“กูจะให้ในสิ่งที่มึงอยากได้ และมึงจะต้องจดจำค่ำคืนนี้ไปตลอดชีวิต มึงต้องอยู่อย่างทุกทรมาน จนกว่ามึงจะสิ้นลมหายใจ รู้ไว้ซะ!!”
View Moreสองเท้าย่างย้ำอย่างแผ่วเบา เพราะกลัวคนตรงหน้าที่กำลังหันหลังยืนทำกับข้าวจะได้ยิน หนึ่งปีเต็ม ๆ ที่เราไม่ได้มาเหยียบบ้านหลังนี้ บ้านที่เต็มไปด้วยความรักของแม่ เพราะเรามัวแต่เอาเวลาที่ควรจะไขว่คว้าความสุขกับคนที่เรารักที่สุด ไปทำงาน
“จ๊ะเอ๋!” หญิงสาวใช้นิ้วจี้เอวคนที่อยู่ตรงหน้า แล้วยิ้มร่าออกมาอย่างมีความสุข “ว้าย! ใครน่ะ!” ส่วนคนตรงหน้าก็สะดุ้งตกใจ อุทานออกมาเสียงดัง ก่อนจะรีบหันหลังมาดูให้เห็นกับตาว่าใครนั้น เป็นคนทำให้ตนขวัญเสีย “แป้งเองแม่ ฮ่าๆๆ” “ยัยแป้ง” ผู้เป็นแม่ทำท่าตกใจแล้วรีบโผเข้ากอดลูกสาว “ไปไงมาไง จะกลับบ้านทั้งทีทำไมไม่บอกแม่ แม่จะได้เตรียมของอร่อย ๆ ไว้รอ” ของอร่อย ๆ ที่แม่พูดถึง ก็คงจะเป็นน้ำพริกกะปิกับผักลวกสินะ อาหารที่แม่ชอบทำให้เรากินบ่อย ๆ ซึ่งเราก็ชอบกินมันมากๆ เพราะฝีมือการทำอาหารของแม่ขั้นเทพอย่าบอกใคร “แป้งอยากมาเซอร์ไพรส์ไง คิดถึงแม่จังเลย...” เรากอดกระชับผู้เป็นแม่อย่างแนบแน่นด้วยความคิดถึง ส่วนแม่ก็ลูบหลังเราอย่างแผ่วเบา “แม่ก็คิดถึงแก ยัยตัวแสบของแม่... ปะๆๆ ไปกินข้าวกัน กับข้าวกำลังจะเสร็จ เดี๋ยวแม่ไปปูเสื่อรอ มาๆๆ มานั่งรอแม่เลยยัยแป้ง เดี๋ยวแม่ยกกับข้าวมาเสิร์ฟ” เรารีบก้าวเท้าไปนั่งบนเสื่อที่แม่ปูเมื่อสักครู่ ก่อนจะวางกระเป๋าลงข้าง ๆ อย่างนุ่มนวล ส่วนแม่มีอาการลุกลี้ลุกลน เหมือนคนที่ตื่นเต้นมากๆ แม่มีอาการกระสับกระส่ายเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก แม่คงดีใจมากที่เห็นเรากลับบ้าน เรารู้ว่าแม่คิดถึงเรา ส่วนเราก็คิดถึงแม่เหมือนกัน แต่ทำไงได้ ก็เราต้องทำงานนี่ แล้วระยะทางกลับบ้านมันก็ไกลแสนไกล แถมค่ารถไปกลับมันก็แพงแสนแพง ซึ่งช่วงนี้เรากำลังประหยัด และเก็บเงินทำตามความฝันอยู่ “มาแล้วๆๆ ผักลวกร้อนๆ กับน้ำพริกกะปิที่แกชอบ” “โห้ว แม่!! น่ากินชะมัดเลย แป้งไม่เกรงใจแล้วนะ 555” เรารีบใช้นิ้วจิ้มน้ำพริกกะปิแล้วเอามาดูด เมื่อผู้เป็นแม่เห็นก็ตกใจรีบตีแขนเราอย่างไว ส่วนเราก็รีบเอามือมาลูบแขนตัวเองเบา ๆ ด้วยความเจ็บ ทำไงได้ล่ะ ก็ของชอบเรานี่ เห็นแล้วใช่ไหมล่ะ ของอร่อย ๆ ที่ผู้เป็นแม่พูดถึง ก็คือ ผักลวกกับน้ำพริกกะปิ จริง ๆ ด้วย “ติดนิสัยตอนเป็นเด็กมาแล้วนะ ตอนนี้เราโตแล้ว อย่าทำแบบนี้อีกนะแป้ง ถ้าใครผ่านไปผ่านมาเห็นเข้า จะดูไม่ดี” แม่ขมวดคิ้วทำหน้านิ้วดุเราอย่างใจเย็น ส่วนเรานะเหรอ ก้มหน้าก้มตาทำหน้าบู้บี้ก่อนจะเงยหน้ามาฉีกยิ้มกว้างให้แม่อย่างไม่สลด “จ๊ะแม่... แป้งจะทำให้บ่อยกว่าเดิมน่ะ 555” เราหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขก่อนจะใช้นิ้วจิ้มน้ำพริกกะปิมาดูดอีกครั้ง ส่วนแม่น่ะเหรอ เขม่นตาจ้องเราด้วยความโกรธใหญ่เลย เราชอบทำให้แม่งอนบ่อย ๆ เพราะเวลาแม่งอน แม่จะน่ารักมากๆ “แม่เป็นไงบ้าง? ” หญิงสาวทิ้งความแก่น