Share

ตอนที่9 จนด้วยหลักฐาน

“ผู้ใหญ่บ้าน! หัวหน้าหน่วย! พวกคุณมาทำอะไรที่บ้านของฉัน” เสียงของนางหวังดังขึ้นทางด้านหลังในสภาพตัวเปียก “สหายหวัง คุณไปทำอะไรมาทำไม..” เซี่ยฉางอันชี้นิ้วของตนถามขึ้นอย่างสังสัย

ส่วนหม่าหาวหวังกับซ่งจือเทียนต่างกำลังยกนิ้วบีบจมูกของตน “กลิ่นเหม็นนี่มันอะไรกัน แล้วมาจากไหน” น้ำเสียงของซ่งจือเทียนดังขึ้นอย่างอู้อี้

“เรื่องของฉันเถอะ ว่าแต่พวกคุณมาทำไม” นางหวังรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและยิ่งเมื่อหล่อนเห็นสีหน้าเย้ยหยันของนางเมิ่งหล่อนก็ไม่สบอารมณ์

“โกว่ซุนไปลักขโมยของบ้านสหายเมิ่งดังนั้นพวกเราก็เลยพากันมาที่นี่” คำตอบจากปากเซี่ยฉางอันทำให้ใบหน้าของนางหวังราวกับนักแสดงงิ้วนางเต้นผ่าง

“นางเมิ่ง! มันจะมากไปแล้วนะ ข้อหาขโมยร้ายแรงถึงขั้นยิงเป้าได้เลย แกอย่ามาใส่ร้ายลูกของฉันแบบนี้” นางหวังชี้นิ้วมาทางนางเมิ่งตอบโต้ด้วยความโกรธ

“สหายหวัง หากว่าลูกชายของคุณไม่ได้ทำผิดคุณจะกลัวไปทำไม ผู้ใหญ่บ้านผมว่ารีบเข้าไปในบ้านเถอะอยู่ตรงนี้นานผมชักจะทนไม่ไหวอยู่แล้วกลิ่นอะไรแรงเหลือเกิน” เมื่อเซี่ยฉางอันได้ยินหม่าหาวหมิงพูดออกมาแบบนี้ดังนั้นเจ้าตัวจึงได้แต่ต้องทำตาม แม้ว่าเจ้าของบ้านจะไม่ให้ความร่วมมือก็ตาม

“ไม่ได้นะครับ จะเข้ามาไม่ได้” โก่วซุนพยายามเอาตัวขวางสุดชีวิต

“ถอยไป ไม่อย่างนั้นฉันจะให้คนไปตามทหารแดง” คำพูดนี้ดูเหมือนจะได้ผลเพราะได้หยุดการกระทำของโก่วซุนได้อย่างดี ภายในบ้านปูนผสมอิฐเป็นแบบเปิดโล่งไร้ซึ่งห้องกั้นไม่ว่าจะครัวหรือที่นอนต่างรวมอยู่พื้นที่เดียว

“ที่นอนพวกนั้นเป็นของบ้านฉัน” เมิ่งหลิงรีบพูดขึ้นทันทีพลางสาวเท้าเดินไปยังที่นอนเนื้อดีรวมถึงหมอนมุ้งใหม่เอี่ยมที่วางทิ้งขว้างบนเตียงคั่ง

“ของพวกนี้เป็นของบ้านเรา” นางหวังโพล่งขึ้นอีกทั้งยังรีบเดินมายืนบังสายตาของคนทั้งสี่อีกด้วย

“สหายหวัง คุณได้มายังไง” น้ำเสียงของหม่าหาวหมิงเย็นเยียบ นางหวังถึงกับตัวสั่นเทา

“ฉะ...ฉัน” นางคุกเข่าก่อนจะปล่อยโฮอย่างไม่อาย

“ของ ๆ ฉันจะได้มายังไงทำไมต้องบอกด้วย” หล่อนตีโพยตีพายดิ้นเร่าลงกับพื้นบ้านที่เป็นดินราวกับว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม

