Share

บทที่ 7

ทั้งสองคนออกจากห้องส่วนตัวไปทีละคน

เมื่อออกมาจากห้องส่วนตัว เฮ่อหย่วนเจ๋อบีบเข้าที่ต้นคอบางของอวิ๋นซูไว้ "อย่านึกว่าคุณปู่โปรดปรานเธอ แล้วเธอจะทำตัวไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดได้!"

อวิ๋นซูถูกบังคับให้หายใจอย่างอยากลำบาก แต่ว่ารอยยิ้มบนใบหน้าก็ยังไม่เลือนหายไป

เธอเอ่ยขึ้นแต่ละคำด้วยความยากลำบาก "งั้นนายก็อย่าได้คิดถึงเรื่องการเปลี่ยนไตด้วยการแต่งงานอีก นายควรบอกให้คุณปู่เข้าใจให้เร็วหน่อยนะ ไม่อย่างนั้น มันก็ยากที่จะรับประกันว่าครั้งต่อไปฉันจะพูดอะไร!"

เฮ่อหย่วนเจ๋ออึ้งไปชั่วขณะ

อวิ๋นซูที่อยู่ต่อหน้าเขา ไม่ยอมจำนนต่ออำนาจของผู้อื่นอีกต่อไปแล้ว

ราวกับว่า...เปลี่ยนเป็นคนละคน

มือที่บีบต้นคอไว้ กระชับแน่นเข้าอย่างอดไม่ได้

ในที่สุดเขาจึงได้เอ่ยเตือนขึ้น "เธออย่าได้คิดจะมาเล่นลูกไม้ตื้น ๆ ยกเลิกงานหมั้นไม่มีทางซะหรอก! ไตของเธอให้ได้แค่ซือฉิงเท่านั้น!"

พูดจบ เขาก็หมุนตัวกลับไป

อวิ๋นซูมองตามหลังแน่วแน่ของเขาไป ทันใดนั้นก็เกิดมีความรู้สึกที่ไม่เข้าใจเล็กน้อย ว่าทำไมเมื่อแปดปีก่อนเธอถึงได้ตกหลุมรักเฮ่อหย่วนเจ๋อ

เธอเองก็ไม่ได้สืบสาวราวเรื่องต่อ หมุนตัวกลับ และกำลังจะถามพนักงานเกี่ยวกับอารองของเฮ่อหย่วนเจ๋อที่หายไป ทว่าเธอกลับมองเห็นเฮ่อเหยียนสือที่อยู่ไม่ไกล

เขายืนอยู่ในบริเวณแสงสลัว ที่มองเห็นสีหน้าท่าทางไม่ชัด

เขาสวมชุดสูทที่ตัดเย็บได้อย่างพอดีตัว ห่อหุ้มที่สมบูรณ์แบบของเขาเอาไว้ พลังที่น่าเกรงขาม ราวกับว่าผู้สูงศักดิ์

"ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่"

อวิ๋นซูขมวดคิ้ว โรงแรมเทียนไห่เป็นโรงแรมที่อยู่ใจกลางเป่ยเฉิง มีเพียงคนของตระกูลเฮ่อเท่านั้นที่สามารถเข้าออกได้

เฮ่อเหยียนสือกลับไม่ได้ตอบคำถามของอวิ๋นซู และจ้องมองไปที่เธอด้วยสายตานิ่งๆ

“เฮ่อหย่วนเจ๋อเป็นคู่หมั้นของเธอเหรอ”

ในตอนแรกเขาไม่แน่ใจ ทว่าชายชราพูดมาหนึ่งประโยคเสี่ยวซู ทำให้เขาอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าบนโลกนี้ทำไมถึงได้มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้

ดังนั้นเขาจึงให้ผู้ช่วยตรวจสอบเรื่องราวชีวิตของอวิ๋นซู

และโทรศัพท์เมื่อสักครู่นี้ ก็คือสายจากผู้ช่วยที่โทรมา

หลังจากที่รู้ว่าอวิ๋นซูคือคู่หมั้นของเฮ่อหย่วนเจ๋อ เฮ่อเหยียนสือจึงอดที่จะสงสัยในคู่แต่งงานที่ปรากฏตัวในเวลาที่เหมาะสมนี้ไม่ได้

อวิ๋นซูไม่แปลกใจเลยสักนิด ว่าเฮ่อเหยียนสือรู้เรื่องได้ยังไง

ในเป่ยเฉิงใครกันที่จะไม่รู้ ว่าเธอคือคู่หมั้นของเฮ่อหย่วนเจ๋อ

เธอกล้ายอมรับอย่างตรงไปตรงมา "ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ"

