เงาจันทราเหนือเหมันต์

เงาจันทราเหนือเหมันต์

last updateLast Updated : 2025-08-08
By:  BosskerrUpdated just now
Language: Thai
goodnovel18goodnovel
Not enough ratings
24Chapters
0views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

ใต้เงาจันทร์ที่ส่องผ่านในฤดูเหมันต์ ใจคนอบอุ่นเพียงใด ก็ยังถูกลมเย็นแห่งโชคชะตาแช่แข็งเอาไว้…

View More

Chapter 1

บทที่ 1 จันทร์สาดแสงกลางหิมะแรก

แสงจันทร์สีเงินนวลทาบทอไปทั่วผืนฟ้าเหนือวังเฉินหยวน หิมะแรกแห่งปีร่วงหล่นลงมาดังปุยนุ่นจากสวรรค์ แผ่คลุมยอดหลังคาพระตำหนักให้กลายเป็นม่านขาวสงัดราวอยู่ในแดนเซียน

สายลมยามราตรีเย็นเยียบ แม้จะอยู่ในเดือนที่สองแห่งเหมันต์ แต่ไอเยือกกลับแรงราวคมมีดแทงผ่านผ้าคลุมเนื้อหนา

ท่ามกลางความเงียบงันแห่งค่ำคืนหนึ่ง เซิ่งอี้เหวิน องครักษ์ในชุดคลุมสีดำประจำราชองค์รักษ์ยืนเงียบอยู่บนยอดหลังคาเรือนฝ่ายใน นัยน์ตาคมของเขามองทอดไปยังทิศเหนือ สู่เขตตำหนักที่แม้จะอยู่ภายในวัง แต่กลับถูกทิ้งร้างไร้ผู้คนมายาวนาน

ตำหนักเหมันต์

ลมคืนนี้พัดแรงนัก

เขาพึมพำกับตนเอง ก่อนจะกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น ทว่าดวงตากลับยังจ้องไปยังดงไม้สีขาวพราวหิมะเบื้องหน้า เมื่อครู่ ขณะลาดตระเวนบนกำแพงวัง อี้เหวินได้ยินบางสิ่ง

เสียงพิณ...

เสียงเพลงลึกล้ำคล้ายมนตรา ขับขานมาเบา ดั่งสายลมพัดผ่านขุนเขา แม้เบาแต่ทว่าลึกสะท้านไปถึงทรวงอก ราวกับเคยได้ยินมาก่อน แต่เขาแน่ใจ เพลงนี้ไม่เคยมีในวัง ไม่มีในบันทึกของดนตรีหลวง และไม่มีในงานพิธีใด

เขาตัดสินใจกระโจนลงจากหลังคา แฝงกายในเงาไม้ หยุดยืนอยู่เบื้องนอกแนวรั้วไม้เก่าคร่ำของสวนเหมยอวิ๋น

เสียงพิณขับขานอยู่ใต้ต้นเหมยดอกแดงซึ่งผลิบานเพียงต้นเดียวกลางความขาวโพลน

ใต้ต้นนั้น มีร่างหนึ่งในชุดคลุมขาวบาง นั่งเหยียดเรียวมือบรรเลงพิณโบราณ ดวงหน้าเรียบสงบ แววตาหลับพริ้มราวกำลังฝันอยู่ในห้วงอดีต

เซิ่งอี้เหวินหลุบตาลงช้า เสียงเพลงยังไม่จบ แต่ใจเขากลับเต้นแรงประหนึ่งได้พบภาพในฝันของตนที่หายไปนานแรมปี

สตรีผู้นั้น...นางคือผู้ใด?

เขาย่างเท้าช้า ก้าวเข้าไปยังสวนเหมย มือแตะด้ามกระบี่แนบกายตามสัญชาตญาณ ทว่าในใจก็ไร้ซึ่งแรงต้าน เสียงเพลงนั่นช่างว่างเปล่า เย็นชาและเศร้าโศกนัก

ทันทีที่เท้าข้างหนึ่งเหยียบลงบนผืนหิมะ เสียงพิณก็หยุดลงหญิงสาวเงยหน้าขึ้น ชำเลืองมองเขาเล็กน้อย หากดวงตากลับแฝงความสงบนิ่ง มิได้ตื่นตกใจหรือมีวี่แววตระหนกใด

เจ้าคือ...?” อี้เหวินถามออกไปด้วยเสียงขรึม

หญิงสาวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเบา ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดุจละอองหิมะที่เพิ่งตกต้องยอดดอกเหมย

ข้าคือ...เงาที่มิอาจหวนคืน

          คำตอบนั้นช่างประหลาด และยากจะเข้าใจ ทว่ากลับสะกิดบางสิ่งในใจของเขาให้สั่นไหว

ตำหนักนี้ถูกปิดตายมาเกือบสามทศวรรษ ไม่มีใครอาศัยอยู่ เจ้าเป็นใครกันแน่?”

เสียงของเขายังคงเยือกเย็น แต่น้ำเสียงแผ่วลงกว่าคราแรกหญิงสาวไม่ตอบในทันที หากแต่วางมือบนสายพิณเบา เสียงสายพิณสั่นสะเทือนวาบหนึ่ง แล้วก็เงียบหาย

เจ้าได้ยินเสียงเพลงของข้าหรือ?”

นางถามขึ้นแทนคำตอบ ดวงตาเศร้าสร้อยของนางจับจ้องเขาอย่างพินิจ

อี้เหวินพยักหน้า ข้าได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ ทุกท่วงทำนอง...

