เช้าวันนี้ก็ยังคงเหมือนกับทุก ๆ วันที่ผ่านมา ม่านไหมยังปรนนิบัติทำหน้าที่เป็นภรรยาและแม่บ้านที่ดีให้สามีอย่างก้องเกียรติอยู่เสมอ
หนึ่งชายหนึ่งหญิงต่างนั่งทานข้าวไปหยอกล้อกันไป โดยเฉพาะก้องเกียรติที่ดูจะหยอกล้อภรรยาอย่างม่านไหมเป็นพิเศษ
เพียงได้เห็นอาการเขินอายแก้มแดงปลั่งของภรรยา ชายหนุ่มก็รู้สึกดีอย่างมาก ทั้งยังหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้เห็นรอยยิ้มหวานสุกสกาวนั่น
“พี่ไปทำงานก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
“จะไม่ให้พี่ไปส่งจริงเหรอ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ม่านขับรถไปเองได้” หญิงสาวตอบยิ้ม ๆ เพราะเธอไม่อยากให้สามีเสียเวลา เนื่องจากที่ทำงานของเธอกับบริษัทของเขาไม่ได้อยู่ทางเดียวกัน ดังนั้นเธอขับรถไปเองจึงจะสะดวกมากกว่า
“ครับ งั้นม่านขับรถดี ๆ นะครับ ถ้าถึงแล้วส่งข้อความมาบอกพี่ด้วย” ก้องเกียรติบอกอย่างจำยอม
“ค่ะ”
ฟอด!
เมื่อหอมแก้มภรรยาแล้วเขาจึงขับรถออกจากบ้านไป แม้ใจจะอยากขับรถไปส่งเธอมากแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ต้องหักใจ และด้วยความที่เคารพภรรยาของตัวเอง เขาจึงเลิกวอแวเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้
ต้องบอกก่อนว่า เมื่อก่อนก้องเกียรติก็ไปส่งภรรยาบ้างตามโอกาส แต่พอรู้ว่าปราชญาทำงานที่เดียวกับภรรยาของเขา ทั้งยังเป็นรุ่นพี่ในแผนกเขาก็รู้สึกไม่พอใจ และอยากจะไปส่งหญิงสาวมันทุกวัน
แต่แล้วก็ต้องล้มเลิกความคิดเมื่อภรรยายืนกรานว่าจะขับรถไปทำงานด้วยตนเอง สำหรับตัวก้องเกียรติเองเขาไว้ใจม่านไหมแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สำหรับปราชญาเขาไม่ไว้ใจเลยสักนิด ผู้ชายด้วยกันมันมองกันออก
ปราชญาจ้องจะตีท้ายครัวเขาอยู่แน่นอน!
เหอะ คิดมาถึงตรงนี้ก้องเกียรติก็ยิ่งรู้สึกร้อนลุ่มในอก กลัวม่านไหมจะหลงคารมของผู้ชายคนนั้น แม้ว่าปากเขาจะบอกว่าไว้ใจเธอมากแค่ไหน แต่ภายในใจลึก ๆ มันก็ยังมีความกังวลและระแวงอยู่ดี
กริ๊ง... กริ๊ง...
