"พูดมา! เพื่อนหานชือหยุน เธอมาหาฉันทำไม?" หลินตงถาม"ไม่มีธุระมานายไม่ได้เหรอ? เพื่อนหลินตง!"หานชือหยุนถาม"ถ้าอย่างนั้นเธอก็ส่งข้อความหาฉันหรือโทรหาฉันก็ได้! ทำไมเธอต้องตรงไปที่ห้องเรียนเพื่อหาฉันด้วย?""เพื่อนหลินตง ฉันกำลังช่วยคุณอยู่ตอนนี้! อย่าเข้าใจผิดในความหวังดีของฉัน""โอ้ ช่วยฉันเหรอ? ช่วยอะไรฉัน?" หลินตงถามหานชือหยุนคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า"เพื่อนหลินตง ลองคิดดู! เนื่องจากเรื่องอื้อฉาวในช่วงสองวันที่ผ่านมา ทันทีที่คุณปรากฏตัวตอนนี้ จะมีคนพูดทันที ดูสิ นั่นคือหลินตง เขาถูกนอกใจเมื่อสองวันก่อน อาเจียนเป็นเลือดจนหมดสติ""แต่ตอนนี้หลังจากที่ฉันมาหานายแล้ว พอนายปรากฏตัว สิ่งที่ผู้คนพูดถึงไม่ใช่เรื่องที่คุณโกรธอาเจียนเป็นเลือดจนหมดสติแล้ว แต่คุยกันว่าเราสองคนคบกันจริงหรือเปล่า""นายคิดว่าสองแบบนี้พูดถึงนายณ อันไหนดีกว่า?"พอหลินตงคิดก็ใช่จริง ๆ"งั้นผมก็ต้องขอบคุณคุณแล้ว เพื่อนหานชือหยุน!""ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ! ฉันไม่ได้ขอบคุณที่คุณให้ของขวัญมากมายกับฉัน ทำให้ฉันไม่สามารถออกเดทกับหวงจุนหลาง และเลี้ยงอาหารฟรีฉันทุกวัน!""แต่เพื่อนหานชือหยุน เธอไม่กลัวที่จะทำลายชื่อเส
หลังจากทั้งคู่กินเสร็จก็พักเที่ยงที่โรงแรมโกลเด้นลิฟแน่นอนว่าหลินตงกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องทำงานของท่านประธาน ในขณะที่ หานชือหยุนเปิดห้องชุด แต่เมื่อมีหลินตงเป็นประธานก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินตอนเรียนช่วงบ่ายทั้งคู่จึงกลับไปเรียนด้วยกัน การออกไปกินข้าวนอก 2-3 ชั่วโมง ก็ยิ่งทำให้จินตนาการช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็วหลินตงเดินในมหาวิทยาลัยตามที่หานชือหยุนวิเคราะห์ วิธีที่ทุกคนมองเขาตอนนี้เปลี่ยนจากการดูถูกเป็นการอิจฉาและความเกลียดชังหลินตงเดินกลับไปที่โรงแรมโกลเด้นลิฟทันทีที่เข้าไปในประตู พนักงานต้อนรับตัวสูงทั้งสี่ก็โค้งคำนับและตะโกนเหมือนเดิม "สวัสดีค่ะ ประธานหลิน!"เมื่อเข้าไปในล็อบบี้ ผู้จัดการล็อบบี้ที่เพิ่งแต่งตั้งใหม่ก็รีบเข้ามาและโค้งคำนับ "สวัสดีค่ะ ประธานหลิน!""ต่อไปอย่าเกรงใจขนาดนี้ เป็นคนของตัวเองทั้งหมด คุณยุ่งกับคุณไป ผมขึ้นไปเองก็ได้แล้ว" หลินตงพูดกับผู้จัดการล็อบบี้คนใหม่"ค่ะ! ประธานหลิน!"หลินตงเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วหายจากล็อบบี้แต่หลินตงไม่ได้สังเกตมีหญิงสาวสวยคนหนึ่งนั่งอยู่ในห้องโถงสำหรับแขกที่มาพักโดยเฉพาะ คอยสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลาซุนซืออี๊นั่งอยู่
