จากวันที่เธอได้รับข้อความจากคนที่อ้างตัวและใช้ชื่อว่าผู้หวังดี รวมถึงได้โต้ตอบกลับไปด้วยข้อความที่แสดงให้เห็นว่าเธอไม่พอใจ หลังจากวันนั้นเธอก็ได้รับข้อความมาอีกเรื่อย ๆ จากอาทิตย์ละครั้ง ก็กลายเป็นสองสามครั้งต่ออาทิตย์ และล่าสุดส่งเข้ามาหาเธอทุกวัน
ม่านไหมทั้งรู้สึกไม่พอใจและโกรธ ที่ชีวิตของเธอแทนที่จะมีความสุขกับก้องเกียรติผู้ชายที่เธอเลือก กลับต้องมาปวดหัวจากใครก็ไม่รู้ที่ต้องการทำลายชีวิตคู่ของเธอ
อ้างตัวว่าเป็นผู้หวังดี แล้วทำไมถึงไม่มาเผชิญหน้ากับเธอตรง ๆ แล้วพาเธอไปเห็นจะ ๆ เลยล่ะ ว่าสามีนอกลู่นอกทางจริงไหม ไม่ใช่เอาแต่ส่งข้อความมาป่วนกันแบบนี้
แน่นอนว่าม่านไหมไม่เชื่อและไม่ระแวงข้อความที่ถูกส่งเข้ามาเลยสักนิด เธอมั่นใจในตัวก้องเกียรติมากเกินกว่าที่เธอจะใส่ใจข้อความไม่มีมูลพวกนั้น
แค่ข้อความใคร ๆ ก็พิมพ์ได้!
ติ้ง!
ผู้หวังดี : ถ้าไม่เชื่อ คิดว่าฉันหลอก ทำไมเธอไม่ลองดูพฤติกรรม สามีที่เธอรักนักรักหนา และไว้ใจมากล่ะ ว่าเขามีอะไร แปลกไปหรือผิดปกติอย่างที่ฉันบอกหรือเปล่า
วันนี้ก็เช่นกันที่ม่านไหมได้ข้อความจากคนคนนี้อีกครั้ง หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนที่จะค่อย ๆ ผ่อนออกมา ก้มมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความกรุ่นโกรธ
วันนี้เป็นวันหยุดของเธอแท้ ๆ แทนที่จะได้พักผ่อนอย่างสบายใจ กลับต้องมานั่งปวดประสาทกับคนโรคจิตที่ส่งข้อความเข้ามาหาเธอไม่หยุดนี่
ทั้ง ๆ ที่เธอก็บล็อกอีกฝ่ายไปแล้ว แต่คนคนนั้นก็ยังมีความพยายามในการสมัครไลน์ใหม่และส่งข้อความเข้ามาหาเธออยู่ดี ขู่แจ้งความดำเนินคดีก็แล้ว กลับไม่มีทีท่าว่าจะกลัว นานวันเข้ายิ่งหนักข้อขึ้นทุกวัน
ยิ่งม่านไหมมองข้อความก็ยิ่งไม่พอใจและโกรธมากขึ้น
“ที่รัก เป็นอะไรครับ”
ม่านไหมตวัดสายตาไปมองคนถามด้วยสายตาเขียวปัด จนคนถูกมองอย่างก้องเกียรติต้องกลืนน้ำลายและเดินเข้ามาหาเธออย่างช้า ๆ
“เป็นอะไรครับ ใครทำให้คนดีของพี่อารมณ์ไม่ดีกัน” ไม่พูดเปล่าก้องเกียรติดึงหญิงสาวเข้ามากอดก่อนจะก้มหน้ามองคนที่อยู่ในอ้อมแขนด้วยสายตาห่วงใย
