้งเก็บไว้กินนาน ๆ แต่วันนี้แม่ต้องรีบออกไปช่วยบ้านป้าแจ่มทำนาน่ะ ตากทิ้งไว้ก็กลัวหมาจะมากินเสียหมด”

“คุณแม่ฝากหนูช่วยดูก็ได้นี่นา” ข้าวหอมเอ่ยปากเสนอตัวทันที สายตายังคงไม่ละไปจากสายเมฆ พลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างท้าทาย

ศจีมองหน้าข้าวหอมอย่างไม่น่าเชื่อ สายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนสงสัย ‘ลูกฉันคงเพี้ยนไปแล้วจริง ๆ เมื่อก่อนไม่ใช่ไม่เคยขอร้องให้นั่งเฝ้าเนื้อตากแห้ง แต่ขอไปทีไรก็ตอบกลับมาว่าขี้เกียจทุกที พอกลับมา เนื้อก็โดนหมากินเกือบหมดทุกครั้งไป’

เหมือนข้าวหอมจะรับรู้ความคิดของศจีได้โดยไม่ต้องมีคำพูดใด ๆ เมื่อนึกย้อนไปถึงความทรงจำของเจ้าของร่างนี้ที่เธอเข้ามาสถิต เธอจึงตระหนักได้ว่าเมื่อก่อนเจ้าของร่างนี้คงเป็นเด็กที่ไม่เอาไหนจริง ๆ อย่างที่แม่คิด

“ถ้าแม่ไม่ไว้ใจให้หนูดูเนื้อ แม่ก็ให้เจ้านี่ดูให้ก็ได้นี่คะ อาศัยนอนบ้านเราฟรี ๆ ก็ต้องตอบแทนบุญคุณบ้างสิคะ” ข้าวหอมพูดด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น สายตาเหลือบมองสายเมฆอย่างไม่เป็นมิตร

“เอ๊ะ! หรือเขาจะรีบเดินทางต่อไปแล้ว? งั้นหนูเฝ้าได้ค่ะแม่! แม่ไว้ใจหนูได้นะครั้งนี้” แค่คิดว่าเจ้ามิจฉาชีพหน้าหล่อคนนี้จะไปจากบ้านเธอ อารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นมาทันทีอย่างน่าประหลาด

“ข้าวหอม!!!” ศจีเอ่ยเสียงดังด้วยความตกใจและไม่พอใจในกิริยาของลูกสาว “ลูกทำไมเรียกผู้มีพระคุณว่า ‘เจ้านี่’ ได้ยังไง เอาใหญ่แล้วนะเราน่ะ เขาแก่กว่าลูกนะ ลูกต้องเรียกเขาว่า พี่ หรือ น้า ก็ได้! แล้วก็สายเมฆเขายังไม่มีที่ไป แม่กับพ่อปรึกษากันแล้วว่าจะให้อยู่ที่บ้านเราไปก่อน” ศจีพูดรวดเดียวจบ ดวงตาคู่สวยจ้องมองลูกสาวอย่างตำหนิ ก่อนจะหันไปทางสายเมฆพร้อมรอยยิ้มขอโทษแทนลูก

“เดี๋ยวหนูไปเก็บของในห้องเก็บของออกหน่อยนะลูก แม่จะให้เขานอนห้องนั้น” กล่าวจบ ศจีก็หันกลับไปทำอาหารเช้าต่อโดยไม่รอฟังคำตอบใดๆ จากข้าวหอม

ข้าวหอมเดินฮึดฮัดออกไปเก็บของด้วยท่าทีไม่พอใจ และไม่ได้ลงมาทานอาหารเช้ากับพ่อแม่ของเธอ ความขุ่นเคืองเล็ก ๆ ก่อตัวขึ้นในใจเธอ เพราะรู้สึกว่าแม่เข้าข้างคนอื่น

หลังจากที่พ่อกับแม่ของเธอออกไปที่นาของป้าแจ่มแล้ว ข้าวหอมก็ค่อย ๆ ย่องออกมาจากห้องของเธออย่างเงียบเชียบ เพื่อแอบดูว่าสายเมฆกำลังทำอะไรอยู่