“สหายหวัง! คุณเลิกร้องไห้และดิ้นพล่านเป็นไส้เดือนถูกน้ำร้อนได้แล้ว หากคุณบริสุทธิ์ก็แค่บอกถึงที่มาของมันแค่นั้นก็พอ” เซี่ยฉางอันรู้สึกปวดหูกับเสียงร้องไห้ของหล่อนตะเบ็งอย่างเหลืออด

“ฉันไม่บอก ว่าแต่ทำไมพวกคุณถึงไม่ถามกับนางเมิ่งดูล่ะว่าถ้าหากของพวกนี้เป็นของหล่อนจริงเธอได้มาจากไหน” นางหวังคิดอย่างเจ้าเล่ห์

หากเธอไม่ยอมรับสักอย่างใครจะทำไมหล่อนจึงได้โยนเผือกร้อนของตัวเองไปให้กับเมิ่งหลิง

“ฉันตอบได้” ทว่าคำพูดของนางเมิ่งกลับทำให้หล่อนรู้สึกผิดคาด

‘เจ้านาย ป้าคนนั้นตลกมากเลย’ น้ำเสียงของระบบเต็มไปด้วยความขบขันยามเมื่อเห็นท่าทางของนางหวังที่กำลังอ้าปากมองนางเมิ่งอย่างไม่อยากเชื่อ

“คุณพูด”

“เป็นคนที่ทิ้งอ้ายอ้ายมอบให้ ของเหล่านี้วางอยู่ข้างกายเธออีกทั้งยังมีจดหมายด้วย” สิ่งที่เมิ่งหลิงพูดออกมารวมถึงจดหมายล้วนแต่เป็นหรูจื่อปั้นแต่งขึ้นมาทั้งสิ้น

‘พ่อฉลาดมาก’ หรูฟู่ซิงกล่าวชมเนื่องจากเธอไม่คิดว่าจดหมายที่หรูจื่อใช้มือข้างที่ไม่ถนัดเขียนจะมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง

“เหอะ! หล่อนบอกว่าเป็นของหล่อนรวมถึงมีจดหมายมาอ้างที่นอนเหล่านี้ก็ต้องเป็นของหล่อนเหรอ นี่ไม่น่าขำเกินไปหรือยังไง” นางหวังเองก็หาใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมันแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยทั้งที่ภายในอกของนางกำลังสั่นรัว

ส่วนโก่วซุนในตอนนี้เจ้าตัวเองก็ไม่ได้มีอาการแตกต่างไปจากคนเป็นแม่มากนัก

“ที่..” “โก่วซุน แกออกมาเดี๋ยวนี้” นางเมิ่งกำลังจะพูดต่อทว่าด้านนอกก็ได้มีคนมาส่งเสียงน่ารำคาญขึ้นเสียก่อน

ฉับพลันใบหน้าของโก่วซุนยิ่งซีดราวกับไก่ต้มคูณสอง ขาของเขาสั่นพั่บ ๆ ด้วยความกลัวต่อเจ้าของเสียงเป็นอย่างมาก “หากแกยังไม่ออกมาอีก ฉันจะเข้าไปลากแกเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงนั้นยังคงแสดงความข่มขู่

ในขณะที่พวกคนด้านนอกกำลังบุกเข้ามา คนด้านในนำโดยหม่าหาวหมิงก็เดินออกมากันเสียก่อน

เมื่อนักเลงเหล่านี้มองกลุ่มของหม่าหาวหมิงพวกเขาก็รู้สึกถึงความไม่ธรรมดาของพวกเขา

“สหายเป็นใคร” คนพูดพ่นก้านดอกหญ้าในปากทิ้งถามขึ้นอย่างระมัดระวังตัว

“หัวหน้าหน่วยแปด หมู่บ้านชิงสุ่ย สหายล่ะเป็นใครมาโหวกเหวกโวยวายอะไรที่นี่”

กลุ่มอันธพาลเริ่มเห็นท่าไม่ดีดังนั้นพวกมันจึงได้แต่ต้องยอมล่าถอยก่อนชั่วคราว

“โกว่ซุนวันนี้แกไม่สะดวกออกมาไม่เป็นไร ยังไงซะแกก็หนีไม่รอดหรอก” มันพูดก่อนจะโบกมือให้ลูกน้องของตน

