Home / อื่น ๆ / คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม / บทที่ 6 ที่ตากเนื้อแห้ง (1)

Share

บทที่ 6 ที่ตากเนื้อแห้ง (1)

Author: Just W.
last update Huling Na-update: 2025-06-28 01:51:49

ตกเย็น หลังจากศจีและรุจน์กลับมาจากนาของป้าแจ่ม ข้าวหอมก็รีบวิ่งไปต้อนรับด้วยใบหน้าที่สดใส เธอแทบจะตรงเข้าไปกอดทั้งสองไว้ด้วยความคิดถึงระคนดีใจที่ได้เห็นพ่อกับแม่ในภพนี้ยังคงอยู่เคียงข้างเธอ

“พ่อขา แม่ขา ข้าวหอมมีอะไรจะอวดค่ะ!” ข้าวหอมพูดพลางยกที่ตากเนื้อแห้งขึ้นมาอย่างภูมิใจให้พ่อกับแม่ดู

“มันคืออะไรกันข้าวหอม?” รุจน์รับที่ตากเนื้อแห้งมาพิจารณาในมือ มันเป็นโครงที่ประดิษฐ์ขึ้นจากไม้ไผ่เหลาอย่างปราณีต มีที่วางเป็นชั้นสองชั้น และถูกคลุมด้วยผ้าตามุ้งอย่างมิดชิด ด้านบนมีตะขอและเชือกสำหรับใช้ห้อยแขวน

“นี่คือที่ตากเนื้อของแม่ไงคะ! ทีนี้แม่จะตากเนื้อเยอะแค่ไหนก็ได้แล้ว แถมยังแขวนไว้ในที่สูง ๆ เจ้าหมาก็แอบขโมยกินไม่ได้แล้วล่ะค่ะ!” ข้าวหอมพรีเซนต์อุปกรณ์ชิ้นใหม่ให้รุจน์ฟังอย่างกระตือรือร้น

“แถมมุ้งที่คลุมนี้ก็ช่วยป้องกันแมลงวันได้ด้วยนะคะ! ตอนนี้หน้าร้อน เราต้องรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ไม่งั้นท้องร่วงแล้วจะลำบากแย่เลยค่ะ!”

“อ่อ... ที่สายเมฆเขาทำตอนเช้าน่ะเหรอลูก” ศจีเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยรอยยิ้ม พร้อมพยักหน้าขอบคุณสายเมฆที่ยืนอยู่ไม่ไกล

“หนูก็ทำด้วยนะคะ! หนูเสนอความคิดว่าควรทำเป็นสองชั้นด้วยซ้ำไปนะ!” ข้าวหอมรีบโต้แย้งทันที ไม่ยอมให้สายเมฆได้ความดีความชอบไปคนเดียว “ต้องถือว่าหนูมีส่วนร่วมด้วยนะคะ!”

“คุณน้าครับ จะทานข้าวก่อนแล้วค่อยอาบน้ำ หรือจะอาบน้ำก่อนดีครับ?” สายเมฆถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ เขาไม่ได้สนใจคำโต้แย้งของข้าวหอมแม้แต่น้อย

“เดี๋ยวให้พ่อเขาไปอาบน้ำก่อน ส่วนน้าก็ไปทำอาหารเสร็จแล้วก็มาร่วมวงทานข้าวกันได้เลยจ้ะ” ศจีตอบสายเมฆอย่างเป็นกันเอง

“ไม่ต้องทำแล้วค่ะแม่! ข้าวหอมทำรอพ่อกับแม่ไว้แล้วค่ะ! กินข้าวกันก่อนเลยนะคะ!” ข้าวหอมพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเปี่ยมด้วยความมั่นใจ

ศจีและรุจน์มองหน้ากันอย่างตกใจดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ‘เมื่อวานเพิ่งจะทำไฟไหม้บ้านไปหยก ๆ วันนี้ยังจะทำกับข้าวอีกเรอะลูกสาวเรา!’