หญิงสาวยิ้มบาง และกล่าวว่า เช่นนั้นเจ้าอาจเป็นผู้แรกในสามสิบปี ที่สามารถมองเห็นข้าได้

หัวใจของอี้เหวินพลันไหววูบ เขายืนนิ่งอยู่ท่ามกลางหิมะ ทบทวนคำพูดแสนประหลาดของนาง

มองเห็น?

หญิงสาวผู้นั้นมิใช่คนธรรมดาหรอกหรือ?

อี้เหวินยืนแน่นิ่ง มือที่แตะกระบี่เลื่อนหลุดออกช้า สายตาจ้องมองหญิงสาวในชุดขาวตรงหน้า นางนั่งอย่างสงบนิ่งใต้ต้นเหมยที่มีเพียงกลีบหล่นโรย แต่ไร้ดอกใหม่แม้แต่หนึ่งหน่อ

ข้าถามอีกครั้ง เจ้าเป็นใครกันแน่?”

น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมขึ้น ดวงตาเยือกเย็นราวกระจกน้ำแข็ง แต่ในความเย็นชานั้นกลับสั่นคลอนเล็กน้อย

หญิงสาวยังคงมองเขา ริมฝีปากเคลื่อนช้าเอ่ยถ้อยคำที่ราวกับเป็นบทกวีของฤดูเหมันต์

หากเจ้าเรียกข้าว่าเงา ข้าก็จะเป็นเงา หากเจ้ามองข้าเป็นลม ข้าก็พร้อมหายไปในพริบตา หากเจ้าถามหานาม ข้ามีนามว่าเซี่ยอวี่เซี่ยอวี่ที่เป็นหิมะ ที่มิอาจเกาะอยู่บนฝ่ามือผู้ใดได้นาน

อี้เหวินได้ฟังเช่นนั้น แววตาทอแสงลังเลขึ้นชั่วครู่ เขาก้าวเข้าใกล้ตำแหน่งที่นางนั่งอยู่ใต้ต้นเหมย ดวงจันทร์เบื้องบนทอดเงายาวของต้นไม้และเงาของเขาบนพื้นหิมะขาว

หากแต่ใต้ร่างของนางนั้นไร้ซึ่งเงาใด มือของเขาสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาเบิกโพลง ชะเง้อมองซ้ำอีกครั้ง นางนั่งอยู่ตรงนั้นจริง แสงจันทร์ส่องผ่านหมู่เมฆอย่างเต็มดวง แต่ใต้เรือนร่างนางกลับไม่มีเงาทอดผ่านบนหิมะเลยแม้แต่น้อย อี้เหวินถอยหลังหนึ่งก้าว

เจ้าเป็นมนุษย์หรือวิญญาณ?”

เซี่ยอวี่ยังคงยิ้ม ดวงหน้าสงบไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย

หากข้าคือวิญญาณ เจ้าจะยังคุยกับข้าหรือไม่?”

น้ำเสียงของนางแผ่วเบา แต่เจือรอยเจ็บลึกในใจ

ข้ามิใช่ผู้ตัดสินความเป็นหรือไม่เป็น ข้าเพียงสงสัยว่าผู้ใดลอบเข้าวังใน และยังกล้าร้องเพลงยามราตรีอย่างไม่พรั่นพรึงราชบัญญัติ

อี้เหวินฝืนความสั่นในใจกลับมาเป็นองครักษ์อีกครั้ง สายตานิ่งเฉียบ มือกลับไปแตะกระบี่ที่ข้างเอวอีกครา เซี่ยอวี่เหลือบตามองสายกระบี่นั้น ยิ้มแผ่ว

กระบี่นั้นไม่อาจฟาดข้าได้หรอก แม้เจ้าจะเป็นราชองค์รักษ์ประจำพระองค์โดยตรงก็ตาม

อี้เหวินตะลึง เจ้ารู้ได้อย่างไร?”

หญิงสาวลุกขึ้นช้า ยืนท่ามกลางหิมะที่ยังคงโรยตัวราวเกล็ดแก้วจากฟากฟ้า ชุดคลุมขาวของนางปลิวเบา ไม่มีรอยเท้าทิ้งไว้บนหิมะแม้ครึ่งรอย นางชี้นิ้วเรียวไปทางทิศเหนือของสวนเหมย

ตำหนักที่เจ้ามิกล้าเข้าใกล้ ตำหนักที่ผู้คนลืมเลือน ข้าเคยอยู่ที่นั่น...

ตำหนักเหมันต์...?” อี้เหวินขานเสียงแผ่ว

หญิงสาวพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่อ้อยอิ่งปานจะขับขานบทเพลงอีกครั้ง

ที่แห่งนั้น เคยมีบทเพลง เคยมีแสงจันทร์ และเคยมีรักต้องห้าม

ในวินาทีนั้นเอง กลีบเหมยโรยลงอีกรอบ ลมพัดแผ่วหนึ่งสาย ดวงจันทร์ถูกเมฆหนาบังในพริบตา เมื่อแสงกลับมาอีกครา นางก็หายไป ทิ้งไว้เพียงกลีบดอกไม้บนพิณที่ยังอุ่น และแผ่นหิมะที่ไม่มีรอยเท้าใดแม้แต่รอยเดียว

เซิ่งอี้เหวินยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าต้นเหมยนั้นอยู่นาน มิได้เอ่ยวาจาใดสักคำ เสียงลมหิมะพัดคล้ายจะสอดแทรกกระซิบคำถามมาในอก