ความซ่า ก่อนจะพูดประโยคอ่อนนุ่มกับผู้เป็นแม่ด้วยความเป็นห่วง “ก็ดี... แม่แข็งแรงขึ้นเยอะ ช่วงนี้แม่สวดมนต์ ทำสมาธิบ่อย ๆ น่ะ อาการที่เป็นอยู่เลยดีขึ้น” “หนูขอโทษนะแม่ ช่วงนี้หนูทำงานพิเศษเพิ่ม ไม่ค่อยมีเวลาว่างเลย หนูเสียใจที่ไม่ได้กลับมาดูแลแม่บ่อย ๆ” หญิงสาวมองหน้าผู้เป็นแม่ด้วยความเจ็บปวด น้ำตาก็ไหลมาคลอเบ้าด้วยความรู้สึกผิด เราผิดหวังในตัวเองมากที่ไม่สามารถดูแลแม่ให้อยู่อย่างสุขสบายได้ “ไม่เป็นไรเลยแป้ง อย่าคิดมากสิลูก แกทำหน้าที่ลูกได้ดีมาก ๆ เลยนะ ไม่เคยทำให้แม่ลำบากใจเลย ว่านอนสอนง่าย แกเป็นเด็กที่น่ารักมาก ๆ รู้ไหม แกก็ส่งตังค์มาให้แม่บ่อย ๆ อยู่แล้วนี่ เห็นไหมความดีของแกก็มี แล้วอีกอย่างแม่ก็แข็งแรงดี แม่ดูแลตัวเองได้” “แต่แป้งเป็นห่วงแม่นี่” “ไม่ต้องห่วงแม่หรอกลูก... แกก็เหมือนกัน อย่าหักโหมงานหนักให้มากล่ะ เดี๋ยวจะป่วยเอา แม่ไม่ได้อยู่ดูแลแกเหมือนตอนเด็ก ๆ แล้วน่ะ” “จ๊ะแม่!!” หญิงสาวฉีกยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะพยักหน้าตอบผู้เป็นแม่ ส่วนแม่ก็ยกมือขึ้นมาลูบหัวไหล่เราอย่างแผ่วเบา ก่อนจะยิ้มจาง ๆ ให้เรา “เออะแม่ แป้งมีเรื่องจะบอกหน่ะ” “มีอะไรหรือเปล่า?” แม่หันมามองเราสักพัก ก่อนจะหันกลับไปตักข้าวใส่จานให้เรา “คือ... แม่รู้ใช่ไหมว่าแป้งทำงานหนักเพื่อแม่ คือ... ตอนนี้แป้งเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง แป้งว่า... แป้งจะกลับไปเรียนหน่ะแม่ แม่ว่าไงคะ?” หญิงสาวหันไปสบตาผู้เป็นแม่ ก่อนจะรอฟังคำตอบของแม่อย่างมีความหวัง เพราะเราอยากกลับไปเรียนมากๆ “ดีนี่!! แล้วแกอยากเรียนอะไรละแป้ง?” เราถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะแม่อนุมัติ เห็นดีเห็นงามไปกับเราด้วย เพราะเรากลัวว่าแม่จะขัด เพราะคณะที่เราอยากเรียนค่าเทอมมันแพงมาก ๆ ซึ่งเด็กสลัมอย่างเราอย่าหวังว่าจะได้เรียนถ้าไม่มีกำลังทรัพย์มากพอ “แป้งอยากเป็นพยาบาล” “อืม... แม่เชื่อว่าแกทำได้ เพราะแกเก่ง ถึงแม่จะไม่สามารถช่วยอะไรแกได้มาก แต่แม่เป็นกำลังใจให้แกนะ” ผู้เป็นแม่สูดลมหายใจเข้าไปลึกมาก ๆ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ แล้วฉีกยิ้มจาง ๆ มองหน้าลูกสาวด้วยความเอ็นดู “แม่ขอโทษนะ ที่ไม่สามารถส่งแกเรียนต่อมหาลัย พร้อมเพื่อน ๆ ได้” แม่จ้องมองลูกสาวผู้เป็นที่รักแล้วน้ำตาคลอเบ้า เราสงสารแม่จังเลย แม่คงรู้สึกผิดต่อเรามากๆ ส่วนเราพยายามพูดปลอบใจแม่ ให้คลายจากความเศร้า แม่จะได้ไม่ต้องคิดมาก “ไม่เป็นไรค่ะแม่ แม่ไม่ต้องคิดมากนะ แป้งเข้าใจ แม่ไม่ต้องโทษตัวเองนะ แป้งเคยสัญญากับแม่แล้วไง ว่าต่อจากนี้แป้งจะเป็นคนดูแลแม่เอง” เราเอื้อมไปจับมือแม่มากุมไว้อย่างแผ่วเบา ก่อนที่แม่จะพูดกับเราด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ถ้าตอนนั้นพ่อแกไม่เสียไปเสียก่อน แกก็คงมีอาชีพดี ๆ ทำอย่างที่แกฝัน จะได้ไม่ต้องเต้นกินรำกินแบบนี้” จู่ ๆ แม่ก็ก้มหน้าลง ก่อนที่เราจะเห็นหยดน้ำใส