“ครับ” ก้องเกียรติกดรับโทรศัพท์ก่อนจะกรอกเสียงไปตามสาย
“...” คิ้วของชายหนุ่มขมวดเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของคนที่โทรเข้ามา
“ถ้ายังอยากมีชีวิตที่ดีก็ควรรู้ว่าควรทำตัวยังไง แต่ถ้ายังไม่รู้และพยายามทำอะไรบางอย่างที่จะทำลายผมอย่าหาว่าผมไม่เตือนก็แล้วกัน แค่นี้นะ”
แววตาของก้องเกียรติฉายแววล้ำลึกอยู่สักพักก่อนจะปรับให้เรียบนิ่งดังเดิม ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ชีวิตเขานอกจากภรรยาอย่างม่านไหมแล้ว เขาก็ไม่คิดที่จะสนใจใครอีก ดังนั้นหลังจากพูดจบชายหนุ่มจึงกดตัดสายทันที โดยที่ไม่สนใจคนที่โทรเข้ามาเลยสักนิดว่าจะรู้สึกยังไง
ทางด้านม่านไหมหลังจากยืนส่งก้องเกียรติขับรถพ้นรั้วประตูบ้านแล้ว เธอถึงได้ขับรถไปทำงานตามปกติ
หน้าที่การงานของม่านไหมคือแผนกบัญชีหรือการเงิน คอยดูเรื่องการเบิกจ่ายหรืองบประมาณของบริษัทโดยมีปราชญาเป็นคนอนุมัติอีกที
ส่วนเพื่อนสนิทอย่างกิ่งกมลก็มีตำแหน่งเดียวกันกับเธอ ทั้งสองทำงานแผนกเดียวกัน โดยแบ่งงานกันดูคนละโพรเจกต์ โดยมีหัวหน้าของพวกเธอเป็นคนจัดการแบ่งงานให้
ส่วนบริษัทที่พวกเธอทำงานกันอยู่คือบริษัทรับออกแบบโฆษณา พวกเธอเริ่มทำงานที่นี่ตั้งแต่เรียนจบใหม่ ๆ ซึ่งจะบอกว่าเป็นโชคดีของพวกเธอก็ว่าได้ เพราะตอนนั้นคนที่ทำตำแหน่งนี้เขาได้ลาออกไปพอดี และบริษัทก็ต้องการพนักงานมาช่วยงานพวกเธอจึงได้งานนี้มาอย่างง่ายได้ โดยผ่านการแนะนำจากรุ่นพี่ที่รู้จัก และกิ่งกมลก็พบรักกับคีรินทร์ที่นี่เช่นกัน
คีรินทร์มีตำแหน่งเป็นถึงรองประธานบริษัท ส่วนประธานบริษัทจะเป็นใครนั้นพวกเธอก็ไม่อาจทราบ หญิงสาวทั้งสองทำงานมาสองสามปีก็ยังไม่เคยเจอหน้าคนที่เป็นท่านประธานเลยสักครั้ง
บ้างก็ว่าเขายังเรียนอยู่ต่างประเทศ หรือไม่ก็ดูงานที่ต่างประเทศยังไม่มีกำหนดกลับ งานที่ประเทศไทยจึงเป็นหน้าที่ของคีรินทร์ที่ต้องดูแลและจัดการทั้งหมดนั่นเอง
“ม่าน พี่ปราชญ์ขอดูสรุปงบประมาณของเดือนที่แล้วอะ แกเตรียมไว้พร้อมหรือยัง”
“อือ ฉันเตรียมไว้ละ ของแกล่ะ”
“ฉันก็เตรียมไว้แล้ว งั้นเอามานั่งสรุปรวมยอดกันเถอะ เวลาโดนถามจะได้ตอบได้ชัดเจน” ม่านไหมพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อน ก่อนที่ทั้งสองจะช่วยกันดูงบประมาณทั้งหมดจนเสร็จเรียบร้อย
“นี่ดีนะพวกเราทำไว้อย่างมีระเบียบเรียบร้อย ไม่งั้นโดนพี่ตาดุแน่” กิ่งกมลว่า
พี่ตาที่พูดถึงก็คือสมิตาหัวหน้าของพวกเธอนั่นเอง ส่วนตำแหน่งของปราชญานั้นค่อนข้างคุมเครือ พวกเธอรู้แค่ว่าปราชญามีอำนาจสูงสุดในแผนกนี้เท่านั้น ไม่ได้มีตำแหน่งตายตัวเหมือนพนักงานคนอื่น ๆ เรื่องนี้หญิงสาวทั้งสองและพนักงานบางกลุ่มก็สงสัยเช่นกัน
“อื้อ นี่ก็ใกล้เที่ยงละ เราเก็บของกันเถอะ จะได้ไปทานข้าวที่โรงอาหาร”
“อืม” กิ่งกมลรับคำ ต่างคนต่างเก็บของบนโต๊ะของตัวเอง ในขณะที่ม่านไหมกำลังหยิบโทรศัพท์นั้นเธอก็เห็นว่ามีข้อความถูกส่งเข้ามาหลายนาทีแล้ว นั่นแสดงว่าก่อนหน้านี้เธอมัวแต่สรุปยอดเลยไม่ได้สนใจโทรศัพท์แน่ ๆ จึงไม่ได้ยินเสียงแจ้งเตือน
ม่านไหมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความที่ส่งมาจากแอพลิเคชันที่มีชื่อว่าไลน์ ก่อนที่คิ้วเรียวสวยของเธอจะขมวดมุ่นด้วยความสงสัย เพราะมันถูกส่งมาจากคนที่เธอไม่รู้จักที่ใช้ชื่อว่า ผู้หวังดี!