สตรีนางนั้น เป็นสิ่งใดกันแน่

ในหัวใจเขา ความกลัวมิอาจครอบงำได้ดั่งชาวสามัญ ทั้งที่นางไร้เงา หายวับไปกับลม แต่กลับมิใช่สิ่งที่เรียกว่าภูตผีตามที่เคยร่ำลือกันในหมู่ขันทีนางใน ขาก้าวออกจากสวนเหมย เขาไม่ย้อนกลับทางเดิม หากมุ่งตรงไปยังตำหนักเหมันต์ที่หญิงผู้นั้นชี้บอกไว้ แม้จะรู้ดีว่าตำหนักนั้น ถูกลงกลอนด้วยตราของพระราชโองการตั้งแต่สมัยฮ่องเต้พระองค์ก่อน ผู้ใดล่วงล้ำล้วนถือว่าหมิ่นเบื้องสูง

หากแต่เสียงเพลงนั่น เสียงที่ยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทจนถึงยามนี้ มันดึงเขาไป

ตำหนักเหมันต์ตั้งอยู่เบื้องหลังสวนหยกกลาง เขตที่ในอดีตเคยสง่างามบานสะพรั่งด้วยดอกเหมยสีแดงเลือดนก หากบัดนี้กลับกลายเป็นผืนหิมะเงียบงัน

ซากประตูไม้สูงใหญ่ถูกตรึงด้วยผ้าดำจาง และผนึกตราราชโองการด้วยครั่งเก่าแตกร้าว เสาหินสลักมังกรสองตัวที่หน้าประตูมีรอยชำรุดจากกาลเวลา

เขายืนตรงหน้าประตูกั้นนั้นอยู่ครู่หนึ่ง พลันได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ย่ำหิมะมาจากด้านหลัง

อี้เหวิน

เสียงหนึ่งเอ่ยเรียก เขาหันขวับ

ชายหนุ่มในชุดอาภรณ์ขุนนางกรมพิธีการยืนอยู่ เบื้องหลังเขาคือ หลินเซียน ขุนนางหนุ่มคู่สนทนาเก่าแก่ของเขา ผู้ขึ้นชื่อว่าเก็บข่าวลับในวังได้เฉียบกว่าใคร

เจ้ามาทำอันใดที่นี่?” อี้เหวินถามทันที

หลินเซียนมองไปยังประตูตำหนักเหมันต์ ดวงตาใต้แว่นหยกหรี่ลงอย่างแฝงความระวัง

ข้าได้ยินข่าวว่า เจ้าเห็นเงาใต้แสงจันทร์ เงาที่ไร้เงา

อี้เหวินขมวดคิ้ว ข่าวเช่นนี้ แพร่ไปไกลเพียงใด?”

มากพอจะทำให้ฝ่ายราชเลขาคิดว่าท่านมีสิ่งผิดปกติ พรุ่งนี้อาจมีราชโองการสั่งสอบสวนหลินเซียนเอ่ยราบเรียบ แต่ในน้ำเสียงแฝงเร่งเร้า

เจ้าควรรีบลืมเรื่องนี้...

แต่ข้าเห็นจริงนี่อี้เหวินกล่าวหนักแน่น ดวงตาคมเข้มทอประกายแน่วแน่

นางบอกว่าชื่อเซี่ยอวี่ อยู่ในตำหนักนี้ และเจ้าก็รู้นี่ ว่าใครเคยอยู่ที่นี่ก่อนจะถูกปิดตาย

หลินเซียนเม้มปากแน่น นิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดเสียงเบา

ชายารัชทายาท...นางผู้ถูกตราว่าเป็นกบฏเมื่อสามสิบปีก่อน

อี้เหวินพยักหน้า ข้าเคยอ่านบันทึกหลวง บอกว่าเมื่อฮ่องเต้พระองค์ก่อนยังมีชีวิต รัชทายาทได้ลอบคบรักกับหญิงผู้หนึ่งซึ่งเป็นบุตรีขุนนางพรรคใต้ และนางได้เข้าวังมาโดยไร้การแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ข้าสงสัยว่านั่นคือเซี่ยอวี่’”

หลินเซียนถอนหายใจยาว แม้เป็นเช่นนั้น เจ้าก็มิอาจเปลี่ยนความจริงของอดีตได้ เงาที่ท่านเห็นอาจเป็นเพียงภาพหลอนของผู้ที่ยังติดในความฝัน

อี้เหวินหันกลับมามองประตูตำหนักอีกครั้ง หิมะโปรยลงบนไหล่เขา เบื้องหน้าเป็นความว่างเปล่า หากในหัวใจกลับแน่นล้นด้วยคำถาม

นางคือเงานั้น หรือนางคืออดีต?”

