Home / อื่น ๆ / คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม / บทที่ 6 ที่ตากเนื้อแห้ง (1)

Share

บทที่ 6 ที่ตากเนื้อแห้ง (1)

Author: Just W.
last update Last Updated: 2025-06-28 01:51:49

ตกเย็น หลังจากศจีและรุจน์กลับมาจากนาของป้าแจ่ม ข้าวหอมก็รีบวิ่งไปต้อนรับด้วยใบหน้าที่สดใส เธอแทบจะตรงเข้าไปกอดทั้งสองไว้ด้วยความคิดถึงระคนดีใจที่ได้เห็นพ่อกับแม่ในภพนี้ยังคงอยู่เคียงข้างเธอ

“พ่อขา แม่ขา ข้าวหอมมีอะไรจะอวดค่ะ!” ข้าวหอมพูดพลางยกที่ตากเนื้อแห้งขึ้นมาอย่างภูมิใจให้พ่อกับแม่ดู

“มันคืออะไรกันข้าวหอม?” รุจน์รับที่ตากเนื้อแห้งมาพิจารณาในมือ มันเป็นโครงที่ประดิษฐ์ขึ้นจากไม้ไผ่เหลาอย่างปราณีต มีที่วางเป็นชั้นสองชั้น และถูกคลุมด้วยผ้าตามุ้งอย่างมิดชิด ด้านบนมีตะขอและเชือกสำหรับใช้ห้อยแขวน

“นี่คือที่ตากเนื้อของแม่ไงคะ! ทีนี้แม่จะตากเนื้อเยอะแค่ไหนก็ได้แล้ว แถมยังแขวนไว้ในที่สูง ๆ เจ้าหมาก็แอบขโมยกินไม่ได้แล้วล่ะค่ะ!” ข้าวหอมพรีเซนต์อุปกรณ์ชิ้นใหม่ให้รุจน์ฟังอย่างกระตือรือร้น

“แถมมุ้งที่คลุมนี้ก็ช่วยป้องกันแมลงวันได้ด้วยนะคะ! ตอนนี้หน้าร้อน เราต้องรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ไม่งั้นท้องร่วงแล้วจะลำบากแย่เลยค่ะ!”

“อ่อ... ที่สายเมฆเขาทำตอนเช้าน่ะเหรอลูก” ศจีเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยรอยยิ้ม พร้อมพยักหน้าขอบคุณสายเมฆที่ยืนอยู่ไม่ไกล

“หนูก็ทำด้วยนะคะ! หนูเสนอความคิดว่าควรทำเป็นสองชั้นด้วยซ้ำไปนะ!” ข้าวหอมรีบโต้แย้งทันที ไม่ยอมให้สายเมฆได้ความดีความชอบไปคนเดียว “ต้องถือว่าหนูมีส่วนร่วมด้วยนะคะ!”

“คุณน้าครับ จะทานข้าวก่อนแล้วค่อยอาบน้ำ หรือจะอาบน้ำก่อนดีครับ?” สายเมฆถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ เขาไม่ได้สนใจคำโต้แย้งของข้าวหอมแม้แต่น้อย

“เดี๋ยวให้พ่อเขาไปอาบน้ำก่อน ส่วนน้าก็ไปทำอาหารเสร็จแล้วก็มาร่วมวงทานข้าวกันได้เลยจ้ะ” ศจีตอบสายเมฆอย่างเป็นกันเอง

“ไม่ต้องทำแล้วค่ะแม่! ข้าวหอมทำรอพ่อกับแม่ไว้แล้วค่ะ! กินข้าวกันก่อนเลยนะคะ!” ข้าวหอมพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเปี่ยมด้วยความมั่นใจ

ศจีและรุจน์มองหน้ากันอย่างตกใจดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ‘เมื่อวานเพิ่งจะทำไฟไหม้บ้านไปหยก ๆ วันนี้ยังจะทำกับข้าวอีกเรอะลูกสาวเรา!’

