หลังจากที่ ศจี แนะนำให้ข้าวหอมรู้จักกับชายหนุ่มผู้มาใหม่แล้ว เธอก็เล่าเรื่องราวต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจว่า วันนี้ตอนที่เธอกับสามีกำลังจะเดินทางกลับจากทุ่งนา ก็พบกับชายหนุ่มคนนี้ นอนคว่ำหน้าหมดสติอยู่ที่คันนา ตอนแรกก็ตกใจคิดว่ามีคนฆ่าแล้วนำศพมาทิ้งไว้เสียอีก เพราะการแต่งตัวของเขาดูแปลกตา ไม่เหมือนคนแถวนี้เลยแม้แต่น้อย พอพลิกตัวมาดูก็ถึงได้รู้ว่ายังไม่ตาย จึงรีบช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อฟื้นขึ้นมาจึงได้ความว่าเขาเป็นลมไปเพราะไม่ได้กินข้าว รุจน์ผู้เป็นพ่อจึงชวนให้เขามารับประทานอาหารที่บ้านด้วยความเห็นอกเห็นใจ
‘เดี๋ยวนะ! นี่พ่อแม่ฉันในชาตินี้ไว้ใจคนง่ายไปรึเปล่าเนี่ย?!’ ข้าวหอมฟังที่แม่เล่าแล้วถึงกับคิดในใจอย่างหัวเสีย ‘มิจฉาชีพบางทีก็เอาหน้าตาดี ๆ แบบนี้แหละเข้ามาหลอกลวงนะ!’ เธอพลันรู้สึกว่าตัวเองจะต้องรีบ ปฏิวัติความคิดของคนในครอบครัวเสียใหม่ โดยด่วนที่สุด ในขณะที่ข้าวหอมกำลังครุ่นคิดถึงแผนการปฏิวัติครอบครัวอยู่นั้น สายตาของเธอก็พลันเหลือบไปมองชายหนุ่มผู้มาใหม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ร่างกายที่แข็งแกร่งกำยำภายใต้เสื้อผ้าที่เปียกชื้นเล็กน้อยจากการดับไฟ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่กระชับได้รูป ความคมคายบนใบหน้าของเขายิ่งเด่นชัดขึ้นภายใต้แสงไฟสลัว รอยยิ้มมุมปากเล็กน้อยที่ผุดขึ้นมาเมื่อเขาหันมาสบตา ทำเอาหัวใจของข้าวหอมเต้นระรัวอย่างประหลาด ความหล่อเหลาของเขามันดึงดูดสายตาเธอเสียจนแทบจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นดวงตาคมกริบ จมูกโด่งเป็นสัน หรือแม้แต่ริมฝีปากหยักได้รูปที่กำลังคลี่รอยยิ้มบางเบา ถ้าอยู่ในชาติที่แล้วของฉันนี่เขาต้องเป็นดาราเบอร์หนึ่งแน่ ๆ ข้าวหอมรู้สึกเหมือนถูกสะกดอยู่ในภวังค์ เผลอจ้องมองเขาไม่วางตา ‘ให้ตายสิ…นี่มันหล่อเกินไปแล้ว!’ ส่วนสายเมฆนั้น ตอนนี้กำลังนึกขอบคุณความดีความชอบของพายุ เทวดาพี่เลี้ยงของเขา ที่คิดวิธีที่จะให้เขาเข้ามาอยู่ในบ้านของข้าวหอมได้สำเร็จ เขาเองก็ไม่คิดว่าเพียงแค่แกล้งเป็นลมจะทำให้เข้ามาอยู่ในบ้านของครอบครัวนี้ได้อย่างง่ายดาย นี่เขาคงดูถูกความใจดีมีเมตตาของครอบครัวมนุษย์คู่นี้ไปสินะ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้แค่ได้เข้ามารับประทานอาหารชั่วคราว ส่วนจะได้อยู่ต่อยาว ๆ หรือไม่ ก็คงเป็นหน้าที่เขาที่จะต้องแสดงความสามารถแล้วล่ะ “พ่อหนุ่ม... กินเสร็จแล้วคืนนี้ก็พักที่นี่เถอะนะ มันดึกมากแล้ว ไม่ต้องเกรงใจ” รุจน์เอ่ยปากชวนสายเมฆให้ค้างคืนด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ “ถ้าไม่ได้พ่อหนุ่มช่วยไว้ ป่านนี้บ้านเราคงไหม้เหลือแต่เสาแล้ว” “ได้ครับ” สายเมฆตอบรับทันทีด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่ดูอบอุ่น ‘พ่อ!!!’ ข้าวหอมกรีดร้องในใจแทบจะทันที ‘ลูกพ่อเป็นผู้หญิงนะ แถมยังสาวและสวยขนาดนี้ จะมาชวนผู้ชายนอนสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ได้ยังไงกัน!’ เธอคิดอย่างร้อนรน และยิ่งมุ่งมั่นในใจว่ายังไงเธอก็จะต้องเปลี่ยนความคิดของครอบครัวนี้ ให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอยให้ได้! หลังจากที่สายเมฆตอบตกลง ทั้งสี่คนก็ร่วมวงสนทนากันไปเรื่อยเปื่อย เรื่องส่วนใหญ่ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวสายเมฆเองว่าเป็นใคร มาจากไหน และทำไมถึงมาโผล่ที่หมู่บ้านไกลปืนเที่ยงแบบนี้ได้ “ผมเป็นคนกรุงเทพฯ ครับ” สายเมฆเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเศร้าสร้อย แน่ละว่าเขาทำไปเพื่อเรียกคะแนนสงสาร ให้รุจน์กับศจีใจอ่อนให้เขาอยู่ต่อที่นี่ไปนาน ๆ “ผมเคยทำงานกับบริษัทฝรั่งจนได้เลื่อนเป็นหัวหน้า แต่ก็โดนเพื่อนหักหลัง เลยตัดสินใจลาออก เพราะเบื่อชีวิตในเมืองกรุงแล้ว หวังว่าจะเอาเงินที่เก็บมาซื้อที่ต่างจังหวัด สร้างเนื้อสร้างตัวใหม่ แต่ระหว่างทางก็มาโดนขโมยกระเป๋าสตางค์ไปหมด เลยต้องเดินเท้ามาเรื่อยๆ จนเป็นลม ตอนนี้ก็เลยอยากหางานทำก่อนครับ” รุจน์กับศจีได้ฟังเรื่องราวของสายเมฆก็รู้สึกสงสารและเห็นใจในโชคชะตาของชายหนุ่มตรงหน้าเป็นอย่างมาก แต่กลับกันกับข้าวหอม ‘โอ้โห! แต่งเรื่องไม่เนียนเลยนะคะคุณพี่!’ ข้าวหอมคิดในใจอย่างอดไม่ได้ ‘ถ้าคุณพี่อยู่สมัยฉันตอนนั้น ตำแหน่งคุณพี่คงเป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์อันดับหนึ่งแน่ๆ! หลอกซะแม่กับพ่อฉันอินตามกันหมดเลยนะ’ เธอพยายามเตือนตัวเองว่า ไม่ได้! เราจะปล่อยให้พ่อแม่หลงกลชายคนนี้ไม่ได้เด็ดขาด “เชื่อได้รึเปล่าก็ไม่รู้ คนเราน่ะรู้หน้าไม่รู้ใจหรอกค่ะ ใครจะรู้ว่าเป็นมิจฉาชีพรึเปล่า บอกไว้ก่อนเลยนะ ถ้าคิดจะตบตาฉันล่ะก็ ฉันมีภูมิต้านทานพวกคนเลวเยอะแยะไปหมดเลยค่ะ!” ข้าวหอมจ้องหน้าสายเมฆเขม็ง สายตาเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ สายเมฆไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรกับคำพูดตรงไปตรงมาของข้าวหอม เขาได้แต่ทำหน้าเศร้าสร้อยเพื่อขอความเห็นใจจากรุจน์และศจี แต่ภายในใจนั้นกลับโมโหเป็นอย่างยิ่ง ‘ยัยเด็กบ้าเอ้ย! ที่ฉันต้องหลอกก็เพื่อจะได้มาอยู่บ้านเธอ คอยช่วยเหลือเธอนะเนี่ย ยังจะมาจับผิดอีก ทำดีไม่ได้ดีจริง ๆ!’ “ข้าวหอม!! ลูกพูดอะไรน่ะ ทำไมถึงมองคนในแง่ร้ายแบบนี้ล่ะลูก เขาอุตส่าห์ช่วยเราไว้นะ!” ศจีรีบพูดห้ามทัพลูกสาวด้วยความตกใจ ข้าวหอมทำหน้ายู่ด้วยความไม่พอใจที่ไม่ได้ดั่งใจ เธอหันหลังเดินกระทืบเท้าเข้าห้องไป ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ!’ ส่วนศจีก็จัดการทำความสะอาดห้องเก็บของที่ไม่ได้ใช้งานมานาน และนำฟูกนอนเก่า ๆ ที่ยังพอใช้ได้มาปูให้สายเมฆได้นอนพัก สายเมฆล้มตัวลงนอนบนฟูกแข็ง ก่อนนอนก็รำพึงรำพันกับตัวเองว่า นี่คงเป็นคืนแรกที่เขาได้สัมผัสชีวิตในโลกมนุษย์อย่างแท้จริงสินะ…หลังจากเปิดร้านในกรุงเทพฯ ได้เพียงสามปี ร้านเสื้อผ้าของข้าวหอ ก็โด่งดังในหมู่ชนชั้นสูงอย่างรวดเร็ว จนเธอต้องขยายสาขาเพิ่มอีกสามแห่ง รวมถึงมีสาขาในห้างสรรพสินค้าชื่อดังอีกด้วยส่วนโรงงานที่รุจน์และศจี พ่อแม่ของเธอดูแลก็ขยายใหญ่โต จนต้องซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อสร้างโรงงานใหม่ ส่วนโรงงานเดิมถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นที่ผลิตเสื้อผ้าสำหรับร้านของ แก้ว ซึ่งตอนนี้ได้แต่งงานกับธงแล้วข้าวหอมกลายเป็นสาวเนื้อหอมประจำเมืองหลวง ทั้งจากรูปร่างหน้าตา กิริยาวาจาที่งดงาม และรสนิยมการแต่งกายอันโดดเด่น ภาพของเธอปรากฏตามหน้านิตยสารและหนังสือพิมพ์ไม่เว้นแต่ละวัน รวมถึงข่าวซุบซิบเรื่องหนุ่มไฮโซ ดารา ที่พากันมาขายขนมจีบเธอไม่ขาดสายสายเมฆมองดูความสำเร็จของครอบครัวข้าวหอมและทุกคนที่เขาเคยอยู่ด้วย เขารู้สึกภูมิใจอย่างยิ่ง ‘นี่คงถึงเวลาที่เราต้องไปแล้วสินะ’ เขาพึมพำถามตัวเองในใจ“ใช่แล้ว! เจ้าบื้อ!” เสียงดังมาจากด้านหลังสายเมฆ ทำให้เขาต้องหันไปมอง ก็พบว่าพายุ เทวดาผู้คุมกฎของเขายืนอยู่ตรงนั้น“มาไม่ให้สุ้มให้เสียง ตกใจหมดเลย” สายเมฆบ่น “แล้วท่านมาทำไมตอนนี้ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า”“ก็มาหานายนั่นแหละ” พายุตอบพร้อมรอ
ที่ร้านตัดเสื้อของข้าวหอม หลังจากลูกค้าช่วงเช้าที่คึกคักทยอยกลับไปหมด ข้าวหอมกำลังเตรียมตัวจะตักอาหารเที่ยงใส่จาน จู่ ๆ องุ่นก็ก้าวเข้ามาในร้าน“ข้าวหอมหนูกินข้าวก่อนก็ได้จ้ะ เดี๋ยวชั้นนั่งรอ” องุ่นเอ่ยอย่างเกรงใจ เมื่อเห็นข้าวหอมเตรียมจะวางช้อน“ไม่เป็นไรค่ะคุณองุ่น” ข้าวหอมยิ้มและเดินผละออกจากโต๊ะอาหารตรงไปหา “คุณองุ่นมาดูแบบเสื้อใหม่เหรอคะ”“ใช่จ้ะข้าวหอม” องุ่นพยักหน้า “ครั้งก่อนชั้นตามสามีเข้าไปกรุงเทพฯ ใส่ชุดของหนูไปงานเลี้ยง มีแต่คนชมชุดหนูนะ รอบนี้สามีมีงานที่กรุงเทพฯ อีก เลยจะมาดูแบบใหม่ ๆ ไว้เตรียมตัว” องุ่นพูดพลางเปิดดูแคตตาล็อกชุดที่วางบนโต๊ะ “จะว่าไปแล้วก็น่าเสียดายนะจ๊ะ ถ้าร้านหนูอยู่ในกรุงเทพฯ คงมีคนเข้าออกไม่ขาดสายเลยทีเดียว”“ไม่แน่นะคะ หนูอาจย้ายไปในกรุงเทพฯ ก็ได้ค่ะ” ข้าวหอมเอ่ยด้วยความมั่นใจ ความคิดนี้เคยแวบเข้ามาในหัวเธอหลายครั้งแล้ว เพียงแต่รอเวลาที่กิจการในอำเภอจะเข้าที่เข้าทางเสียก่อน“จริงเหรอ!” องุ่นอุทานด้วยความแปลกใจระคนยินดี ดวงตาเป็นประกาย“จริงค่ะ แต่อาจต้องใช้เวลานิดหน่อย” ข้าวหอมอธิบายแผนคร่าว ๆ “เพราะต้องหาที่เปิดร้าน หาพนักงานเพิ่ม และรอจัดระเบียบร้า