คำถามนั้นทิ้งตัวลงในใจเขา ราวเกล็ดหิมะตกลงสู่หุบเหวลึกไม่มีเสียงตอบกลับ

คืนนั้น แม้หิมะจะโปรยเบา แต่หัวใจของเซิ่งอี้เหวินกลับหนักแน่นปานจะฝังตนลงในแผ่นดิน เขาไม่ได้กลับเรือนพัก แต่กลับไปยังหอคัมภีร์ลับของวังใน

ที่นั้น มีเพียงเหล่าขุนนางตำแหน่งสูงสุดที่ได้รับพระราชานุญาตเท่านั้นจึงจะเข้าสืบค้นบันทึกเก่าได้

ในฐานะองครักษ์ประจำองค์รัชทายาท และสืบเชื้อสายจากจวนแม่ทัพฝ่ายเหนือ เขามีสิทธิ์เช่นนั้น

หอคัมภีร์ลับปิดสนิทด้วยประตูไม้หอมสลักลายดอกเหมยซ้อน ชั้นในมีตู้ไม้โบราณเรียงรายสูงตระหง่าน แสงไฟตะเกียงส่องสะท้อนหมึกแห้งบนม้วนผ้าไหมเก่า

อี้เหวินคุกเข่าลงตรงเบื้องหน้าตู้หมายเลข 7 ตู้ที่เก็บบันทึกฝ่ายในแห่งรัชศกหรงซวี่ซึ่งเป็นรัชศกก่อนปัจจุบันสามทศวรรษ มือเรียวแกร่งค่อย เปิดกล่องไม้หอมใบหนึ่ง ม้วนผ้าไหมเก่าซึ่งซีดสีเพราะกาลเวลาเผยออก เผยให้เห็นลายอักษรเขียนด้วยหมึกจาง

“...ว่ากันว่า รัชทายาทหลงจื้อ พระโอรสแห่งฮ่องเต้เซียวหลง ผู้ทรงเกรียงไกร มีหญิงในใจหาใช่ธิดาขุนนางฝ่ายกลางไม่ แต่กลับเป็นธิดาผู้ถูกประณามว่ามีเชื้อสายสำนักกบฏจากดินแดนใต้ ชื่อของนางคือ เซี่ยอวี่...

อี้เหวินขมวดคิ้ว นามเดียวกันกับสตรีที่เขาเพิ่งพบเมื่อคืน

“...ขณะรัชทายาทกำลังจะได้รับราชบัลลังก์ ได้เกิดกบฏแฝงจากภายใน เสียงลือบอกว่า ผู้วางกลคือสตรีในตำหนักเหมันต์ ที่หวังให้รัชทายาทละจากบัลลังก์เพื่อรักต้องห้าม...

มุมปากของอี้เหวินกระตุก เขาอ่านถัดไปอีกบรรทัด

“...รัชทายาทหลงจื้อได้สละสิทธิ์ในบัลลังก์ และถูกส่งออกนอกเมืองหลวง ขณะที่หญิงนามเซี่ยอวี่ถูกตราเป็นกบฏและหายสาบสูญ บางบันทึกกล่าวว่านางสิ้นแล้ว แต่บางเล่มกลับเว้นบรรทัดท้ายของชื่อนางไว้ว่างเปล่า...

มือของเขาชะงักอยู่ตรงถ้อยคำนั้น

ว่างเปล่า?

นางอาจยังไม่ตาย...เขาพึมพำในลำคอ

ทันใดนั้น เสียงกระแสลมบางเบาพัดแทรกหน้าต่างไม้โบราณจนม้วนผ้าไหมสะบัดไหว แสงตะเกียงสั่นไหววูบหนึ่ง เงาของเขาทอดอยู่ยาวบนพื้น แต่กลับมีเงาอีกเงาที่มิใช่ของเขา ปรากฏขึ้นชั่วพริบตา เคียงข้างเงาของตน เขาหันวาบ แต่ไม่พบผู้ใด สิ่งเดียวที่อยู่ตรงนั้น คือกลีบเหมยเพียงหนึ่งกลีบ ที่ลอยตกลงจากเพดาน ทั้งที่ในหอคัมภีร์นี้ ไม่มีต้นไม้สักต้นเดียว อี้เหวินยืนขึ้นทันที มือกำม้วนบันทึกเก่าแน่นในอก