คนทั้งสามขี่จักรยานออกไปด้วยความเร็ว โดยไม่นำพาถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อในหมู่บ้าน

หลังจากจบเรื่องนี้ หม่าหาวหมิงจึงได้มาสอบสวนเรื่องของนางเมิ่งต่อ และสิ่งที่เมิ่งหลิงพูดออกมาก็ตรงกับสิ่งของเหล่านั้นคราวนี้ทั้งแม่และลูกชายไม่อาจหนีพ้นจากหลักฐานตรงหน้า

‘พี่ชาย การเป็นขโมยนั้นไม่ดีห้ามคุณเอาเป็นแบบอย่างเข้าใจไหม’ น้ำเสียงเล็ก ๆ ของคนเป็นน้องส่งตรงถึงเสี่ยวเฉินที่กำลังมองหนึ่งชายหนุ่มกับหนึ่งหญิงวัยกลางคนร่ำไห้ต่อย่าตน

“อืม” เขารับคำในลำคอ

“ผู้ใหญ่บ้าน หัวหน้าหน่วย อย่าเอาเรื่องลูกชายฉันเลยนะ” นางหวังร้องไห้ปานจะขาดใจ

“เรื่องนี้เราตัดสินใจเองไม่ได้” เซี่ยฉางอันตอบตามจริงแม้ว่าเขาจะไม่อยากให้เรื่องนี้อื้อฉาวก็ตาม ทว่าทั้งหมดก็ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของเมิ่งหลิงด้วย

“นางเมิ่ง ฉันขอร้องละ หล่อนจะให้ฉันคุกเข่าโขกหัวคำนับก็ได้” คำพูดของนางหวังทำให้ทุกคนในที่นั้นตัวชา

“นางหวังแกพูดแบบนี้อยากให้ทหารแดงมาจับฉันหรือยังไง” เมิ่งหลิงตะคอกเสียงดัง

ครั้นแล้วนางหวังจึงได้รู้สึกตัวว่าตนได้ทำสิ่งใดผิด เพราะการคุกเข่าโขกหัวคำนับล้วนมีความเกี่ยวข้องกับสี่เก่านั่นเอง

“ถุย ๆ ฉันผิดไปแล้ว” นางหวังรีบตบปากพลางพ่นน้ำลายทิ้ง ในตอนนี้ความกดดันล้วนอยู่ที่เมิ่งหลิงแม้ว่าเธอจะจับขโมยได้แต่ทว่าหล่อนก็ไม่สามารถทำอะไรได้จึงได้แต่ต้องกล้ำกลืนเก็บความอดสูในครั้งนี้เอาไว้

“ฉันขอเป็นเงินชดเชยได้ไหม” หล่อนตัดสินใจพูดออกมา

“เรื่องนี้นับว่าไม่เลว สหายหวังคุณว่ายังไงจะจ่ายเงินหรือจะให้ส่งสหายโก่วไปสำนักงานความปลอดภัย” หม่าหาวหมิงรีบเอ่ยปากทันที

“จ่ายเงิน ฉันยอมจ่ายเงิน” นางหวังรีบตอบด้วยความลนลาน

“สหายเมิ่งต้องการเท่าไหร่ แต่ก็อย่าให้มากเกินไปนักนะ” แม้จะดูเหมือนว่าหม่าหาวหมิงเข้าข้างหล่อนแต่ทว่าหากฟังดูให้ดีจะรู้ว่าเขาแฝงแววข่มขู่

‘ตาลุงคนนี้นิสัยไม่ดี’ หรูฟู่ซิงบ่นกับระบบ

‘ใช่ครับ แต่ผมว่าหมู่บ้านนี้ไม่มีใครดีสักคนเลยก็ว่าได้ยกเว้นบ้านของเจ้านาย’ เป๋าเอ๋อร์แสดงความคิดเห็น

‘ข้อนี้ฉันเห็นด้วยกับนาย แต่จะว่าไปคนพวกนี้แต่เดิมก็ไม่เป็นมิตรกับบ้านเราเพราะเรื่องของคุณปู่อยู่ก่อนแล้วทนเอาหน่อยเถอะอีกไม่กี่ปีพวกเราก็สามารถไปจากที่นี่ได้’