ๆ ตกลงมาบนหลังมือของเรา เพราะตอนนี้เรากำลังกุมมือแม่อยู่ นี่แม่ร้องไห้เหรอ น้ำตาของแม่ทุกหยดมันบาดลึกลงไปในใจของเรา เรารู้สึกเจ็บปวดมากที่เห็นแม่ร้องไห้ “แม่จ๋า... แป้งบอกแล้วไง ว่าไม่ต้องคิดมาก ไม่เป็นไรเลย แป้งไม่โกรธแม่เลย แป้งรักแม่นะ” เราพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ก่อนจะกุมมือแม่ให้แน่นขึ้นอีก “แม่ก็รักแกยัยแป้ง...” ผู้เป็นแม่เงยหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตา เราสองคนสบตากันได้สักพัก ก่อนจะโผเข้ากอดกันแล้วร้องไห้ออกมาพร้อม ๆ กัน เรากอดแม่กระชับมาก แม่ก็เช่นกัน เราทั้งสองคนแม่ลูกกอดให้กำลังใจกันแบบนี้ทุกครั้งไป สวัสดีค่ะทุกคน ใครหลายคนอาจจะเคยรู้จักเรามาบ้างแล้ว แต่วันนี้เราจะมาแนะนำตัวคร่าวๆ สำหรับใครที่ยังไม่เคยรู้จักเรา เราชื่อแป้งร่ำ หรือนางสาวรัตติกาล แซ่ลี้ เราสูง 169 น้ำหนัก 47 อายุ 22 ปี เราเป็นคนผิวขาว หุ่นบาง ร่างเล็ก หน้าตาออกหมวยๆ น่ารักๆ แปลกใจใช่ไหมละคะ ว่าทำไมเราถึงนามสกุลเอนเอียงไปทางจีน เราเป็นลูกครึ่ง ไทย - จีน ค่ะ พ่อเราเป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนแม่เราเป็นคนไทย บ้านของพ่อเราค่อนข้างมีฐานะ ถือว่าร่ำรวยเลยละคะ เป็นเศรษฐีจีน และทางบ้านของอาม่าค่อนข้างเข้มงวด แถมอาม่าก็มีลูกชายเพียงคนเดียวก็คือพ่อของเรา หลังจากที่พ่อกับแม่แต่งงานกัน แม่เราก็ย้ายเข้าไปอยู่บ้านของอาม่า เอาตามตรงนะคะ อาม่าไม่ค่อยปลื้มกับสะใภ้ไทยคนนี้สักเท่าไหร่ เพราะแม่ของเราไม่ค่อยมีฐานะ เอาง่าย ๆ คือแม่เราจนค่ะ อาม่าเลยกลั่นแกล้งแม่เราบ่อย ๆ พอมีหลาน ก็ดันออกมาเป็นผู้หญิง นั่นก็คือเรา อาม่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะอาม่าอยากได้หลานชาย ซึ่งก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าคนจีนอยากได้หลานชายไว้สืบสกุล การที่จะเป็นสะใภ้จีนนั้น คือต้องขยันและอดทน ซึ่งแน่นอนแม่เราเป็นคนขยันค่ะ แม่เราตื่นเช้ามาก ๆ มาทำงานบ้านแทบทุกอย่าง โดยที่คนในบ้านยังคงหลับเป็นตาย แต่อาม่าก็ยังไม่พอใจ เจอแม่ผัวแบบนี้เป็นใครก็ต้องเลิกค่ะ แต่เพราะพ่อกับแม่รักกัน ทุกอย่างก็ไม่มีคำว่าทนไม่ได้อยู่ในหัว ถ้าไม่รักกันจริง ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ค่ะเอาจริง ๆ หลังจากที่พ่อเราเสีย แม่ก็ถูกอาม่าไล่ออกจากบ้าน ซึ่งตอนนั้นเรากำลังจะเรียนจบ ม.6 ค่ะ แต่อาม่าก็ยังใจร้าย ไม่รักเราไม่พอ ไม่เห็นเราเป็นหลานอีก ไล่ตะเพิดเรากับแม่อย่างหมูอย่างหมา จนเรากับแม่ไม่มีที่ซุกหัวนอน เราต้องเดินร่อนเร่กับแม่เพียงสองคน มาขออาศัยบ้านร้างในสลัมอาศัยอยู่ พอจัดแจงที่อยู่เป็นสัดส่วน บ้านก็น่าอยู่มากขึ้น อย่าเรียกว่าบ้านเลยค่ะ ออกแนวกระต๊อบซะมากกว่า พอได้ที่พักอาศัย แม่เราก็เริ่มออกไปทำงาน เป็นช่างเย็บผ้าในร้านขายเสื้อผ้าใกล้บ้านร้านเล็กๆ เพราะอีกเดือนเดียวเราก็จะจบ ม.6 แล้ว ซึ่งเรากับแม่ต้องประหยัด และอดทนมาก ๆ จนเราประสบความสำเร็จได้รับประกาศนียบัตร จากนั้นเราก็เริ่มออกหางานทำค่ะ เราตัดสินใจจะไม่เรียนต่อ เราไปสมัครงานทุกที่ค่ะ แต่โลกก็ใจร้ายกับเราซะเหลือเกิน ไม่มีใครรับเราเข้าทำงานเลยค่ะ จนเราไปเจอกับเจ๊ตาลโดยบังเอิญ เจ๊ตาลเลยชักชวนให้เรามาเป็นโคโยตี้ เพราะทรวดทรงองค์เอวเราเหมาะที่จะทำอาชีพแบบนี้ ซึ่งแน่นอนค่ะ ไม่ว่าจะงานอะไรเราไม่เกี่ยง ขอให้ได้เงินเราทำหมด เอาจริง ๆ อาชีพโคโยตี้รายได้ดีมาก ๆ เลยนะคะ เงินที่เราหามาได้ก็เอามาจุนเจือครอบครัว ถึงจะไม่ได้สบายมาก แต่มันก็ไม่ทำให้ลำบากไปมากกว่านี้ อีกส่วนหนึ่งเราก็เก็บเอาไว้เรียนต่อ วันแรกที่เราเข้าไปทำงานก็มีเพื่อนสนิททันทีค่ะ นางชื่อนุ่น พอเราทำงานจะเข้าปีที่สี่ เราก็มีเพื่อนสนิทเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ซึ่งนางก็คือสปาย ตอนนี้นางกลายเป็นหนูตกถังข้าวสารไปแล้วล่ะคะ เพราะได้ผัวรวย แถมยังหล่ออีกต่างหาก 555 และลูกสาวของนางก็น่ารักมาก ๆ ชื่อน้องดาวเหนือ ส่วนเรานะเหรอ ยังไม่มีลูกไม่มีผัวค่ะ 555 แต่เรามีคนที่แอบชอบอยู่แล้วนะคะ ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!! เรายื่นมือเรียวยาวขึ้นไปเคาะประตูคอนโดหรูใจกลางเมือง “สปาย... อยู่ในห้องหรือเปล่า” เราเอ่ยปากเรียกเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ก่อนจะใช้หูแนบไปที่ประตูห้อง เพื่อฟังเสียงตอบรับอย่างตั้งใจ “เข้ามาเลยแป้ง ห้องไม่ได้ล็อก” เสียงหวาน ๆ ที่ตะโกนตอบ ฟังดูก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังมีความสุขอยู่ แกร๊ก... เมื่อเราก้าวขาเข้าไปในห้อง ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อเจอเพื่อนรักกำลังหยอกล้อกับคนที่เราแอบชอบ ซึ่งตอนนี้เขาสองคนกำลังทำอาหารกันอย่างมีความสุข และตอนนี้ผู้ชายคนนั้นเขากำลังยืนกอดเพื่อนรักของเราจากทางด้านหลังอยู่ ซึ่งในใจเราก็แอบอิจฉา แต่เราไม่เคยคิดไม่ดีกับเพื่อนคนนี้เลย “แหม... สวีทกันซะ ไม่เห็นหรือไงว่ากูยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ เห็นใจคนโสดแบบกูบ้างค่า ฮ่าๆๆ” เราหัวเราะกลบเกลื่อนความเศร้า ทั้งที่ในใจเราเจ็บมาก แต่ก็ทำได้เพียงยินดีเมื่อเห็นเพื่อนรักมีความสุข “แกก็หาใครสักคนมาดูแลสิยัยแป้ง จะได้ไม่เหงา” เพื่อนสนิทเอื้อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ตั้งแต่สปายความจำเสื่อม นางก็กลายเป็นคนละคน เมื่อก่อนนางจะออกแนวห้าวๆ กล้าได้กล้าเสีย แต่ตอนนี้นางพูดเพราะเอามากๆ “ไม่เอาอ่ะ!! วุ่นวาย มากเรื่อง มากความ แล้วแม่ง ถ้าเจอพวก ง้องแง้ง งี่เง่านะ กูยอมตายดีกว่า น่าเบื่อ น่ารำคาญ” หญิงสาวทำหน้าเบื่อหน่ายโลกแล้วเบ้ปาก ก่อนจะวางข้าวของที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะอาหาร แล้วเดินไปนั่งบนโซฟา ก่อนจะเปิด TV เพื่อให้เสียง TV ช่วยบดบังความเศร้าในใจ “หน้าตาแบบนี้ใครจะเอาทำเมียว่ะ ใครเขาเห็นก็มีแต่สะอิดสะเอียน” น้ำเสียงแข็งกระด้างที่เปล่งออกมาจากปากผู้ชายที่เราแอบชอบเขามานาน