นอกจากนี้ ยัยหนูของพวกเขาเคยทำกับข้าวเสียที่ไหนกัน จะกินได้ไหมเนี่ย? แต่ถ้าไม่กิน ยัยหนูก็คงเสียใจแย่

สายเมฆเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็พอจะเดาความคิดได้ เขารีบบอกไป “ไม่ต้องห่วงครับคุณน้า ผมเป็นคนทำอาหารเอง ฝีมือผมเพื่อน ๆ ที่เคยทานบอกว่าอร่อยทุกคนเลยครับ”

รุจน์ทำสีหน้าโล่งใจ แต่ศจียังคงมีความกังวลเล็กน้อย “อ้าว! ก็ยัยหนูบอกว่าทำเองไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ค่ะแม่! ข้าวหอมคิดเมนูและก็คอยชิมรสชาติด้วยค่ะ ก็ถือว่าช่วยทำนะคะ! ไม่มีคนชิมจะรู้ได้ยังไงว่าอร่อยรึเปล่า” ข้าวหอมยิ้มตอบแม่แกมเจ้าเล่ห์เล็กน้อย

สายเมฆส่ายหัวเบา ๆ อย่างระอาในความหน้าหนาของข้าวหอม ‘ยัยเด็กนี่จะหน้าหนาเกินไปแล้วจริงๆ!’

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ สายเมฆก็ขอตัวไปล้างจานทันที ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อตกลงที่ข้าวหอมเป็นคนกำหนดขึ้นมาเองก่อนหน้านี้

‘เพื่อความสงบสุข... เรื่องแค่นี้ไม่ถือว่าหนักหนาหรอก’ สายเมฆพึมพำกับตัวเองขณะก้มหน้าล้างจานชามจนสะอาด

ในส่วนของข้าวหอมและพ่อกับแม่นั้น ศจีได้เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ

“ข้าวหอม ลูกดีกับพี่สายเมฆแล้วเหรอลูก? แม่เห็นลูกคุยกับเขาปกติแล้ว”

“ใช่ค่ะแม่” ข้าวหอมตอบพลางพยักหน้า

“ข้าวหอมคิดดูแล้ว ให้เขาอยู่ที่บ้านเราก็ดีเหมือนกันนะคะ อย่างน้อยเขาก็ช่วยพ่อกับแม่ทำงานนั่นนี่ได้ บ้านเราก็มีแรงงานเพิ่มอีกคนก็ดีไม่ใช่เหรอคะ”

ข้าวหอมพูดพลางเหลือบมองดูมือของพ่อกับแม่ที่หยาบกร้าน มันแดงก่ำและมีรอยด้านจากการทำงานหนัก ตรงหน้าแข้งของพ่อมีรอยถลอกจากการโดนกิ่งไม้เกี่ยว ใบหน้าของแม่เริ่มมีฝ้าแดดที่บ่งบอกถึงการตรากตรำทำงานกลางแจ้งมาอย่างยาวนาน

หัวใจของข้าวหอมพลันบีบรัดด้วยความเจ็บปวด เธอรู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบเค้นหัวใจของเธออย่างแรง

ภาพชีวิตในอดีตที่เธอเคยนอนกลิ้งอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ ไม่เคยต้องแม้แต่จะคิดถึงการทำงานหนักสักวัน ผิดกับภาพตรงหน้าที่พ่อกับแม่ของเธอในภพนี้ต้องทนลำบาก เพื่อแลกกับความเป็นอยู่ที่ไม่ต่างจากเมื่อก่อนที่พวกเขาเคยเล่าให้ฟัง

เธอเคยคิดว่าความลำบากเป็นเพียงเรื่องเล่าจากอดีต แต่ตอนนี้มันกลับเป็นความจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่แค่เรื่องของเธอคนเดียวอีกแล้ว แต่เป็นเรื่องของครอบครัวที่รักและห่วงใยเธอ

ข้าวหอมรู้สึกผิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ที่เคยใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยโดยไม่เคยรู้คุณค่าของหยาดเหงื่อแรงงานที่พ่อกับแม่ของเธอต้องเสียไปเพื่อสร้างฐานะให้เธอได้สบายอย่างนั้น

