ทันทีที่เสียงของเธอเงียบลง บรรยากาศในห้องทำงานก็ตึงเครียดขึ้นทันทีเมื่อจ้องมองไป ท่าทางที่เย็นชาของ ซู เทียนอ้าย ที่ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย ทัง โรลชูว ก็รู้สึกถึงความโกรธที่เดือดพล่านจากก้นบึ้งของหัวใจของเธอ เธอกลัวว่าเธอจะปล่อยมันออกไป“เธอไม่เข้าใจที่ฉันหมายถึงเหรอ?” ซู เทียนอ้าย ถามกลับทัง โรลชูว ไม่ตอบกลับ เธอจ้องมองอย่างเคร่งเครียดซู เทียนอ้าย เอนหลังพิงเก้าอี้และกอดอก สายตาของเธอกวาดไปทั่วร่างข่าวที่นอนอยู่บนโต๊ะ สัมผัสแห่งความรุนแรงฉายผ่านดวงตาของเธออย่างรวดเร็ว"เธอ ไม่เลยเหรอ?" ซู เทียนอ้าย เลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วหัวเราะเบา ๆ "เอาล่ะ ฉันจะบอกเธอว่าฉันหมายถึงอะไร"ทัง โรลชูว เหล่ตาของเธอเล็กน้อย เธอมองดูริมฝีปากของ ซู เทียนอ้ายขยับขึ้นและลงขณะที่เธอพูดแต่ละคำช้า ๆ "ฉัน กำลัง ทิ้ง ขยะ"ความโกรธที่รุนแรงปะทุขึ้นในดวงตาของ ทัง โรลชูว ทันที มือของเธอที่กดลงกับโต๊ะกลายเป็นหมัดที่กำแน่น เธอโกรธมาก แต่เธอก็ยิ้มออกมาแทน “อะไรนะ? ซู เทียนอ้าย เป็นเพราะเธอไม่มีทางอื่นที่จะจัดการกับฉัน ดังนั้นเธอจึงกำหนดเป้าหมายงานของฉันงั้นเหรอ?”“เป้าหมายของเธอ?” ราวกับว่าได้ยินเรื่องตลก ซู เทียนอ้
ในห้องทำงานของซีอีโอ ตอนนี้มีคนสองคนกำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน พวกเธอคือ ทัง โรลชูว และ ซู เทียนอ้าย สายตาของพวกเธอทั้งสองคนจับจ้องไปที่ชายที่กำลังก้มหน้าเซิน โมเฟย พลิกดูร่างข่าวในมือของเขา คิ้วของเขาขมวดมุ่น พี่สะใภ้คนนี้กระตือรือร้นที่จะลงรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติความรักของเขา เขามีสิทธิ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่จะปกป้องศักดิ์ศรีของเขาในตอนนี้หลังจากอ่านจบเขาก็หัวเราะเบา ๆ "ร่างนี้ ไม่เลวเลย ไม่เลว"ทัง โรลชูว ยิ้มให้ ซู เทียนอ้าย ด้วยความยินดี จากนั้นเธอกล่าวว่า "คุณเซินคะ คุณคิดว่าเราสามารถเผยแพร่ได้หรือเปล่าคะ?"เขาจะบอกว่าไม่ได้เหรอ? เซิน โมเฟย ยิ้มอย่างขมขื่นในใจ ผลของการได้รู้จักคู่รักที่ไร้ความปรานีนั้นช่างทรมานเหลือเกินเขาไอเบา ๆ ก่อนจะพูดช้า ๆ "ใช่ รองผู้จัดการทัง แล้วแต่คุณเลย"“คุณเซินคะ คุณหมายความว่ายังไง?” ซู เทียนอ้าย มองเขาด้วยความไม่เชื่อเล็กน้อยเซิน โมเฟย กางมือออก "ตามที่พูด""ฉันไม่เห็นด้วย" ซู เทียนอ้าย กล่าวอย่างเคร่งเครียด"คุณไม่เห็นด้วยงั้นเหรอ?" เซิน โมเฟย พบว่ามันตลกเล็กน้อย ใครกันที่ทำให้เธอกล้าที่จะไม่เห็นด้วย?เขามองไปที่ ทัง โรลชูว ที่เม้ม