ทำให้เราน้ำตาตกใน เพราะในใจของเขาคงจะมีแต่คำดูถูกเราทั้งนั้น “โห้ว ดูถูกกันมากเกินไปแล้วคุณอิฐ สวย ๆ แบบนี้ หัวกระไดไม่เคยแห้งค่า 555” ผู้ชายสันจมูกโด่ง ดวงตาคมกริบ ใบหน้าหล่อเหลาได้รูป ผมเหยียดตรงดำขลับ บวกกับใบหน้าดุดัน แต่มองยังไงก็มีเสน่ห์ เขาชื่อ คุณอิฐ ซึ่งเขาคือผู้ชายที่เราแอบชอบ แต่เขาไม่เคยรู้ตัวเลย “หึ!! ใครจะตาบอดมาเอาคนอย่างมึงว่ะ กูละสงสารผู้ชายคนนั้นจริงๆ” คำดูถูกมันบาดลึกลงไปในใจของเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า เอาจริง ๆ เราเสียใจมากนะ แต่เราก็ยังอยากได้ยินน้ำเสียงของเขาอยู่ดี “มีก็แล้วกันเหอะ!! ชิ” หญิงสาวเบือนหน้าหนีไปอีกทาง จู่ ๆ น้ำตาก็หยดลงมาเปียกแก้มขาวนวล ทำไมคำพูดของเขาถึงมีอิทธิพลต่อจิตใจเรามากขนาดนี้นะ “เออะสปาย เราซื้อของมาฝากน่ะ ลองมาดูสิ” หญิงสาวใช้หลังมือปาดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะรีบลุกขึ้นไปรื้อดูข้าวของบนโต๊ะอย่างใจเย็น และชูขึ้นมาให้เพื่อนสนิทดู “ทองหยอด!! แกเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่ายัยแป้ง อันนี้พี่อิฐต่างหากล่ะที่ชอบกิน” เพื่อนรักของเราไม่ได้พูดผิดค่ะว่าคุณอิฐชอบกินทองหยอด สปายพูดถูก เพราะคุณอิฐเขาชอบกินจริงๆ ก็เราตั้งใจซื้อมาให้เขานั่นแหละ เพราะเราชอบแอบมองเวลาเขากินอยู่บ่อยๆ “ใครบอกพี่ชอบกิน ของแบบนี้ พี่ไม่มีวันที่จะแตะต้องมันเอาซะหรอก หวาน ๆ แบบนั้นใครจะไปกินลง” ชายหนุ่มหันมาพูดน้ำเสียงกระแทกแดกดันใส่หญิงสาวผู้หวังดี เอาจริง ๆ เธอก็เสียใจมาก ที่ชายอันเป็นที่รักพูดออกมาอย่างไม่สนใจไยดี แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงคิดในใจว่า... นี่เขาเกลียดอะไรเรานักหนา ถึงได้พูดทำร้ายจิตใจเราขนาดนี้ “ไม่เป็นไรหรอกแป้ง เดี๋ยวเรากินเองก็ได้ ขอบใจนะ” “อืม~” เพื่อนสนิทฉีกยิ้มอ่อน ๆ ให้เรา ก่อนจะใช้มือเรียวยาวกวาดดูข้าวของที่อยู่ในถุงที่วางไว้บนโต๊ะอย่างนุ่มนวล “แป้ง!! นี่แกชอบกินเค้กช็อกโกแลตขนาดนั้นเลยเหรอ เห็นซื้อมากินทุกวันเลย” “ใช่!! ฉันชอบกินมันมาก เวลาที่ฉันได้กินมัน ฉันมีความสุขมาก... บอกเลย” เราฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะพูดลากเสียง เพราะเราชอบกินเค้กช็อกโกแลตจริง ๆ เพราะมันทั้งหอม ทั้งหวาน ทั้งอร่อย ซึ่งก็เป็นอย่างที่สปายพูดจริง ๆ เพราะเราซื้อมากินที่ห้องคุณอิฐทุกวัน “ไม่มีจริงหรอกความสุขในโลกของการกิน นิทานหลอกเด็กทั้งนั้น มีแต่ความอ้วนว่ะ เดี๋ยวแม่งก็อ้วนตาย!!” ชายหนุ่มที่เราแอบชอบมักจะพูดจากระแหนะกระแหนเราแบบนี้เป็นประจำ ซึ่งผู้ที่ได้ฟังอย่างเราก็มีเสียใจบ้าง แต่ก็แสดงออกมาให้ใครรู้ไม่ได้ “พี่อิฐ!! อย่าไปว่าแป้งแบบนั้นสิคะ พี่ว่าแป้งแรงเกินไปแล้วน่ะ สปายเห็นแป้งกินทุกวัน ยังไม่เห็นจะอ้วนเลย แป้งกินยังไงก็ไม่อ้วนหรอก สปายยังอิจฉาเลย” เพื่อนสนิทหันไปตีแขนคุณอิฐทีหนึ่ง ก่อนจะเขม่นตาพูดกับคุณอิฐด้วยความโกรธ ซึ่งคุณอิฐก็หน้าเสียไปนิดหน่อย “คร๊าบ... พี่จะไม่พูดแล้วครับ พี่ขอโทษนะ นะๆๆ” คุณอิฐหันไปพูดกับสปายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทีกับเรากลับใช้น้ำเสียงที่แข็งกระด้าง ทำไมเราถึงรู้สึกเจ็บปวดจัง เขาทั้งอ้อน ทั้งกอด ทั้งหอมสปาย ส่วนเราก็ได้แต่เก็บความเศร้าไว้ในใจ ทำไมคนตรงนั้นถึงไม่ใช่เรานะ “ขอโทษแทนพี่อิฐด้วยนะแป้ง พี่อิฐเขาก็เป็นแบบนี้แหละ ปากร้าย แต่ใจดี” “ไม่เป็นไรหรอก” เราส่ายหัวไปมาเบาๆ เชิงบอกว่าไม่เป็นอะไร ทั้งๆ ที่ในใจมันแหลกไม่เป็นชิ้นดี[แป้งร่ำ]สองเดือนผ่านไปเดินทางเข้ามาสู่ประตูวิวาห์ โดยที่แป้งร่ำมีอายุครรภ์ได้สี่เดือนเต็ม บรรยากาศล้อมรอบไปด้วยทะเลและหุบเขาสุดกว้างใหญ่ไพศาลคอนเซปต์งานถูกจัดขึ้นตามความชอบของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่มักจะชวนกันมานั่งชมพระอาทิตย์ตกดินยามเย็นด้วยกันเป็นประจำ เป็นงานแต่งเล็ก ๆ ที่มีแขกมาร่วมงานเพียงสี่ร้อยที่นั่งมีญาติฝั่งเจ้าบ่าวมาร่วมงานอย่างคับคั่ง ส่วนฝั่งเจ้าสาวมีเพียงป้าเพ็ญและลุงวินัยมาเป็นญาติผู้ใหญ่ให้ ส่วนเจ๊ตาล สปาย นุ่น และบลูเบอร์รี่เพื่อนสมัยเรียนก็ต่างเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับเธอในครั้งนี้เช่นกัน“มึงสวยมากเลยแป้ง ยิ่งท้องก็ยิ่งสวย ยิ่งได้ใส่ชุดเจ้าสาวยิ่งโคตรสวย”สปายเพื่อนรักเอ่ยชม ขณะที่เจ้าสาวกำลังจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่โดยช่างแต่งหน้าระดับเวิลด์คลาสอย่างคุณมิวกี้ นักแต่งหน้าชื่อดังที่ต้องใช้เวลาจองตัวนานถึงสองเดือนกว่าจะได้ฤกษ์งามยามดีมาสะบัดแปรงบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาของคุณแม่ลูกสองอย่างแป้งร่ำ“งื้อ~ ขอบคุณมากนะมึง”เจ้าของใบหน้ายิ้มแย้มหมุนตัวไปมาหน้ากระจกอย่างเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ ตัวเธอนั้นกำลังสวมชุดแต่งงานผ้าชีฟองบริสุทธิ์ ยามชายกระโปรงยาวฟูฟ่อ
หลังจากกินข้าวกันเสร็จ แป้งร่ำก็เข้าไปล้างไม้ล้างมือให้สะอาดสะอ้านในห้องน้ำ สองเท้าเรียวก้าวขาพ้นธรณีประตูกลับต้องตกใจ เมื่อพบว่าคุณอิฐกำลังนั่งคุกเข่ารอเธออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว“คุณอิฐ คุณทำอะไร ลุกขึ้นมาก่อน”หญิงสาวพยายามโน้มลงไปประคองคนตัวสูงให้ลุกขึ้นยืน แต่เขากลับเอาแต่นั่งนิ่ง ๆ มองไปยังใบหน้าแสนหวานไม่วางตา สายตาคู่สวยก็หันไปมองบริเวณโดยรอบ เผยให้เห็นว่ามีทุกคนเดินเข้ามาล้อมรอบเธอกับคุณอิฐไว้ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม“แต่งงานกับพี่นะแป้ง หลายวันก่อนพี่อาจจะยังไม่พร้อม แต่วันนี้พี่ตามหาแหวนเพชรน้ำดีที่สุดมาคุกเข่าขอเธอแต่งงาน พี่พร้อมแล้วที่จะสร้างครอบครัวกับเธอ พี่สัญญาว่าจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดีของลูกทั้งสอง”ชายหนุ่มคว้ากล่องกำมะหยี่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมายื่นอยู่ตรงหน้าหญิงสาวที่ตนรัก ก่อนจะค่อย ๆ เปิดมันออกช้า ๆ เผยให้เห็นแหวนเพชรพิงค์โกลด์ เป็นตัวเรือนทองคำแท้ เนื้อสีชมพูอมแดง ซึ่งราคาก็น่าจะปาไปแปดหลักเข้าให้“คุณอิฐ”หญิงสาวเอ่ยเรียกชื่อคุณอิฐด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาจนทุกคนแทบจะไม่ได้ยิน แต่ชายหนุ่มตรงหน้าเขาได้ยินอย่างชัดเจน ก่อนที่เขาจะคลี่ยิ้มออกมาจาง ๆ ในดวงตาคู่คมกับมีน้
วันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งเป็นวันที่ลูกสาวหยุดเรียนพอดิบพอดี และเป็นจังหวะประจวบเหมาะที่จะพาหลานสาวไปเยี่ยมปู่กับย่าเป็นครั้งแรก เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจยกใหญ่ เพราะอยากเห็นคฤหาสน์ที่คุณปู่กับคุณย่าอาศัยอยู่ เพราะผู้เป็นพ่อนั้นเคยเอ่ยปากบอกว่ามันใหญ่โตอย่างกับพระราชวัง“ป๊าวันนี้วันเสาร์ใช่มั้ยคะ”เด็กน้อยชะเง้อคอถามผู้เป็นพ่อที่กำลังขับรถอยู่อย่างคนเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ ส่วนคุณอิฐก็คลี่ยิ้มจาง ๆ พลางเอ่ยตอบลูกสาว ก่อนจะหันกลับมาขับรถอีกครั้ง“ใช่ค่ะ เสาร์ทั้งวันอ่ะวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาทิตย์ทั้งวัน”“ป๊า~ น้องโอปไม่เข้าใจ”เด็กน้อยขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมมองไปทางผู้เป็นพ่อด้วยความงุนงง เสาร์ทั้งวันคืออะไร อาทิตย์ทั้งวันคืออะไร ซึ่งผู้เป็นพ่อไม่เคยให้คำตอบที่เข้าใจง่าย ๆ ได้เลยสักครั้ง“น้องโอปอลล์อย่าไปถือสาคุณพ่อเขาเลยค่ะ เขายังไม่โต...”แป้งร่ำทำได้เพียงถอนลมหายใจออกมาแรง ๆ อย่างเอือมระอา ก่อนจะหันไปปลอบลูกสาวที่นั่งอยู่เบาะหลัง เพราะไม่อยากให้เด็กน้อยต้องรู้สึกสับสนกับคำตอบนี้“แต่ป๊าตัวโตกว่าคุณแม่อีกนะคะ”“ก็ใช่ค่ะ แต่ก็โตแค่ตัวนั่นแหละ”“คุณแม่จะบอกว่าป๊าสมองไม่พัฒนาเห
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปคุณอิฐยังคงมีอาการแปลก ๆ คล้ายกับคนขาดวิตามิน จนหญิงสาวก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาเป็นอะไรไป เธอพยายามชวนเขาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพอยู่หลายครั้ง แต่เขานั้นมันดื้อรั้นกว่าสิ่งไหน“ไปหาหมอหน่อยไหม เป็นแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วนะ”จะว่าเป็นห่วงก็คงใช่ เพราะช่วงนี้เขาป่วยหนักจนแทบไม่ได้เข้าไปดูแลบริษัทเลย ขลุกอยู่แต่ที่บ้านของเธอตั้งหลายอาทิตย์ไปยอมไปไหน ร้องขอให้เธออยู่ดูแลตลอดเวลา“รอให้ลูกกลับมาจากโรงเรียนก่อนได้ไหม อยากพาลูกไปด้วยกัน”“ได้สิ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ใกล้เวลาเลิกเรียนแล้ว”หญิงสาวเม้มริมฝีปากบางก่อนจะพยักหน้ารับด้วยความดีใจ เพราะวันนี้คุณอิฐกลับเชื่อฟังคำพูดของเธอ ทั้งที่ผ่านมาเขาก็ยืนกรานมาตลอดว่าจะไม่ไปเวลาล่วงเลยไปถึงสี่โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียนของน้องโอปอล์ ชายหนุ่มขับรถไปรับลูกสาวหน้าโรงเรียนแบบนี้เป็นประจำ จนคุณครูที่ยืนประจำการอยู่หน้าโรงเรียนจำหน้าคร่าตาอันหล่อเหลาเอาการของเขาได้“ลูกหมาของป๊า”ผู้เป็นพ่อนั่งย่อตัวอ้าแขนรอรับลูกสาวที่กำลังวิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจเฉกเช่นทุกครั้ง ท่อนแขนแกร่งก็โอบกอดลูกสาวไว้อย่างแนบแน่นด้วยความคิดถึง“พ่อหมาของลูก ฮ่