ผู้หวังดี : แหม... ใจดีใจกว้างจังเลยนะคะ สามีมีคนอื่นยังไม่ว่าอะไร
ผู้หวังดี : เอ้... หรือว่าภรรยาที่แสนดีจะไม่รู้กันน้า ว่าสามีที่รักนักรัก หนากำลังสวมเขาให้
ผู้หวังดี : หึหึ ยังไงก็ขอให้รักกับสามีไปนาน ๆ นะคะ อ้อ! แต่ถ้า ฉลาดก็ควรจะเผื่อใจไว้บ้าง ผิดหวังขึ้นมาจะได้ไม่เจ็บ ปางตาย
ผู้หวังดี : เสือน่ะ... มันไม่เคยทิ้งลายหรอกนะคะ
หลังอ่านข้อความที่ถูกส่งเข้ามาทั้งหมดจบม่านไหมก็รู้สึกไม่พอใจ ทั้งยังรู้สึกเหมือนกำลังถูกปั่นหัวจากใครบางคนที่ต้องการให้เธอและก้องเกียรติต้องทะเลาะกัน
ม่านไหม : คุณเป็นใคร ต้องการอะไร
ม่านไหม : ถ้าว่างมากก็ไปทำชีวิตตัวเองให้ดี ไม่ใช่มารังควานให้ คนอื่นเขาแตกแยกกัน
ม่านไหมส่งข้อความกลับไปก่อนจะเลิกสนใจ พร้อมกับเดินไปหากิ่งกมลที่ยืนรออยู่ จากนั้นทั้งสองก็ตรงไปที่โรงอาหารของบริษัทเพื่อทานข้าวทันที
5 ปีผ่านไป“คุณพ่อขา... ช่วยปิ่นด้วยค่าพี่ปืนทำหนู”“ไม่จริงนะครับ น้องปิ่นต่างหากที่แกล้งผมก่อน ผมแค่ป้องกันตัว” สองเสียงของเด็กเล็กชายหญิงดังขึ้นไล่เลี่ยกัน ก่อนจะมีร่างจ้ำม่ำของทั้งสองวิ่งไล่ตามกันมา ก่อนผู้เป็นเด็กหญิงจะวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพ่อเพราะเธอมาถึงก่อนปราชญาอ้าแขนรับร่างของเด็กหญิงก่อนจะอุ้มเข้าเอวแล้วหอมฟอดใหญ่ ก่อนจะหันไปอุ้มเด็กชายขึ้นมาเข้าเอวอีกข้าง“ไหนเล่าให้พ่อฟังหน่อยครับว่าเกิดอะไรขึ้น” ปราชญาเอ่ยถามทั้งสองคนที่แท้เด็กชายและเด็กหญิงที่ว่าคือลูกของเขา ผู้เป็นเด็กหญิงมีชื่อว่า ปิ่นมุก ส่วนเด็กชายอีกคนชื่อ ปืนกันต์ ทั้งสองเป็นฝาแฝดชายหญิงที่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ หากไม่สนิทและรู้จักมักคุ้นจริง ๆ คงจะแยกแยะได้ยากปิ่นมุกแฝดน้องมีนิสัยค่อนข้างแสบและซน เจ้าเล่ห์ตั้งแต่เด็กเรื่องนี้ทำปราชญาและม่านไหมปวดหัวอยู่ทุกวันปืนกันต์แฝดพี่กลับเป็นคนเรียบง่ายติดจะเย็นชา แต่ความเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการกลับมีมากกว่าผู้เป็นน้องสาวที่คลานตามกันออกมาหลายขุมอย่างไรก็ตามเด็กทั้งสองคนนับเป็นเด็กที่ฉลาดมาก อายุเพียงสามขวบกว่าก็พูดจาคล่องแคล่วแล้ว“ว่าไงครับ ไหนเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น” ป
