หนิงหนานเสว่พูดอย่างเรียบเฉย สายตากวาดไปยังฟู่เฉินและสวีจือหรู“บังเอิญจริงๆ เลยนะ”“ประธานฟู่ ช่วงนี้บริษัทเป็นยังไงบ้างครับ?” เจียงเหยียนเชินมองไปที่ฟู่เฉินและถาม“ก็ได้อยู่” ฟู่เฉินกล่าว น้ำเสียงเย็นชา“งั้นก็ดีครับ” เจียงเหยียนเชินยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรอีกบรรยากาศดูอึดอัดเล็กน้อย“มา ทุนท่านเชิญดื่มด้วยกันครับ!” ประธานสวียกแก้วเหล้าขึ้นมา“ขอให้ความร่วมมือของพวกเราดียิ่งขึ้นไปอีก!”“ชนแก้ว!” ทุกคนยกแก้วขึ้นพร้อมกันและดื่มจนหมดแก้วงานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป หนิงหนานเสว่และเจียงถิงเฉินกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนหลายคนเอื้อมสูงเข้ามาพูดคุยกับพวกเขา หวังว่าจะสร้างสัมพันธ์ความร่วมมือกับพวกเขาได้ฟู่เฉินมองภาพนี้ ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย“อาเฉิน คุณคิดอะไรอยู่น่ะ?” เสียงของสวีจือหรูขัดจังหวะความทรงจำของฟู่เฉิน“ไม่มีอะไรหรอก” ฟู่เฉินได้สติ ฝืนยิ้มออกมา“งั้นเราไปทางนั้นกันดูไหม?”“ได้” สวีจือหรูพยักหน้าอย่างเชื่อฟังเธอควงแขนฟู่เฉินแน่น ราวกับกลัวว่าเขาจะหนีไปทั้งสองเดินฝ่าฝูงชนไป โดยจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถทำตัวให้เข้ากับบรรยากาศที่คึกคักนี้ได้จิตใจของฟู่
เมื่อกลับมาถึงที่รถ สวีจือหรูยังคงจมอยู่กับความสุขในการเลือกชุดราตรี“อาเฉิน คุณว่าเราจะเป็นคู่ที่ดึงดูดสายตามากที่สุดในงานเลี้ยงไหมคะ?” เธอถามด้วยความตื่นเต้น“แน่นอนสิ” ฟู่เฉินกล่าว น้ำเสียงของเขาดูเหม่อลอยเล็กน้อย“งั้นก็ดีค่ะ” สวีจือหรูพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ“อาเฉิน คุณดีจริงๆ เลยนะ ยังมาเลือกชุดเป็นเพื่อนฉันด้วย” เธอซบอยู่ในอ้อมแอนของฟู่เฉิน ใบหน้าปรากฎรอยยิ้มแห่งความสุขขึ้นฟู่เฉินไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ลูบหลังเธอของเบาๆแต่ภาพของหนิงหนานเสว่กลับยังคงตราตรึงอยู่อย่างต่อเนื่องอยู่ในหัวของเขาไม่ไปไหนในวันงานเลี้ยง เหล่าคนที่มีชื่อเสียงจากหลากหลายวงการมารวมตัวกัน สถานที่จัดงานได้มีการตกแต่งอย่างยิ่งใหญ่อลังการ บรรยากาศอบอุ่นและหรูหราการมาถึงของหนิงหนานเสว่และเจียงเหยียนเชินได้สร้างความฮือฮาขึ้นหนิงหนานเสว่สวมชุดราตรีสีม่วงอ่อน ดูสง่างามและเปล่งประกายไปทั่วทุกสารทิศเจียงเหยียนเชินสวมชุดสูทสีดำ ดูหล่อเหลาและสง่าผ่าเผย ทั้งยังมีเสน่ห์ ทั้งสองยืนเคียงข้างกัน ราวกับคู่ที่สมบูรณ์แบบ กลายเป็นจุดสนใจของทั้งงาน“ประธานหนิง ประธานเจียง ยินดีต้อนรับ!” คุณสวีและภรรยากล่าวต้อน