“ข้าวหอม อยู่มั้ยจ๊ะ!” เสียงเรียกดังขึ้นแต่เช้า ทำให้ ข้าวหอม ต้องรีบออกมาดู เจ๊จวง ซึ่งตอนนี้เป็นพันธมิตรคู่ค้าสำคัญของโรงงานเสื้อผ้าสำเร็จรูปของข้าวหอมยืนอยู่หน้าบ้าน สีหน้าค่อนข้างเป็นกังวล“อยู่ค่ะเจ๊จวง มีอะไรรึเปล่าคะ อย่าบอกนะว่าชุดล็อตล่าสุดหมดแล้ว” ข้าวหอมทักอย่างอารมณ์ดี เพราะหลังจากโรงงานเสร็จ กิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปก็ไปได้ดีมาก ร้านค้าจากในตัวจังหวัดและต่างอำเภอต่างมาสั่งของเพื่อนำไปขาย ส่วนในอำเภอที่ข้าวหอมอยู่ เธอเลือกส่งให้ร้านเจ๊จวงเพียงที่เดียว เพื่อตอบแทนที่เคยช่วยเหลือกันมา“มีปัญหาแล้วล่ะข้าวหอม ดูนี่สิ!” เจ๊จวงไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับหยิบถุงกระดาษที่ถือมาออกมา แล้วดึงเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่อยู่ในถุงให้ข้าวหอมดูข้าวหอมรับเสื้อมาพินิจ เสื้อที่อยู่ในมือมีตะเข็บที่แตกออก ด้ายที่เย็บบางตัวก็ไม่เรียบร้อย รังดุมบางตัวด้ายก็หลุดรุ่ย เธอขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจที่เจอเสื้อไม่ได้มาตรฐานจากโรงงานของตัวเอง แต่เมื่อลองสังเกตดูดี ๆ เธอก็พบว่ากระดุมที่ใช้ รวมถึงซิปและตะขอ แม้จะมีรูปแบบคล้ายกับของโรงงานเธอ แต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว“เจ๊ไปเอามาจากไหนคะเนี่ย” ข้าวหอมถามเจ๊จวงด้วยความแ
“ปัง ปัง ปัง ปัง!”เสียงจุดประทัดดังกึกก้องทั่วซอย บ่งบอกถึงการเริ่มต้นสิ่งใหม่ที่เป็นมงคล วันนี้เป็นวันเปิดร้านเสื้อผ้าของข้าวหอม หลังจากที่เธอได้ออกแบบร้านด้วยตัวเองแล้ว ลุงเพิ่มก็จัดหาช่างฝีมือดีมาลงมือก่อสร้างตามแบบที่ได้รับ ร้านของข้าวหอมออกแบบตามรสนิยมและความชอบของเธอ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์ด้านการช้อปปิ้งของเธอเมื่อชาติที่แล้ว ทำให้ร้านมีดีไซน์ที่ดูแปลกตา ล้ำสมัย และน่าดึงดูดใจเป็นอย่างมาก บรรยากาศภายในร้านโปร่งโล่งสบาย มีการจัดวางชุดเสื้อผ้าอย่างเป็นระเบียบ ชวนให้ลูกค้าอยากเดินเข้ามาชม“ข้าวหอม ยินดีด้วยนะจ๊ะ” คุณองุ่น เดินถือแจกันดอกไม้สวยงามเข้ามาแสดงความยินดีเป็นคนแรก ตามมาด้วยบรรดาภรรยาข้าราชการระดับต่าง ๆ และผู้มีฐานะอีกหลายท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่งเพียงไม่นาน ร้านของข้าวหอมก็ขึ้นชื่อในหมู่คนมีฐานะว่าตัดเย็บเสื้อผ้าได้ประณีตและออกแบบได้ไม่ซ้ำใคร ทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องและจำนวนมาก ช่างตัดเสื้อที่เดิมมีเพียง สาลี่ และแก้ว ซึ่งทำงานกันเองในบ้าน ก็เริ่มจะทำงานไม่ทันตามยอดสั่งซื้อที่เข้ามา ข้าวหอมจึงตัดสินใจขอร้องให้ลุงเพิ่มช่