พูดจบ มือใหญ่คู่หนึ่งก็คว้าเข้าที่ขากรรไกรล่างของอวิ๋นซูไว้อย่างแรง

อวิ๋นซูถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้นมองเฮ่อเหยียนสือ

สายตาดุจคมดาบของเขาที่กำลังจ้องมองเธอ

คล้ายกับว่ากำลัง...ตรวจสอบนักโทษ

วินาทีต่อมา เฮ่อเหยียนสือโน้มตัวลงมากลิ่นมิ้นต์ที่มีกลิ่นหอมรุนแรงก็เข้ามายึดครองลมหายใจของอวิ๋นซู

ในหัวของอวิ๋นซูว่างเปล่า พูดอย่างติด ๆ ขัด ๆ "ทำ ทำไมเหรอคะ"

เฮ่อเหยียนสือนิ่งเฉย และจ้องไปที่อวิ๋นซู

แขนขาของอวิ๋นซูแข็งทื่อ หัวใจเต้นแรง ตุบ ๆ

เบือนหน้าออกไปเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงพลังโจมตีจากความหล่อเหลาและหน้าตาดีแบบผู้ชายของเขา และเอ่ยขึ้นเบาๆ "คุณทำให้ฉันตกใจ"

เสียงบอบบางมีเอกลักษณ์ของหญิงสาว ยิ่งทำให้ดวงตาของเฮ่อเหยียนสือมืดครึ้มลง ปลายนิ้วค่อย ๆ ออกแรง

ทันใดนั้นแก้มขาวสะอาดของอวิ๋นซูก็ปรากฏรอยประทับขึ้น

เธอสูดลมหายใจเย็น ๆ เข้า ปะทะกับสายตาของเฮ่อเหยียนสือตรงๆ "คุณเป็นอะไรกันแน่"

ดวงตาสดใสราวกับดวงจันทร์ของเธอ

เฮ่อเหยียนสือที่ถูกเธอมองจนจิตใจกำลังสับสน ค่อย ๆ หันหน้ากลับไป เอ่ยถามขึ้น "รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร"

อวิ๋นซูสับสน "เฮ่อเหยียนสือไงคะ"

เฮ่อเหยียนสือหรี่ตาลง แววตาคมกริบ

แต่กลับไม่มีร่องรอยของการโกหกในดวงตาที่ชัดเจนเกินไปคู่นั้นแม้แต่นิดเดียว

ถ้าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

งั้นก็คงเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ที่แสดงละครเก่งมาก

เขาปล่อยอวิ๋นซูอย่างหงุดหงิด ปลายนิ้วยังคงมีอุณหภูมิหลงเหลืออยู่ สายตาค่อย ๆ เย็นลง "พรุ่งนี้ไปทำเรื่องหย่า"

"ทำไม"

นี่มันกะทันหันเกินไปแล้ว

เฮ่อเหยียนสือดึงเนกไทไปมา และไม่มองไปที่อวิ๋นซูอีก "พรุ่งนี้เก้าโมง เจอกันที่ทางเข้าสำนักงานพลเรือน"

พูดจบ เขาก็ข้ามอวิ๋นซูไป และสาวเท้าก้าวเดินไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

อวิ๋นซูเดินตามเขาไป "เป็นเพราะกังวลเรื่องการแก้แค้นเฮ่อหย่วนเจ๋อเหรอคะ คุณไม่ต้องกังวลนะคะ เฮ่อหย่วนเจ๋อไม่ได้รักฉัน เขาจะไม่ไปรบกวนคุณแน่นอนค่ะ"

ที่เฮ่อหย่วนเจ๋อต้องการคือไตของเธอ

เขาไม่สนใจอยู่แล้วว่าเธอจะแต่งหรือไม่แต่งงาน หรือว่าจะแต่งงานกับใคร

เฮ่อเหยียนสือขมวดคิ้ว และก้าวเท้าเร็วขึ้น

มีแวบหนึ่ง ที่เขาก็เกิดไม่อยากหย่าจริงๆ ขึ้นมา!

เขาบ้าไปแล้วจริง ๆ!

ไม่นานอวิ๋นซูก็ถูกเฮ่อเหยียนสือทิ้งไว้ข้างหลังไกล ๆ

มองไปทางเขาที่กำลังหายไป เธอก็พิงตัวลงกับกำแพงอย่างสิ้นหวัง

หรือว่า...การแต่งงานเพื่อแลกไต คือโชคชะตาของเธอ

เธอสับสน และไม่ทันได้เห็นการปรากฏตัวของแม่บ้านเลยสักนิด

เมื่อแม่บ้านส่งเสียงเรียกสติ เธอถึงได้ตอบสนองกลับคืนมา

แม่บ้านเอ่ยขึ้นอย่างกังวล "คุณหนูอวิ๋น ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ"

อวิ๋นซูใจลอย "ไม่เป็นไรค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ"

แม่บ้าน "คุณปู่เฮ่อให้ฉันมาบอกคุณ ว่าอารองกลับมาแล้วค่ะ"

ในที่สุดก็จะได้พบกับอารองสุดลึกลับคนนั้น อวิ๋นซูเรียกสติคืนมา และเดินตามแม่บ้านกลับมาที่ห้องพักส่วนตัว