“ฮึ่ย!” ม่านไหมฮึดฮัดก่อนจะพยายามขยับตัวออกจากอ้อมกอดแต่ก็ไม่สามารถทำได้ จึงปล่อยให้สามีกอดไป
“ว่าไงครับ หืม” ก้องเกียรติถามในขณะที่ริมฝีปากหนาก็ก้มลงกดจูบที่หน้าผากนูนของเธอ จนคนที่กำลังอารมณ์ไม่ดีเผลอหลุดยิ้มออกมา
“ก็คนโรคจิตน่ะสิคะ ยังไม่เลิกส่งข้อความมาหาม่านเลย แถมยังหนักข้อขึ้นทุกวัน” ม่านไหมเอ่ยบอกพร้อมทำหน้ายุ่ง
“หืม... คนที่ม่านบอกพี่ว่าใช้ชื่อผู้หวังดีนั่นน่ะเหรอครับ”
“ใช่ค่ะคนนั้นนั่นแหละ อย่าให้ม่านรู้นะว่าใครไม่งั้นม่านไม่เอาไว้แน่” หญิงสาวบอกอย่างเข่นเขี้ยว จนชายหนุ่มต้องหลุดหัวเราะออกมา
“เก่งจังเลยนะครับตัวแค่นี้”
“แน่นอนสิคะ พี่ก้องก็เหมือนกันอย่าให้ม่านรู้นะว่านอกลู่นอกทางไม่งั้นม่านไม่เอาพี่ก้องไว้แน่” หญิงสาวพูดพร้อมมองหน้าสามีของเธอด้วยสายตาคาดโทษ
“โธ่คนดี... พี่จะไปมีใครได้ล่ะครับ แค่มีม่านคนเดียวก็เกินพอแล้ว” ชายหนุ่มรีบออดอ้อน พร้อมกับมองภรรยาด้วยสายตารักใคร่
“เหอะ ให้มันจริงเถอะค่ะ ว่าแต่พี่ก้องไม่ได้ไปทำอะไรลับหลังม่านใช่ไหมคะ นี่ม่านเริ่มระแวงแล้วนะเล่นส่งมาปั่นป่วนม่านทุกวันแบบนี้” หญิงสาวหรี่ตาจับผิด
“ไม่มีหรอกครับ พี่รักม่านคนเดียว ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่ไม่มีม่านพี่ยอมรับนะครับว่าเจ้าชู้ แต่ตั้งแต่เจอม่านพี่ก็เลิกไปหมดแล้ว ไม่มีใครอีกแล้วครับ”
“ดีแล้วค่ะ พี่ก้องต้องรู้ไว้นะคะว่าพี่คือคนแรก คือรักแรกของม่าน ถ้าพี่ทำผิดต่อม่าน ม่านคงเสียใจมากแน่ ๆ และในขณะเดียวกันม่านคงไม่สามารถอยู่กับพี่ได้เหมือนอีก”
“อื้อ ไม่เอาครับเลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว เดี๋ยวม่านเอาไลน์ผู้หวังดีที่ส่งข้อความมาหาม่านให้พี่นะครับ พี่จะเอาไปจัดการเอง มายุ่งกับภรรยาที่พี่เคารพรักอย่างนี้ได้ยังไงกัน หึ รู้จักพี่น้อยไปซะแล้ว”
ม่านไหมพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของก้องเกียรติก่อนที่ทั้งสองคนจะหยอกล้อกันตามประสาสามีภรรยาที่ใช้วันหยุดร่วมกัน
กริ๊ง... กริ๊ง...