เธอค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้สายเมฆจากทางด้านหลัง และสิ่งที่เธอเห็นทำให้เธอประหลาดใจ สายเมฆกำลังนำมุ้งเก่า ๆ ที่ผ่านการซักและตากจนแห้งแล้ว มาประกอบเข้ากับโครงไม้ไผ่เป็นชั้น ๆ รูปร่างของมันคล้ายกับที่ตากเนื้อที่วางขายอยู่ในแอปพลิเคชันช้อปปิ้งออนไลน์ที่เธอเคยเห็นแม่บ้านซื้อมาใช้

'ว่าแต่ทำไมเจ้าบ้านี่ถึงทำออกมาเหมือนเป๊ะเลยล่ะ' ข้าวหอมคิดในใจ 'หรือว่าเจ้านี่ก็ฉลาด? แต่ดูจากหน้าก็ไม่น่าใช่... หรือว่าเจ้านี่ก็ย้อนเวลามาเหมือนเรา? ถึงมันจะเหลือเชื่อ แต่เรายังย้อนเวลามาได้ เจ้านี่ก็อาจจะมาได้ เพราะจะว่าไปแล้วเจ้านี่ก็ดูไม่เหมือนคนในยุคนี้เท่าไหร่' ข้าวหอมคิดวนไปวนมา ตีกับความคิดของตัวเองอย่างสับสน

หลังจากไตร่ตรองอยู่สักพัก ข้าวหอม ก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาสายเมฆที่กำลังง่วนอยู่กับการสร้างสิ่งประดิษฐ์จากมุ้งและไม้ไผ่

“นี่… นายอยากอยู่บ้านนี้เหรอ?” ข้าวหอมเอ่ยถามเสียงจริงจัง ดวงตาจับจ้องไปที่สายเมฆอย่างไม่วางตา

“ฉันจะยอมให้นายอยู่ ถ้านายตอบความจริงฉันมา แต่ฉันขอบอกไว้ก่อนนะว่า ถ้าโกหกแม้แต่นิดเดียว นายจะอยู่ที่นี่อย่างไม่มีความสุขแน่! ฉันจะทำทุกทางให้พ่อกับแม่ไล่นายไป แต่ถ้านายตอบความจริง ฉันจะยอมสงบศึกกับนายเป็นการชั่วคราว”

สายเมฆเงยหน้าขึ้นมอง แล้วตอบรับด้วยน้ำเสียงสุภาพตามที่ศจีเคยบอกไว้

“ครับ น้องอยากถามอะไร?” เขาเลือกใช้คำว่า 'น้อง' เพื่อกันท่าไม่ให้ข้าวหอมเรียกเขาว่า 'น้า' ซึ่งคงจะฟังดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลย

ข้าวหอมถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยที่เขาเรียกเธอว่า 'น้อง' แต่ช่างเถอะ… ในเวลานี้มีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องจัดการ

“ฉันเป็นคนจากอนาคตที่ย้อนเวลากลับมา” ข้าวหอมเอ่ยออกมาอย่างไม่รีรอ เธอคิดมาดีแล้ว เธอเป็นคนชัดเจน หากเขาไม่เชื่อและคิดว่าเธอเพี้ยนก็ไม่เป็นไร เพราะตอนนี้ที่บ้านเธอก็คิดว่าเธอเพี้ยนอยู่แล้ว แต่ถ้าหากเขามีชะตาเช่นเดียวกับเธอ อย่างน้อยเวลาเธอต้องการทำอะไรบางอย่าง ก็สามารถให้เขาเป็นคนลงมือแทนได้ โดยที่พ่อกับแม่ไม่รู้สึกว่าเธอแปลกประหลาด และที่สำคัญกว่านั้น อีกอย่างพวกเขาก็จะได้ช่วยเหลือกัน เพื่อพลิกฟื้นฐานะทางบ้านให้กลับมาดีได้เหมือนที่เธอเคยเป็น