นอกจากนี้ ยัยหนูของพวกเขาเคยทำกับข้าวเสียที่ไหนกัน จะกินได้ไหมเนี่ย? แต่ถ้าไม่กิน ยัยหนูก็คงเสียใจแย่

สายเมฆเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็พอจะเดาความคิดได้ เขารีบบอกไป “ไม่ต้องห่วงครับคุณน้า ผมเป็นคนทำอาหารเอง ฝีมือผมเพื่อน ๆ ที่เคยทานบอกว่าอร่อยทุกคนเลยครับ”

รุจน์ทำสีหน้าโล่งใจ แต่ศจียังคงมีความกังวลเล็กน้อย “อ้าว! ก็ยัยหนูบอกว่าทำเองไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ค่ะแม่! ข้าวหอมคิดเมนูและก็คอยชิมรสชาติด้วยค่ะ ก็ถือว่าช่วยทำนะคะ! ไม่มีคนชิมจะรู้ได้ยังไงว่าอร่อยรึเปล่า” ข้าวหอมยิ้มตอบแม่แกมเจ้าเล่ห์เล็กน้อย

สายเมฆส่ายหัวเบา ๆ อย่างระอาในความหน้าหนาของข้าวหอม ‘ยัยเด็กนี่จะหน้าหนาเกินไปแล้วจริงๆ!’

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ สายเมฆก็ขอตัวไปล้างจานทันที ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อตกลงที่ข้าวหอมเป็นคนกำหนดขึ้นมาเองก่อนหน้านี้

‘เพื่อความสงบสุข... เรื่องแค่นี้ไม่ถือว่าหนักหนาหรอก’ สายเมฆพึมพำกับตัวเองขณะก้มหน้าล้างจานชามจนสะอาด

ในส่วนของข้าวหอมและพ่อกับแม่นั้น ศจีได้เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ

“ข้าวหอม ลูกดีกับพี่สายเมฆแล้วเหรอลูก? แม่เห็นลูกคุยกับเขาปกติแล้ว”

“ใช่ค่ะแม่” ข้าวหอมตอบพลางพยักหน้า

“ข้าวหอมคิดดูแล้ว ให้เขาอยู่ที่บ้านเราก็ดีเหมือนกันนะคะ อย่างน้อยเขาก็ช่วยพ่อกับแม่ทำงานนั่นนี่ได้ บ้านเราก็มีแรงงานเพิ่มอีกคนก็ดีไม่ใช่เหรอคะ”

ข้าวหอมพูดพลางเหลือบมองดูมือของพ่อกับแม่ที่หยาบกร้าน มันแดงก่ำและมีรอยด้านจากการทำงานหนัก ตรงหน้าแข้งของพ่อมีรอยถลอกจากการโดนกิ่งไม้เกี่ยว ใบหน้าของแม่เริ่มมีฝ้าแดดที่บ่งบอกถึงการตรากตรำทำงานกลางแจ้งมาอย่างยาวนาน

หัวใจของข้าวหอมพลันบีบรัดด้วยความเจ็บปวด เธอรู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบเค้นหัวใจของเธออย่างแรง

ภาพชีวิตในอดีตที่เธอเคยนอนกลิ้งอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ ไม่เคยต้องแม้แต่จะคิดถึงการทำงานหนักสักวัน ผิดกับภาพตรงหน้าที่พ่อกับแม่ของเธอในภพนี้ต้องทนลำบาก เพื่อแลกกับความเป็นอยู่ที่ไม่ต่างจากเมื่อก่อนที่พวกเขาเคยเล่าให้ฟัง

เธอเคยคิดว่าความลำบากเป็นเพียงเรื่องเล่าจากอดีต แต่ตอนนี้มันกลับเป็นความจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่แค่เรื่องของเธอคนเดียวอีกแล้ว แต่เป็นเรื่องของครอบครัวที่รักและห่วงใยเธอ

ข้าวหอมรู้สึกผิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ที่เคยใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยโดยไม่เคยรู้คุณค่าของหยาดเหงื่อแรงงานที่พ่อกับแม่ของเธอต้องเสียไปเพื่อสร้างฐานะให้เธอได้สบายอย่างนั้น

