ซูหว่านหญิงสาวยุคปัจจุบันถูกคนรักหักหลังจนเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ หญิงที่สิ้นหวัง ซูหว่านแม่หม่ายลูกแฝด ในยุคโบราณ หญิงผู้มีชื่อเสียงเลวร้าย ถูกกล่าวหาว่าวางยากฆ่าสามี ถูกขับไล่ออกจากตระกูลสามี พร้อมกับลูกแฝดสองคนที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเธอเอง โชคชะตายังไม่สิ้นหวังซูหว่านได้รับ ระบบครัววิเศษ ที่มีระบบครัวและร้านค้าให้ตจับจ่ายพร้อมสูตรอาหารจากยุคปัจจุบันติดตัวมาด้วย ด้วยฝีมือการทำอาหารสุดล้ำ ความรู้การค้าสมัยใหม่ และความตั้งใจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ซูหว่านเปิดร้านอาหารเล็กๆหาเลี้ยงลูก พร้อมเปลี่ยนภาพลักษณ์ แม่ม่ายอำมหิต ให้กลายเป็นหญิงแกร่งที่น่าชื่นชม ความลับใหญ่หลวงที่ซ่อนอยู่อาจพาเธอกลับสู่โลกเดิม…หรือตัดสินใจอยู่ที่นี่ตลอดไป
View Moreทิวทัศน์ของภูเขาที่ล้อมรอบไปด้วยหมอกบางๆ ดูเหมือนจะเป็นการเดินทางที่สวยงามและแสนสงบสำหรับซูหว่าน เมื่อวันเสาร์อันแสนสุขมาถึง ซูหว่านและเซิงเจี๋ยแฟนหนุ่ม รวมทั้งหยางลู่เพื่อนสนิทของเธอตัดสินใจออกไปปีนเขาด้วยกัน ในวันหยุดที่ทั้งสามมีไลฟ์สไตล์เหมือนๆ กัน พวกเขาทั้งสามเดินไปบนเส้นทางปีนเขาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการพูดคุยที่รื่นเริง
"วันนี้ต้องถึงจุดหมายให้ได้ แคมป์สามตามเป้า" หยางลู่พูดขณะที่ยิ้มให้ซูหว่านด้วยท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษยิ้มร่ามาเชียว
"จริงสิ ต้องถึงกันให้ได้ อยากรู้จริงๆ จะโหดหินแค่ไหน ฉันต้องถึงก่อนเธอแน่เลยระดับนี้แล้วซะอย่างฮะฮะฮ่าาาา" ซูหว่านตอบกลับด้วยรอยยิ้มหวาน
เซิงเจี๋ยหันมามองทั้งสองคน เขาเดินเข้ามายืนตรงหน้าซูหว่านเกือบจะชิดตัว ซูหว่านใจเต้นตึกตัก
“ตัวเล็ก ให้ผมจัดการจัดการกับเชือกและอุปกรณ์สำหรับปีนเขาให้ดีไหม"
ซูหว่านที่เงยหน้ามองเขาพร้อมกับยิ้มตาหยี
“นี่ครับ จะต้องรัดกุมและแข็งแรงแบบนี้ความปลอดภัยสำคัญที่สุดและยิ่งเป็นคุณผมยิ่งพลาดไม่ได้”
“ขอบคุณค่ะบี้ คุณใจดีกับฉันเสมอ ถ้าจะให้ดี แบกฉันขึ้นหลังดีกว่า”
เซิงเจี๋ยยิ้มตอบ ยกนิ้วโป้งขึ้นแสดงว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
การปีนขึ้นไปยังจุดสูงสุดนั้นยากลำบาก ซูหว่านรู้สึกถึงเหงื่อที่ซึมออกตามผิวสมองโล่งอะดรีนาลีนฉีดพุ่ง และก็ยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเมื่อเห็นเป้าหมายใกล้เข้ามาทุกที สายตาของซูหว่านจับจ้องไปที่ยอดเขาที่มีทิวทัศน์สวยงามรออยู่ข้างบน
“ตึง...โอ๊ะ”
ซูหว่านรู้สึกถึงแรงกระตุกที่ผิดปกติจากเชือกที่คล้องรอบเอวของเธอ มันราวกับมีบางสิ่งที่กำลังกระตุกดึงซูหว่านลงไปข้างล่างอย่างแรง หยางลู่ที่อยู่จุดที่ต่ำกว่าขมวดคิ้วทันทีแล้วถามเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่ตกใจไม่แพ้กัน
“เกิดอะไรขึ้นตัวเล็ก”
ยังไม่ทันที่ซูหว่านจะได้ตอบหรือคิดอะไร ชั่วขณะนั้นก็รู้สึกเหมือนเชือกเส้นนั้นรั้งน้ำหนักตัว50กิโลกรัมของซูหว่านไว้ไม่ไหวอีกแล้ว
“เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ” เชือกอีกเส้นตึงเปรี๊ยะดีดผึ่ง
หมุดที่ติดกับหน้าผาหลุดออกด้วยน้ำหนักตัวของซูหว่านทั้งหมด เหลือเกลียวเชือกเพียงไม่กี่เส้นที่รั้งซูหว่านไม่ให้ตกลงไป เกลียวเชือกขาดไปเกือบหมดและกำลังจะขาดไปเรื่อยๆ มันกำลังจะขาดไปเรื่อยๆ นั่นคือสิ่งที่ซูหว่านรู้ แต่ไม่อาจทำอะไรได้
"ซูหว่าน หยุดขยับ"
เสียงเซิงเจี๋ยดังขึ้นอย่างตื่นตระหนกและห่วงใย มือของเซิงเจี๋ยกำลังพยายามคว้าจับเชือกอย่างเต็มที่แต่มันเริ่มหย่อนลง ตัวเขาเองก็เอื้อมไม่ถึง ซูหว่านแหงนหน้ามองไปที่เซิงเจี๋ยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจและไม่เข้าใจ และอ้อนวอน
"เซิงเจี๋ยชะ..ชะช่วยฉันด้วย ฉันไม่ได้หนักนะ" เรียกชื่อเขาด้วยความกลัวแต่ยังไม่วายล้อเล่น
หยางลู่หันไปเห็นสถานการณ์และรีบตะโกน
"เซิงเจี๋ยเชือกมันขาด อย่าเพิ่งขยับ คุณยิ่งขยับ แล้วซูหว่านขยับจะตกลงไปทั้งคู่"
“เปรี๊ยะ ตึงๆ”
เชือกดึงตัวซูหว่านให้ต่ำลงไป เชือกที่ซูหว่านผูกติดกับตัวขาดลงทีละน้อย ได้ยินเสียงฉีกขาดที่ทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะนึกวาดภาพหากตัวของตัวเองตกลงไปกระแทกหินจะเจ็บแค่ไหนกันน้า
“ผมจะปีนขึ้นไปข้างบนและหาทางช่วย ไม่สิ หว่านหวานคุณนิ่งเข้าไว้ รอผม ผมจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้” เซิงเจี๋ยรีบปืนขึ้นไปข้างบนอย่างเร่งรีบ
ซูหว่านรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่เริ่มเกิดขึ้น ราวกับเวลาผ่านไปนานแสนนานและช้าไปหมด ความกลัวเริ่มแทรกซึมเข้ามา ซูหว่านหันมองไปที่หยางลู่ที่ห้อยอยู่ไม่ห่างออกไปด้วยท่าทางตื่นตกใจ มือของหยางลู่ที่พยายามเอื้อมขยับเหมือนจะช่วยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก
"ลูลู่ฉันยังไม่อยากตาย" ซูหว่านพึมพำเบาๆ เสียงแหบแห้ง ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรพยายามแล้ว มันไม่มีทางจะทำอะไรได้แล้ว น้ำตาไหลอาบแก้ม
ผึ่ง ชั่วพริบตาเชือกก็ขาดลง
“ว๊ายยยยยยยยย”
ซูหว่านกรีดร้องสุดเสียงรู้สึกถึงแรงดึงที่ทำให้ร่างกายเธอหลุดออกจากตำแหน่งเกาะเกี่ยว หงายหลังแหวกว่ายอากาศในท่าผีเสื้อไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป พร้อมกับเสียงตะโกนลั่นของทั้งหยางลู่และเซิงเจี๋ย
“ตัวเล็กกกกกกกกก..…”
ซูหว่านเห็นแสงสว่างจางๆ ในขณะที่ตกลงไปข้างล่าง ดวงตาของซูหว่านเบิกกว้างสุดขีด ความรู้สึกเจ็บปวดอัดแน่นอยู่ในร่างกายแต่มันก็เพียงแค่ชั่วขณะ
“เจ็บจัง….ฉันกำลังจะตาย…” สติของซูหว่านเริ่มพร่าเลือนและดับลง
“ซูหว่านนนนนนนนนน”