ตระกูลเซินมีประวัติมายาวนานเช่นเดียวกับสี่ตระกูลใหญ่ มันเหมือนเป็นเรื่องลึกลับ หลายคนอยากจะสอดรู้สอดเห็นความลับของพวกเขา แต่ความพยายามทั้งหมดของคนพวกนั้นก็ไร้ผลโดยไม่คาดคิดความสัมพันธ์ของคุณชาย เซิน โมเฟย ก็ถูกเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนใครกันที่กล้าเสี่ยงชีวิตและเปิดเผยชีวิตส่วนตัวของ เซิน โมเฟย?นี่เป็นคำถามที่หลายคนคิดในใจเนื่องจากข่าวนี้ ชื่อของ "เซิน โมเฟย" ยังคงอยู่ในการค้นหาที่มาแรง และตลอดช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวนี้ก็ยังคงเป็นประเด็นร้อนเป้าหมายของการซุบซิบของสาธารณชนกำลังมองไปที่ผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามกับเขาที่ตอนนี้กำลังทำหน้าบึ้งตึงหญิงสาวใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับถ้วยชาในมือ เปลือกตาของเธอยกขึ้นเบา ๆ ขณะที่เธอเหลือบมองเขา จากนั้นมุมริมฝีปากของเธอโค้งงอ "โมเฟยขอแสดงความยินดีด้วย ตอนนี้คุณเป็นคนดังแล้ว!"มุมของริมฝีปากของ เซิน โมเฟย กระตุก "พี่สะใภ้ ผมดังอยู่แล้วนะ โอเค?"ด้วยตัวตนและฐานะของเขา เขาไม่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพาการเปิดเผยเรื่องเช่นนี้ เพื่อให้มีตัวเองดัง!ทัง โรลชูว เลิกคิ้วขึ้นและพยักหน้า "ใช่ คุณเหมือนกับชินจินและเซียวเหยา พวกคุณเป็นผู้ที่มีอิทธิพลมา
"พี่สะใภ้ พี่อยากกินอะไรที่อร่อยไหม?""คุณจะเลี้ยงเหรอ?" ทัง โรลชูว ถามคำถามกลับเซิน โมเฟย หยุดชั่วขณะก่อนที่จะพูดว่า "ใช่"ทัง โรลชูว หันมาและยิ้มให้ ลู ชินจิน "ฉันอยากกินอาหารแบบส่วนตัวที่บ้านน่ะ"...ณ สวนไผ่...ที่นี่เป็นร้านอาหารสไตล์โบราณที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความโบราณ มันแตกต่างอย่างมากกับถนนที่แออัดในบริเวณโดยรอบ ภายในร้านเงียบและสงบเป็นพิเศษ"ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้เลย ว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ในเมือง"มันเป็นเหมือนประสบการณ์ใหม่สำหรับ ทัง โรลชูว เธอรู้สึกประหลาดใจในตอนที่เห็นร้านนี้เป็นครั้งแรก“พี่สะใภ้ มันเป็นเรื่องปกติที่คุณจะไม่รู้ เพราะที่นี่มีแค่คนจากสี่ตระกูลใหญ่เท่านั้นที่มาได้”“เฉพาะคนที่อยู่ในสี่ตระกูลใหญ่เท่านั้นที่มาที่นี่ได้?” ทัง โรลชูว เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจและหันไปมอง ลู ชินจิน ด้วยสายตาที่สับสนคนหลังพยักหน้าเล็กน้อย “ร้านอาหารนี้เปิดโดยพี่สาวคนโตของ ชู หยวน และให้บริการเฉพาะสี่ตระกูลใหญ่เท่านั้น”ทัง โรลชูว พยักหน้า “แล้วทำไม...แล้วทำไม โมเฟยถึงเข้ามาได้ล่ะ?”“เพราะฉันหล่อ!”เซิน โมเฟย ให้คำตอบที่ดูหลงตัวเองมากทัง โรลชูว หัวเราะให้เขา จากนั้น
