เราเดินข้ามลำธารและฉันก็จ้องมองไปที่สถานที่นั้น มันสวยมาก ห่างไกลจากมลภาวะและเสียงรบกวน เงียบสงบแต่ยังสวยงาม รายรอบไปด้วยธรรมชาติ ในที่สุดเราก็เจอทุ่งหญ้าและหลังจากเดินไปอีกสิบห้านาที เราก็เจอจุดสิ้นสุดและเราก็มาถึงถนนคอนกรีต เราเดินไปตามทางนั้นและพบว่ามีรถวิ่งผ่านเราไปบนถนนสายนั้น ในที่สุดเราก็มาถึงเมืองเล็กๆ"เมืองเหรอ?" ฉันถามงงๆ“ใช่ค่ะ และมันอยู่ภายใต้พื้นที่ของเรา” เบลล์พูดยิ้มๆ กับการแสดงออกของฉัน“มันเป็นของอัลฟ่าของคุณด้วยเหรอ?” ฉันถามและเธอก็พยักหน้าเราเดินเข้าไปในเมือง ฉันมองดูเด็กๆกำลังเล่นยางและผู้คนกำลังเดินกันเป็นกลุ่ม ร้านค้า บ้านเรือน และทุกสิ่งที่เมืองหนึ่งต้องการจะมี"เราจะไปที่ไหนคะ?" ฉันถาม และเธอมองกลับมาที่ฉัน และพูดว่า "ไปช้อปปิ้งมอลล์ค่ะ""อะไรนะ? มีห้างสรรพสินค้าที่นี่ด้วยหรือ” ฉันถามอย่างแปลกใจ"ใช่ค่ะ!" เธอตอบและเราเดินต่อไปที่ห้างที่เธอพูดถึงเราไปถึงที่นั่นและใช่แล้ว มันคือห้างสรรพสินค้าแต่ไม่ใช่ห้างใหญ่ ฉันยิ้มพอใจเมื่อเห็นห้างสรรพสินค้า“เข้าไปกันเถอะ” เธอพูดอย่างตื่นเต้น และฉันก็ยิ้มตามเธอเข้าไปในห้าง“ก่อนอื่น ไปที่แผนกเสื้อผ้ากันเถอะค่ะ” เธอพูดอย่างย
“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ?” ฉันถามพลางหรี่ตาลง“ผมพูดอะไร” ดีแลนตอบอย่างเงียบๆ และกินพาสต้าไก่ของเขาต่อไปอย่างไร้เดียงสาฉันแน่ใจว่าฉันได้ยินเขาพูดว่า "เธอเป็นสาวพรหมจารี ฉันได้กลิ่นมัน" กับเบลค“คุณก็เห็นว่าฉันไม่ได้หูหนวกนี่ เข้าใจไหม” ฉันกัดฟันพูดฉันตกใจมากที่เขารู้ว่าฉันเป็นเป็นสาวบริสุทธิ์? และคำว่า "ฉันได้กลิ่นมัน" มันหมายความว่ายังไง?ฉันจะต้องเป็นบ้าอย่างแน่นอน ถ้าฉันอยู่ที่นี่ต่อไป อีกแค่สามสัปดาห์เท่านั้น แล้วฉันจะไปจากที่นี่ ฉันจะกลับไปใช้ชีวิตแบบที่เคยเป็นมา ท่องเที่ยวไปอย่างสนุกสนาน และแน่นอน ฉันจะคิดถึงเบลล์ เบลค และโคล ถ้าเป็นไปได้ฉันก็จะยังคงติดต่อกับพวกเขาต่อไปพวกเขาใกล้ชิดกับฉันมากในช่วงเวลาสั้นๆนี้ ฉันจึงตัดสินใจจะรักษาความสัมพันธ์ ติดต่อกับพวกเขาต่อไป แต่ไม่ใช่กับดีแลน ฉันจะไม่คิดถึงเขาและจะไม่ติดต่อกับเขาอีก“กินอาหารของเธอซะ แล้วก็หยุดกวนผมได้แล้ว” เขาพูดอย่างหงุดหงิดเขานี่ทำให้ฉันจะประสาทเสีย เขานี่แหละที่กำลังกวนประสาทฉัน แล้วยังมีหน้ามาบอกอีกว่าฉันทำให้เขารำคาญ“ฉันกวนประสาทคุณเหรอ? คุณสิเป็นคนที่ทำให้ฉันรำคาญใจ คุณช่วยทำงานของคุณไป โดยไม่ต้องสนใจฉันหรือพูดถึ