ขณะที่ทั้งคู่กำลังหยอกล้อกันอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ของก้องเกียรติก็ดังขึ้น จนชายหนุ่มต้องกดรับสาย
“ครับ”
“เข้าใจแล้วครับ ครับ ขอบคุณครับ”
“แล้วเจอกันครับ สวัสดีครับ”
ก้องเกียรติพูดกับปลายสายเสร็จก็วางสายไปโดยมีภรรยามองมาที่ตนด้วยสายตาตั้งคำถาม เขาจึงยิ้มให้เธอบาง ๆ แล้วพูดว่า
“ที่รักครับ พี่ต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัด”
“ไปเมื่อไหร่คะ ไปกี่วัน ม่านจะได้จัดกระเป๋าให้”
“ไปพรุ่งนี้ครับ สามวันสองคืน พี่ต้องไปคุยงานกับบริษัทลูกด้วย”
“งั้นม่านไปจัดกระเป๋าให้ก่อนนะคะ” เมื่อทราบแล้วว่าก้องเกียรติจะไปดูงานกี่วัน เธอจึงกระตือรือร้นจัดกระเป๋าให้ทันที
“เดี๋ยวก่อนก็ได้ครับ ว่าแต่ม่านไม่สนใจไปด้วยกันเหรอ” ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยให้เธอไปจัดกระเป๋า จึงกอดเอวเธอไว้แน่นกว่าเดิม
“ไม่ได้หรอกค่ะ ม่านต้องทำงานนะคะ”
“เฮ้อ! พี่บอกแล้วว่าม่านไม่ต้องทำงานก็ได้ ภรรยาคนเดียวพี่เลี้ยงได้ ถ้าอยากทำจริง ๆ พี่ให้ไปเป็นผู้ช่วยพี่ม่านก็ไม่ไป” ก้องเกียรติพูดอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“ไม่เอาสิคะ อย่างอนสิ เราพูดเรื่องนี้กันบ่อยแล้วน้า”
“ก็มันจริงนี่ พี่อยากมีเวลาอยู่กับม่านตลอดเวลาเลย เราแทบจะไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเลยนะครับช่วงหนึ่งเดือนมานี้ งานพี่ก็รัดตัวมากขึ้นทุกวัน”
“ฮือ... ก็ม่านไม่อยากให้ใครมาว่าพี่ก้องนี่นาว่าใช้อำนาจบาตรใหญ่โดยการเอาม่านไปช่วยงาน”
“ใครจะกล้าว่ากัน ม่านเป็นภรรยาพี่นะครับ สักวันก็ต้องมาช่วยงานพี่อยู่ดี”
“อย่างอแงสิคะ ม่านสัญญาว่าถ้าจบสิ้นปีนี้ม่านจะออกจากงานที่บริษัทแล้วไปช่วยงานพี่ดีไหมคะ” ม่านไหมเอียงคอพูดอย่างน่ารัก
“ดีครับ” ก้องเกียรติยิ้มกว้างก่อนจะตอบรับอย่างยินดี
เมื่อตกลงกันได้แล้ว ม่านไหมจึงแยกไปเก็บกระเป๋าที่จะใช้เดินทางไปต่างจังหวัดให้ชายหนุ่ม ส่วนก้องเกียรติก็มองแผ่นหลังบางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหวนนึกไปถึงข้อความที่ส่งมาป่วนภรรยาเขา จากแววตาอ่อนโยนก็กลายเป็นเย็นเยียบอย่างที่ม่านไหมไม่เคยเห็นและไม่มีวันจะได้เห็นแน่นอน
5 ปีผ่านไป“คุณพ่อขา... ช่วยปิ่นด้วยค่าพี่ปืนทำหนู”“ไม่จริงนะครับ น้องปิ่นต่างหากที่แกล้งผมก่อน ผมแค่ป้องกันตัว” สองเสียงของเด็กเล็กชายหญิงดังขึ้นไล่เลี่ยกัน ก่อนจะมีร่างจ้ำม่ำของทั้งสองวิ่งไล่ตามกันมา ก่อนผู้เป็นเด็กหญิงจะวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพ่อเพราะเธอมาถึงก่อนปราชญาอ้าแขนรับร่างของเด็กหญิงก่อนจะอุ้มเข้าเอวแล้วหอมฟอดใหญ่ ก่อนจะหันไปอุ้มเด็กชายขึ้นมาเข้าเอวอีกข้าง“ไหนเล่าให้พ่อฟังหน่อยครับว่าเกิดอะไรขึ้น” ปราชญาเอ่ยถามทั้งสองคนที่แท้เด็กชายและเด็กหญิงที่ว่าคือลูกของเขา ผู้เป็นเด็กหญิงมีชื่อว่า ปิ่นมุก ส่วนเด็กชายอีกคนชื่อ ปืนกันต์ ทั้งสองเป็นฝาแฝดชายหญิงที่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ หากไม่สนิทและรู้จักมักคุ้นจริง ๆ คงจะแยกแยะได้ยากปิ่นมุกแฝดน้องมีนิสัยค่อนข้างแสบและซน เจ้าเล่ห์ตั้งแต่เด็กเรื่องนี้ทำปราชญาและม่านไหมปวดหัวอยู่ทุกวันปืนกันต์แฝดพี่กลับเป็นคนเรียบง่ายติดจะเย็นชา แต่ความเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการกลับมีมากกว่าผู้เป็นน้องสาวที่คลานตามกันออกมาหลายขุมอย่างไรก็ตามเด็กทั้งสองคนนับเป็นเด็กที่ฉลาดมาก อายุเพียงสามขวบกว่าก็พูดจาคล่องแคล่วแล้ว“ว่าไงครับ ไหนเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น” ป
ม่านไหมและปราชญาผละกอดจากกัน ชายหนุ่มจ้องตาเธอนิ่งเขาอยากจูบเธอแต่ไม่กล้าพอ ม่านไหมยิ้มก่อนจะเป็นฝ่ายโน้มหน้าไปจูบเขาก่อนทันทีที่ริมฝีปากของทั้งสองแตะกันก็คล้ายกับมีแรงดึงดูดทั้งเขาและเธอเอาไว้ ฝ่ามือหนาของปราชญาจับล็อกที่ต้นคอของหญิงสาวก่อนจะเป็นฝ่ายแทรกเรียวลิ้นบดขยี้จูบหวานหอมแสนอ่อนโยนให้กับเธอ ปราชญาไม่สามารถหักห้ามอารมณ์ไว้ได้อีก มือหนาเคลื่อนไปตามสัญชาตญาณ กอบกุมอกอวบของเธอที่เขาเคยฝันถึงไว้ในอุ้งมือ ก่อนจะบีบขยำเคล้าคลึงเล่นไปมาปากก็ยังจูบม่านไหมไม่ยอมปล่อย จนหญิงสาวทุบตีที่หน้าอกเพราะหายใจไม่ทัน ชายหนุ่มถึงได้ผละปากออกมาให้เธอหายใจหายคอแต่การกระทำของเขาไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น ปราชญาเคลื่อนริมฝีปากไปตามกรอบหน้าของหญิงสาว ก่อนจะไปแวะเล็มขบกัดติ่งหูจนหญิงสาวขนลุกซู่“อื้อ... พี่ปราชญ์ขา” จากตอนแรกที่คิดว่าจะแกล้งเธอเท่านั้น ตอนนี้เขาไม่สามารถข่มกลั้นความอดทนได้อีกต่อไป เพียงเพราะได้ยินเธอเรียกชื่อเขาเสียงหวาน“ม่านครับพี่ขอโทษแต่พี่ห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว” เขาละริมฝีปากที่ซุกไซ้ซอกคอของเธอก่อนจะเงยหน้าพูดม่านไหมยิ้มรับก่อนจะเอื้อมมือไปกอดคอเขาไว้แล้วโน้มหน้าเขาลงมาบดจูบเธออี