สายเมฆตกใจที่จู่ ๆ ข้าวหอมก็โพล่งเรื่องนี้ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ‘ช่างไม่กลัวคนอื่นจะคิดว่าเพี้ยนเลยหรือไง?’ เขานึกในใจ

มันเป็นครั้งแรกที่สายเมฆรู้สึกว่าข้าวหอมจริงจังและหากเขาโกหกว่าไม่ได้มาจากอนาคตเธอคงรังควานเขาจนได้ออกจากบ้านนี้แน่ ๆ เขาใช้ความคิดอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจว่าเขาจะไม่บอกเธอว่าเขาคือเทวดาที่ทำให้เธอกลับมาที่นี่ แต่จะยอมรับกับเธอว่ามาจากอนาคตเช่นกัน เพราะอย่างน้อยเธอก็จะได้สงบศึกกับเขาชั่วคราว เขาจะได้ช่วยเหลือให้เธอและครอบครัวกลับมามั่งคั่งดังเดิม แล้วเขาก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตสบายบนสวรรค์เสียที

“ใช่… ฉันย้อนเวลามา” สายเมฆแสร้งทำเป็นดีใจจนออกนอกหน้า “ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอก็เป็นเหมือนฉัน ฉันดีใจมากจริง ๆ ที่มีคนย้อนเวลามาเหมือนกัน!”

“อย่าเพิ่งดีใจไป!” ข้าวหอมรีบเบรกอารมณ์ของสายเมฆทันที

“ถึงจะย้อนอดีตมาเหมือนกัน แต่นายอย่าลืมนะว่าตอนนี้ นายอาศัยอยู่ที่บ้านฉัน ดังนั้นเรามาทำข้อตกลงกัน”

“ได้ๆ” สายเมฆรีบตอบรับ

“น้องข้าวหอมจะกำหนดข้อตกลงอะไรมา พี่จะทำตามหมด”

“อย่างแรก เลิกเรียกฉันว่าน้อง” ข้าวหอมรีบตัดบทเสียงแข็ง

“ฉันเป็นลูกคนเดียวและไม่คิดจะมีพี่ชาย”

“แต่แม่ข้าวหอมบอกให้ข้าวหอมเรียกผมว่าพี่หรือน้านี่นา… หรือน้องข้าวหอมจะให้ผมเรียกว่า หลานข้าวหอม ดีล่ะ?” สายเมฆแกล้งยียวนข้าวหอมกลับไป

“อีตาบ้า! อย่ามาเรียกฉันว่าหลานนะ! ปู่ชั้นไม่มีลูกอย่างนายหรอก!” ข้าวหอมทำปากยู่ใส่ชายหนุ่มอย่างขัดใจ

“เอางี้ นายก็เรียกฉันว่า ข้าวหอม ตามปกติ ส่วนฉันก็จะเรียกนายว่า พี่ ละกัน!”

สายเมฆเห็นข้าวหอมทำท่าทางงอน ๆ พลันเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาในใจ ‘แปลกจังแฮะ… ทำไมถึงรู้สึกว่าเวลายัยนี่โมโหแล้ว น่ารักดี’

หลังจากนั้นข้าวหอมก็บอกกฎและหน้าที่ต่าง ๆ ของสายเมฆเวลาอยู่ในบ้านอย่างละเอียด ซึ่งสายเมฆก็ตกปากรับคำทุกประการ

เมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ทั้งคู่ก็กลับไปช่วยกันทำที่ตากเนื้อแห้งกันต่อ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 8 หาอุปกรณ์

