Share

Chapter 9

ฉันนั่งบนเตียงมองออกไปนอกหน้าต่าง มันเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ฉันเห็นต้นไม้เริ่มผลิใบแล้ว ฉันรักฤดูใบไม้ผลิ

ฉันดูเวลาและพบว่าเป็นเวลาเย็นแล้ว

ฉันสวมแจ็กเก็ตสีดำทับเสื้อของฉันและเดินออกจากห้อง มันเป็นนิสัยของฉันตั้งแต่วัยเด็กที่จะไปเดินเล่นทุกเย็น มันช่วยทำให้จิตใจของฉันสงบลง

ฉันเดินออกจากบ้านและเดินไปตามเส้นทางเดิมที่ฉันใช้ทุกวัน เป็นพื้นที่ป่าไม้ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ซึ่งขณะนี้กำลังผลิใบ ใบไม้สีเหลืองร่วงหล่นลงบนพื้นปกคลุมพื้นดินเหมือนกับผ้าปูที่นอน ฉันเดินย่ำบนใบไม้ ชมทิวทัศน์ที่สวยงามเมื่อเห็นแสงตะวันกระทบใบไม้ทำให้ดูเป็นสีทอง

ฉันจำได้ว่าบางครั้งพ่อของฉันจะมาเดินเล่นด้วยกัน เขาจะพูดถึงวันเวลาเก่าๆของเขาและเราก็จับมือกัน เดินไปด้วยกัน

ฉันกำลังเดินอยู่ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ แต่จู่ๆก็หยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงกิ่งไม้หัก ฉันหันไปมองรอบๆไม่เห็นใครเลย แต่ฉันถูกฝึกมาให้เชื่อหูมากกว่าเชื่อสายตา

“ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม ออกมาซะ ไม่ต้องซ่อนตัว” ฉันพูดและรอให้บุคคลนั้นออกมา

ฉันแน่ใจว่าตาของฉันแทบจะหลุดออกจากเบ้าเมื่อเห็นบุคคลผู้นั้น ดีแลน

เขาออกมาจากด้านหลังต้นไม้ ฉันมองดูเขาปัดใบไม้และซุกมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ต

ฉันสงบสติอารมณ์และเลิกคิ้วสูงรอให้เขาพูดอะไรบางอย่าง

“ตอนนี้เขาเริ่มสะกดรอยตามแล้ว หลังจากที่มาแอบฟัง” ฉันคิดในใจและกลอกตาไปมา

“คุณจะพูดอะไรเหรอ” ฉันถามเพื่อรอให้เขาพูด

“ผมแค่อยากไปเดินเล่น” เขาพูด แล้วฉันก็มองเขาอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนที่ฉันจะกรีดร้องหรือโยนคำถามอะไรออกไปที่เกี่ยวกับเส้นทางเดินของเขา เขาก็ชิงเดินผ่านฉันไปในเส้นทางที่ฉันกำลังจะไป

ฉันยืนดูเขาถอยหลังกลับ และตกใจที่เขาทำแบบนั้น

“ผู้ชายคนนี้ไม่ปกติจริงๆ” ฉันพึมพำและถอนหายใจพร้อมกับรูดซิปเสื้อแจ็คเก็ต

“คุณวางแผนที่จะยืนอยู่ที่ตรงนั้นนานแค่ไหนน่ะ” เขาถาม และฉันมองไปทางเขาโดยพบว่าเขามองมาที่ฉันอยู่แล้ว

“นี่เขากำลังวางแผนให้ฉันไปกับเขาใช่หรือเปล่า” ฉันพึมพำและตกใจมากที่เขาได้ยินฉันจากที่ไกลๆ เพราะเขาพูดว่า “มันไม่ชัดเจนอีกเหรอ?”

ฉันจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง และเดินไปหาเขาและเราก็เริ่มเดินอย่างเงียบๆ

เราไม่ได้คุยอะไรกันเลย รอบตัวเรามีแต่ความเงียบสงัด และเราเดินไปพร้อมกับการรับรู้การมีอยู่ของกันและกัน

“นี่มันเป็นสิ่งใหม่” เสียงภายในใจของฉันพูดกับตัวเอง ซึ่งฉันตอบไปว่า “ใช่ ใหม่และน่าสนใจมาก”

สิ่งที่ผมทำมันผิด ผิดไปหมด ผมไม่ควรทำอย่างนั้น ผมทำอย่างนั้นไปได้อย่างไร?

ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เธอกำลังคุยกับใครซักคนและวิธีที่เธอพูดกับคนในโทรศัพท์ก็เหมือนว่าเธอกำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่าง

ผมควรจะหยุดตัวเองได้แล้ว ผมจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร?

ผมเผลอไปทำร้ายคู่ของตัวเองถึงขนาดนั้น มันผิดที่ผมทั้งหมด ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ ถอนหายใจเอนพิงพนักพิงของเก้าอี้แล้วหลับตาลง

ภาพที่ผมจับคอเธอแน่นยังกลับมาหลอกหลอน ผมสะบัดตัวออกจากที่นั่ง โยนกระดาษและทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะทำงานให้พ้นทาง ผมเดินไปที่กระจกหน้าต่างและเอนกายปิดตาลง

“ผมผิดเอง ผิดที่ผมเอง” ผมพึมพำกับตัวเอง หัวใจของผมเจ็บปวดกับความจริงที่ว่าผมเป็นคนทำเช่นนั้น หมาป่าของผมโกรธที่ผมทำอย่างนั้นลงไป

เมื่อลืมตาขึ้น มองออกไปนอกกระจกก็เห็นต้นไม้กำลังผลิใบ มันเป็นช่วงเวลาของฤดูใบไม้ผลิ ผมรักฤดูใบไม้ผลิ ผมเฝ้ามองอย่างเงียบๆไปที่ใบไม้ที่กำลังร่วงหล่นลงบนพื้น

แต่แล้วผมก็สังเกตเห็นร่างๆหนึ่งกำลังเดินไปในป่า สัญชาติญาณหมาป่าของผมเริ่มขอร้องให้ผมไปหาเธอ และนั่นคือสิ่งที่ผมทำ ผมไม่ได้ไปหาเธอเพราะหมาป่าในตัวผมหรอก ผมไปหาเธอเพราะหัวใจของผมต้องการจะแน่ใจว่าเธอไม่เป็นไรและสบายดี เธอเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นั้นอาจจะทำให้เธอเจ็บปวดก็ได้

อย่างไรก็ตาม ผมพบว่าตัวเองก้าวเท้ายาวๆและวิ่งออกจากบ้าน สายตามองหาเธอ เดินตามกลิ่นของเธอไปเรื่อยๆและไม่นานก็พบว่าเธอเดินเข้าไปในป่า ผมหยุดในเส้นทางของผมและเริ่มคิดว่าจะเข้าหาเธอได้อย่างไร

“ผมควรขอโทษเธอไหม” ผมพึมพำกับตัวเองและได้ยินหมาป่าตอบกลับมาที่ฉัน “แน่นอน เจ้าโง่ ไปขอโทษเธอซะ”

ฉันหายใจเข้าลึกๆ และก้าวออกไป แต่ก็หยุดเมื่อเหยียบลงบนกิ่งไม้แห้งโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เสียงกิ่งไม้หักที่ใต้เท้าของผมดังมากเสียจนแม้แต่มนุษย์ก็ยังได้ยิน ในป่าอันเงียบสงบเช่นนี้ และผมหวังว่าเอเดอรินจะไม่ได้ยินมัน

ตามที่คาดไว้ เธอหยุดเดินแล้วหันกลับมา เธอมองเห็นฉันผมอยู่หลังต้นไม้ แต่เมื่อได้ยินถามว่า “ใครอยู่ที่นั่น? และสั่งให้ออกมา” ผมก็หยุดตัวเองไม่ได้ที่จะเดินไปหาเธอ