ท่อนแขนแกร่งคว้าเอวบางเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลังอย่างแนบแน่น ก่อนจะใช้คางเกยไหล่เธอเอาไว้อย่างออดอ้อน“กลัวผีหรือเปล่า”“ไม่กลัว”“ผีผ้าห่มก็ไม่กลัวเหรอ”“คุณพูดอะไรเดี๋ยวลูกก็ได้ยินหรอก”คนตัวเล็กถึงกับเอ่ยตวาดชายหนุ่มยกใหญ่ แต่เขากลับไม่รู้สึกสะทกสะท้าน แถมยังหัวเราะชอบใจให้กับปฏิกิริยาโต้ตอบของเธอ“ไม่ได้ยินหรอกลูกหลับแล้ว”ไม่พูดเปล่า ยังใช้ริมฝีปากหนาดูดดุ้นซอกคอระหงจนเกิดรอยแดง จนคนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ“นี่จะทำอะไร ปล่อยนะ”“ไม่ไหวแล้ว หัวก็หอม ตัวก็หอม เธอน่าขึงที่สุดเลยรู้ไหม”ชายหนุ่มพูดพร้อมกับซุกไซร้ไปตามซอกคอขาวเนียนอย่างหื่นกระหาย เขามีอารมณ์ทางเพศทุกครั้งเมื่อได้สัมผัสกับเรือนร่างอรชรของเธอ จนกักเก็บอารมณ์ความรู้สึกว่าต้องการหญิงสาวตรงหน้าเอาไว้ไม่อยู่ ปลายจมูกโด่งก็สูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากร่างบางเข้าไปจนเต็มปอด“คืนนี้ขอได้ไหม?”“แล้วถ้าบอกว่าไม่ล่ะ”“ไม่ก็จะเอา เพราะลูกชายสุดที่รักของพี่มันพองตัวแล้ว ลองจับมันดูสิ”ชายหนุ่มคว้ามือเรียวมาจับความเป็นชายที่พองตัวอยู่ใต้ร่มผ้า ซึ่งมันก็ใหญ่โตตามคำบอกเล่าของเขาจริง ๆ คนตัวเล็กทำได้เพียงนั่งกัดปากเพราะรู้สึกเกร็งจนท
ห้าเดือนผ่านไปเมื่อมีเวลาว่างคุณอิฐก็ตามมาแจกขนมจีบแป้งร่ำที่ร้านดอกไม้ฟลาวเวอร์รี่โรสเป็นประจำ และเขาก็ทำแบบนี้มาจะเข้าปีที่ห้าแล้ว พนักงานในร้านก็ต่างรู้สึกอิจฉาที่แป้งร่ำได้เจอผู้ชายดี ๆ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าที่ผ่านมาเธอต้องเจอกับอะไรบ้าง“สวัสดีครับทุกคน”ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้พนักงานทุกคนภายในร้านแบบนี้เป็นประจำ ในมือก็ถือข้าวของมากมายที่เขาไปคว้านซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าชื่อดังเข้ามาด้วย“อ้าวพ่อหนุ่มมาทุกอาทิตย์เลย”“วันนี้ผมว่างน่ะครับ เลยตามมาเฝ้าแม่ของลูกที่ร้านได้”คุณอิฐฉีกยิ้มหวานกระชากใจ สายตาคู่คมชำเลืองไปมองคนตัวเล็กที่กำลังนั่งจัดดอกไม้ตลอดเวลา“แหม... ไม่ได้เจอกันตั้งสองวันพี่แมวคิดถึ๊ง คิดถึง”พี่แมวโน้มเข้ามากอดคุณอิฐอย่างถือวิสาสะ ใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัยก็ถูไถไปมายังท่อนแขนแกร่งอย่างออดอ้อน ส่วนคุณอิฐก็ฉีกยิ้มแห้ง ๆ ออกมาให้ได้เห็น เขาพยายามหลีกหนีให้ห่าง แต่ด้วยความเกรงใจเลยยืนนิ่ง ๆ ให้พี่แมวกอดให้หนำใจอยาก“ผมก็คิดถึงทุกคนครับ”“หึ!!”คนตัวเล็กเบะปากคว่ำก่อนจะร้อง หึ! ออกมาในลำคออย่างไม่สบอารมณ์ เพราะเธอรู้สึกสะอิดสะเอียนคำพูดตอแหลของเขาจนเต็มทน เพราะคุณอิฐเขามักจ
Comments