‘พ่อจ๋า แม่จ๋า... ชาตินี้ข้าวหอมจะต้องทำให้พ่อกับแม่สบายให้ได้! ข้าวหอมจะไม่มีวันปล่อยให้พ่อกับแม่ต้องเหนื่อยอีกแล้วค่ะ!’ เธอรำพึงในใจ น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาเล็กน้อย แต่เธอก็กลั้นเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา

เมื่อจานชามสะอาดเรียบร้อย สายเมฆก็เดินกลับมาร่วมวงสนทนาตรงโถงกลางบ้าน

รุจน์กับศจีที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ต่างก็หันมามองเขาด้วยรอยยิ้ม

“สายเมฆ” ศจีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ตอนนี้หนูมีแผนจะไปไหนต่อหรือเปล่า ถ้ายังไม่มีที่ไป ก็อยู่กับลุงกับป้าที่นี่ไปก่อนนะ บ้านเรายินดีต้อนรับ”

สายเมฆที่เตรียมคำตอบมาแล้วยิ้มรับ เขาก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงความนอบน้อม

“คุณลุงคุณป้าครับ ตอนนี้ถ้าผมกลับบ้านไป ผมคงเป็นคนไม่มีเงินทอง ที่บ้านผมคงจะไม่ยินดีต้อนรับสักเท่าไหร่ถ้าผมจะกลับไปในสภาพนี้ ยังไงผมขออาศัยพึ่งใบบุญลุงกับป้าที่นี่ก่อนนะครับ ผมจะช่วยลุงกับป้าทำงานทุกอย่าง ไม่ให้เป็นภาระเลยครับ”

ศจีกับรุจน์พยักหน้าเข้าใจ ทั้งสองคนเห็นว่าสายเมฆเป็นคนสุภาพเรียบร้อยและดูไม่ใช่คนที่ไม่เอาไหน การให้อยู่ด้วยก็เหมือนมีแรงงานเพิ่มอีกหนึ่งคนอย่างที่ยัยหนูข้าวหอมบอก ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

“หนูมีข้อเสนออีกเรื่องค่ะแม่” ข้าวหอมเอ่ยขึ้นหลังจากที่สายเมฆพูดจบ

“พ่อแม่คงไม่ลืมนะคะว่าหนูเป็นผู้หญิงและเป็นสาวแล้ว ถ้าเราบอกเพื่อนบ้านว่าพี่สายเมฆมาขออาศัยอาจโดนชาวบ้านนินทาได้ หนูว่าเราควรจะบอกชาวบ้านว่าพี่สายเมฆเป็นญาติทางคุณแม่ดีรึเปล่าคะ?”

ศจีและรุจน์มองหน้ากันอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนดีใจที่ข้าวหอมรู้จักคิดเองได้อย่างรอบคอบกว่าที่พวกเขาคาดไว้มากนัก

‘ถ้าไม่นับเรื่องท่าทางเพี้ยน ๆ ตั้งแต่สลบไป ดูเหมือนยัยหนูจะมีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย’

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 29 การตัดสินใจสุดท้าย

    หลังจากเปิดร้านในกรุงเทพฯ ได้เพียงสามปี ร้านเสื้อผ้าของข้าวหอ ก็โด่งดังในหมู่ชนชั้นสูงอย่างรวดเร็ว จนเธอต้องขยายสาขาเพิ่มอีกสามแห่ง รวมถึงมีสาขาในห้างสรรพสินค้าชื่อดังอีกด้วยส่วนโรงงานที่รุจน์และศจี พ่อแม่ของเธอดูแลก็ขยายใหญ่โต จนต้องซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อสร้างโรงงานใหม่ ส่วนโรงงานเดิมถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นที่ผลิตเสื้อผ้าสำหรับร้านของ แก้ว ซึ่งตอนนี้ได้แต่งงานกับธงแล้วข้าวหอมกลายเป็นสาวเนื้อหอมประจำเมืองหลวง ทั้งจากรูปร่างหน้าตา กิริยาวาจาที่งดงาม และรสนิยมการแต่งกายอันโดดเด่น ภาพของเธอปรากฏตามหน้านิตยสารและหนังสือพิมพ์ไม่เว้นแต่ละวัน รวมถึงข่าวซุบซิบเรื่องหนุ่มไฮโซ ดารา ที่พากันมาขายขนมจีบเธอไม่ขาดสายสายเมฆมองดูความสำเร็จของครอบครัวข้าวหอมและทุกคนที่เขาเคยอยู่ด้วย เขารู้สึกภูมิใจอย่างยิ่ง ‘นี่คงถึงเวลาที่เราต้องไปแล้วสินะ’ เขาพึมพำถามตัวเองในใจ“ใช่แล้ว! เจ้าบื้อ!” เสียงดังมาจากด้านหลังสายเมฆ ทำให้เขาต้องหันไปมอง ก็พบว่าพายุ เทวดาผู้คุมกฎของเขายืนอยู่ตรงนั้น“มาไม่ให้สุ้มให้เสียง ตกใจหมดเลย” สายเมฆบ่น “แล้วท่านมาทำไมตอนนี้ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า”“ก็มาหานายนั่นแหละ” พายุตอบพร้อมรอ

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 28 โยกย้ายเพื่ออนาคต

    ที่ร้านตัดเสื้อของข้าวหอม หลังจากลูกค้าช่วงเช้าที่คึกคักทยอยกลับไปหมด ข้าวหอมกำลังเตรียมตัวจะตักอาหารเที่ยงใส่จาน จู่ ๆ องุ่นก็ก้าวเข้ามาในร้าน“ข้าวหอมหนูกินข้าวก่อนก็ได้จ้ะ เดี๋ยวชั้นนั่งรอ” องุ่นเอ่ยอย่างเกรงใจ เมื่อเห็นข้าวหอมเตรียมจะวางช้อน“ไม่เป็นไรค่ะคุณองุ่น” ข้าวหอมยิ้มและเดินผละออกจากโต๊ะอาหารตรงไปหา “คุณองุ่นมาดูแบบเสื้อใหม่เหรอคะ”“ใช่จ้ะข้าวหอม” องุ่นพยักหน้า “ครั้งก่อนชั้นตามสามีเข้าไปกรุงเทพฯ ใส่ชุดของหนูไปงานเลี้ยง มีแต่คนชมชุดหนูนะ รอบนี้สามีมีงานที่กรุงเทพฯ อีก เลยจะมาดูแบบใหม่ ๆ ไว้เตรียมตัว” องุ่นพูดพลางเปิดดูแคตตาล็อกชุดที่วางบนโต๊ะ “จะว่าไปแล้วก็น่าเสียดายนะจ๊ะ ถ้าร้านหนูอยู่ในกรุงเทพฯ คงมีคนเข้าออกไม่ขาดสายเลยทีเดียว”“ไม่แน่นะคะ หนูอาจย้ายไปในกรุงเทพฯ ก็ได้ค่ะ” ข้าวหอมเอ่ยด้วยความมั่นใจ ความคิดนี้เคยแวบเข้ามาในหัวเธอหลายครั้งแล้ว เพียงแต่รอเวลาที่กิจการในอำเภอจะเข้าที่เข้าทางเสียก่อน“จริงเหรอ!” องุ่นอุทานด้วยความแปลกใจระคนยินดี ดวงตาเป็นประกาย“จริงค่ะ แต่อาจต้องใช้เวลานิดหน่อย” ข้าวหอมอธิบายแผนคร่าว ๆ “เพราะต้องหาที่เปิดร้าน หาพนักงานเพิ่ม และรอจัดระเบียบร้า