‘พ่อจ๋า แม่จ๋า... ชาตินี้ข้าวหอมจะต้องทำให้พ่อกับแม่สบายให้ได้! ข้าวหอมจะไม่มีวันปล่อยให้พ่อกับแม่ต้องเหนื่อยอีกแล้วค่ะ!’ เธอรำพึงในใจ น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาเล็กน้อย แต่เธอก็กลั้นเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา

เมื่อจานชามสะอาดเรียบร้อย สายเมฆก็เดินกลับมาร่วมวงสนทนาตรงโถงกลางบ้าน

รุจน์กับศจีที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ต่างก็หันมามองเขาด้วยรอยยิ้ม

“สายเมฆ” ศจีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ตอนนี้หนูมีแผนจะไปไหนต่อหรือเปล่า ถ้ายังไม่มีที่ไป ก็อยู่กับลุงกับป้าที่นี่ไปก่อนนะ บ้านเรายินดีต้อนรับ”

สายเมฆที่เตรียมคำตอบมาแล้วยิ้มรับ เขาก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงความนอบน้อม

“คุณลุงคุณป้าครับ ตอนนี้ถ้าผมกลับบ้านไป ผมคงเป็นคนไม่มีเงินทอง ที่บ้านผมคงจะไม่ยินดีต้อนรับสักเท่าไหร่ถ้าผมจะกลับไปในสภาพนี้ ยังไงผมขออาศัยพึ่งใบบุญลุงกับป้าที่นี่ก่อนนะครับ ผมจะช่วยลุงกับป้าทำงานทุกอย่าง ไม่ให้เป็นภาระเลยครับ”

ศจีกับรุจน์พยักหน้าเข้าใจ ทั้งสองคนเห็นว่าสายเมฆเป็นคนสุภาพเรียบร้อยและดูไม่ใช่คนที่ไม่เอาไหน การให้อยู่ด้วยก็เหมือนมีแรงงานเพิ่มอีกหนึ่งคนอย่างที่ยัยหนูข้าวหอมบอก ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

“หนูมีข้อเสนออีกเรื่องค่ะแม่” ข้าวหอมเอ่ยขึ้นหลังจากที่สายเมฆพูดจบ

“พ่อแม่คงไม่ลืมนะคะว่าหนูเป็นผู้หญิงและเป็นสาวแล้ว ถ้าเราบอกเพื่อนบ้านว่าพี่สายเมฆมาขออาศัยอาจโดนชาวบ้านนินทาได้ หนูว่าเราควรจะบอกชาวบ้านว่าพี่สายเมฆเป็นญาติทางคุณแม่ดีรึเปล่าคะ?”

ศจีและรุจน์มองหน้ากันอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนดีใจที่ข้าวหอมรู้จักคิดเองได้อย่างรอบคอบกว่าที่พวกเขาคาดไว้มากนัก

‘ถ้าไม่นับเรื่องท่าทางเพี้ยน ๆ ตั้งแต่สลบไป ดูเหมือนยัยหนูจะมีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย’