‘เจ้านายหมายถึงรอให้การปฏิวัติวัฒนธรรมสิ้นสุดหรือครับ’ เป๋าเอ๋อร์ย่อมรู้เรื่องนี้ถามออกมาอย่างกังขา

‘ใช่! รออีกแค่หกปีเท่านั้นยังไม่นับว่าสายเกินไป’

“หนึ่งร้อยหยวน หากไม่ได้ฉันจะให้อาจื่อเดินทางเข้าเมืองเพื่อร้องเรียนเรื่องนี้” คำพูดของเมิ่งหลิงทำให้คนที่ได้ยินต่างพากันสูดหายใจอย่างหนาวเหน็บ

ต้องรู้ว่าเงินหนึ่งร้อยหยวนในตอนนี้นั้นมีมูลค่ามากเพียงใด เงินจำนวนนี้เทียบเท่ากับผู้ที่ทำงานในตำแหน่งระดับสูงได้เลยทีเดียว

“แกจะขูดเลือดปูเหรอ ฉันไม่มีหรอกทั้งเนื้อทั้งตัวฉันมีสิบหยวน” นางหวังโวยวาย

“นางหวังแกหลอกใครกัน ฉันรู้นะว่าลูกชายของแกมีเพราะสามคนนั้นคงจะมาทวงเงินใช่ไหมล่ะ” คำพูดของนางเมิ่งที่ฉายแววรู้ทันทำให้โก่วซุนขบกรามแน่น

“คุณรอก่อน” เขาลุกขึ้นก่อนจะนำเงินจำนวนหนึ่งที่ซ่อนเอาไว้ใต้หมอนออกมา

“เอาไป”

นางเมิ่งรับเงินมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยหากไม่ใช่เพราะอ้ายอ้ายบอกว่าให้เลือกเงินไม่เช่นนั้นหล่อนคงไม่ทำแบบนี้

‘ย่าจ๋า คนทั้งสามเราไม่อาจเป็นศัตรูได้ดังนั้นจงเลือกเอาเงินจากคนบ้านนี้แทน ส่วนที่นอนก็เอากลับมาด้วยหนูจะเอามาเปลี่ยนเป็นของใหม่กับเป๋าเอ๋อร์’

“ในเมื่อสหายเมิ่งรับเงินไปแล้ว เรื่องวันนี้ก็ถือให้ยุติลงที่นี่นะห้ามให้ใครแพร่งพรายออกไปอย่างเด็ดขาด” น้ำเสียงของหม่าหาวหมิงเต็มไปด้วยความดุดันเฉียบขาด

ทุกคนรับคำก่อนที่นางเมิ่งจะไปหอบเครื่องนอนของตนหมุนกายออกจากบ้านหลังนี้โดยมีเสี่ยวเฉินอุ้มอ้ายอ้ายเดินตาม ท่าทางของเด็กวัยสามขวบที่อุ้มห่อผ้าของน้องสาวเต็มไปด้วยความระมัดระวังเพราะหากไม่ทำเช่นนี้ก็คงไม่มีใครช่วยเหลือพวกเธอนั่นเอง

‘ย่าจ๋า ทนอีกไม่นานพวกเราจะไปจากที่นี่’ น้ำเสียงของหลานสาวปลุกปลอบให้กำลังใจ

‘ตัวย่านั้นไม่เท่าไหร่หรอกแต่ย่าไม่อยากทำให้หลานรวมถึงพ่อแม่รู้สึกไม่ดี’ น้ำเสียงของนางเมิ่งเต็มไปด้วยความเสียใจ

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่34 ครัวเรือนหมื่นหยวนในพริบตา