ม่านไหมและปราชญาผละกอดจากกัน ชายหนุ่มจ้องตาเธอนิ่งเขาอยากจูบเธอแต่ไม่กล้าพอ ม่านไหมยิ้มก่อนจะเป็นฝ่ายโน้มหน้าไปจูบเขาก่อนทันทีที่ริมฝีปากของทั้งสองแตะกันก็คล้ายกับมีแรงดึงดูดทั้งเขาและเธอเอาไว้ ฝ่ามือหนาของปราชญาจับล็อกที่ต้นคอของหญิงสาวก่อนจะเป็นฝ่ายแทรกเรียวลิ้นบดขยี้จูบหวานหอมแสนอ่อนโยนให้กับเธอ ปราชญาไม่สามารถหักห้ามอารมณ์ไว้ได้อีก มือหนาเคลื่อนไปตามสัญชาตญาณ กอบกุมอกอวบของเธอที่เขาเคยฝันถึงไว้ในอุ้งมือ ก่อนจะบีบขยำเคล้าคลึงเล่นไปมาปากก็ยังจูบม่านไหมไม่ยอมปล่อย จนหญิงสาวทุบตีที่หน้าอกเพราะหายใจไม่ทัน ชายหนุ่มถึงได้ผละปากออกมาให้เธอหายใจหายคอแต่การกระทำของเขาไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น ปราชญาเคลื่อนริมฝีปากไปตามกรอบหน้าของหญิงสาว ก่อนจะไปแวะเล็มขบกัดติ่งหูจนหญิงสาวขนลุกซู่“อื้อ... พี่ปราชญ์ขา” จากตอนแรกที่คิดว่าจะแกล้งเธอเท่านั้น ตอนนี้เขาไม่สามารถข่มกลั้นความอดทนได้อีกต่อไป เพียงเพราะได้ยินเธอเรียกชื่อเขาเสียงหวาน“ม่านครับพี่ขอโทษแต่พี่ห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว” เขาละริมฝีปากที่ซุกไซ้ซอกคอของเธอก่อนจะเงยหน้าพูดม่านไหมยิ้มรับก่อนจะเอื้อมมือไปกอดคอเขาไว้แล้วโน้มหน้าเขาลงมาบดจูบเธออี
ตั้งแต่ที่ม่านไหมรู้ว่าปราชญาจีบเธอ ปราชญาก็เปลี่ยนไปทันที สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือเขารุกหญิงสาวมากกว่าเดิม แต่สิ่งที่ชายหนุ่มไม่เคยเปลี่ยนหรือขาดไปนั่นก็คือความเอาใจใส่ของเขานี่ก็ผ่านมาสามเดือนได้แล้ว ที่ปราชญาจีบม่านไหม แรก ๆ ม่านไหมก็เกร็งแต่ปัจจุบันนี้เธอทำตัวตามสบาย ยิ่งถูกปราชญาเอาใจใส่และตามใจมาก ๆ หญิงสาวก็นึกกลัวตัวเองว่าจะเสียนิสัยเข้าสักวัน“เลิกงานแล้ว วันนี้พี่เหนื่อยมากเลยครับ” ปราชญาพูดหลังจากที่เห็นว่าหญิงสาวเดินขึ้นรถมาแล้วทุกวันนี้ม่านไหมขึ้นรถมาทำงานกับปราชญาแทบทุกวัน