ตั้งแต่ที่ม่านไหมรู้ว่าปราชญาจีบเธอ ปราชญาก็เปลี่ยนไปทันที สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือเขารุกหญิงสาวมากกว่าเดิม แต่สิ่งที่ชายหนุ่มไม่เคยเปลี่ยนหรือขาดไปนั่นก็คือความเอาใจใส่ของเขานี่ก็ผ่านมาสามเดือนได้แล้ว ที่ปราชญาจีบม่านไหม แรก ๆ ม่านไหมก็เกร็งแต่ปัจจุบันนี้เธอทำตัวตามสบาย ยิ่งถูกปราชญาเอาใจใส่และตามใจมาก ๆ หญิงสาวก็นึกกลัวตัวเองว่าจะเสียนิสัยเข้าสักวัน“เลิกงานแล้ว วันนี้พี่เหนื่อยมากเลยครับ” ปราชญาพูดหลังจากที่เห็นว่าหญิงสาวเดินขึ้นรถมาแล้วทุกวันนี้ม่านไหมขึ้นรถมาทำงานกับปราชญาแทบทุกวัน วันไหนที่ไม่ได้มาด้วยกันคือวันที่ปราชญามีประชุมข้างนอกหรือคุยงานหญิงสาวยิ้มให้กับคนตัวโตที่หันมาอ้อนเธอทุกครั้งที่เธอเดินขึ้นรถ หญิงสาวยอมรับว่าทุกวันนี้หญิงสาวรู้สึกดีมากที่มีเขาอยู่ข้าง ๆ ปราชญาเสมอต้นเสมอปลายกับเธอมาโดยตลอด จนหญิงสาวไม่กลัวแล้วว่าเขาจะเป็นเหมือนก้องเกียรติ“งั้นม่านนวดให้ดีไหมคะ”“ได้เหรอครับ” หญิงสาวหัวเราะเมื่อเห็นอาการถูกใจของเขา ก่อนจะพยักหน้ารับตอนนี้ท่าทางของปราชญาไม่ต่างไปจากเด็กที่ได้ของเล่นเลยด้วยซ้ำ“งั้นวันนี้เราจะทานอะไรกันดีครับ พี่หิวมาก”“แกงถุงไหมคะ ม่านมีร้านแนะนำ”
พี่เป็นห่วง...พี่เป็นห่วง...พี่เป็นห่วง...“ม่าน”“...”“ยายม่าน!”“ฮะ! อะไร มีอะไร”“เหม่ออะไรของแก เป็นอะไร”“ปะ เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ฉันแค่กำลังคิดอะไรนิดหน่อย” ม่านไหมตอบ“แน่นะ”“อืม” ม่านไหมตอบรับ ก่อนจะสนใจหนังสือนิยายในมือหญิงสาวไม่กล้าบอกเพื่อนว่าเธอกำลังคิดถึงคำพูดของปราชญา เธอกำลังสับสน และกำลังคิดถึงความเป็นไปได้ว่าอะไรทำให้ปราชญาพูดกับเธอแบบนั้นสายตาห่วงใยคำพูดพวกนั้นมันไม่สมควรเกิดขึ้นกับคนที่กำลังจีบ แต่ถึงแม้จะเกิดขึ้นสายตาของเขาไม่ควรที่จะลึกซึ้งมากขนาดนี้ มันลึกซึ้งเหมือนกับว่าชายหนุ่มรักเธอมาก“ม่าน”“ว่า”“แกคิดว่าพี่ปราชญ์เป็นยังไง” คำพูดของกิ่งกมล ทำเอาม่านไหมนิ่งค้างไป“เงียบทำไม ตอบมาสิ” กิ่งกมลเร่งเร้า“ไม่รู้สิ” คำตอบของม่านไหม ทำเอากิ่งกมลเด้งตัวลุกขึ้นแล้วมองหน้าม่านไหมอย่างเอาเรื่องทันที“แกจะไม่รู้ได้ไง พี่ปราชญ์ดูเป็นห่วงเป็นใยแกมากขนาดนั้น บอกฉันมานะว่าแกคิดอะไรอยู่”“ฉันไม่ได้คิดอะไร”“ยายม่าน!”“เฮ้อ! ก็แค่กำลังคิดว่าอะไรทำให้พี่ปราชญ์รู้สึกกับฉันเกินกว่าเจ้านายลูกน้อง”“นี่แกไม่รู้” กิ่งกมลถามด้วยความไม่เชื่อ เธอไม่เชื่อว่าเพื่อนของเธอจะใสซื่อขนา