ผมออกมาจากที่ซ่อนและมองดูเธอทำหน้าตกใจ

"คุณมาทำอะไรที่นี่?" เธอถามด้วยอาการตกใจและมองฉันอย่างไม่ไว้ใจ

“ผมแค่อยากไปเดินเล่น” ผมตอบสิ่งที่อยู่ในใจ

ผมรู้ด้วยท่าทางที่เธอแสดงออกว่าเธอพร้อมจะโยนคำถามและแสดงความไม่พอใจใส่ผม ผมไม่ยอมให้เธอพูดอะไร ผมเดินผ่านเธอไปและหลับตาลงเมื่อเดินผ่านเธอไป

“ผู้ชายคนนี้ไม่ปกติจริงๆ” ผมได้ยินเธอพึมพำ และอมยิ้มกัดลิ้นของตัวเอง

“คุณคิดจะยืนอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน” ผมถามและได้ยินเธอพึมพำ “นี่เขากำลังวางแผนให้ฉันไปกับเขาใช่หรือเปล่า” เธอพึมพำและตกใจมากที่เขาได้ยิน ผมตอบกลับไปว่า “มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ?”

เธอยืนอยู่ที่นั่นสักครู่และจ้อมมองผม ผมแน่ใจว่าเธอจะหันหลังกลับและจากไป แต่ผมก็ต้องแปลกใจที่เธอเดินผ่านผมไปและผมก็เดินร่วมทางไปกับเธออย่างเงียบๆ

ผมต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง เช่นถามเธอว่าเธอสบายดีไหม แต่ก็เลือกที่จะอยู่เงียบๆ โดยรักษาระยะห่างระหว่างเรา ซึ่งไม่สามารถจะเข้าไปใกล้ได้มากกว่านี้

ผมชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น และอยากที่จะซึมซับกับทุกสิ่งที่เป็นอยู่

มันคงดีกว่าการที่มีความหวัง แล้วต้องมาผิดหวังและใจสลายในภายหลัง เป็นแบบนี้น่าจะดีกว่า

หลังจากเดินเล่นด้วยกันอยู่หลายชั่วโมง เราก็กลับมาที่บ้าน เราสองคนแยกจากกันโดยไม่พูดอะไรกันเลย เธอเดินไปที่ห้องของเธอ ส่วนผมเดินไปทางห้องของผม

ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัว นอนมองเพดานอย่างว่างเปล่า

เหตุการณ์ในวันนี้แวบผ่านเข้ามา การต่อสู้ของเรา การเดินเล่นของเรา ความเงียบของเรา ทุกๆอย่าง ใจของผมเริ่มนึกภาพใบหน้าของเธอแม้ว่าผมจะไม่ต้องการก็ตาม ผมถอนใจแล้วหันกลับมานอนตะแคงข้าง ข้อศอกอยู่ใต้ศีรษะ

“ทำไมฉันถึงรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังซ่อนอะไรบางอย่างนะเอเดอริน?” ผมพบว่าตัวเองเอ่ยถามออกไปอย่างล่องลอย

“เอเดอริน” ผมชอบชื่อนี้จัง มันเป็นชื่อที่ไม่เหมือนใคร ผมชอบเวลาที่ชื่อของเธอเปล่งออกมาจากปากของผมอย่างสมบูรณ์แบบ

ชื่อนี้เหมาะกับบุคลิกของเธอมากๆ

“ผมสงสัยใคร่รู้ว่าใครคือครอบครัวของคุณ” ผมพึมพำ และพบว่าเรื่องนี้แปลกมากที่เธอไม่เคยพูดถึงครอบครัวของเธอเลยตั้งแต่วันแรกที่เธอเริ่มอาศัยอยู่ที่นี่