    เมื่อศจีกับรุจน์รับประทานอาหารเช้าที่สายเมฆจัดเตรียมให้อย่างเรียบง่ายเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองก็สังเกตเห็นว่าที่หน้าบ้านมีผู้คนจำนวนหนึ่งกำลังยืนมุงล้อมข้าวหอมและสายเมฆอยู่“คุณคะ ทำไมคนมารุมข้าวหอมกับสายเมฆแบบนั้นล่ะ ลูกเราไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรอีกใช่มั้ย” ศจีถามรุจน์ด้วยน้ำเสียงร้อนรนและเต็มไปด้วยความกังวลรุจน์เพ่งมองไปยังกลุ่มคนก่อนจะหันมาตอบศจี “ไม่น่าใช่นะแม่ ดูเหมือนทุกคนกำลังคุยกับยัยหนูและสายเมฆดี ๆ ไม่มีทีท่าจะทะเลาะอะไรกันเลย แต่ก็แปลกที่ทำไมชาวบ้านถึงมาคุยกับยัยหนูกันเยอะแยะขนาดนั้น”ไม่รอให้รุจน์คิดหาสาเหตุ ศจีก็คว้าแขนรุจน์ลงบันไดไปตรงรี่เข้าไปหาข้าวหอมและสายเมฆทันทีป้าแจ่มซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มุงดูอยู่เห็นสองสามีภรรยาเดินมาก็เอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม“แกสองคนนี่เลี้ยงยัยข้าวหอมไม่เสียทีจริง ๆ นะ วันนี้เริ่มช่วยหาเงินหาทองได้แล้ว ทีแรกนึกว่าจะเลี้ยงให้เป็นเด็กไม่เอาไหนเสียอีก ที่ไหนได้ นางก็มีความรู้ความสามารถทำมาหาเลี้ยงตัวเองได้เหมือนกันนะเนี่ย” ป้าแจ่มกล่าวชื่นชมปนแปลกใจศจีและรุจน์มองหน้ากันด้วยความงุนงง ‘อะไรคือข้าวหอมหาเงิน? หรือลูกเราแอบเอาอะไรในบ้านมาขายอีกแล้วเนี่ย’ ค

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 7 ที่ตากเนื้อแห้ง (2)

    เช้าวันถัดมา ข้าวหอมซึ่งนัดแนะกับสายเมฆว่าวันนี้จะตื่นแต่เช้าเพื่อช่วยกันทำกับข้าวให้พ่อแม่กินก่อนออกไปทำนา หลังจากนั้นทั้งสองจะทำการตากเนื้อแห้ง พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับการเตรียมของก่อนออกไปทำงาน“นี่พี่สายเมฆ... พี่ว่าวิธีของพี่มันจะได้ผลจริง ๆ เหรอคะ” ข้าวหอมถามย้ำเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ด้วยน้ำเสียงที่ยังคงมีความลังเลในแผนการของสายเมฆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่มั่นใจในตัวเขา แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ลงมือทำกิจการของตัวเองจริงๆ มันเลยรู้สึกตื่นเต้นและกังวลเป็นพิเศษสายเมฆรู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อยที่ข้าวหอมเรียกเขาว่าพี่แล้ว“ถ้าไม่เชื่อพี่ก็ไปลองกันเลย” สายเมฆที่ทำอาหารเช้าเสร็จพอดี ยื่นมือมาจับข้อมือของข้าวหอมเบา ๆ แล้วดึงให้ลงไปข้างล่างตรงโต๊ะกลางบ้าน มีที่ตากเนื้อแห้งหลายขนาดวางเรียงรายอยู่ ข้าวหอมและสายเมฆช่วยกันยกโต๊ะออกมาตั้งไว้ตรงแถวรั้วบ้าน เพื่อให้ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งคู่ช่วยกันนำเนื้อที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำมาวางบนชั้นของที่ตากเนื้อแห้ง จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบทีละชั้นช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ชาวบ้านในหมู่บ้านกำลังจะเดินทางออกไปทำนาพอดี ป้าแจ่ม เจ้าข

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 6 ที่ตากเนื้อแห้ง (1)