ทว่าในห้องพักส่วนตัวกลับไม่มีอารองในตำนานที่ว่า และแม้แต่เงาของเฮ่อหย่วนเจ๋อก็ยังไม่เห็น

ชายชราอธิบายขึ้น "พวกเขามีธุระด่วนเลยขอตัวกลับก่อน ถ้าเธอกลับมาเร็วกว่านี้อีกนิดหนึ่ง ก็คงจะได้เจอกับอารองของหยวนเจ๋อแล้วล่ะ"

อวิ๋นซูหมดอารมณ์แบบสุด ๆ

แต่เพื่อไม่ให้ชายชราเป็นกังวล เธอยังคงฝืนยิ้มอย่างมีความสุขและรับประทานอาหารเป็นเพื่อนชายชราจนเสร็จ

หลังจากออกมาจากโรงแรม อวิ๋นซูหมดแรง ทรุดตัวลงในรถ ไม่อยากจะขยับตัวทำอะไรทั้งนั้น

ในขณะนี้ โทรศัพท์ของหลินเหมียวเหมียวก็โทรเข้ามา

เธอเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน "ที่รัก คืนนี้ฉันต้องทำโอทีชั่วคราว เธอช่วยเอาข้าวไปส่งแม่ฉันได้ไหม"

อวิ๋นซูไม่อยากให้หลินเหมียวเหมียวสังเกตเห็นเบาะแส จึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมีชีวิตชีวา "ได้อยู่แล้ว"

"จุ๊บๆ ที่รัก ฉันรักเธอที่สุด รอให้ฉันได้โบนัสเมื่อไรฉันจะเลี้ยงข้าวเธอนะ"

ทั้งสองพูดคุยสัพเพเหระกันอยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นซูถึงได้วางสาย และให้คนขับรถเปลี่ยนเส้นทาง ไปที่โรงพยาบาล

ที่ประตูทางเข้าโรงพยาบาล เธอได้ซื้อโจ๊กแล้วก็เค้กชิ้นเล็ก ๆ และเดินตรงไปที่แผนกผู้ป่วยใน

ขณะที่เดินผ่านสวนดอกไม้เล็ก ๆ อวิ๋นซูแปลกใจที่เห็นอวิ๋นซือฉิงถูกพยาบาลดูแลผลักให้เดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้

ไม่ใช่ว่าเพราะสายตาเธอดีเกินไป แต่เป็นเพราะมีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ล้อมหน้าล้อมหลังกำลังให้การปรนนิบัติเธอ ชงชาเอย พัดเอย มองแวบแรก ยังคิดว่าเธอเป็นพระพันปีที่กำลังออกตระเวน

อวิ๋นซูอยากจะแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินผ่านไป แต่กลับได้ยินหนึ่งในนั้นพูดขึ้น "คุณนายน้อยคะ คุณชายดีกับคุณนายน้อยจริง ๆ เลยค่ะ ไม่เพียงแค่มาเยี่ยมคุณนายน้อยทุกวัน แถมยังส่งเครื่องประดับมาให้อีก น่าอิจฉาจริง ๆ เลยค่ะ!"

"และคุณชายก็ยังห่วงว่าแค่คนเดียวจะดูแลคุณนายน้อยได้ไม่ดี เลยจ้างคนกว่าสิบคนมาในรวดเดียว คุณชายรักคุณนายน้อยจริงเลยนะคะ"

สายตาแหลมคมของอวิ๋นซือฉิงเจอเข้ากับอวิ๋นซู ตั้งใจทำเสียงให้สูงขึ้น "พี่หยวนเจ๋อรักฉันมากจริง ๆ!"

ถ้าเป็นเมื่อก่อน อวิ๋นซูหันหลังกลับและเดินไป แต่ว่าวันนี้ เธออารมณ์ไม่ดี

และอีกอย่างตัวการที่ก่อเรื่องก็อยู่ตรงหน้าแล้ว มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปล่อยไป

อวิ๋นซูหันกลับไป เดินไปทางอวิ๋นซือฉิงที่ใบหน้าแดงระเรื่อ ไม่เหมือนกับคนป่วยเลยสักนิด "น้องสาว บังเอิญจังเลยนะ"

พอพูดจบเธอก็ยิ้มชามโจ๊กขึ้นมา เทลงไปตรง ๆ บนหัวของอวิ๋นซือฉิง โดยไม่ให้ใครมีโอกาสได้เตรียมตัว "เมื่อกี้เหมือนเห็นกำแพงมันขยับ ที่แท้ก็เป็นหนังหน้าของน้องนี่เอง"

โจ๊กกำลังร้อน ๆ

ในสวนดอกไม้ ทันใดนั้นเสียงร้องเรียกราวกับเชือดหมูดังขึ้น

"อร๊าย!!"

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status