ข้าจะสืบจนรู้ว่าเจ้าเป็นใคร และเหตุใดเงาของเจ้ายังคงอยู่ในวังนี้

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
24 Chapters
บทที่ 1 จันทร์สาดแสงกลางหิมะแรก
แสงจันทร์สีเงินนวลทาบทอไปทั่วผืนฟ้าเหนือวังเฉินหยวน หิมะแรกแห่งปีร่วงหล่นลงมาดังปุยนุ่นจากสวรรค์ แผ่คลุมยอดหลังคาพระตำหนักให้กลายเป็นม่านขาวสงัดราวอยู่ในแดนเซียนสายลมยามราตรีเย็นเยียบ แม้จะอยู่ในเดือนที่สองแห่งเหมันต์ แต่ไอเยือกกลับแรงราวคมมีดแทงผ่านผ้าคลุมเนื้อหนาท่ามกลางความเงียบงันแห่งค่ำคืนหนึ่ง เซิ่งอี้เหวิน องครักษ์ในชุดคลุมสีดำประจำราชองค์รักษ์ยืนเงียบอยู่บนยอดหลังคาเรือนฝ่ายใน นัยน์ตาคมของเขามองทอดไปยังทิศเหนือ สู่เขตตำหนักที่แม้จะอยู่ภายในวัง แต่กลับถูกทิ้งร้างไร้ผู้คนมายาวนานตำหนักเหมันต์“ลมคืนนี้พัดแรงนัก”เขาพึมพำกับตนเอง ก่อนจะกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น ทว่าดวงตากลับยังจ้องไปยังดงไม้สีขาวพราวหิมะเบื้องหน้า เมื่อครู่ ขณะลาดตระเวนบนกำแพงวัง อี้เหวินได้ยินบางสิ่งเสียงพิณ...เสียงเพลงลึกล้ำคล้ายมนตรา ขับขานมาเบา ๆ ดั่งสายลมพัดผ่านขุนเขา แม้เบาแต่ทว่าลึกสะท้านไปถึงทรวงอก ราวกับเคยได้ยินมาก่อน แต่เขาแน่ใจ เพลงนี้ไม่เคยมีในวัง ไม่มีในบันทึกของดนตรีหลวง และไม่มีในงานพิธีใดเขาตัดสินใจกระโจนลงจากหลังคา แฝงกายในเงาไม้ หยุดยืนอยู่เบื้องนอกแนวรั้วไม้เก่าคร่ำของสวนเหมยอวิ๋นเสียง
last updateLast Updated : 2025-08-03
Read more
บทที่ 2 สตรีผู้ไม่มีเงา
รุ่งสางแห่งวันใหม่ เมืองตงหลิงยังจมอยู่ใต้ผืนหิมะหนาแน่น บรรยากาศอึมครึมปกคลุมทั่วพระราชวังเฉินหยวน เงาจันทร์ลับฟ้าไปแล้ว หากแต่ในใจของเซิ่งอี้เหวินยังมิอาจลืมภาพของหญิงสาวใต้ต้นเหมย นางผู้ไร้เงาเขายืนอยู่หน้ากระจกทองเหลืองในห้องพักองครักษ์ กำลังสวมชุดเกราะพิธีการประจำวัน ขณะมือจัดชายเสื้อคลุมอย่างเงียบเชียบ ภาพสะท้อนกลับเผยให้เห็นแววตาของชายหนุ่มผู้กำลังไหวหวั่น“นางคือคนในตำนาน หรือเป็นเพียงคำสาป?” เขาพึมพำ พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง“ท่านอี้เหวิน รัชทายาทมีพระบัญชาให้เข้าเฝ้าด่วน ที่ศาลาวิถีหยก” เสียงองครักษ์ผู้น้อยเอ่ยจากภายนอกอี้เหวินขานรับ ก่อนเร่งก้าวออกจากเรือนพัก เขาใช้เวลาไม่นานก็เดินเข้าสู่ศาลาวิถีหยก ที่ตั้งอยู่ระหว่างเขตกลางวังกับพระตำหนักรัชทายาทศาลาหยกนั้นสร้างขึ้นจากหยกเขียวธรรมชาติทั้งหลัง พื้นหินถูกปัดหิมะออกจนสะอาดเงาวับ เบื้องหน้าศาลา รัชทายาทหลงเยี่ยน ประทับบนบัลลังก์หยกตัวรอง ทรงอาภรณ์สีน้ำเงินเข้ม ท่วงท่าองอาจ สายตาดุดัน“เซิ่งอี้เหวิน” เสียงดังขึ้น พร้อมสายตาที่จับจ้องมาทางเขา“เมื่อคืนมีเรื่องใดหรือไม่?”อี้เหวินทรุดตัวคำนับอย่างงดงาม“ทูลองค์รัชทายา
last updateLast Updated : 2025-08-08
Read more
บทที่ 3 ความลับใต้ตำหนักต้องห้าม
รุ่งเช้าวันถัดมา แสงแดดฤดูเหมันต์ทาบลงบนกระเบื้องหลังคาพระตำหนัก ทว่าไม่อาจขับไล่ไอเย็นจากหิมะที่ยังจับแน่นพื้นดิน เมืองตงหลิงยังคงเงียบงันภายใต้ท้องฟ้าสีขาวหม่นเซิ่งอี้เหวินยืนอยู่หน้าประตูตำหนักเหมันต์อีกครั้ง เขากลับมาในยามเช้า ไม่ใช่เพราะอยากย้อนพบเงาหญิงใต้จันทร์ แต่เพราะเขาต้องการสืบหาความจริงที่ซ่อนอยู่ ณ สถานที่ต้องห้ามแห่งนี้กล่องบันทึกเก่าในหอคัมภีร์... เสียงพิณจากอดีต... ภาพในนิมิตที่สอดคล้องกับความจริง... ทุกอย่างบอกเขาเพียงสิ่งเดียวคือ “อดีตยังไม่ตาย”เขาดันบานประตูไม้ให้เปิดออกอีกครั้ง เสียงครืดของบานพับยังดังกังวาน ทว่าครานี้ภายในตำหนักกลับเงียบสนิทยิ่งกว่าเดิมไม่มีเงา ไม่มีเสียง ไม่มีกลีบเหมยปลิวโรย เซี่ยอวี่ไม่ได้รอเขาอยู่เช่นคืนก่อนอี้เหวินสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วก้าวตรงไปยังผนังด้านในสุดของตำหนัก ตำแหน่งที่เขาเคยเห็นในบันทึกโบราณ บอกว่าครั้งหนึ่งเคยมี “แท่นเก็บคำสัตย์ของรัชทายาท”ผนังนั้นถูกปิดด้วยม่านเก่า สีซีดจางจนแทบดูไม่ออกว่าเดิมเคยเป็นสีใด เขายกมือขึ้นเปิดม่านนั้นออกอย่างระมัดระวังเบื้องหลังคือกำแพงไม้เก่าที่มีรอยถากเฉียงคล้ายเคยมีผู้พยายามซ่อนบางสิ่งไว้ อี้เ
last updateLast Updated : 2025-08-08
Read more
บทที่ 4 บทเพลงที่ไม่เคยมีในบันทึก
ราตรีนั้น แสงจันทร์สาดลงบนวังเฉินหยวนอีกครั้ง ท้องฟ้าสีเงินหม่นพราวไปด้วยกลุ่มดาวซีฮั่งและหนี่ว์หลาง เสียงลมเหมันต์โหมพัดผ่านหลังคากระเบื้องหยกโบราณ เงาไม้ทาบยาวไปทั่วระเบียงตำหนักว่างเปล่าภายในเรือนพักของเซิ่งอี้เหวิน ตะเกียงน้ำมันยังคงลุกไสว ทว่าดวงตาของเขากลับไม่อาจปิดลงแม้เพียงครู่เดียว เสียงพิณนั้น ยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจเขาไม่หยุดเขาลุกขึ้นจากเตียง เดินมาหยุดอยู่หน้ากล่องไม้ที่ยังไม่ปิดฝา ภายในมีทั้งจดหมายของเซี่ยอวี่และตราราชวงศ์ เขาหยิบมันขึ้นอีกครั้ง ปลายนิ้วลูบผ่านคำว่า “ข้ารักเจ้าเสมอ”ครืน...เสียงสายลมแทรกผ่านหน้าต่างที่ปิดสนิทบานหนึ่ง ตะเกียงน้ำมันสั่นไหว เปลวไฟลู่ไปทางเดียวกับเงาจันทร์ และแล้วเสียงนั้นก็ดังขึ้นเสียงพิณ...มิใช่ในห้วงความคิด มิใช่ในความทรงจำ แต่มาจากเบื้องนอกจริง ๆเขารีบคว้าดาบข้างกาย และกระโจนออกไปนอกเรือน เสียงนั้นมาจากทิศเหนือ ไม่ผิดแน่ ตำหนักดนตรีหลวงตำหนักดนตรีหลวง เป็นหนึ่งในตำหนักชั้นในที่ปิดไว้ในยามค่ำ ไม่มีผู้ใดอนุญาตให้เข้ามาในยามวิกาล เว้นแต่จะมีพระบัญชาจากรัชทายาท แต่คืนนี้ เสียงพิณที่ไม่มีในบันทึกใด ๆ กำลังถูกบรรเลงขึ้นในที่แห่งนั้นอี้
last updateLast Updated : 2025-08-08
Read more
บทที่ 5 บุปผาที่ไม่ผลิบาน
แสงจันทร์เต็มดวงยังคงทอประกายบนฟากฟ้ายามค่ำคืนเป็นคืนที่สามติดต่อกันที่หิมะยังคงโรยลงอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดบนกิ่งเหมยในสวนอวิ๋น ดอกไม้ที่ควรจะผลิบานเบ่งรับน้ำค้างของเหมันต์ กลับร่วงโรยทีละกลีบ...โดยไม่มีดอกใหม่ใด ๆ ปรากฏแทนที่เซิ่งอี้เหวินยืนอยู่ใต้ต้นเหมยต้นเดิม เป็นต้นไม้ที่เขาเคยพบเซี่ยอวี่ครั้งแรก แต่คืนนี้ ไม่มีเงาของนาง ไม่มีเสียงพิณ มีเพียงกิ่งก้านแห้งที่ชูยอดสู่ท้องฟ้า เงียบงันและเหงาเศร้า เขาก้มลง เก็บกลีบดอกที่เพิ่งร่วงหนึ่งกลีบขึ้นมา มันยังอุ่นราวกับเพิ่งร่วงลงเมื่อครู่เดียวและกลิ่นหอมจาง ๆ ที่ติดอยู่บนปลายนิ้วยังเหมือนเดิม“ข้ามาแล้ว แต่เจ้ากลับหายไป” เขาพึมพำกับกลีบเหมยในมือเสียงฝีเท้าหนึ่งดังขึ้นเบื้องหลัง เป็นเสียงเบา เรียบ เนิบ ผู้ที่ปรากฏคือ หลินเซียน ในชุดขุนนางผ้าสีเทาอ่อน ผืนผ้าโบราณทาบไหล่อย่างงดงามราวนักปราชญ์ผู้เดินออกจากตำราประวัติศาสตร์“ข้ารู้ว่าเจ้าจะมาที่นี่” เขาเอ่ยโดยไม่ต้องทักทายอี้เหวินไม่หันกลับ “เพราะข้ามาที่นี่ทุกคืน”หลินเซียนยืนเคียงข้าง มองต้นเหมยไร้ดอกก่อนเอ่ยเบา ๆ“ต้นไม้นี้เคยออกดอกแม้ในยามพายุหิมะกระหน่ำ แต่ตั้งแต่เจ้าพบเซี่ยอวี่ครั้งแรก มัน
last updateLast Updated : 2025-08-08
Read more