    ตกเย็น หลังจากศจีและรุจน์กลับมาจากนาของป้าแจ่ม ข้าวหอมก็รีบวิ่งไปต้อนรับด้วยใบหน้าที่สดใส เธอแทบจะตรงเข้าไปกอดทั้งสองไว้ด้วยความคิดถึงระคนดีใจที่ได้เห็นพ่อกับแม่ในภพนี้ยังคงอยู่เคียงข้างเธอ“พ่อขา แม่ขา ข้าวหอมมีอะไรจะอวดค่ะ!” ข้าวหอมพูดพลางยกที่ตากเนื้อแห้งขึ้นมาอย่างภูมิใจให้พ่อกับแม่ดู“มันคืออะไรกันข้าวหอม?” รุจน์รับที่ตากเนื้อแห้งมาพิจารณาในมือ มันเป็นโครงที่ประดิษฐ์ขึ้นจากไม้ไผ่เหลาอย่างปราณีต มีที่วางเป็นชั้นสองชั้น และถูกคลุมด้วยผ้าตามุ้งอย่างมิดชิด ด้านบนมีตะขอและเชือกสำหรับใช้ห้อยแขวน“นี่คือที่ตากเนื้อของแม่ไงคะ! ทีนี้แม่จะตากเนื้อเยอะแค่ไหนก็ได้แล้ว แถมยังแขวนไว้ในที่สูง ๆ เจ้าหมาก็แอบขโมยกินไม่ได้แล้วล่ะค่ะ!” ข้าวหอมพรีเซนต์อุปกรณ์ชิ้นใหม่ให้รุจน์ฟังอย่างกระตือรือร้น“แถมมุ้งที่คลุมนี้ก็ช่วยป้องกันแมลงวันได้ด้วยนะคะ! ตอนนี้หน้าร้อน เราต้องรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ไม่งั้นท้องร่วงแล้วจะลำบากแย่เลยค่ะ!”“อ่อ... ที่สายเมฆเขาทำตอนเช้าน่ะเหรอลูก” ศจีเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยรอยยิ้ม พร้อมพยักหน้าขอบคุณสายเมฆที่ยืนอยู่ไม่ไกล“หนูก็ทำด้วยนะคะ! หนูเสนอความคิดว่าควรทำเป็นสองชั้นด้วยซ้

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 5 ข้อตกลง

    “งั้นผมขออนุญาตทำให้คุณป้าลองใช้ดูนะครับ” เสียงทุ้มของสายเมฆดังเข้ามาถึงในห้องนอน ทำให้ข้าวหอมที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราต้องงัวเงียเล็กน้อย เธอพลิกตัวบิดขี้เกียจก่อนจะลุกจากเตียงนอนไม้เก่า ๆ อย่างไม่เต็มใจนัก‘เจ้ามิจฉาชีพนั่นมาหลอกอะไรคุณแม่อีกแล้วเนี่ย ดีนะที่ฉันตื่นมาพอดี ไม่งั้นมีหวังแม่ต้องโดนหลอกจนหมดตัวแน่ ๆ !’ ข้าวหอมคิดอย่างขุ่นเคือง เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา เธอก็รีบเปิดประตูห้องพรวดพราดออกไปแทบจะทันทีในห้องครัว แม่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารมื้อเช้า ส่งกลิ่นหอมของข้าวต้มและกับข้าวอ่อนๆ คลุ้งไปทั่ว ส่วนสายเมฆก็กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ทำอะไรบางอย่างอยู่ใกล้ ๆ เตาไฟ“ทำอะไรกันอยู่เหรอคะแม่?” ข้าวหอมถามแม่ด้วยน้ำเสียงที่จงใจให้ดังพอที่จะให้ชายหนุ่มอีกคนได้ยิน ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยจ้องเขม็งไปยังสายเมฆอย่างไม่วางตา แววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจฉายชัดเจนจนใครก็ดูออก‘ยัยเด็กบ้านี่… มองฉันแบบนี้อีกแล้วนะ! ฉันกำลังช่วยแม่เธออยู่นะเนี่ย!’ สายเมฆไม่ได้ตอบโต้คำถามของข้าวหอม เขายังคงก้มหน้าก้มตาทำที่ตากเนื้อแห้งต่อ เพียงแต่ริมฝีปากหยักได้รูปเม้มเข้าหากันเล็กน้อยอย่างอดกลั้นศจี จึงหันมาตอบลูกสาว