ฟู่เฉินมองสวีจือหรูที่กำลังดีอกดีใจ แต่ภายในใจกลับมีความรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกกลับผุดขึ้นเขาเดินไปที่โซนเสื้อผ้าผู้ชาย เลือกชุดสูทมาลวกๆ“คุณผู้ชาย คุณนี่ตาแหลมจริงๆ เลยนะคะ ชุดนี้คือชุดสูทชุดใหม่ล่าสุดของร้านเรา ใช้ผ้านำเข้าจากอิตาลี งานแฮนด์เมด เหมาะกับคุณมากเลยค่ะ” พนักงานขายให้คำแนะนำอย่างอบอุ่นฟู่เฉินไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงหยิบชุดสูทสีดำขึ้นมาเงียบๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องลองเสื้อเขาเปลี่ยนชุดเป็นชุดสูท มองตัวเองในกระจก จู่ๆ ก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาเล็กน้อยนี่ใช่เขาเหรอ?ฟู่เฉินผู้เคยห้าวหาญทะนงตน ตอนนี้กลับกลายเป็นหุ่นเชิดที่ถูกสวีจือหรูควบคุม“อาเฉิน คุณเปลี่ยนชุดเสร็จหรือยังคะ?” สวีจือหรูพูดเร่งจากด้านนอก“เสร็จแล้ว”ฟู่เฉินเปิดประตูห้องลองเสื้อแล้วเดินออกไป“ว้าว อาเฉิน คุณใส่ชุดสูทตัวนี้แล้วดูหล่อมากเลย!” ภายในดวงตาของสวีจือหรูเปล่งประกายไปด้วยความชื่นชม“เหมือนดาราในหนังเลย!” ฟู่เฉินยิ้ม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเขารู้ว่าสวีจือหรูชอบที่จะได้ยินคำพูดหวานหู แต่ตอนนี้เขายังไม่มีอารมณ์จะพูดอะไรแบบนั้น“เอาตัวนี้แหละ” ฟู่เฉินพูดขึ้น น้ำเสียงแฝงไปด้วยความอ่อนล้าเล็กน้
“ถึงตอนนั้นก็ไปด้วยกันนะ”“อืม” เจียงเหยียนเชินพยักหน้าอีกด้านหนึ่ง ฟู่เฉินก็ได้รับบัตรเชิญจากคุณสวีและภรรยาเหมือนกันเดิมทีเขาวางแผนที่จะพาสวีจือหรูไปร่วมงาน จะได้อวดความสัมพันธ์และระดับของพวกเขา“จือหรู คุณสวีและภรรยาจัดงานเลี้ยงทางธุรกิจและเชิญเราไปร่วมงานด้วย”ฟู่เฉินถือบัตรเชิญ พูดกับสวีจือหรู“คุณอยากไปไหม?”“อยากไปอยู่แล้วสิคะ” สวีจือหรูยิ้มและกล่าวขึ้น“นี่เป็นโอกาสดี จะได้รู้จักกับเพื่อนๆ ทางธุรกิจตั้งมากมาย”“งั้นก็โอเค” ฟู่เฉินกล่าว “งั้นถึงตอนนั้นเราก็ไปด้วยกันนะ”“อืม” สวีจือหรูพยักหน้า “อาเฉิน คุณดีจริงๆ เลย”เธอซบอยู่ในอ้อมแขนของฟู่เฉิน รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้า ทว่าเมื่อฟู่เฉินได้รู้ว่าหนิงหนานเสว่ก็จะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย ภายในใจก็มีอารมณ์ที่ซับซ้อนผุดขึ้นมา“อะไรนะ? หนิงหนานเสว่ก็จะไปด้วยเหรอ?”ฟู่เฉินขมวดคิ้วและถาม“ครับ ประธานฟู่” เลขาเฉินตอบ“คุณสวีและภรรยาเชิญเธอไปด้วยเหมือนกันครับ”ฟู่เฉินไม่ได้พูดอะไร สีหน้าของเขาไม่ค่อยดีนักเขาไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อนึกถึงภาพที่หนิงหนานเสว่กับเจียงเหยียนเชินไปร่วมงานเลี้ยงด้วยกัน เขาก็รู้สึกไม่สบ