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 27 ของเลียนแบบ

    “ข้าวหอม อยู่มั้ยจ๊ะ!” เสียงเรียกดังขึ้นแต่เช้า ทำให้ ข้าวหอม ต้องรีบออกมาดู เจ๊จวง ซึ่งตอนนี้เป็นพันธมิตรคู่ค้าสำคัญของโรงงานเสื้อผ้าสำเร็จรูปของข้าวหอมยืนอยู่หน้าบ้าน สีหน้าค่อนข้างเป็นกังวล“อยู่ค่ะเจ๊จวง มีอะไรรึเปล่าคะ อย่าบอกนะว่าชุดล็อตล่าสุดหมดแล้ว” ข้าวหอมทักอย่างอารมณ์ดี เพราะหลังจากโรงงานเสร็จ กิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปก็ไปได้ดีมาก ร้านค้าจากในตัวจังหวัดและต่างอำเภอต่างมาสั่งของเพื่อนำไปขาย ส่วนในอำเภอที่ข้าวหอมอยู่ เธอเลือกส่งให้ร้านเจ๊จวงเพียงที่เดียว เพื่อตอบแทนที่เคยช่วยเหลือกันมา“มีปัญหาแล้วล่ะข้าวหอม ดูนี่สิ!” เจ๊จวงไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับหยิบถุงกระดาษที่ถือมาออกมา แล้วดึงเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่อยู่ในถุงให้ข้าวหอมดูข้าวหอมรับเสื้อมาพินิจ เสื้อที่อยู่ในมือมีตะเข็บที่แตกออก ด้ายที่เย็บบางตัวก็ไม่เรียบร้อย รังดุมบางตัวด้ายก็หลุดรุ่ย เธอขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจที่เจอเสื้อไม่ได้มาตรฐานจากโรงงานของตัวเอง แต่เมื่อลองสังเกตดูดี ๆ เธอก็พบว่ากระดุมที่ใช้ รวมถึงซิปและตะขอ แม้จะมีรูปแบบคล้ายกับของโรงงานเธอ แต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว“เจ๊ไปเอามาจากไหนคะเนี่ย” ข้าวหอมถามเจ๊จวงด้วยความแ

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 26 ก้าวย่างสู่ความสำเร็จ

    “ปัง ปัง ปัง ปัง!”เสียงจุดประทัดดังกึกก้องทั่วซอย บ่งบอกถึงการเริ่มต้นสิ่งใหม่ที่เป็นมงคล วันนี้เป็นวันเปิดร้านเสื้อผ้าของข้าวหอม หลังจากที่เธอได้ออกแบบร้านด้วยตัวเองแล้ว ลุงเพิ่มก็จัดหาช่างฝีมือดีมาลงมือก่อสร้างตามแบบที่ได้รับ ร้านของข้าวหอมออกแบบตามรสนิยมและความชอบของเธอ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์ด้านการช้อปปิ้งของเธอเมื่อชาติที่แล้ว ทำให้ร้านมีดีไซน์ที่ดูแปลกตา ล้ำสมัย และน่าดึงดูดใจเป็นอย่างมาก บรรยากาศภายในร้านโปร่งโล่งสบาย มีการจัดวางชุดเสื้อผ้าอย่างเป็นระเบียบ ชวนให้ลูกค้าอยากเดินเข้ามาชม“ข้าวหอม ยินดีด้วยนะจ๊ะ” คุณองุ่น เดินถือแจกันดอกไม้สวยงามเข้ามาแสดงความยินดีเป็นคนแรก ตามมาด้วยบรรดาภรรยาข้าราชการระดับต่าง ๆ และผู้มีฐานะอีกหลายท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่งเพียงไม่นาน ร้านของข้าวหอมก็ขึ้นชื่อในหมู่คนมีฐานะว่าตัดเย็บเสื้อผ้าได้ประณีตและออกแบบได้ไม่ซ้ำใคร ทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องและจำนวนมาก ช่างตัดเสื้อที่เดิมมีเพียง สาลี่ และแก้ว ซึ่งทำงานกันเองในบ้าน ก็เริ่มจะทำงานไม่ทันตามยอดสั่งซื้อที่เข้ามา ข้าวหอมจึงตัดสินใจขอร้องให้ลุงเพิ่มช่