เสียงร้องเรียกชื่อของซูหว่านดังไปในอากาศ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทั้งเซิงเจี๋ยและหยางลู่วิ่งไปยังจุดที่ซูหว่านหายไปในพริบตา สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเสียใจ
"หว่านหวาน หว่านหวาน ซูหว่าน" เสียงเซิงเจี๋ยตะโกนเรียกซูหว่านด้วยเสียงที่สั่นเครือขณะที่มือของเขาแหวกพุ่มไม้หนา
"ซูหว่าน…" หยางลู่วิ่งไปหาจุดที่ซูหว่านตกลงไป ร้องไห้เสียงดังขณะที่เธอพยายามหาทางช่วยแต่ก็รู้ว่าไม่มีอะไรจะทำได้
ซูหว่านที่เคยสดใสงดงามบัดนี้ร่างกายผิดรูปผิดร่าง เลือดสีแดงไหลอาบทั้งร่างดวงตาเบิกโพลง
“ทำไมใครๆ เขาก็รู้ว่าเจ้าฆ่าสามี ข้าพูดแล้วจะทำไมข้า คนอื่นเขาพูดกันทั่วไป ไม่ได้พูดแต่ข้าเสียหน่อยเจ้าก็ตามไปฆ่าทุกคนสิ”ซูหว่านยิ้มเหยียดเดินเข้าหายายป้าข้างบ้าน“ชิ อย่างนั้นหรือพูดกันทั่วไป ข้าไม่ได้ยินถือว่าไม่พูดแต่คนที่พูดให้ข้าได้ยินนี่ อย่างไงดีน้าาาา”“เจ้าอย่ามาทำนิสัยเหมือนที่ผ่านมา มิน่าเล่าแม่สามาีเจ้าถึงได้ไล่เจ้าออกจากบ้านเพราะเจ้ามาจิตใจต่ำทรามชอบฆ่าคนแบบนี้นี่เอง”“หุบปากเจ้านะไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าใจร้าย”“เจ้าจะทำอะไรข้า” ยัยป้าเริ่มหวั่นๆ ไม่กล้าสบตาซูหว่าน"คราวหลังอย่ามากล่าวหาข้าอีก...ไม่อย่างนั้นข้า…ที่ไม่เคยฆ่าใครจะฆ่าเจ้านั่นแหละคนแรก" ซูหว่านพูดเสียงดังคำพูดของซูหว่านดังก้องไปทั่วบริเวณ ชาวบ้านที่มามุงดูเงียบเสียงลงไป ป้าข้างบ้านมองซูหว่านด้วยสายตาที่ตื่นตระหนกในชั่วขณะหนึ่ง แต่สุดท้ายก็กัดฟันและพูดกลับด้วยเสียงสั่นๆ ซูหว่านชี้มือไปยังยัยป้าอย่างคาดโทษ"เจ้า...เจ้ายังจะกล้าทำร้ายข้าอีกหรือ อ่อแน่ละซี้ เจ้ามันชอบฆ่าคนนี่ อย่าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปได้ง่ายๆ ข้าจะไล่เจ้าทุกวันคอยดูเถอะ"ซูหว่านที่ยังคงยืนอยู่ด้วยท่าทางมั่นคงยิ้มเย็น พูดกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ
ซูหว่านก็เตรียมข้าวร้อนๆ ในถ้วยที่ล้างจนสะอาด อาหารมื้อแรกบนอิสรภาพกลับมีค่ามากมายในตอนนี้ คนเรามันอยู่ที่ใจหรอกจบอกว่าสุขก็สุข ฮ่าาาาจริงไหมนี่เอิ้กกกกฉ้านนนนนนนมีความสุข“หน้าตาดูดีไม่น้อยทีเดียว” เสิร์ฟข้าวพร้อมกับผัดผักบุ้งกลิ่นหอมฟุ้งบนโต๊ะที่ทำมาจากไม้เก่าๆ“อาอวี่...อาเยวี่ยน มานี่เร็ว ลูกร้ากกกกก” ซูหว่านเรียกเด็กๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทั้งสองพยักหน้าและรีบเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารอาเยวี่ยนมองข้าวร้อนๆ และผัดผักบุ้งที่กลิ่นหอมลอยมาเต็มห้อง เขายิ้มออกมาอย่างอิ่มใจ “ท่านแม่เก่งจัง หอมที่สุดเลย หอมจริงๆ แค่ผัดผักบุ้งแต่หอมไปสามบ้าน”ซูหว่านยิ้ม เด็กๆ พุ้ยข้าวใส่ปากแก้มป่อง คีบผัดผักบุ้งใส่ปาก อาอวี่นิ่งงันอ้าปากค้าง“อืออร่อยจัง ผักนี่หวานจังเลยค่ะท่านแม่ อร่อยมากๆ เลยค่ะ” อาอวี่พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง ใบหน้าเล็กๆ เปล่งประกายไปด้วยความสุขจากการได้ทานอาหารร้อนๆ รสชาติอร่อยที่ซูหว่านปรุงกับมือ“ผักที่อร่อยต้องสดใหม่เท่านั้น ผักเก็บมาจากต้นปรุงอาหารได้รสดีที่สุดและผักบุ้งมีสรรพคุณมากมายแต่ที่สำคัญในตอนนี้คือช่วยลดอาการปวดศีรษะและอ่อนเพลีย จากการที่เราสามคนหนีนางปีศาจเมื่อคืนฮ่าาาาา แ
