-สองเดือนผ่านไป-
“กี่โมงแล้ว”
ดาวเหนือเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสะลึมสะลือ ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย มองเห็นฟรินกำลังนั่งจ้องหน้าจอโน๊ตบุ๊คด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“บ่ายสามสิบห้า”
“ทำไมไม่ปลุกเหนือ”
“กรนดังซะขนาดนั้น ใครจะไปกล้าปลุก” เขาอมยิ้มเล็กน้อย ก้มมองร่างบางที่กำลังนอนหนุนตักไม่ยอมลุกไปไหน
ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ไปตามพวงแก้มของหญิงสาวด้วยความอ่อนโยน เขาและเธอให้สถานะคบกันแบบเปิดเผยในฐานะคนรักมาเป็นระยะเวลาสองเดือน
“อย่ามาพูดมั่วนะ เหนือไม่เคยนอนกรน”
“น้ำลายเปียกกางเกงฉันขนาดนี้ ยังจะมาเถียงอีก”
“…..” คนตัวเล็กทำหน้างอ รีบดีดตัวลุกขึ้นนั่ง เผลอจ้องมองไปยังกางเกงสแล็คสีดำของฟรินที่มีรอยเปียกเป็นวงกว้าง
“จ้องนานขนาดนั้น ระวังมันตื่นแล้วจะเจ็บตัว” ชายหนุ่มขยับเข้าใกล้จูบเธอเบาๆ ก่อนจะใช้ฟันคมขบกัดริมฝีปากล่างอย่างแรงด้วยความมันเขี้ยว
“อื้ออ…เจ็บ” ดาวเหนือสะดุ้งด้วยความเจ็บ สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่ลอยคละคลุ้งอยู่ในโพรงปาก
“เหนือไม่ได้มองตรงนั้นของฟรินสักหน่อย”
“ก็เห็นจ้องก็นึกว่าอยากโดนซะอีก”
“…..”
“การบ้านวิชาภาษาอังกฤษกับรายงานสังคมที่ต้องแก้ ฉันจัดการให้แล้ว เธอลองเข้าไปเช็คดูในอีเมล์อีกที”
“ฟรินทำการบ้านให้เหนือหมดเลยเหรอ”
“อืม”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าเหนือมีการบ้านอะไรบ้าง”
“โทรไปถามเพื่อนเธอ”
“งานของตัวเองเยอะกว่าเหนืออีก คราวหลังไม่ต้องลำบากทำให้เหนือแล้วนะ” ดาวเหนือบอกอย่างเกรงใจ แค่ลำพังงานของเขาที่มีอยู่ก็ล้นมือมากแล้ว แต่ยังเสียเวลามาทำงานให้เธอ
“ทำการบ้านให้เมีย เขาไม่ได้เรียกว่าลำบาก”
“…..” ดวงตาคู่สวยวาดสายตาหันมองซ้ายขวาหลังจากได้ยินประโยคนั้น กลัวว่าคนอื่นผ่านมาแล้วจะดูไม่ดี
“อยู่กันแค่สองคน ไม่มีใครได้ยิน” ฟรินพูดอย่างราวกับรู้ทันว่าคนตรงหน้าคิดอะไรอยู่
“รีบเก็บของสิ เดี๋ยววันนี้ไปส่ง”
“บ้านเราอยู่ไกลกัน ฟรินขับรถไปส่งเหนือทุกวันแบบนี้มันสิ้นเปลืองนะ เดี๋ยวเหนือกลับเองก็ได้”
“แค่ไปรับส่งเธอทุกวัน มันไม่ได้ทำให้ฉันตายหรอก”
“…..”
“ฉันจะไปรอที่รถ เก็บของเสร็จรีบตามมา”
ยังไม่ทันได้ให้คำตอบ ฟรินก็รีบเดินหนีออกไปเสียก่อน ทำให้คนตัวเล็กรีบเก็บของใส่กระเป๋าวิ่งตามเขาออกมาติดๆ
-บนรถ-
“เพิ่งสูบบุหรี่มา ขอดูดปากหน่อยได้มั้ย” ฟรินหันไปมองร่างบางที่นั่งอยู่เบาะข้างๆ ในขณะที่รถกำลังจอดติดไฟแดง
“ไม่เอา เหม็น” ดาวเหนือบอกปฏิเสธ เบือนหน้าหนียามที่ใบหน้าคมคายขยับเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นเจือกลิ่นบุหรี่จางๆ
“แป๊บเดียว”
“เหนือบอกว่าไม่ก็คือไม่ไง”
“เดี๋ยวโอนให้แสนนึง”
“…..”