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 8 หาอุปกรณ์

    เมื่อศจีกับรุจน์รับประทานอาหารเช้าที่สายเมฆจัดเตรียมให้อย่างเรียบง่ายเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองก็สังเกตเห็นว่าที่หน้าบ้านมีผู้คนจำนวนหนึ่งกำลังยืนมุงล้อมข้าวหอมและสายเมฆอยู่“คุณคะ ทำไมคนมารุมข้าวหอมกับสายเมฆแบบนั้นล่ะ ลูกเราไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรอีกใช่มั้ย” ศจีถามรุจน์ด้วยน้ำเสียงร้อนรนและเต็มไปด้วยความกังวลรุจน์เพ่งมองไปยังกลุ่มคนก่อนจะหันมาตอบศจี “ไม่น่าใช่นะแม่ ดูเหมือนทุกคนกำลังคุยกับยัยหนูและสายเมฆดี ๆ ไม่มีทีท่าจะทะเลาะอะไรกันเลย แต่ก็แปลกที่ทำไมชาวบ้านถึงมาคุยกับยัยหนูกันเยอะแยะขนาดนั้น”ไม่รอให้รุจน์คิดหาสาเหตุ ศจีก็คว้าแขนรุจน์ลงบันไดไปตรงรี่เข้าไปหาข้าวหอมและสายเมฆทันทีป้าแจ่มซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มุงดูอยู่เห็นสองสามีภรรยาเดินมาก็เอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม“แกสองคนนี่เลี้ยงยัยข้าวหอมไม่เสียทีจริง ๆ นะ วันนี้เริ่มช่วยหาเงินหาทองได้แล้ว ทีแรกนึกว่าจะเลี้ยงให้เป็นเด็กไม่เอาไหนเสียอีก ที่ไหนได้ นางก็มีความรู้ความสามารถทำมาหาเลี้ยงตัวเองได้เหมือนกันนะเนี่ย” ป้าแจ่มกล่าวชื่นชมปนแปลกใจศจีและรุจน์มองหน้ากันด้วยความงุนงง ‘อะไรคือข้าวหอมหาเงิน? หรือลูกเราแอบเอาอะไรในบ้านมาขายอีกแล้วเนี่ย’ ค

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 7 ที่ตากเนื้อแห้ง (2)

    เช้าวันถัดมา ข้าวหอมซึ่งนัดแนะกับสายเมฆว่าวันนี้จะตื่นแต่เช้าเพื่อช่วยกันทำกับข้าวให้พ่อแม่กินก่อนออกไปทำนา หลังจากนั้นทั้งสองจะทำการตากเนื้อแห้ง พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับการเตรียมของก่อนออกไปทำงาน“นี่พี่สายเมฆ... พี่ว่าวิธีของพี่มันจะได้ผลจริง ๆ เหรอคะ” ข้าวหอมถามย้ำเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ด้วยน้ำเสียงที่ยังคงมีความลังเลในแผนการของสายเมฆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่มั่นใจในตัวเขา แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ลงมือทำกิจการของตัวเองจริงๆ มันเลยรู้สึกตื่นเต้นและกังวลเป็นพิเศษสายเมฆรู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อยที่ข้าวหอมเรียกเขาว่าพี่แล้ว“ถ้าไม่เชื่อพี่ก็ไปลองกันเลย” สายเมฆที่ทำอาหารเช้าเสร็จพอดี ยื่นมือมาจับข้อมือของข้าวหอมเบา ๆ แล้วดึงให้ลงไปข้างล่างตรงโต๊ะกลางบ้าน มีที่ตากเนื้อแห้งหลายขนาดวางเรียงรายอยู่ ข้าวหอมและสายเมฆช่วยกันยกโต๊ะออกมาตั้งไว้ตรงแถวรั้วบ้าน เพื่อให้ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งคู่ช่วยกันนำเนื้อที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำมาวางบนชั้นของที่ตากเนื้อแห้ง จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบทีละชั้นช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ชาวบ้านในหมู่บ้านกำลังจะเดินทางออกไปทำนาพอดี ป้าแจ่ม เจ้าข

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 6 ที่ตากเนื้อแห้ง (1)