"เด็กๆ วันนี้เราจะเริ่มต้นกันใหม่โดยการทำความสะอาดบ้าน" ซูหว่านพูดเสียงมั่นคง ก่อนจะหันไปมองลูกๆ "เราจะหาทางอยู่ให้ได้ และไม่ต้องหนีอีกต่อไป"ซูหว่านยืนอยู่กลางห้อง มองไปรอบๆ บ้านร้างที่ไม่มีใครจับจอง ภายในบ้านท่ามกลางความเงียบสงัด รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ค้างคาในใจ เด็กๆ ก็ดูจะตื่นเต้นมาก"ฮึบบบบ…" ซูหว่านสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเดินสำรวจไปรอบๆ บ้านอย่างตั้งใจ แม้ภายในบ้านจะเต็มไปด้วยฝุ่นและข้าวของเก่าๆ แต่ในทุกมุมที่มองดูก็เห็นบางสิ่งที่ยังพอใช้ได้“ปัดฝุ่นเสียหน่อยก็ใช้ได้แล้วล่ะ”บนผนังห้องครัวเก่าๆ ซูหว่านพบกับอุปกรณ์ครัวที่เก่าแต่ยังพอใช้งานได้ น้ำมันเก่าๆ ในโถดีๆ ที่ยังไม่เหม็นหืนอาจเพราะอากาศเย็น ถูกวางอยู่บนชั้นไม้ที่ดูเหมือนจะเก็บไว้ไม่ได้ใช้มานาน ข้างฝาที่เป็นซี่คล้ายลูกกรงมีเชือกที่ผูกพริกแห้งที่ยังไม่ได้ใช้จนแห้งสนิท กระเทียมกับผักชีแห้งๆ ผักเครื่องหอมที่แห้งแต่ยังหอมและฝักข้าวโพดแห้งที่อยู่ในมุมหนึ่งถูกวางทิ้งไว้ เกลือกับเครื่องเทศในห่อกระดาษแห้งสนิทของแค่นี้ก็พอจะทำให้อาหารได้ดวงตากลมเลิกคิ้วสูง ด้านในสุดข้างเตามีกระทะแขวนไว้ ซูหว่านเอื้อมมือไปดึงถังไม้เปิดฝาเห็นข้าวสาล
ซูหว่านหันหลังกลับเด็กๆ ยืนข้างๆ ด้วยท่าทางหวาดกลัว สายตาของซูหว่านมองไปที่จอบที่พิงผนัง เหมือนเป็นสิ่งเดียวที่พอจะใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวได้ ซูหว่านเอื้อมมือไปคว้าจอบนั้นมาอย่างรวดเร็ว ตายเป็นตายวะอย่างดีก็แค่ตายอีกที เสียงฝีเท้าของสาวใช้วิ่งเข้ามา ใจซูหว่านร้อนรนแต่ไม่มีเวลาคิดมากกว่านี้ ขณะที่สาวใช้พุ่งเข้ามาหา ซูหว่านคว้าจอบยกขึ้นทันที แล้วทุบลงไปที่แผ่นหลังของสาวใช้อย่างเต็มแรง"โอ๊ยยย" เสียงร้องของสาวใช้ดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ตัวจะงอไปข้างหน้า ใช้ลงไปกับพื้น หมดแรงที่จะขยับต่อไปฮูหยินซูที่อ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าซูหว่านที่ไม่เคยมีปากเสียงครั้งนี้กลับสู้คน “พวกเจ้ามาเร็วๆ มาช่วยกันจับนาง”เสียงแหลมและแข็งกร้าวสั่งการให้ทุกคนทำตาม แต่ยังไม่มีใครมาสักคันก็มันดึกแล้ว มีแต่ฮูหยินซูเท่านั้นที่อยู่คนจับผิดซูหว่านซูหว่านรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะลังเลอีกแล้ว การเผชิญหน้ากับฮูหยินซูในตอนนี้หมายถึงการสู้ หากเอาแต่หนีทั้งยังพาเด็กๆ ไปด้วยคงถูกไล่ตามมาจับได้แน่ ไม่มีทางเลือกนอกจากสู้แล้ว จะต้องทำให้ฮูหยินซูไม่กล้ากับซูหว่านอีกต่อไปซูหว่านหันไปมองฮูหยินซูที่ยืนอยู่ไม่ไกล มือยังคงกำจอ