“สามแสนก็ได้ถ้ายอมให้จูบ”
“เหนือไม่ชอบเลย” ดาวเหนือทำสีหน้างอแงเมื่อฟรินจะพยายามจะดึงเธอเข้าไปจูบให้ได้
“รู้แล้ว ตอนนี้ก็พยายามเลิกอยู่”
ชายหนุ่มถอดแว่นตาออกจากใบหน้า ประกบจูบริมฝีปากสอดเรียวลิ้นอุ่นเข้าไปในโพรงปากเล็กอย่างดูดดื่ม ก่อนที่ดาวเหนือจะยอมแพ้เป็นฝ่ายถอนจูบออกก่อน
“คืนนี้ไปนอนด้วยกันมั้ย เดี๋ยวไปรับที่บ้านเหมือนเดิม”
“ไม่เอา”
“กลัวโดนฉันเอาเหมือนครั้งก่อนเหรอ”
“ฟริน!” ร่างบางเหวใส่อย่างหมดความอดทนไม่คิดว่าฟรินจะพูดคำนี้ต่อหน้าคนอื่น โดยเฉพาะแฟรงก์ที่นั่งอยู่เบาะหลัง
ตั้งแต่ไอ้ฟรินมันมีเมีย ที่นั่งประจำก็ต้องเสียสละให้ดาวเหนือ ส่วนเขาก็ต้องย้ายมานั่งเบาะหลังแทน
“ชินแล้ว เชิญตามสบาย” แฟรงก์ที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรกพูดแทรกขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
ดาวเหนือน่ะไม่เท่าไหร่ มีแต่น้องชายนั้นแหละที่วอแวคอยจับคอยจูบเธออยู่ตลอด
“ถ้าจะฟัดกันขนาดนี้ แวะเข้าโรงแรมเอากันเลยมั้ย เดี๋ยวกูนั่งรอบนรถ”
“มึงพกถุงมามั้ย กูขอหน่อย” ฟรินหันกลับมาถาม พร้อมแบมือยกยิ้มมุมปากยียวนใส่พี่ชาย อยากลองกวนประสาทมันกลับแค่นั้นเอง
“ไอ้น้องเวร! กูประชดเว้ย”
“…..”
“พอเปิดตัวนี่เอาใหญ่ ทั้งผัวทั้งเมีย”
“เป็นแค่แฟนก็พอ”
“จะมาฟงมาแฟนอะไรไอ้แว่น มึงอย่ามาดัดจริต”
“…..” ฟรินตวัดสายตามองพี่ชายด้วยสายตาเรียบนิ่งส่งสัญญาณเพื่อให้มันหยุดพูด แต่คนอย่างไอ้แฟรงก์มีเหรอที่จะยอมหยุดง่ายๆ
“สงสัยกูคงต้องโทรบอกเจ๊ปาลินให้เตรียมซองไว้รับขวัญหลานแล้วมั้ง”
“…..”
“ดูแล้วกูน่าจะได้เลี้ยงหลานก่อนเรียนจบ”
“อย่าปากดีไอ้แฟรงก์!”
“ระวังตัวด้วยนะเหนือ อย่าไปไว้ใจมันมาก ไอ้แว่นมันเลวกว่าที่คิด”
สิ่งที่แฟรงก์พูดทำเอาดาวเหนือถึงกลับรีบหันมามองแฟนหนุ่มในทันที เธอไม่ได้คิดมากเพราะรู้ว่าแฟรงก์คงพูดเล่นเหมือนทุกครั้ง
“เงียบปากสักทีเถอะ”
“…..”
รถยุโรปคันหรูเคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าบ้านของดาวเหนือเป็นประจำอย่างเช่นทุกวัน
“ขอบคุณที่มาส่ง” ก่อนลงจากรถไม่ลืมที่จะหันไปกล่าวขอบคุณ
“ไหนรางวัล”
“แล้วฟรินอยากได้อะไร”
“หอมแก้มฉันสองที”
“แค่สองพอนะ”
“หรือจะจูบแรงๆ ด้วยก็ได้ ฉันไม่ติด”
“แค่หอมแก้มก็พอ”
“จะทำอะไรก็ทำ”
ดาวเหนือรั้งใบหน้าคมคายให้เข้าใกล้ ฝังปลายจมูกหอมแก้มชายหนุ่มหลายครั้ง
“ถ้าถึงบ้านแล้วจะโทรหา”
“โอเค งั้นเหนือไปก่อนนะ”
แฝดทั้งสองมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่เดินจากไป ก่อนที่แฟรงก์จะเป็นคนเปิดบทสนทนา
“สรุปมึงกับเหนือนี่เอายังไง จริงจังใช่มั้ย”
“…..”
“เหนือดูรักมึงนะไอ้ฟริน ถ้าไม่จริงจังก็หยุดได้แล้ว หยุดตั้งแต่ตอนนี้” แฟรงก์พูดเสียงอ่อน ยามคิดเห็นใบหน้าของดาวเหนือ
“ยังไงก็เพื่อนกูเหมือนกัน กูสงสารเหนือ”
“ถ้ากูอยากหยุดเดี๋ยวกูหยุดเอง”
“แล้วมึงจะทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน”
“…..”
“แล้วถ้าเหนือรู้ความจริงว่ามึงกำลังหลอกเธอ เหนือจะรู้สึกยังไง”
“เอาไว้ให้มาถึงวันนั้นก่อนแล้วกัน”
“อืม…” แสงแดดสาดกระทบเข้ามาภายในห้องนอน ช่วยปลุกคนที่หลับอยู่ให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา “อรุณสวัสดิ์” ดาวเหนือขยับพลิกตัวไปมา ก่อนจะลืมตาขึ้นมองเมื่อถูกหอมแก้มซ้ำแล้วซ้ำอีก “สายมากแล้ว วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ” “ให้ป๋าไปดูงานแทน วันนี้เลยมีเวลาว่างทั้งวัน” “ชนินทร์งอแงไหมคะ” หญิงสาวหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง เอนหลังพิงหัวเตียง มองดูลูกชายคนเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของสามี “อยู่กับป๊าเป็นเด็กดี ไม่งอแงเลยครับ” “ปะ…ป๊า~” ชนินทร์ในวัยสิบเดือนเริ่มส่งเสียงเจื้อยแจ้ว วางหน้าซบลงบนลาดไหล่ของผู้เป็นพ่ออย่างออดอ้อน “ว่าไงสุดหล่อ อ้อนป๊าทำไม” “ป๊า~” “อยากมีลูกอีกสักสิบคน” ไม่พูดเปล่า แต่ยังปรายสายตามองไปทางภรรยาด้วยสีหน้าจริงจัง “เพ้อเจ้อ” “ถ้าเธอไม่หนีไปทำหมัน ป่านนี้คงกำลังท้องลูกฉันอยู่” “ใจคอไม่คิดจะให้พักบ้างเลยหรือไง เหนือเป็นคนนะ ไม่ใช่แม่วัว” ดาวเหนือถอนหายใจลากยาวด้วยความท้อใจ เพราะวันๆ ฟรินเอาแต่คิดหมกมุ่นอยู่กับเธอ ต่อให้เวลาจะผ่านไปนานกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี เข
“ทำไมที่คอของแม่มีรอยแดง” ดาวเหนือหยุดชะงัก รีบดึงคอเสื้อขึ้นมาปิดลำคอ หลังจากได้ยินคำถามของลูกสาว “ป๊าทำเอง” ฟรินรีบออกรับแทน พลางไล่สายตามองปฏิกิริยาของภรรยา “ป๊ากับแม่ทะเลาะกันเหรอ บีบคอแม่ทำไม” “ป๊าไม่ได้บีบคอแม่ ป๊าแค่จุ๊บแรงๆ” “แล้วแม่เจ็บไหม” ลูกสาวคนโตหันมาถามผู้เป็นแม่อย่างไร้เดียงสา “จะ…เจ็บค่ะ” ดาวเหนือพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันไปถลึงตาใส่สามีด้วยความไม่พอใจ “ทีหลังป๊าห้ามจุ๊บแม่แรงนะ ศุกร์ให้จุ๊บเบาๆ ก็พอ” “งั้นคราวหน้าป๊าจะจุ๊บเบาๆ” “ฟรินนั่งคุยกับลูกไปก่อนนะ เดี๋ยวเหนือจะเข้าครัวไปหยิบจานผลไม้มาให้” “อย่าไปนาน…คิดถึง” ดึงมือของหญิงสาวมาหอมซ้ำไปซ้ำมา รู้ตัวว่าเสพติด รู้ว่าคลั่งเธอมาก แต่ก็หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ “ปัญญาอ่อนฉิบหาย” แฟรงก์ที่นั่งเงียบอยู่นาน เบะปากมองคว่ำด้วยความรำคาญใจ สองผัวเมียคู่นี้มันยอมกันที่ไหน ไอ้แว่นมันคิดจะทำอะไรก็ทำโดยไม่สนสถานที่หรือผู้คน “สาธุ…กูขอให้เหนือมีผัวใหม่ในเร็วๆ นี้ จะได้หลุดพ้นจากคนประสาทอย่างมึง”
“นิ่งเฉยอยู่ทำไม หรืออยากใช้มากกว่าปาก?” ดาวเหนือคุกเข่าลงตรงหน้า เลื่อนสองมือเข้าไปถอดกางเกงของชายหนุ่มออกอย่างรู้งาน ดวงตาคู่สวยไหวสั่น มองความเป็นชายที่กำลังขยายตัว ถึงแม้จะเห็นอยู่แทบทุกวันแต่หัวใจยังคงเต้นแรงทุกครั้ง ปากบางครอบลงบนแก่นกายอย่างละเมียดละไม เรียวลิ้นอุ่นเลียวนไปทั่วบริเวณส่วนปลาย ก่อนจะออกแรงดูดเบาๆ สัมผัสได้ถึงน้ำสีใสที่ไหลซึมเปียกแฉะไปทั่วริมฝีปาก ฟรินก้มลงมองการกระทำของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยา ท่าทางไม่ประสีประสาแต่เขากลับมองว่ามันน่าหลงไหลจนโงหัวไม่ขึ้น “แค่เห็นหน้าเหนือก็เหมือนจะแตก” “อึก…” ใบหน้าแสนหวานเบ้เบี้ยว เมื่อแก่นกายขยายใหญ่คับริมฝีปากจนเธอเริ่มรู้สึกหายใจติดขัด ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยพวงแก้มแดงระเรื่ออย่างนึกเอ็นดู ภาพที่เธอกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเป็นสิ่งที่เขาอยากเห็นมากที่สุด มือสากเลื่อนเข้าไปจับศีรษะของหญิงสาวไว้มั่น ก่อนจะอัดกระแทกความเป็นชายเข้าออกในโพรงปากเล็กตามจังหวะที่ต้องการซ้ำแล้วซ้ำอีก “อยากให้แตกใส่ตรงไหน” “แล้วแต่ฟรินจะทำ”
“ชนินทร์น่ารักจังเลย หนูขอจับน้องได้มั้ยคะ” ดาวศุกร์เกาะขอบเตียงเขย่งปลายเท้าขึ้นมองน้องชายด้วยความตื่นเต้น “ได้ค่ะ จับน้องเบาๆ นะคะ” “ศุกร์รักน้องค่ะแม่” ดาวศุกร์เผยรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุขเมื่อมองเห็นน้องชายตัวจิ๋ว “เป็นพี่น้องต้องรักกันนะคะ” “ถ้าศุกร์โต เดี๋ยวศุกร์จะเป็นคนเลี้ยงน้องแทนแม่กับป๊าเอง” เพราะเห็นว่าป๊าทำงานหนักเลยอยากแบ่งเบาภาระช่วยดูแลแม่กับน้อง “ลูกสาวของแม่คนนี้เก่งที่สุดเลยค่ะ” “ป๊าแฟรงก์เคยสอน บอกว่าถ้าศุกร์เป็นเด็กดีจะมีแต่คนรักเรา” เด็กน้อยยืดอกพูดด้วยความภาคภูมิใจ เพราะถ้าดื้อมากๆ จะโดนป๊าแฟรงก์ดึงหู “ใช่แล้วค่ะ ถ้าหนูเป็นเด็กดี ทุกคนจะรักหนู” “ศุกร์สัญญาเลยว่าจะไม่ดื้อไม่ซน ป๊ากับแม่จะได้รักศุกร์มากๆ” โชคดีที่ดาวศุกร์เป็นเด็กเลี้ยงง่าย อาจจะซุกซนไปบ้างตามวัยแต่มีจิตใจดี ชอบสงสารและช่วยเหลือคนอื่นอยู่เป็นประจำ “…..” “เอาอีกดิไอ้แว่น” แฟรงก์สะกิดน้องชายเบาๆ เพื่อให้หันมองลูกทั้งสามคนที่กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน “อะไร?”