“ครอบครัวเธอไม่ตามหาเธอเหรอ?” ผมคิดแล้วลุกจากเตียง

ผมพบว่าตัวเองกำลังเดินไปที่ห้องของเธออีกครั้งโดยไม่รู้ตัว เท้าของผมกำลังเดินอยู่ทางเดิน มันเหมือนกับว่าผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

อย่างไรก็ตาม ผมหยุดบนทางเดินและนึกสาปแช่งตัวเอง “ผมกำลังจะทำอะไร ดีแลนนายกำลังเดินไปหาเธอ”

ผมหันหลังเดินออกไป แต่หันกลับมามองอีกครั้งก็พบว่าตัวเองอยู่ใกล้ห้องของเธอแล้ว

ผมอยากเห็นหน้าเธอ ฉันไม่รู้ว่าทำไม แค่อยากจะเจอเธอ หัวใจของผมเริ่มเต้นแรงและผมก็วิ่งไปที่ห้องของเธอ

"เธอเป็นอย่างไรบ้าง? เธอสบายดีไหม” ผมถามและได้ยินเสียงหมาป่าเห่าหอนอยู่ภายในตัวผม

ผมเดินเข้าไปในห้องมืดโดยไม่เคาะประตู เปิดไฟ และพบว่าเธอนอนอยู่บนเตียง ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อมองดูเธอนอนหลับ แต่ไม่นานผมก็ถามตัวเองว่า “ทำไมเธอไม่ตื่นเมื่อเปิดไฟ” ผมเริ่มตื่นตระหนกและวิ่งไปหาเธอ

เม็ดเหงื่อก่อตัวที่หน้าผากของเธอ และผมได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้นเร็วผิดปกติ บางทีเธออาจจะฝันร้าย

การหายใจของเธอเริ่มแรงขึ้น และผมได้สังเกตเห็นขวดเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ผมขมวดคิ้วหยิบขวดเล็กขึ้นมาแล้วอ่านฉลาก พบว่ามันเป็นยานอนหลับ

ผมขมวดคิ้วขณะที่อ่านฉลาก

"ยานอนหลับหรือ?" ผมกระซิบและมองตา เอเดอริน ที่ยังคงนอนหลับด้วยลมหายใจที่ไม่สม่ำเสมอ

“ทำไมเธอต้องกินยานอนหลับ” ผมถามออกไปเพราะรู้ว่าเธอจะไม่ได้ยิน

ตาของผมเลื่อนมองไปที่ลำคอของเธอ และผมก็กำมือแน่นเมื่อเห็นรอยฟกช้ำ มันเกิดจากผมเอง ผมควรจะระมัดระวังตัว และนี่คือเหตุผลที่ผมควรอยู่ห่างจากเธอ

ผมยกมือขึ้นลากนิ้วไปตามรอยช้ำ หวังว่ามันจะหายไป นิ้วของผมสั่นเพราะความผูกพันที่เริ่มก่อตัวขึ้น

ผิวของเธอช่างนุ่มและละเอียดอย่างไร้ที่ติ

ผมมองดูลมหายใจของเธอเริ่มจะกลับมาปกติ และผมก็รู้คำตอบในทันที เราเกิดมาเพื่อคู่กัน

สัมผัสของผมทำให้เธอผ่อนคลาย การหายใจของเธอกลับมาเป็นปกติและเธอกอดหมอนแน่นขึ้น ผมถอนหายใจ และลุกขึ้นและห่มคลุมผ้านวมให้เธอ

ผมเหลือบมองไปทางเธอเป็นครั้งสุดท้าย และก็ปิดไฟเดินออกจากห้องของเธอ และปิดประตูตามหลัง

คำถามยังคงอยู่ในใจฉัน “ทำไมเธอต้องกินยานอนหลับ?”

ผมกลับไปที่ห้องของตัวเอง และนอนลงบนเตียงพยายามหยุดคิดและพักผ่อน

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status