เมื่อฟู่เฉินกลับมาถึงบริษัท สิ่งที่มาต้อนรับเขาไม่ใช่การต้อนรับที่อบอุ่นจากพนักงาน กลับได้รับการต้อนรับด้วยเอกสารกองโตเท่าภูเขาและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความร้อนรนเขารู้ดีว่า ในช่วงที่ตัวเองไม่อยู่ สถานการณ์ของบริษัทย่ำแย่จนถึงที่สุดฟู่เฉินขัดจังหวะเลขาเฉิน เขาไม่มีอารมณ์คุยเรื่องที่น่าสิ้นหวังแบบนี้เขาแค่อยากรู้ว่า เขายังพอมีความหวังที่จะแก้ไขอะไรได้อยู่ไหม“ช่วงที่ฉันไม่อยู่ นายได้ทำตามที่ฉันสั่งไหม?” ฟู่เฉินถาม“ครับ ประธานฟู่” เลขาเฉินตอบกลับอย่างรวดเร็ว“ผมทำตามที่คุณสั่งด้วยการทำให้เสถียรภาพของราคาหุ้นส่วนหนึ่งมั่นคงมากขึ้น แล้วก็เพิ่มความแข็งแกร่งทางการตลาด แต่...”“แต่อะไร?” ฟู่เฉินขมวดคิ้วแน่นขึ้น“แต่ประธานหนิงรุกหนักเกินไป เรา...เราเริ่มจะรับมือไม่ไหวแล้วครับ” เสียงของเลขาเฉินเบาลงยิ่งขึ้นอีกฟู่เฉินไม่ได้พูดอะไร เขาเดินไปที่หน้าโต๊ะทำงาน มองดูเอกสารกองโตราวกับภูเขาที่ทับถมกันอยู่ รู้สึกปวดหัว เขารู้ เขาต้องรีบดำเนินการตามแผนการให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นฟู่ซื่อกรุ๊ปได้จบเห่แน่ “แจ้งหัวหน้าแต่ละแผนกให้มาประชุมที่ห้องประชุมอีกสิบนาที!”ฟู่เฉินกล่าว“ครับ ประ
“งั้นก็ได้” สวีจ้าวพยักหน้า “พี่ ถ้าพี่มีอะไรจะให้ผมทำก็บอกผมได้เลย”“อืม” สวีจือหรูกล่าว “ช่วงนี้นายก็อยู่ที่นี่ไปก่อน ดูแลฉันให้ดีๆ แล้วช่วยฉันจับตาดูฟู่เฉินด้วย อย่าให้เขาติดต่อกับหนิงหนานเสว่”“ได้ ผมรู้แล้ว” สวีจ้าวกล่าวเมื่อฟู่เฉินกลับไปถึงที่บริษัท เขาก็เรียกประชุมด่วนในทันที“ทุกท่าน ช่วงนี้สถานการณ์ของบริษัทล่อแหลมมาก” ฟู่เฉินนั่งอยู่ที่ตำแหน่งหลักในห้องประชุม สีหน้าเคร่งเครียด “เราต้องรีบดำเนินการตามมาตรการให้เร็วที่สุดเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ในตอนนี้”“ประธานฟู่ คุณมีแผนอะไร?” ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งถาม“ผมได้เตรียมมาตรการรับมือไว้ประมาณหนึ่งแล้ว” ฟู่เฉินกล่าว “ก่อนอื่น เราต้องรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้นและทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา ต่อจากนั้น เราต้องทำการตลาดให้แข็งแกร่งขึ้น ชิงส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูญเสียไปกลับคืนมา และสุดท้ายก็คือ เราจำเป็นต้องปรับโครงสร้างภายในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัท”“ประธานฟู่ มาตรการพวกนี้ก็ดูดีนะ แต่จะรายละเอียดจะทำยังไงกันล่ะครับ?” ผู้ถือหุ้นอีกรายถาม “ผมจะรับผิดชอบเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง” ฟู่เฉินกล่าว “ผมจะกำหนดรายละเอียดขอ