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 25 ค้นหาความชอบ

    วันนี้หลังจากเรียน กศน. เสร็จ ทุกคนก็กลับมาพร้อมกันที่บ้าน และเริ่มจับกลุ่มคุยกันถึงงานกลุ่มและการบ้านที่ได้รับมอบหมาย“มันยากจังเลยครับลุง! ยากกว่าตอนเรียนประถมอีก” ธง ที่นั่งก้มหน้าทำการบ้านไปได้สักพักก็บ่นออกมา พร้อมกับทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก แก้วซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ชะโงกหน้าเข้าไปดูสมุดของธง แล้วเริ่มอธิบายตรงจุดที่ธงติดขัดอย่างใจเย็น“อดทนหน่อยนะเจ้าธง” รุจน์ เห็นท่าทางของธงแล้วก็อดปลอบไม่ได้ “อย่างน้อยขอให้ได้วุฒิ ม.3 ไปก่อน แล้วค่อยมาดูว่าจะเรียนต่อ ปวส. ปวช. หรือจะเรียนสายสามัญต่อ แต่ยังไงก็ต้องเรียนนะ มีความรู้ติดตัวไว้ก็ไม่เสียหายหรอก”“ครับลุง ผมจะพยายามครับ” ธงตอบรับรุจน์อย่างคนหมดแรง“ธงอยากทำอะไรในอนาคตเหรอ” ข้าวหอม เอ่ยถามธงขึ้นมาเบา ๆธงนั่งคิดอยู่นานก็หัวเราะออกมาอย่างขำขันตัวเอง “ไม่รู้สิข้าวหอม ผมไม่เคยมีความคิดความฝันอยากเป็นอะไรเลย ก่อนมาเจอข้าวหอม ผมก็แค่อยากหางานทำเพื่อจะได้มีเงินไปใช้จ่าย ไม่ต้องรบกวนทางบ้านน่ะ” เขาหยุดเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองข้าวหอม “แล้วข้าวหอมล่ะ มีความฝันอยากเป็นอะไร?”“ข้าวหอมรักเงิน” ข้าวหอมตอบความฝันตัวเองไปด้วยสายตาเป็นประกายแห่งความสุข “ข้

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 24 บ้านเริ่มคึกครื้น

    วันถัดมาหลังจากงานเลี้ยงต้อนรับนายตำรวจจบลง บรรยากาศภายในซอยบ้านของข้าวหอมก็เริ่มคึกคักผิดหูผิดตา มีรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาจอดเทียบท่าไม่ขาดสาย ตลอดทั้งวัน ข้าวหอมยังคงดำเนินแผนการโชว์สินค้าในรูปแบบเดิม เธอจัดวางเสื้อผ้าบนราวอย่างเป็นระเบียบ แล้วนำมาให้ลูกค้าผู้หญิงที่แต่งกายภูมิฐานซึ่งทยอยกันเข้ามาชมทีละราว เธออธิบายรายละเอียดของชุดแต่ละชุดอย่างคล่องแคล่ว เมื่อลูกค้าเลือกชุดที่ถูกใจก็จะเขียนหมายเลขชุดที่ต้องการ ก่อนจะไปวัดตัวกับสาลี่ เพื่อปรับขนาดให้พอดีและจ่ายเงินมัดจำเป็นการยืนยันการสั่งซื้อด้วยความที่การช้อปปิ้งและแฟชั่นคือความชอบส่วนตัวของเธอ ข้าวหอมจึงทำหน้าที่นำเสนอสินค้าได้อย่างเป็นธรรมชาติและไหลลื่น เธออธิบายด้วยรอยยิ้มสดใส พลางแนะนำจุดเด่นของชุดแต่ละชุดอย่างละเอียดลออ สิ่งเหล่านี้สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะได้ชุดสวยแล้ว ยังได้รับคำแนะนำที่เป็นกันเองจากเจ้าของร้านอีกด้วยศจีและรุจน์ มองดูลูกสาวคนเก่งอยู่ห่าง ๆ จากมุมหนึ่งของห้องโถง ใบหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้เป็นอย่างมาก ส่วนสายเมฆนั้น เขายืนพิงกรอบประตู มองดูข้าวหอมที่กำลั

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status