“อะ เอ่อ... ทานสุกี้ดีกว่าครับ ดูสิวุ้นเส้นอืดหมดแล้ว”“ใช่ ๆ ๆ ยายม่านรีบทานเร็ว”คีรินทร์ที่ทนความอึดอัดและความเงียบที่มีต้นเหตุมาจากเพื่อนตัวเองไม่ไหว จึงรีบพูดออกมาพร้อมทั้งพยักหน้าให้แฟนสาวรีบช่วยพูดเพื่อแก้ไขสถานการณ์ทันทีม่านไหมที่ได้สติจากที่เพื่อนของเธอเรียกชื่อ ก็รีบตักวุ้นเส้นขึ้นมาและทานเงียบ ๆ เธอก้มหน้าก้มตาทานจนได้รับสายตาเอ็นดูจากปราชญาทั้งคีรินทร์และกิ่งกมลรู้สึกว่าตอนนี้พวกเขาเหมือนกับว่าเป็นคนนอกอยู่ตลอดเวลา เพราะปราชญาเล่นไม่สนใจใครเลย คนเดียวที่เขาสนใจคือม่านไหม ไหนจะคำพูดที่พึ่งพูดไปก่อนหน้า แล้วตอนนี้ยังตักนั่นตักนี้ให้ม่านไหมอีกคีรินทร์และกิ่งกมลมองหน้ากันแล้วถอนหายใจออกมา“พอแล้วค่ะ ม่านอิ่มแล้ว”“ทานเยอะ ๆ ครับ พี่ว่าม่านพร้อมไป ต้องทานอีกหน่อย พี่เป็นห่วง”ฉ่า!!!แก้มม่านไหมเห่อร้อนทันที หญิงสาวรู้สึกว่าเหมือนเธอกำลังถูกจีบ!“ไอ้ปราชญ์!”“อะไร”“แกพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า”“รู้สิ ก็ฉันเป็นห่วงน้องม่านจริง ๆ นี่” ปราชญาหันไปตอบคีรินทร์ แล้วหันหน้ามามองหญิงสาวสายตาเต็มไปด้วยความห่วงใยและอ่อนโยนครั้งนี้ม่านไหมไม่หลบตาเธอต้องการพิสูจน์สิ่งที่เธอรู้สึกสงส
จากวันที่หญิงสาวหย่าขาดจากก้องเกียรติ เธอก็ไม่ได้ข่าวคราวเขาอีกเลย รู้เพียงว่าเขาได้เดินทางไปต่างประเทศพร้อมปรายฟ้าแล้ว ส่วนบริษัททางนี้ก็ให้ญาติลูกพี่ลูกน้องของเขาดูแลให้ม่านไหมใช้ชีวิตตามปกติ เธอยังคงมาทำงานใช้ชีวิตเป็นพนักงานออฟฟิศเหมือนเดิม เพียงแต่ว่ารอยยิ้มของเธอไม่ค่อยมีก็เท่านั้นต้องบอกก่อนว่าหลังจากที่เธอขับรถออกจากสำนักงานเขตในวันที่ไปจดทะเบียนหย่านั้น หญิงสาวก็กลับมาร้องไห้ที่ห้องของกิ่งกมลม่านไหมไม่สามารถทนต่อความเสียใจได้ เดิมทีวันที่สิบมีนาคือวันครบรอบวันแต่งงานของเธอกับเขา แทนที่จะมีความสุขและร่วมฉลองในวันดังกล่าว กลับกลายเป็นว่าทุกข์ระทมเพราะหย่าซะเองม่านไหมร้องไห้หนักอยู่เป็นอาทิตย์ ในที่สุดก็หยุดร้องไห้ได้ เพราะได้กำลังใจดี ๆ จากคนที่ห่วงใยเธอทุกคนและเมื่อเธอดีขึ้นแล้ว หญิงสาวก็กลับมาทำงานตามปกติ ชีวิตของเธอยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมนั่นคงจะเป็นปราชญาที่ช่วงนี้ขยันมาอยู่ใกล้เธอเสียเหลือเกินใกล้ม่านไหมมาก จนบางครั้งหญิงสาวรู้สึกอึดอัด“ม่านไปทานข้าวกัน”“จ้า ขอเก็บของแป๊บ” ม่านไหมตอบกลับกิ่งกมลที่ตอนนี้ยืนส่งยิ้มให้เธออยู่ หลังจากม่านไหมเก็บของเ