    คล้อยหลังจากรถยนต์คันหรูจากไป เมิ่งหลิงก็หันมาหาคนที่ไปบอกพวกตนที่บ้านว่าหรูจื่อไปทำให้คนขุ่นเคืองทันที“สหายคนนั้นหยุดเดี๋ยวนี้” เสียงของเมิ่งหลิงตะโกนอย่างดุดันชายร่างผอมสวมเสื้อผ้าหยาบเหมือนกับชาวบ้านทั่วไปสะดุ้งจนตัวโยน“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” เขาแย้งอย่างร้อนตัว“ไม่ผิด! คุณไปบอกพวกเราว่าหรูจื่อถูกจับเพราะไปทำให้คนใหญ่คนโตขุ่นเคืองเขาถึงได้ตามมาเอาเรื่องไม่ใช่เหรอ อย่างนี้จะเรียกว่าไม่ผิดได้ยังไง” เมิ่งหลิงไม่ปล่อยผ่าน“หวังเค่อ คุณไปพูดอย่างนั้นได้ยังไงครับ การที่คุณทำให้คนอื่นเสียหายเช่นนี้ ห็นทีว่าผมคงจะต้องส่งคุณไปให้ผู้กำกับสวีปรับทัศนคติ” คำพูดของเจิ้งฟู่ฉีทำให้เข่าของเจ้าของชื่อพลันอ่อนยวบ“หัวหน้าหน่วยเจิ้ง ผมอาสาไปส่งเขาเอง” ฉางซูเหิงกล่าวออกมาเสียงดังโดยมีซ่งเจียหาวพยักหน้าสนับสนุน“ผมไม่ไป ผมขอโทษ ปล่อยผมไปเถอะ ต่อไปนี้ผมรับรองว่าจะไม่พูดจาเหลวไหลแบบนี้อีกแล้ว” ชายคนนั้นเอ่ยขอร้องทั้งน้ำตา หว่างขาของเขามีน้ำไม่พึงประสงค์ไหลออกมาจนเปียกชุ่ม“เหม็นชะมัด! พวกเราแยกย้าย” ชาวบ้านจำนวนมากที่หวังชมเรื่องสนุกพากันถ

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่33 ความมโนของคน

    นายทหารคนนี้พาชายหนุ่มทั้งคู่เดินมายังห้องทำงานของเจ้าของบ้านที่กำลังมีใบหน้าเคร่งเครียดเสียงเคาะประตูดังขึ้นในขณะที่เขากำลังลูบแหวนหยกที่สวมติดนิ้วโป้งข้างขวาในยามมีเรื่องไม่สบายใจ“เข้ามา” น้ำเสียงดุดันดังขึ้นก่อนประตูจะเปิดออกจากคนด้านนอก“สหายเจียง คุณมาแล้ว” เจ้าของห้องลุกขึ้นยืนอย่างมีความหวังเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นใคร“สวัสดีครับท่าน” เจียงหย่งเฉียงถอดหมวกค้อมเอวลงกล่าวทักทายอย่างสุภาพ“ไม่ต้องมากพิธี ว่าแต่นี่ใครอย่างนั้นเหรอ” ชายวัยกลางคนที่อยู่ในห้องเดินเข้ามาหาเขาอย่างสนิทสนมพร้อมกับส่งสายตาเป็นสัญญาณให้นายทหารคนนั้นออกไปเสียงประตูปิดลง เจียงหย่งเฉียงจึงได้แนะนำหรูจื่อออกมาด้วยรอยยิ้ม “น้องชายของผมเองครับ” น้ำเสียงของเขาฉายแววภาคภูมิใจอยู่ในที“น้องชาย! ใช่คนที่สหายเล่าให้ฟังเมื่อครั้งก่อนหรือเปล่า อืมดูหน่วยก้านไม่เลวแต่ว่าทำไมถึง” คำพูดของเขาหยุดลงเมื่อสังเกตเห็นการเดินของหรูจื่อ“สวัสดีครับ ผมหรูจื่อและนี่ลูกสาวของผมอ้ายอ้าย” หรูจื่อหาได้รู้สึกถึงปมด้อยของตนถอดหมวกค้อมเอวลงทักทายเขาและแนะนำเจ้าตัวเล็กในกระเป๋