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 4 สายเมฆ

    หลังจากที่ ศจี แนะนำให้ข้าวหอมรู้จักกับชายหนุ่มผู้มาใหม่แล้ว เธอก็เล่าเรื่องราวต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจว่า วันนี้ตอนที่เธอกับสามีกำลังจะเดินทางกลับจากทุ่งนา ก็พบกับชายหนุ่มคนนี้ นอนคว่ำหน้าหมดสติอยู่ที่คันนา ตอนแรกก็ตกใจคิดว่ามีคนฆ่าแล้วนำศพมาทิ้งไว้เสียอีก เพราะการแต่งตัวของเขาดูแปลกตา ไม่เหมือนคนแถวนี้เลยแม้แต่น้อย พอพลิกตัวมาดูก็ถึงได้รู้ว่ายังไม่ตาย จึงรีบช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อฟื้นขึ้นมาจึงได้ความว่าเขาเป็นลมไปเพราะไม่ได้กินข้าว รุจน์ผู้เป็นพ่อจึงชวนให้เขามารับประทานอาหารที่บ้านด้วยความเห็นอกเห็นใจ ‘เดี๋ยวนะ! นี่พ่อแม่ฉันในชาตินี้ไว้ใจคนง่ายไปรึเปล่าเนี่ย?!’ ข้าวหอมฟังที่แม่เล่าแล้วถึงกับคิดในใจอย่างหัวเสีย ‘มิจฉาชีพบางทีก็เอาหน้าตาดี ๆ แบบนี้แหละเข้ามาหลอกลวงนะ!’ เธอพลันรู้สึกว่าตัวเองจะต้องรีบ ปฏิวัติความคิดของคนในครอบครัวเสียใหม่ โดยด่วนที่สุด ในขณะที่ข้าวหอมกำลังครุ่นคิดถึงแผนการปฏิวัติครอบครัวอยู่นั้น สายตาของเธอก็พลันเหลือบไปมองชายหนุ่มผู้มาใหม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ร่างกายที่แข็งแกร่งกำยำภายใต้เสื้อผ้าที่เปียกชื้นเล็กน้อยจากการดับไฟ เผยให้เห

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 3 ดับไฟ

    ข้าวหอมพยายามทำความเข้าใจและยอมรับสภาพชีวิตใหม่ที่รายล้อมตัวเธอ แม้ในใจจะยังคงรู้สึกขัดแย้งและไม่คุ้นเคยกับความไม่สะดวก แต่เธอก็รู้ดีว่าไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากจะต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกใบนี้ให้ได้ ‘อย่างน้อยเราก็ยังมีพ่อกับแม่คอยอยู่เคียงข้าง ไม่ต้องกังวลไปนะข้าวหอม!’ เธอพยายามปลอบใจตัวเองด้วยความคิดบวก แม้ความกังวลจะยังคงเกาะกุมอยู่ในจิตใจอย่างเงียบงัน ท้องฟ้าเริ่มมืดมิด แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว แต่พ่อกับแม่ก็ยังไม่กลับบ้าน ความเงียบที่โรยตัวลงมาทำให้ข้าวหอมรู้สึกไม่สบายใจสักเท่าไหร่ ปกติแล้วท่านทั้งสองไม่เคยกลับดึกเช่นนี้ เพราะเป็นห่วงที่จะทิ้งให้ข้าวหอมอยู่บ้านคนเดียว เธอเดินวนไปมาในบ้านด้วยใจที่ร้อนรุ่ม พลางคิดไปต่างๆ นานา ‘มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับท่านหรือเปล่า’ ความรู้สึกว้าวุ่นใจถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน แต่จะกังวลไปก็ทำอะไรไม่ได้ ข้าวหอมตัดสินใจที่จะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เธอเดินตรงไปยังห้องครัวที่มืดสลัว สายตาสำรวจไปรอบ ๆ ห้องเพื่อมองหาสิ่งที่พอจะนำมาทำอาหารรอพ่อกับแม่ได้ ในมุมหนึ่งของห้อง เธอเห็นข้าวสารเหลืออยู่ประมาณครึ่งถัง ถัดไปไม่ไกล มีไข่ไก่เหลืออยู่หกฟอง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status