วันนี้หลังจากเรียน กศน. เสร็จ ทุกคนก็กลับมาพร้อมกันที่บ้าน และเริ่มจับกลุ่มคุยกันถึงงานกลุ่มและการบ้านที่ได้รับมอบหมาย“มันยากจังเลยครับลุง! ยากกว่าตอนเรียนประถมอีก” ธง ที่นั่งก้มหน้าทำการบ้านไปได้สักพักก็บ่นออกมา พร้อมกับทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก แก้วซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ชะโงกหน้าเข้าไปดูสมุดของธง แล้วเริ่มอธิบายตรงจุดที่ธงติดขัดอย่างใจเย็น“อดทนหน่อยนะเจ้าธง” รุจน์ เห็นท่าทางของธงแล้วก็อดปลอบไม่ได้ “อย่างน้อยขอให้ได้วุฒิ ม.3 ไปก่อน แล้วค่อยมาดูว่าจะเรียนต่อ ปวส. ปวช. หรือจะเรียนสายสามัญต่อ แต่ยังไงก็ต้องเรียนนะ มีความรู้ติดตัวไว้ก็ไม่เสียหายหรอก”“ครับลุง ผมจะพยายามครับ” ธงตอบรับรุจน์อย่างคนหมดแรง“ธงอยากทำอะไรในอนาคตเหรอ” ข้าวหอม เอ่ยถามธงขึ้นมาเบา ๆธงนั่งคิดอยู่นานก็หัวเราะออกมาอย่างขำขันตัวเอง “ไม่รู้สิข้าวหอม ผมไม่เคยมีความคิดความฝันอยากเป็นอะไรเลย ก่อนมาเจอข้าวหอม ผมก็แค่อยากหางานทำเพื่อจะได้มีเงินไปใช้จ่าย ไม่ต้องรบกวนทางบ้านน่ะ” เขาหยุดเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองข้าวหอม “แล้วข้าวหอมล่ะ มีความฝันอยากเป็นอะไร?”“ข้าวหอมรักเงิน” ข้าวหอมตอบความฝันตัวเองไปด้วยสายตาเป็นประกายแห่งความสุข “ข้
วันถัดมาหลังจากงานเลี้ยงต้อนรับนายตำรวจจบลง บรรยากาศภายในซอยบ้านของข้าวหอมก็เริ่มคึกคักผิดหูผิดตา มีรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาจอดเทียบท่าไม่ขาดสาย ตลอดทั้งวัน ข้าวหอมยังคงดำเนินแผนการโชว์สินค้าในรูปแบบเดิม เธอจัดวางเสื้อผ้าบนราวอย่างเป็นระเบียบ แล้วนำมาให้ลูกค้าผู้หญิงที่แต่งกายภูมิฐานซึ่งทยอยกันเข้ามาชมทีละราว เธออธิบายรายละเอียดของชุดแต่ละชุดอย่างคล่องแคล่ว เมื่อลูกค้าเลือกชุดที่ถูกใจก็จะเขียนหมายเลขชุดที่ต้องการ ก่อนจะไปวัดตัวกับสาลี่ เพื่อปรับขนาดให้พอดีและจ่ายเงินมัดจำเป็นการยืนยันการสั่งซื้อด้วยความที่การช้อปปิ้งและแฟชั่นคือความชอบส่วนตัวของเธอ ข้าวหอมจึงทำหน้าที่นำเสนอสินค้าได้อย่างเป็นธรรมชาติและไหลลื่น เธออธิบายด้วยรอยยิ้มสดใส พลางแนะนำจุดเด่นของชุดแต่ละชุดอย่างละเอียดลออ สิ่งเหล่านี้สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะได้ชุดสวยแล้ว ยังได้รับคำแนะนำที่เป็นกันเองจากเจ้าของร้านอีกด้วยศจีและรุจน์ มองดูลูกสาวคนเก่งอยู่ห่าง ๆ จากมุมหนึ่งของห้องโถง ใบหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้เป็นอย่างมาก ส่วนสายเมฆนั้น เขายืนพิงกรอบประตู มองดูข้าวหอมที่กำลั