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่32 ของหายาก

    เสียงหวูดรถไฟดังกังวานไปทั่วสถานีเพื่อเตือนผู้คนให้เตรียมตัว “รถไฟมาแล้ว” เจียงหย่งเฉียงพูดขึ้นพลางกระชับกระเป๋าถือทำจากหนังสีน้ำตาลอ่อนในมือและเมื่อขบวนรถไฟสีเขียวเข้มที่มีเส้นคาดสีเหลืองจอดนิ่งอยู่บนราง ผู้โดยสารที่สวมเสื้อผ้าล้วนแล้วแต่เป็นสีเข้มแบบเรียบง่าย หรือไม่ก็เป็นชุดทหารตามความนิยมก็เริ่มทยอยกันเดินออกจากตู้ด้วยท่าทางไม่รีบไม่ร้อนเจ้าตัวเล็กในกระเป๋าเป้สะพายด้านหน้าของคนเป็นพ่อมองผู้คนในยุคนี้ที่หลายคนแบกกระสอบผ้าป่านขึ้นบ่าหรือไม่บางคนก็ถือกล่องไม้มัดด้วยเชือกป่านอย่างสนใจจนกระทั่งเธอได้เข้ามาด้านในขบวนรถไฟ ดวงตาของเด็กหญิงก็ไม่วายมองสำรวจทางนั้นทีทางนี้ทีด้วยความอยากรู้อยากเห็นอีกคำรบตัวม้านั่งโดยสารเป็นไม้แข็งเรียงกันสองฝั่ง บางส่วนมีเบาะหนังแบบเก่าซึ่งเริ่มลอกออกเนื่องจากผ่านการใช้งานหนักมาอย่างยาวนานพื้นที่ตรงกลางทางเดินค่อนข้างคับแคบจากการที่มีสิ่งของรวมถึงสัมภาระล้นออกจากการถูกวางกองไว้ใต้ที่นั่งหรือบนชั้นวางเหล็กเหนือหัว จึงทำให้ทุกสิ่งดูระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ เสียงพูดคุยของผู้คนที่มาอยู่ด้วยกันเป็นจำนวนมากดังจอแจแล

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่31 ขาทองคำ

    เป๋าเอ๋อร์ นายช่วยดูหน่อยสิว่าพ่ออยู่ที่ไหน ทำไมเย็นป่านนี้แล้วเขาถึงยังไม่กลับมาอีก เจ้าตัวเล็กที่กำลังชะเง้อคอยาวคล้ายยีราฟเข้าไปทุกทีอดเป็นกังวลไม่ได้จึงได้สื่อสารกับระบบคู่หูอย่างกังวลได้เลยครับ สิ้นคำของระบบเจ้าตัวพลันรับรู้ได้ทันทีว่าบิดาของเจ้านายอยู่ตรงไหนและกำลังทำอะไร‘พ่อ! คุณกำลังทำอะไรอยู่ครับ ทำไมถึงยังไม่กลับบ้านอีก’ หรูจื่อค่อนข้างตกใจในเสียงที่ได้ยิน‘ท่านเทพเหรอ พอดีว่าผมกำลังดูเจ้าพืชต้นนี้อยู่เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนว่ามันคืออะไร แต่สหายจิงบอกว่ามันคือโสม แต่หล่อนก็ไม่มั่นใจพวกเราจึงได้แต่รั้ง ๆ รอ ๆ ว่าจะเอายังไงดี’‘มันคือโสมและอายุของมันไม่น้อยกว่าห้าสิบปีดังนั้นพ่อสามารถขุดมันขึ้นมาได้เลย แต่จะต้องระวังรากของมันหน่อยหากว่ารากมีความสมบูรณ์มากราคาเองก็จะดีตามมาด้วยเช่นกัน’เมื่อหรูจื่อได้ยินคำพูดยืนยันเช่นนี้ดังนั้นเจ้าตัวจึงไม่รอช้าเขาจึงนั่งยองและใช้มีดสั้นที่เหน็บเอวเอาไว้เริ่มทำการขุดดิน รอบ ๆ ต้นพืชชนิดนี้อย่างระมัดระวัง“พี่ชาย คุณทำอะไร” ฉางซูเหิงถามขึ้นอย่างสงสัยใคร่รู้“สหายจ