ฉันยืนอยู่ที่หน้าต่าง ลมเย็นๆพัดกระทบใบหน้าทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น เหงื่อที่ก่อตัวบนหน้าผากทำให้ฉันรู้สึกหนาว ฉันหอบอย่างต่อเนื่องจากการฝึกฝนอย่างหนักที่ฉันเพิ่งทำไปฉันหันกลับไปและมองชิ้นส่วนต่างๆที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ทรายกระจายอยู่ทุกที่ สิ่งที่เคยเรียกว่ากระสอบทรายหลุดกระจัดกระจายเป็นชิ้นๆ ไม่มีใครอื่นนอกจากฉันที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับฉัน นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันหาซื้อกระสอบทรายมามากกว่าหนึ่งกระสอบ ฉันมองลงไปที่นวมและดึงมันออกฉันไม่สามารถฝึกฝนในห้องของฉันได้ ฉันต้องการสถานที่ขนาดใหญ่ ที่ไหนสักแห่งที่ใหญ่กว่าและเปิดโล่ง ฉันต้องทำความสะอาดเก็บทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางหลังจากนี้ฉันใช้เวลาหลายนาทีและในที่สุดฉันก็ทำความสะอาดห้องเสร็จเรียบร้อย เมื่อเก็บกระสอบทรายที่ไร้ประโยชน์แล้ว เก็บรวมมันไว้ในถุงที่มี ฉันจะเอาไปทิ้งในภายหลังฉันฝึกซ้อมตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้ว ตอนนี้ฉันหิวและเหงื่อออกซกไปหมดฉันใช้เวลาอาบน้ำอยู่นาน และเช็ดผมด้วยผ้าขนหนู ฉันสวมเสื้อคลุมอาบน้ำสีดำและออกจากห้องน้ำไปที่ห้องของฉันฉันกำลังจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า และตาของฉันก็เหลือบไปสังเกตเห็นลิ้นชักที่เปิด
ในที่สุด เราก็มาถึงห้องยิม ได้ยินเสียงดังมาจากข้างใน เป็นเสียงคนต่อยกระสอบทราย เสียงรองเท้ากระทบพื้น เสียงตะโกน และการนับเลขเราเปิดประตูเข้าไป และสิ่งแรกที่ฉันเห็นคือสนามมวยที่อยู่กลางห้อง มีชายร่างใหญ่สองคนสวมกางเกงขาสั้นและเสื้อแขนกุดกำลังต่อสู้กันอยู่ มีบางอย่างทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิด ชายสองคนที่กำลังต่อสู้ทำเสียงดังในขณะสู้กัน ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงเหล่านั้น ฉันเคยได้ยินเสียงแบบนั้นจากสุนัข ครั้งเมื่อตอนที่ฉันฝึกกับสุนัข ปกติแล้วมันจะส่งเสียงแบบนั้นเวลาโกรธทำไมพวกเขาจึงมีท่าทางเหมือนสุนัข?“โอเค พอแล้ว” เราได้ยินเสียงพูดแล้วมองไปรอบๆ ก็เห็นชายที่มีหนวดเคราและรอยสักที่แขนยืนอยู่ใกล้สนามมวย และสั่งให้ชายทั้งสองหยุดต่อสู้ชายสองคนโค้งคำนับและกระโดดออกจากสนามชกมวยทันที“ไปกันเถอะค่ะ” เบลล์บอกฉันอย่างไม่สบายใจที่จะเข้าไปข้างใน“ใจเย็นๆจ้ะแม่เสือ” ฉันบอกเธอ และเราทั้งคู่ก็เดินไปที่สนาม ทางผู้ชายคนนั้นฉันรู้สึกได้ถึงการที่ทุกคนจ้องมองมาที่ฉัน เหมือนว่าทุกคนที่อยู่ในยิมจะหยุดทำสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ และตอนนี้พวกเขากำลังทำสิ่งเดียวกันคือจ้องมองเราด้วยความสับสนที่แสดงชัดบนใบหน้าของพวก