ทัง โรลชูว ค่อย ๆ นั่งลง และสังเกตไปทั่วทั้งห้องเล็ก ๆ นี้ มันเป็นสไตล์เดียวกับห้องโถงชั้นล่างที่ตกแต่งอย่างดั้งเดิมและเงียบสงบในเวลานี้รูปถ่ายที่แขวนอยู่บนผนังกำลังดึงดูดความสนใจของเธอเป็นอย่างมากเธอเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ เธอก็เห็นได้ว่ามันเป็นภาพหมู่"นี่..." ทัง โรลชูว นับได้เจ็ดคนในรูปถ่ายนั้น พวกเขาทั้งหมดอยู่ในช่วงเด็ก ซึ่งดูเด็กมากเธอดูภาพถ่ายอย่างละเอียดก่อนจะหันหน้าไปมอง ลู ชินจิน และถามว่า "นี่คือรูปถ่ายของคุณหรือเปล่าคะ?""ใช่" ลู ชินจิน พยักหน้าเล็กน้อยเธอเลิกคิ้วและถามอีกครั้ง "ผู้หญิงคนสวยที่อยู่ตรงกลาง เป็นเจ้าของร้านอาหารนี้งั้นเหรอ?"ลู ชินจิน ไม่สามารถกลั้นรอยยิ้มของเขาได้ "คุณรู้ได้ไง?"“นั่นเป็นเพราะเธอแก่กว่าคุณอย่างเห็นได้ชัด”“พี่สะใภ้ รู้ไหมว่าคนไหนคือพี่ชายของผม?” เซิน โมเฟย ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น"แน่นอน!" ทัง โรลชูว ชี้ไปที่เด็กชายที่อยู่ทางซ้ายสุด "ทุกคนในรูปถ่ายยิ้มกันหมด ใครจะมีท่าทางที่เย็นชาแบบเขาคนนี้ได้ล่ะ?”"ฉันไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมเขาต้องทำตัวนิ่ง ๆ เวลาถ่ายรูปด้วย" สีหน้าของ ทัง โรลชูว เต็มไปด้วยความขัดแย้ง สงสัย เธออดไม่ได้ที่จะจินตนา
ทัง โรลชูว เห็น เซิน โมเฟย ที่กำลังหดหู่อยู่ เธอกลั้นหัวเราะไม่อยู่แล้วเผลอหัวเราะออกมาชู เซีย ขมวดคิ้ว “ฉันพูดอะไรตลก ๆ เหรอ?”ทัง โรลชูว เงยหน้าขึ้นมองเธอก่อนจะยิ้มเจื่อน "ไม่ ไม่""เธอเป็นภรรยาของชินจินใช่ไหม?" ชู เซีย ถาม"ค่ะ"ทัง โรลชูว ไม่ได้ตั้งตัว เธอรู้สึกว่าคนสวยคนนี้ กำลังกดดันเธอนิดหน่อย ซึ่งทำให้เธอรู้สึกกังวลเล็กน้อยชู เซีย เลิกคิ้วและหันไปมอง ลู ชินจิน “ลุงลู รู้เรื่องนี้ไหม?”ลู ชินจิน หลับตาลงเล็กน้อย ความรู้สึกเย็นเยียบกระพริบไปทั่วดวงตาของเขา “นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ”ทัง โรลชูว รู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบ ๆ ตัวของเขาเขาเริ่มสั่นคลอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ชู เซีย พูดถึง "ลุงลู"จากปากของ ลู เซียวเหยา เธอได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ของตระกูลลู เธอรู้ว่าในขณะที่ครอบครัวชนชั้นสูงที่ดูหรูหราสำหรับคนอื่น ๆ แต่ก็มีความเน่าเฟะซ่อนอยู่ภายในเธอเชื่อว่า เขาต้องเกลียดพ่อของเขาเองแน่ ๆเช่นเดียวกันกับเธอเธอจับมือเขาอย่างช่วยไม่ได้ เขาหันกลับไปมองเธอด้วยความประหลาดใจเธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน นัยน์ตาของเขามีแต่ความห่วงใย และเข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ความรักปะทุขึ้นภายในร