“ทำไมวันนี้คนสวยตื่นเช้า ไม่นอนต่ออีกสักหน่อยเหรอ” ชายหนุ่มเดินเข้าไปสวมกอดคนตัวเล็กไว้แน่นจากทางด้าน โน้มริมฝีปากพรมจูบที่ลำคอขาวเบาๆ ด้วยความหวงแหน วันนี้ดาวเหนือตื่นเช้ากำลังยืนดูพระอาทิตย์ขึ้นอยู่ริมระเบียงห้องของบ้านพัก “อยากดูพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ” “สวยมาก” “ใช่ค่ะ สวยมากเลย” “ไม่ได้หมายถึงพระอาทิตย์ แต่ฉันหมายถึงเธอ” ปลายนิ้วเรียวลูบไล้พวงแก้มอมชมพูอย่างอ่อนโยน “ตื่นมาก็อ้อนเมียแต่เช้าเลยนะคะ” เขย่งปลายเท้าขึ้นไปหอมแก้มของสามีเบาๆ “อยากทำมากว่าอ้อนอีก” “…..” ใบหน้าแสนหวานเห่อร้อนด้วยความเขินอาย ขยับถอยหนีแต่ฟริน ยังคงเดินตามไม่ห่างไปไหน “อยากย้ายมาอยู่ที่นี่มั้ย เธอจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นทุกวัน” “เหนือชอบที่นี่ แต่ฟรินเองก็ยังมีธุรกิจและลูกน้องที่ต้องดูแล เอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ” “ขอแค่บอกมาคำเดียว เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง” อะไรที่เป็นความสุขของลูกกับเมียเขายินดีทำให้แบบไม่มีข้อแม้ “คงต้องถามลูกๆ ก่อนว่าอยากมาอยู่ที่นี่ไหม เหนือแล้วแต่ลูก” “ส่วนฉั
“กินผักเยอะๆ หลานแฟรงก์จะได้แข็งแรง” แฟรงก์ยื่นจานผักและผลไม้ให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ดาวเหนือท้องแก่ใกล้คลอดจำเป็นต้องกินแต่ของที่มีประโยชน์ “เหนือว่าคนนี้ต้องตัวโตมากแน่เลย” คนตัวเล็กเผยรอยยิ้มบางๆ อย่างมีความสุข ทุกคนในครอบครัวล้วนแต่เฝ้ารอที่จะได้เห็นหน้าสมาชิกใหม่ “ตัวโตก็ดีแล้ว จะได้ดูแลปกป้องพี่สาวได้” “ศุกร์ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาปกป้องหรอก” ดาวศุกร์พูดขึ้นลอยๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารในจานของตัวเอง “ตัวแค่นี้อย่าทำซ่าส์นะศุกร์” “ก็ป๊าฟรินเป็นคนสอนหนูเองว่าให้ลูกเข้มแข็ง” “สภาพอย่างไอ้แว่นเนี่ยนะจะมาเข้มแข็ง ตอนโดนเมียทิ้งร้องไห้จะเป็นจะตาย” แฟรงก์หรี่สายตามองหน้าน้องชายอย่างเอือมๆ “ป๊าต้องไปนั่งเฝ้านอนเฝ้า อดหลับอดนอน จนจะเป็นบ้าตามมันไปอีกคน” “กูอยู่ของกูดีๆ ไอ้แฟรงก์ อย่ามาลามปาม” คนที่ถูกกล่าวหา เกิดอาการร้อนตัวรีบพูดแทรกขึ้น เขาอุตส่าห์นั่งเงียบๆ แต่ก็ก็ยังมิวายโดนพูดจากระแทกแดกดัน “กูพูดความจริงทั้งนั้น มึงรับไม่ได้เหรอ” “แล้วเมียของป๊าเ