วันไหนที่ไม่ได้มาด้วยกันคือวันที่ปราชญามีประชุมข้างนอกหรือคุยงานหญิงสาวยิ้มให้กับคนตัวโตที่หันมาอ้อนเธอทุกครั้งที่เธอเดินขึ้นรถ หญิงสาวยอมรับว่าทุกวันนี้หญิงสาวรู้สึกดีมากที่มีเขาอยู่ข้าง ๆ ปราชญาเสมอต้นเสมอปลายกับเธอมาโดยตลอด จนหญิงสาวไม่กลัวแล้วว่าเขาจะเป็นเหมือนก้องเกียรติ“งั้นม่านนวดให้ดีไหมคะ”“ได้เหรอครับ” หญิงสาวหัวเราะเมื่อเห็นอาการถูกใจของเขา ก่อนจะพยักหน้ารับตอนนี้ท่าทางของปราชญาไม่ต่างไปจากเด็กที่ได้ของเล่นเลยด้วยซ้ำ“งั้นวันนี้เราจะทานอะไรกันดีครับ พี่หิวมาก”“แกงถุงไหมคะ ม่านมีร้านแนะนำ”
พี่เป็นห่วง...พี่เป็นห่วง...พี่เป็นห่วง...“ม่าน”“...”“ยายม่าน!”“ฮะ! อะไร มีอะไร”“เหม่ออะไรของแก เป็นอะไร”“ปะ เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ฉันแค่กำลังคิดอะไรนิดหน่อย” ม่านไหมตอบ“แน่นะ”“อืม” ม่านไหมตอบรับ ก่อนจะสนใจหนังสือนิยายในมือหญิงสาวไม่กล้าบอกเพื่อนว่าเธอกำลังคิดถึงคำพูดของปราชญา เธอกำลังสับสน และกำลังคิดถึงความเป็นไปได้ว่าอะไรทำให้ปราชญาพูดกับเธอแบบนั้นสายตาห่วงใยคำพูดพวกนั้นมันไม่สมควรเกิดขึ้นกับคนที่กำลังจีบ แต่ถึงแม้จะเกิดขึ้นสายตาของเขาไม่ควรที่จะลึกซึ้งมากขนาดนี้ มันลึกซึ้งเหมือนกับว่าชายหนุ่มรักเธอมาก“ม่าน”“ว่า”“แกคิดว่าพี่ปราชญ์เป็นยังไง” คำพูดของกิ่งกมล ทำเอาม่านไหมนิ่งค้างไป“เงียบทำไม ตอบมาสิ” กิ่งกมลเร่งเร้า“ไม่รู้สิ” คำตอบของม่านไหม ทำเอากิ่งกมลเด้งตัวลุกขึ้นแล้วมองหน้าม่านไหมอย่างเอาเรื่องทันที“แกจะไม่รู้ได้ไง พี่ปราชญ์ดูเป็นห่วงเป็นใยแกมากขนาดนั้น บอกฉันมานะว่าแกคิดอะไรอยู่”“ฉันไม่ได้คิดอะไร”“ยายม่าน!”“เฮ้อ! ก็แค่กำลังคิดว่าอะไรทำให้พี่ปราชญ์รู้สึกกับฉันเกินกว่าเจ้านายลูกน้อง”“นี่แกไม่รู้” กิ่งกมลถามด้วยความไม่เชื่อ เธอไม่เชื่อว่าเพื่อนของเธอจะใสซื่อขนา
“อะ เอ่อ... ทานสุกี้ดีกว่าครับ ดูสิวุ้นเส้นอืดหมดแล้ว”“ใช่ ๆ ๆ ยายม่านรีบทานเร็ว”คีรินทร์ที่ทนความอึดอัดและความเงียบที่มีต้นเหตุมาจากเพื่อนตัวเองไม่ไหว จึงรีบพูดออกมาพร้อมทั้งพยักหน้าให้แฟนสาวรีบช่วยพูดเพื่อแก้ไขสถานการณ์ทันทีม่านไหมที่ได้สติจากที่เพื่อนของเธอเรียกชื่อ ก็รีบตักวุ้นเส้นขึ้นมาและทานเงียบ ๆ เธอก้มหน้าก้มตาทานจนได้รับสายตาเอ็นดูจากปราชญาทั้งคีรินทร์และกิ่งกมลรู้สึกว่าตอนนี้พวกเขาเหมือนกับว่าเป็นคนนอกอยู่ตลอดเวลา เพราะปราชญาเล่นไม่สนใจใครเลย คนเดียวที่เขาสนใจคือม่านไหม ไหนจะคำพูดที่พึ่งพูดไปก่อนหน้า แล้วตอนนี้ยังตักนั่นตักนี้ให้ม่านไหมอีกคีรินทร์และกิ่งกมลมองหน้ากันแล้วถอนหายใจออกมา“พอแล้วค่ะ ม่านอิ่มแล้ว”“ทานเยอะ ๆ ครับ พี่ว่าม่านพร้อมไป ต้องทานอีกหน่อย พี่เป็นห่วง”ฉ่า!!!แก้มม่านไหมเห่อร้อนทันที หญิงสาวรู้สึกว่าเหมือนเธอกำลังถูกจีบ!“ไอ้ปราชญ์!”“อะไร”“แกพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า”“รู้สิ ก็ฉันเป็นห่วงน้องม่านจริง ๆ นี่” ปราชญาหันไปตอบคีรินทร์ แล้วหันหน้ามามองหญิงสาวสายตาเต็มไปด้วยความห่วงใยและอ่อนโยนครั้งนี้ม่านไหมไม่หลบตาเธอต้องการพิสูจน์สิ่งที่เธอรู้สึกสงส
จากวันที่หญิงสาวหย่าขาดจากก้องเกียรติ เธอก็ไม่ได้ข่าวคราวเขาอีกเลย รู้เพียงว่าเขาได้เดินทางไปต่างประเทศพร้อมปรายฟ้าแล้ว ส่วนบริษัททางนี้ก็ให้ญาติลูกพี่ลูกน้องของเขาดูแลให้ม่านไหมใช้ชีวิตตามปกติ เธอยังคงมาทำงานใช้ชีวิตเป็นพนักงานออฟฟิศเหมือนเดิม เพียงแต่ว่ารอยยิ้มของเธอไม่ค่อยมีก็เท่านั้นต้องบอกก่อนว่าหลังจากที่เธอขับรถออกจากสำนักงานเขตในวันที่ไปจดทะเบียนหย่านั้น หญิงสาวก็กลับมาร้องไห้ที่ห้องของกิ่งกมลม่านไหมไม่สามารถทนต่อความเสียใจได้ เดิมทีวันที่สิบมีนาคือวันครบรอบวันแต่งงานของเธอกับเขา แทนที่จะมีความสุขและร่วมฉลองในวันดังกล่าว กลับกลายเป็นว่าทุกข์ระทมเพราะหย่าซะเองม่านไหมร้องไห้หนักอยู่เป็นอาทิตย์ ในที่สุดก็หยุดร้องไห้ได้ เพราะได้กำลังใจดี ๆ จากคนที่ห่วงใยเธอทุกคนและเมื่อเธอดีขึ้นแล้ว หญิงสาวก็กลับมาทำงานตามปกติ ชีวิตของเธอยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมนั่นคงจะเป็นปราชญาที่ช่วงนี้ขยันมาอยู่ใกล้เธอเสียเหลือเกินใกล้ม่านไหมมาก จนบางครั้งหญิงสาวรู้สึกอึดอัด“ม่านไปทานข้าวกัน”“จ้า ขอเก็บของแป๊บ” ม่านไหมตอบกลับกิ่งกมลที่ตอนนี้ยืนส่งยิ้มให้เธออยู่ หลังจากม่านไหมเก็บของเ