ผมสามารถสาบานต่อพระเจ้าว่านั่นคือทั้งหมดที่หมาป่าอย่างผมต้องทำ ผมเหนื่อยจากการทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน จนในที่สุดก็จะได้พักผ่อน แต่การนอนหลับของผมถูกรบกวนโดยมีคนมาเคาะประตูห้องผมบ่นพึมพำ ลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่สนใจว่าตัวเองใส่อะไรอยู่ และเมื่อเปิดประตูก็พบว่าน้องสาวของโคลยืนอยู่ตรงหน้าบานประตูด้วยรอยยิ้มเล็กๆ จากนั้นเธอก็เริ่มพูดติดๆขัดๆและจิตใจของผมก็ไม่สามารถสนใจในสิ่งที่เธอกำลังพูดได้ เพราะผมง่วงมากและต้องการนอนน้ำเสียงที่เซ็กซี่ทำให้ผมกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งทันที ผมมองไปทางขวาก็พบกับ เอเดอริน ยืนอยู่ตรงมุมห้องสวมกางเกงยีนส์ขาสั้นและเสื้อสีดำ เธอดูร้อนแรงและเซ็กซี่มากเวรกรรม “ทำไมก่อนหน้านี้ผมถึงไม่ได้กลิ่นของเธอ” ผมคิดในใจแล้วขมวดคิ้ว เป็นคู่กันก็ควรจะรู้สึกและได้กลิ่นของกันและกันอย่างง่ายดายไม่ใช่หรือ?คำถามยังคงค้างอยู่ในใจผม และผมก็จดจ่ออยู่กับสิ่งที่เธอกำลังพูด พบว่าทั้งคู่กำลังจะออกไปซื้อของ ผมเกลียดที่จะยอมรับเท่ากับที่ไม่ชอบให้เธอไปซื้อของตามลำพังแน่นอนว่าเบลล์อยู่กับเธอ และผมรู้ว่าเบลล์ก็เหมือนกับโคลที่เป็นนักรบที่กล้าหาญและแข็งแกร่ง แต่ผมก็ยังไม่กล้าเสี่ยงกับเธอ ดังนั
ฉันนอนอยู่บนเตียง รู้สึกหนาวสั่น ฉันลุกขึ้นจากเตียงขึ้นมาปิดแอร์ ฉันกลับไปที่เตียงแล้วกระโดดขึ้นไปบนนั้น เตียงส่งเสียงดังเอี๊ยดเนื่องจากน้ำหนักของฉันฉันพลิกตัวและหลับตา ฉันหลับตาไปไม่รู้กี่นาที แต่ไม่นานนักฉันก็หลับลึกทันใดนั้นฉันก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ไหนสักแห่ง ป่า? ฉันมาทำอะไรที่นี่?ฉันมองไปรอบๆ พบต้นไม้ พุ่มไม้ และกอหญ้ามากมาย ฉันขมวดคิ้ว คิดว่าจะเดินเข้าไปในป่า ฉันจึงเดินเข้าไปในป่า ทุกอย่างดูพร่ามัวไปหมด ฉันมองย้อนกลับไปและเห็นที่ที่ฉันเดินจากมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเริ่มกลายเป็นน้ำ“อะไรนะ” ฉันพึมพำไม่เชื่อสายตาตัวเองฉันหันหลังและเริ่มวิ่ง วิ่ง วิ่ง และวิ่ง ขาของฉันเริ่มเจ็บจากการวิ่ง แต่ฉันก็ยังไม่หยุด ฉันวิ่งด้วยแรงทั้งหมดที่มีฉันได้ยินเสียงน้ำ เป็นเหมือนเสียงคลื่นไล่ตามฉันมา มันจะเป็นเรื่องจริงได้ยังไงฉันพยายามไม่สนใจ เอาแต่วิ่งหนี อยากจะหนีไปจากตรงนี้ ฉันเริ่มช้าลงบ้างเมื่อได้ยินเสียง ฉันเหนื่อยหอบ เหงื่อออกที่หน้าผากของฉัน และฉันก็ถอนหายใจหายใจเข้าลึกๆ ฉันมองย้อนกลับไปและพบว่าไม่มีน้ำหรือคลื่นอีกต่อไป มีแต่ป่าเท่านั้น ฉันหายใจออกโดยเอามือแตะที่หน้าอกเพื่อพยายามทำให้หัวใจ
ฉันหลับตาลง และพบว่าตัวเองรู้สึกสงบสุขเมื่อฉันลืมตา ฉันกระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับสายตารับแสง ฉันคร่ำครวญเล็กน้อยและพบว่าตัวเองอยู่บนเตียงนอนของฉันเองฉันนั่งดูเวลาอยู่บนเตียง ขับไล่ความง่วงงุนจากดวงตา"ฝันไปหรือ?" ฉันกระซิบกับตัวเองเมื่อรู้ว่ามันเป็นความฝัน“หมาป่า?” ฉันถามตัวเอง ความทรงจำบางส่วนของความฝัน ฉันยังคงจำได้ริมฝีปากของฉันมีรอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นขณะสัมผัสกรอบรูปครอบครัวของฉัน“ฉันคิดถึงทุกคน” ฉันกระซิบเบาๆ รู้สึกมีความสุขเล็กน้อยด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ฉันเดินเล่นกับดีแลนเป็นเวลาหลายชั่วโมงในตอนเย็น และกลับไปที่บ้านตามปกติโดยไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลยแม้แต่คำเดียวฉันเม้มปาก กำลังคิดอะไรบางอย่าง ท้องของฉันร้องอย่างหิวโหย และฉันก็เดินไปที่ห้องครัวโดยหวังว่าจะได้กินอะไรซักอย่างเมื่อฉันเดินไปใกล้ครัว ฉันได้ยินเสียงบางอย่างจากที่ไหนสักแห่ง ฉันขมวดคิ้ว ตามเสียงนั้นไปจนไปถึงด้านหลังของบ้านฉันกำลังจะเปิดประตู แต่ก็หยุด เมื่อมีคนเรียกฉันว่า “ล--ลูน่า?”ฉันหันไป เห็นผู้หญิงในวัยสามสิบปลายๆ เธอมองมาที่ฉันด้วยความหวาดกลัวในดวงตาของเธอ“คุณโอเคไหมคะ?” ฉันถามช้าๆ ม
เบลล์กระแอมในลำคอ และฉันมองดูท่าทางของเธอเปลี่ยนไปดูเป็นกังวล เธอเอื้อมมือมาแตะแขนฉันเพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี"คุณสบายดีไหม?" เธอกระซิบด้วยดวงตาที่เป็นกังวล"เอ่อ ค่ะ! ใช่ ฉันไม่เป็นไร” ฉันพบว่าตัวเองพยักหน้าตอบเหมือนหุ่นยนต์เธอยิ้มบางๆ ให้ฉัน แล้วเอามือแตะแก้มฉันเบาๆ“อย่ากังวล ใจเย็นๆก่อนนะคะ” เธอบอกกับฉัน ซึ่งฉันได้แต่พยักหน้า“ผมไม่ได้อยากจะให้คุณต้องมารู้แบบนี้” ฉันได้ยินดีแลนพึมพำและเขาก็เอามือถูหน้าอย่างหงุดหงิด“เอเดอริน” เบลล์เริ่มพูด และฉันให้ความสนใจกับเธออย่างเต็มที่“คุณต้องรู้บางอย่างเกี่ยวกับเรา” เธอพูด และเสียงภายในของฉันเริ่มหงุดหงิด ฉันปิดปากเงียบทั้งๆที่อยากจะพ่นคำพูดคำประชดประชันในหัวออกไป“ฉันรู้ว่าคุณค้นพบด้วยตัวเองแล้ว แต่สิ่งที่คุณเห็นนั้นเป็นความจริงเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง คุณต้องรู้ให้ครบทุกอย่าง ฉันรู้ว่าคุณต้องออกตกใจมากๆแน่ๆ แม้คุณจะไม่ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน แต่อาดี้ “เธอเอื้อมมือมาหาฉัน “เราจะไม่ทำอันตรายคุณหรอกนะ”ฉันไม่รู้จะพูดอะไร ฉันจึงได้แต่นิ่งเงียบและพยักหน้าเธอถอนหายใจแล้วหันไปมองดีแลน ดีแลนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและเม้มริมฝีปากขอ