    ตกเย็น หลังจากศจีและรุจน์กลับมาจากนาของป้าแจ่ม ข้าวหอมก็รีบวิ่งไปต้อนรับด้วยใบหน้าที่สดใส เธอแทบจะตรงเข้าไปกอดทั้งสองไว้ด้วยความคิดถึงระคนดีใจที่ได้เห็นพ่อกับแม่ในภพนี้ยังคงอยู่เคียงข้างเธอ“พ่อขา แม่ขา ข้าวหอมมีอะไรจะอวดค่ะ!” ข้าวหอมพูดพลางยกที่ตากเนื้อแห้งขึ้นมาอย่างภูมิใจให้พ่อกับแม่ดู“มันคืออะไรกันข้าวหอม?” รุจน์รับที่ตากเนื้อแห้งมาพิจารณาในมือ มันเป็นโครงที่ประดิษฐ์ขึ้นจากไม้ไผ่เหลาอย่างปราณีต มีที่วางเป็นชั้นสองชั้น และถูกคลุมด้วยผ้าตามุ้งอย่างมิดชิด ด้านบนมีตะขอและเชือกสำหรับใช้ห้อยแขวน“นี่คือที่ตากเนื้อของแม่ไงคะ! ทีนี้แม่จะตากเนื้อเยอะแค่ไหนก็ได้แล้ว แถมยังแขวนไว้ในที่สูง ๆ เจ้าหมาก็แอบขโมยกินไม่ได้แล้วล่ะค่ะ!” ข้าวหอมพรีเซนต์อุปกรณ์ชิ้นใหม่ให้รุจน์ฟังอย่างกระตือรือร้น“แถมมุ้งที่คลุมนี้ก็ช่วยป้องกันแมลงวันได้ด้วยนะคะ! ตอนนี้หน้าร้อน เราต้องรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ไม่งั้นท้องร่วงแล้วจะลำบากแย่เลยค่ะ!”“อ่อ... ที่สายเมฆเขาทำตอนเช้าน่ะเหรอลูก” ศจีเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยรอยยิ้ม พร้อมพยักหน้าขอบคุณสายเมฆที่ยืนอยู่ไม่ไกล“หนูก็ทำด้วยนะคะ! หนูเสนอความคิดว่าควรทำเป็นสองชั้นด้วยซ้

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 5 ข้อตกลง

    “งั้นผมขออนุญาตทำให้คุณป้าลองใช้ดูนะครับ” เสียงทุ้มของสายเมฆดังเข้ามาถึงในห้องนอน ทำให้ข้าวหอมที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราต้องงัวเงียเล็กน้อย เธอพลิกตัวบิดขี้เกียจก่อนจะลุกจากเตียงนอนไม้เก่า ๆ อย่างไม่เต็มใจนัก‘เจ้ามิจฉาชีพนั่นมาหลอกอะไรคุณแม่อีกแล้วเนี่ย ดีนะที่ฉันตื่นมาพอดี ไม่งั้นมีหวังแม่ต้องโดนหลอกจนหมดตัวแน่ ๆ !’ ข้าวหอมคิดอย่างขุ่นเคือง เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา เธอก็รีบเปิดประตูห้องพรวดพราดออกไปแทบจะทันทีในห้องครัว แม่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารมื้อเช้า ส่งกลิ่นหอมของข้าวต้มและกับข้าวอ่อนๆ คลุ้งไปทั่ว ส่วนสายเมฆก็กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ทำอะไรบางอย่างอยู่ใกล้ ๆ เตาไฟ“ทำอะไรกันอยู่เหรอคะแม่?” ข้าวหอมถามแม่ด้วยน้ำเสียงที่จงใจให้ดังพอที่จะให้ชายหนุ่มอีกคนได้ยิน ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยจ้องเขม็งไปยังสายเมฆอย่างไม่วางตา แววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจฉายชัดเจนจนใครก็ดูออก‘ยัยเด็กบ้านี่… มองฉันแบบนี้อีกแล้วนะ! ฉันกำลังช่วยแม่เธออยู่นะเนี่ย!’ สายเมฆไม่ได้ตอบโต้คำถามของข้าวหอม เขายังคงก้มหน้าก้มตาทำที่ตากเนื้อแห้งต่อ เพียงแต่ริมฝีปากหยักได้รูปเม้มเข้าหากันเล็กน้อยอย่างอดกลั้นศจี จึงหันมาตอบลูกสาว