กลางค่ำคืนที่มืดมิด ซูหว่านนั่งอยู่บนฟูกในมุมห้อง ยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการกระทำของฮูหยินซูในตอนกลางวัน ร่างกายยังเหนื่อยล้า แต่ในหัวตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความคิดที่หมุนวน"จะหาทางออกอย่างไรดี" ซูหว่านพึมพำในใจ น้ำเสียงเบาเหมือนกับการพูดกับตัวเอง ก่อนที่สายตาจะจ้องไปที่เด็กๆ ที่นั่งอยู่ข้างๆ ทั้งสองเด็กเงียบสงบ สังเกตได้จากท่าทางพวกเขายังคงหิวและอ่อนแรง“ท่านแม่…ข้าหิว” อาอวี่พูดขึ้นเบาๆ แบบกล้าๆ กลัวๆ"ท่านแม่ ท่านแม่ไม่หิวหรือ" อาอวี่ถามขึ้นอย่างเกรงๆ ดวงตากลมๆ ของอาอวี่เต็มไปด้วยความห่วงใย "เราสองคนหิวมาก ตั้งแต่เช้ายันค่ำ กินแค่หมั่นโถว... ท่านแม่ไม่อยากทานอะไรบ้างเหรอ"ซูหว่านถอนหายใจยาว ดวงตาเศร้าสร้อยแล้วถอนหายใจยาว เมื่อมองไปที่เด็กทั้งสองที่ดูซูบซีดจากความหิวและการขาดสารอาหารและยังโดนตีจนแทบจะลุกไม่ขึ้นอีกแผลเองก็ไม่ได้รับการดูแลเลยแค่ล้างน้ำเอง"พวกเจ้าคง หิวมากสินะ..." ซูหว่านพูดออกมาเสียงเบาในหัวมีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมา ต้องทำอาหารให้ลูกๆ ทาน...แม้จะรู้ว่าตัวเองยังเหนื่อยล้าและเจ็บปวด แต่การเห็นเด็กๆ หิวจนทนไม่ไหวมันทำให้ตัดสินใจได้ทันที"เราไปที่ห้องครัวดีไหม ไปดูว่ามี
เด็กทั้งสองยังคงนั่งเงียบๆอยู่ แต่ซูหว่านสามารถรู้สึกถึงความห่วงใยของพวกเขา แม้พวกเขาจะไม่สามารถทำอะไรได้มากนักในตอนนี้ แต่การอยู่ร่วมกันในความเงียบนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกว่าอย่างน้อยก็ควรจะเข้มแข็งและต่อสู้เพื่อเด็กๆจะต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าโลกนี้มันโหดร้ายเหมือนที่เด็กๆ พูดกันไหมเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นจากทางเดิน ขณะที่ซูหว่านเดินเข้ามาในห้องใหญ่ของบ้าน ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับและอากาศที่ไม่น่าจะสูดดมสักเท่าไหร่ ไม่ทันที่จะก้าวเข้ามาถึงประตู ฮูหยินซูที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างในถือพัดโบกไปมาใบหน้าอ้วนร่างท้วมไร้แววเมตตาในนั้นก็หันมามองอย่างไม่พอใจ ก่อนที่ผ้าผืนหนาจะถูกปาใส่หน้าของซูหว่านอย่างแรง"เจ้ามาช้า ข้าเหม็นจะตายอยู่แล้ว รีบๆ ไปเก็บ คิดจะอู้หรือ สะใภ้บ้านซูเราไม่รับคนเกียจคร้าน โดนตีนิดหน่อยทำเหมือนจะตายเสียได้ เจ้าถูกขายมาพร้อมพี่สาวดีแค่ไหนแล้วบ้านซูเราให้เจ้าอยู่ในฐานะสะใภ้ แค่ห้ามเกียจคร้านเท่านั้น"ฮูหยินซูพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและรำคาญใจ ซูหว่านหยิบผ้าออกจากใบหน้าตอนแรกตั้งใจจะปาลงพื้นแต่มาคิดได้ว่าต้องประเมินสถานการณ์ก่อนไม่ควรใช่อารมณ์"กล้ามองหน้าข้าหรือนังปีศ
Comments