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่35 เปิดบัญชี

    “เงินนี่มันจะไม่มากเกินไปหรือครับ” หรูจื่อมองธนบัตรที่วางเป็นปึก ๆ ตรงหน้าถามออกมาด้วยความกังวล“ไม่มากหรอก น้องหรูรับไปเถอะอย่าได้เกรงใจ แต่ผมขอแนะนำให้สหายนำเงินไปฝากกับธนาคารของรัฐจะดีกว่าเงินมากแบบนี้พกไปไหนมาไหนด้วยย่อมไม่ปลอดภัย เอาอย่างนี้ก็แล้วกันผมจะให้เจียงเทาพาไป” เถากวางโถวพูดเองเออเองเสร็จสรรพ“ถ้าอย่างนั้น ผมต้องขอรบกวนท่านแล้ว” หรูจื่อเองก็เห็นด้วยแม้ว่าท่านเทพจะสามารถช่วยรักษาเงินจำนวนนี้เอาไว้ได้ก็จริง แต่ว่าต่อหน้าคนที่ไม่รู้การที่เขาจะรับน้ำใจแบบนี้ไว้ย่อมไม่เสียหายในขณะที่ผู้ใหญ่กำลังเจรจา เจ้าตัวเล็กอ้ายอ้ายที่ถูกคุณนายของบ้านอุ้มออกมายังอีกห้อง ในตอนนี้เธอกำลังกลายเป็นตุ๊กตาตัวน้อยโดยการที่คุณนายกับลูกสาวจับแต่งตัวกำลังอ้าปากหาวด้วยความเบื่อหน่าย“แม่คะ เจ้าตัวเล็กคงจะง่วง” เถาเหลียนฮวาพูดขึ้นหลังจากเธอได้รับการตรวจร่างกายและมาเล่นกับเด็กหญิง“นั่นสิ จะว่าไปเด็กคนนี้ไม่งอแงเหมือนเด็กคนอื่นเลยน่ารักเลี้ยงง่ายและบางครั้งก็ดูเหมือนว่าจะฟังพวกเรารู้เรื่องด้วย” หลินหงพูดขึ้นพลางอุ้มเจ้าตัวน้อยมากล่อมนอนหรูจื่อที่เดินตามเจ้

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่27 ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว

    “หากคุณได้รับยาต่อเนื่องอาการคงไม่ร้ายแรงเท่านี้ แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่ไม่สายจนเกินไป” หมอผู้อยู่ในชุดกราวน์สีขาวสวมหน้ากากอนามัยพูดขึ้นต้วนฉีเหวินไม่ได้ถูกจัดให้นอนในโรงพยาบาลเนื่องจากเตียงผู้ป่วยไม่เพียงพอ ดังนั้นหลังจากรับยาเขาจึงต้องกลับมาพักที่บ้านซึ่งเรื่องนี้ย่อมนำพาความยินดีมาให้สองสามีภรรยาไม่น้อยเป๋าเอ๋อร์ นายไม่มียารักษาเหรอ เจ้าตัวเล็กหรูฟู่ซิงถามขึ้นในระหว่างที่พวกเธอกำลังนั่งรถลากกลับบ้านต้วนมีครับ แต่ที่ให้เขามาหาหมอก็เพื่อที่ผมจะได้นำยาออกมาใส่ให้เขากินได้สะดวก เป็นยังไงความคิดของผมฉลาดมากเลยใช่ไหมล่ะ หากเจ้าตัวมีหางหรูฟู่ซิงคาดว่าหล่อนคงจะได้เห็นหางเล็ก ๆ ของเขากระดิกไปมานายยอดเยี่ยมที่สุดในสามโลกเลยสหาย หรูฟู่ซิงไม่ทำให้เขาผิดหวังเธอกล่าวชมออกมาอย่างจริงใจเสียงหัวเราะอันเบิกบานของคนตัวเล็กทำให้นางเมิ่งกับหรูเฉินพลันเกิดความรู้สึกอารมณ์ดีตามรถลากทั้งสามคันกำลังเลี้ยวเข้าไปทางตรอกในทิศใต้ โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าได้มีคนจับตามองด้วยแววตาวาววับ “รีบไปบอกหัวหน้า” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นคล้อยหล

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status