เพราะพวกเขาดื่มแอลกอฮอล์ ลู ชินจิน เลยเรียกคนขับรถของเขามา เขานั่งที่เบาะหลังกับ ทัง โรลชูวพอขึ้นรถ เขาก็นอนลงในทันที เมื่อเห็นเช่นนั้น ทัง โรลชูว ถามด้วยความกังวล "คุณไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะ?"ลู ชินจิน หันศีรษะไปเพื่อมองหน้าเธอ “เปล่า ผมแค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย”ในช่วงเวลานี้เขาไม่เพียงแต่ต้องจัดการกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ธันเดอร์โบลท์ เอนเตอร์เทรนเมนต์ กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังต้องเกี่ยวข้องกับธุรกิจของตระกูลลู ด้วย เขาคงเหนื่อยเล็กน้อย เพราะต้องจัดการหลายเรื่องดูเหมือนเขาจะเหนื่อยมาก ทัง โรลชูว เห็นอย่างนั้นแล้ว จึงหันไปนวดขมับของเขาด้วยความเป็นห่วงสายตาของ ลู ชินจิน จ้องมองใบหน้าสวยงามของเธอที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน"พักผ่อนเถอะค่ะ เมื่อถึงบ้านฉันจะปลุกคุณเอง"ทัง โรลชูว พูดเบา ๆ ในขณะที่เธอขยับปลายนิ้วช้า ๆ และเบา ๆ ราวกับว่าเธอกำลังบรรเลงเพลงที่ชวนให้หลงใหล ซึ่งสามารถทำให้คนอื่นเข้านอนได้เขาจะแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเธอเท่านั้นความเหนื่อยล้าคืบคลานเข้ามาอย่างช้า ๆ เขามองเห็นใบหน้าของเธอไม่ค่อยชัดและค่อย ๆ เบลอไปในที่สุด เขาหลับไปแล้วทัง โรลชูว ขอให้คนขับรถขับช้าลง
ตำรวจอธิบายกับเขาแบบนั้น เมื่อ เซิน โมเฟย ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ทำให้ตาของเขาเปิดกว้างและตื่นเต็มที่ในเวลานี้ หลังจากครุ่นคิดสักพักเขาก็ค่อย ๆ เปิดปาก "ทำไมคุณต้องให้เธออยู่ที่นี่ในเมื่อยังไม่รู้เลยว่าเธอบาดเจ็บขนาดไหน?”ตำรวจพลิกเปิดบันทึกบนโต๊ะและทวนคำข้างใน "นางสาวหยางผู้เป็นเหยื่อบอกว่า เธอกำลังมีปากเสียงกับนางสาวซอง และด้วยความโกรธนางสาวซองจึงเขวี้ยงจานใส่เธอจนหัวแตก"“หัวแตก?” เซิน โมเฟย หัวเราะและดวงตาของเขามีแต่ความเย้ยหยัน “หัวเธอแตกนี่คำให้การของเธอชัดเจนแค่ไหน? เธอคงไม่ได้สติแตกอยู่ใช่ไหม?”นายตำรวจยิ้มเจื่อน "คุณหยางอะไรนั่นก็แค่มีรอยที่หัวและเลือดออก"เธออยากจะฟ้อง เพราะบาดเจ็บแค่นี้?!เซิน โมเฟย พบว่าสถานการณ์นี้น่าตลกมาก เซิน โมเฟย หันหน้าไปตรวจสอบร่างเพรียวบางที่นั่งอยู่ไม่ไกล เธอจ้องมองตรงไปข้างหน้าอย่างไร้ความรู้สึก ดวงตาของเธอจ้องมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่าโดยไม่มีการโฟกัสใด ๆความเศร้าของเธอ ทำให้คนที่อยู่ข้าง ๆ เธอสัมผัสได้ถึงความหดหู่ทำไมภรรยาพี่เขาถึงมีเพื่อนสนิทอย่างเธอได้นะเซิน โมเฟย เม้มริมฝีปากและอธิบายให้ตำรวจฟัง "ผมจะประกันต