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 4 สายเมฆ

    หลังจากที่ ศจี แนะนำให้ข้าวหอมรู้จักกับชายหนุ่มผู้มาใหม่แล้ว เธอก็เล่าเรื่องราวต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจว่า วันนี้ตอนที่เธอกับสามีกำลังจะเดินทางกลับจากทุ่งนา ก็พบกับชายหนุ่มคนนี้ นอนคว่ำหน้าหมดสติอยู่ที่คันนา ตอนแรกก็ตกใจคิดว่ามีคนฆ่าแล้วนำศพมาทิ้งไว้เสียอีก เพราะการแต่งตัวของเขาดูแปลกตา ไม่เหมือนคนแถวนี้เลยแม้แต่น้อย พอพลิกตัวมาดูก็ถึงได้รู้ว่ายังไม่ตาย จึงรีบช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อฟื้นขึ้นมาจึงได้ความว่าเขาเป็นลมไปเพราะไม่ได้กินข้าว รุจน์ผู้เป็นพ่อจึงชวนให้เขามารับประทานอาหารที่บ้านด้วยความเห็นอกเห็นใจ ‘เดี๋ยวนะ! นี่พ่อแม่ฉันในชาตินี้ไว้ใจคนง่ายไปรึเปล่าเนี่ย?!’ ข้าวหอมฟังที่แม่เล่าแล้วถึงกับคิดในใจอย่างหัวเสีย ‘มิจฉาชีพบางทีก็เอาหน้าตาดี ๆ แบบนี้แหละเข้ามาหลอกลวงนะ!’ เธอพลันรู้สึกว่าตัวเองจะต้องรีบ ปฏิวัติความคิดของคนในครอบครัวเสียใหม่ โดยด่วนที่สุด ในขณะที่ข้าวหอมกำลังครุ่นคิดถึงแผนการปฏิวัติครอบครัวอยู่นั้น สายตาของเธอก็พลันเหลือบไปมองชายหนุ่มผู้มาใหม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ร่างกายที่แข็งแกร่งกำยำภายใต้เสื้อผ้าที่เปียกชื้นเล็กน้อยจากการดับไฟ เผยให้เห

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 3 ดับไฟ

    ข้าวหอมพยายามทำความเข้าใจและยอมรับสภาพชีวิตใหม่ที่รายล้อมตัวเธอ แม้ในใจจะยังคงรู้สึกขัดแย้งและไม่คุ้นเคยกับความไม่สะดวก แต่เธอก็รู้ดีว่าไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากจะต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกใบนี้ให้ได้ ‘อย่างน้อยเราก็ยังมีพ่อกับแม่คอยอยู่เคียงข้าง ไม่ต้องกังวลไปนะข้าวหอม!’ เธอพยายามปลอบใจตัวเองด้วยความคิดบวก แม้ความกังวลจะยังคงเกาะกุมอยู่ในจิตใจอย่างเงียบงัน ท้องฟ้าเริ่มมืดมิด แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว แต่พ่อกับแม่ก็ยังไม่กลับบ้าน ความเงียบที่โรยตัวลงมาทำให้ข้าวหอมรู้สึกไม่สบายใจสักเท่าไหร่ ปกติแล้วท่านทั้งสองไม่เคยกลับดึกเช่นนี้ เพราะเป็นห่วงที่จะทิ้งให้ข้าวหอมอยู่บ้านคนเดียว เธอเดินวนไปมาในบ้านด้วยใจที่ร้อนรุ่ม พลางคิดไปต่างๆ นานา ‘มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับท่านหรือเปล่า’ ความรู้สึกว้าวุ่นใจถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน แต่จะกังวลไปก็ทำอะไรไม่ได้ ข้าวหอมตัดสินใจที่จะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เธอเดินตรงไปยังห้องครัวที่มืดสลัว สายตาสำรวจไปรอบ ๆ ห้องเพื่อมองหาสิ่งที่พอจะนำมาทำอาหารรอพ่อกับแม่ได้ ในมุมหนึ่งของห้อง เธอเห็นข้าวสารเหลืออยู่ประมาณครึ่งถัง ถัดไปไม่ไกล มีไข่ไก่เหลืออยู่หกฟอง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status