บทที่ 6 จดหมายใต้กล่องหิมะ
คืนเดือนแรม ไร้จันทร์ส่อง ทว่าแสงหิมะกลับขาวนวลจนแทบสว่างไปทั่วผืนดิน เซิ่งอี้เหวินเดินลัดเลาะมายังเขตตำหนักร้างเบื้องหลังสวนอวิ๋นอีกครั้ง เป็นบริเวณที่ไม่มีใครกล้าย่างกราย แม้แต่บ่าวในวังยังเอ่ยเรียกด้วยเสียงกระซิบ “เงาวังหนาว”ใต้เท้าของเขา หิมะบดเบี้ยวเสียงก้าวเดิน ลมพัดเอื่อยพาไอเย็นซึมเข้าสู่กระดูก แต่เขามิได้หวาดหวั่น เพราะหัวใจของเขาอบอุ่นด้วยบางสิ่งที่แข็งแรงกว่าความกลัว นั่นคือความตั้งใจที่จะจำนางให้ครบทุกเสี้ยววิญญาณหลังจากได้มอบชื่อคืนให้นางโดยผ่านหอจารึก เงาแรก ‘ความลืม’ ก็คล้ายจางหายจากปลายกลีบเหมย ดอกไม้ร่วงน้อยลงแม้ยังไร้ดอกใหม่ก็ตามคืนนี้ เขากลับมายังตำหนักร้างอีกครั้ง เพื่อค้นหา ‘เงาที่สอง’ ความกลัวตำหนักเบื้องหน้าเงียบสงัดกว่าคราใด บานประตูไม้ถูกหิมะปกคลุมหนาจนแทบเปิดไม่ออก เขาใช้แรงเพียงเล็กน้อย ก็สามารถฝ่าฝืนมันเข้าไปภายในไม่มีแสง ไม่มีกลิ่น ไม่มีแม้แต่เสียงของลม ห้องกว้างที่เคยใช้เป็นห้องบรรเลงพิณในอดีต บัดนี้เหลือเพียงฝุ่นหนาและกองเศษไม้ แต่ในสายตาอี้เหวิน ที่นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะทุกเงา ทุกเสียง ทุกกลีบเหมยเริ่มจากที่นี่เขาเดินช้า ๆ ไปยังมุมห้องที่
last updateLast Updated : 2025-08-08
Read more
บทที่ 7 เงาที่ไม่เคยหายไป
แสงอรุณเบาบางในฤดูเหมันต์สาดส่องผ่านหน้าต่างบานเก่าในเรือนพักของเซิ่งอี้เหวิน ไอเย็นยามเช้าคล้ายยังมีเศษหิมะจากคืนก่อนปะปนอยู่ในอากาศ ภายในห้องยังคงกลิ่นหมึกจาง ๆ จากจดหมายที่เขาอ่านซ้ำมาไม่รู้กี่ครั้งแต่คืนนี้ต่างออกไป ครั้งแรกในรอบหลายปี เขาฝัน ฝันนั้นชัดยิ่งกว่าทุกคืนที่ผ่านในความฝัน เขายืนอยู่ท่ามกลางหมู่ตำหนักที่ลุกเป็นไฟ เสียงร้องไห้ของหญิงสาวคนหนึ่งก้องอยู่กลางเปลวเพลิง เงาในฝันเคลื่อนไหวตามเขา เงาของตนเองในชุดแม่ทัพ มีดาบในมือ เลือดเปรอะใบหน้าเบื้องหน้าเขาคือร่างหนึ่งในชุดขาว หญิงสาวคุกเข่าท่ามกลางซากตำหนัก แม้โดนเปลวไฟล้อมรอบ ดวงหน้าก็ยังสงบนิ่งมือทั้งสองกอดพิณเก่าไว้แน่น และน้ำเสียงที่ดังขึ้นในฝันนั้น...“หากเจ้าต้องเลือกระหว่างแผ่นดินกับข้า ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่เลือกข้า แต่ข้าอยากให้เจ้าจำไว้ ว่าข้าไม่เคยขอให้เจ้าเลือก ข้าแค่อยากให้เจ้ากล้าที่จะมองข้า แม้เพียงครั้งสุดท้าย”มือในฝันของเขาสั่นเทา ดาบในมือนั้นไม่มั่นคง และในพริบตาต่อมา...เขาฟาดลง! ฟาดดาบใส่หญิงที่ตนรักจนสิ้นใจ...อี้เหวินสะดุ้งตื่น ลมหายใจขาดช่วง หยาดเหงื่อเย็นไหลซึมเต็มหลัง เขายกมือขึ้นแตะหน้าอก หัวใจเต้นรัว
last updateLast Updated : 2025-08-08
Read more
บทที่ 8 ใต้จันทร์มีความจริง
ค่ำคืนกลับมาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง แต่ค่ำคืนนี้ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะเบื้องฟ้า จันทร์เต็มดวง เพราะใต้จันทร์ ดอกเหมยบานทั่วกิ่ง เพราะกลางใจของชายหนึ่งคนตัดสินแล้วว่าจะยอมแลกทุกสิ่ง แม้แต่ความทรงจำที่มีต่อหญิงผู้เป็นดังลมหายใจณ ลานกลางตำหนักเหมันต์ ตำหนักซึ่งเคยร้างมานานสามสิบปี ค่ำคืนนี้กลับมีแสงตะเกียงจุดเรียงรายราวแท่นพิธีเก่า กลีบดอกเหมยร่วงโรยเหมือนหิมะ และตรงกลางลานหิน พิณสายโบราณถูกวางอยู่บนผืนผ้าไหมสีขาว เคียงข้างกับหยกแกะลายพระจันทร์ที่รองรับเงาเลือนของเซี่ยอวี่พิธีบูชาเงาจันทร์ เป็นพิธีที่ไม่มีในตำราปกติ มีเพียงผู้พิทักษ์จารึกเก่าอย่างหย่งซานเท่านั้น ที่ยังจดจำขั้นตอนเขาคือผู้ยืนอยู่ด้านข้างอี้เหวิน กล่าวด้วยเสียงเบาอย่างนอบน้อม“เสียง พิณ เลือด เจ้าของ เงา ผู้เป็นวิญญาณ”“เมื่อทั้งสามอยู่พร้อมหน้า เมื่อจันทร์เต็มดวง เมื่อเจ้ากล่าวคำบรรณาการด้วยเลือดของตน ข้าจะวิงวอนต่อสวรรค์ ให้เจ้ามีสิทธิ์ทอเส้นด้ายชะตาขึ้นใหม่อีกครั้ง”อี้เหวินพยักหน้า สายตาเขาแน่วแน่แต่ภายในอกแน่นหนาหนักอึ้ง เพราะเขารู้ว่าผลของพิธีคือการที่เขาจะต้องลืมเซี่ยอวี่ยืนอยู่เบื้องหน้า ร่างของนางมั่นคงกว่
last updateLast Updated : 2025-08-08
Read more
บทที่ 9 คืนที่กลายเป็นซ้ำรอย
“เจ้าตื่นแล้วหรือ?”เสียงหนึ่งดังขึ้น อ่อนโยน คล้ายลมเช้าแรกแห่งฤดูใบไม้ผลิอบอุ่นแต่กลับปลุกชายผู้หนึ่งให้ตกอยู่ในความสับสน เซิ่งอี้เหวินลืมตาขึ้น ภาพแรกที่เห็นคือเพดานไม้เก่าของตำหนักรองในจวนองครักษ์ กลิ่นยาอ่อน ๆ ลอยคลุ้ง นอกหน้าต่างมีหิมะโปรยปรายเบาบางเขาขยับมือ รู้สึกว่ามีมือของใครบางคนจับอยู่ อบอุ่นคุ้นเคยแต่เขานึกไม่ออกว่าเป็นใคร หญิงสาวในชุดสีขาวสะอาด ยืนอยู่ข้างเตียง ใบหน้าของนางงดงามจนแทบทำให้โลกเงียบงัน นัยน์ตาของนางแดงก่ำ เหมือนผ่านการร้องไห้มาทั้งคืน แต่ริมฝีปากยังคงยิ้มจาง ๆ อย่างสงบ“เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”น้ำเสียงนั้นเบาราวกลีบเหมยร่วง เป็นเสียงที่หากได้ยินเพียงครั้งก็ยากจะลืมแต่เขากลับ...อี้เหวินขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าจักเจ้าหรือไม่?”เพียงคำถามเดียว หัวใจของนางก็เหมือนถูกฟาดด้วยคมดาบ เซี่ยอวี่ยิ้มบาง“เจ้าไม่รู้จักข้าแล้วหรือ?”อี้เหวินนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า “ข้าขออภัย หากเคยล่วงเกินมาก่อน ข้ามักฝันประหลาดในช่วงหลัง ๆ คงเป็นเพียงอาการเหนื่อยล้าจากภารกิจ”“เจ้าชื่ออี้เหวินใช่หรือไม่?”“ใช่”“เจ้าเป็นองครักษ์ประจำตำหนักหลวง?”“ใช่”นางกลั้นหายใจแล้วถาม “แล้วเจ
last updateLast Updated : 2025-08-08
Read more
บทที่ 10 แผนลวงกลางราชวัง
ค่ำคืนผ่านไปอย่างสงบรุ่งอรุณแห่งเหมันต์เผยแสงจางลอดม่านน้ำแข็งบนขอบหลังคา ในวังหลวงซึ่งเงียบงันราวกระจกเยือกแข็งนั้น เบื้องลึกกลับแฝงเสียงกระซิบแห่งแผนลวงที่เริ่มก่อตัวภายในหอรับรองชั้นใน ตำหนักอวิ๋นจู๋“ข่าวจากฝั่งองครักษ์หลวงเป็นจริงหรือ?”เสียงเย็นชาเอ่ยจากบุรุษในชุดผ้าไหมเงินใต้แสงโคม หานเจิง หัวหน้ากรมราชเลขานุการาก้มตัวอย่างนอบน้อม“ขอรับท่านเสนาบดี ฝ่าบาททรงมีพระราชดำริให้ข้าเร่งตรวจสอบ และสืบความให้แน่ชัดก่อนวาระไต่สวนใหญ่จะมาถึงฤดูใบไม้ผลิ”“สตรีไร้เงาในตำหนักร้าง เรื่องเล่าเช่นนั้นยังจะหลุดลอดมาจนป่วนวังได้อีกหรือ?”บุรุษผู้หนึ่งนามว่า “จวินอิ้น” เสนาบดีฝ่ายขวา เอ่ยอย่างเยือกเย็น เขาคือมือวางอันดับหนึ่งของราชสำนัก ผู้กุมอำนาจในเงาเบื้องหลังหานเจิงยังคงก้มหน้า “ที่น่ากลัวมิใช่เรื่องเล่า หากแต่เป็นชื่อของสตรีผู้นั้น ตามบันทึกเงาของกองพิทักษ์วัง นางชื่อว่าเซี่ยอวี่ เป็นชื่อเดียวกับชายารัชทายาทพระองค์ก่อน ซึ่งถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏเมื่อสามสิบปีก่อน”คำกล่าวนั้นทำให้ความเงียบวาบขึ้นในห้อง จนแม้แต่เสียงลมหิมะนอกตำหนักก็พลันเย็นเฉียบขึ้นอีกขั้น“เจ้าหมายความว่าผู้หญิงคนนั้นกลับมาแ
last updateLast Updated : 2025-08-08
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status