เพราะทันทีที่หลินตงเข้าไปในประตู พนักงานต้อนรับทั้งสี่ก็โค้งคำนับเขา แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกลออกไปเล็กน้อย แต่ซุนซืออี๊ก็ไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด แต่เธอสามารถเห็นความเคารพบนใบหน้าของพวกเขาได้หลังจากนั้นผู้จัดการล็อบบี้ของโรงแรมก็วิ่งเหยาะ ๆ และโค้งคำนับซุนซืออี๊นั่งอยู่ในบริเวณพักผ่อนนานกว่าหนึ่งชั่วโมง มีแขกเข้าและออกจากโรงแรมอย่างน้อย 20 หรือ 30 คน แต่ไม่มีใครทำให้พนักงานเหล่านี้โค้งคำนับดังนั้นซุนซืออี๊จึงเกือบจะแน่ใจว่าหลินตงมีภูมิหลังที่น่าตกใจ อาจจะเป็นเจ้าของที่นี่หรือเป็นลูกหลานของผู้ถือหุ้นที่นี่แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ แค่รู้สึกอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อยและยังต้องรอโทรศัพท์ต่อไปผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง...ในที่สุดโทรศัพท์ของซุนซืออี๊ก็ดังขึ้น"ฮัลโหล! ผู้กำกับเสียง คุณอยู่ไหน? ฉันมาถึงโรงแรมโกลเด้นลิฟแล้ว" ซุนซืออี๊รับสายและถาม"คุณซุน ขอโทษที่ให้รอนานขนาดนี้ มาเลยที่ ตอนนี้คุณตรงมาที่ 15-1 เถอะ ผมจะรอคุณอยู่ที่นี่" เสียงของผู้กำกับเสียงดังมาจากโทรศัพท์"ผู้กำกับเสียง มีเรื่องอะไร เราคุยกันข้างนอกไม่ได้เหรอ?""คุณซุน คุณต้องรู้ว่าสิ่งที่เรากำลังพูดถ
หัวใจของเฉินเสียงในเวลานี้เต้นราวกับมีอะไรวิ่งอยู่นายทุนผู้ชั่วร้ายเหล่านี้กำลังบงการสิ่งต่าง ๆ เพื่อผลประโยชน์ของตนเองให้รุ่นน้องที่ยังเรียนไม่จบและไม่เคยแสดงหนังเลยมาเป็นนักแสดงนำหญิงในภาพยนตร์ที่มีเงินลงทุนกว่า 100 ล้านนอกจากนี้เขายังขอให้นักแสดงชั้นนำมาเป็นนางรองด้วย หากข่าวนี้เผยแพร่ แฟน ๆ ของเหยาเสวี่ยคงจะโกรธมากหากทักษะการแสดงของนักแสดงคนนี้ดีหน่อย เธอคงจะได้รับความนิยมในทันทีถ้าฝีมือการแสดงไม่ถึง หนังเรื่องนี้ก็ถือว่าเจ๊งเมื่อถึงเวลาที่นักลงทุนจะไม่สามารถชดใช้ค่าใช้จ่ายของตนได้ และจะมีการวิพากษ์วิจารณ์จากโลกภายนอกมากมาย จะไม่ใช่เขาที่รับผิดชอบเหรอแม้ว่าในใจจะด่าหยูเฉิงไฮ่ แต่เขาก็ยังต้องแสดงรอยยิ้มที่ประจบประแจงบนใบหน้าของเขาและพูดว่า" ไม่ต้องกังวลประธานหยู ผมจะหาวิธีทำให้สำเร็จอย่างแน่นอน"ไม่มีทาง ยุคนี้ถ้ามีเงินก็เป็นนายแม้ว่าเขาจะเป็นที่รู้จักในวงการนี้ แต่เขายังไม่ถึงจุดที่เขาจะมองข้ามนายทุนได้นั่นเป็นแรงดึงดูดที่ผู้กำกับใหญ่ระดับแถวหน้ามีเท่านั้นผู้กำกับระดับนั้นแค่ปล่อยข่าวอยากถ่ายหนังนักแสดงชั้นนำจำนวนนับไม่ถ้วนและแม้แต่ราชาและราชินีก็จะแห่กันมา
ถ้าเธอไม่ได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่ที่บ้าน เธอคงไม่ได้ดีไปกว่าพวกเธอหลายคนคุยกันไม่นาน หลิวเผิงก็ขับรถพาสี่จี๊ดอีกสองคนมาถึงหลิวเผิงขับรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูX7ในรถ..."พวกเธอมาถึงหมดแล้ว ก็คือสี่คนข้างหน้า เห็นไหม?" หลิวเผิงกล่าว"แม่งเอง ได้อยู่! เห็นได้ชัดว่าสูงกว่าโรงเรียนของเรามากกว่าหนึ่งระดับ""ใช่ สมกับสาขาการแสดง ในอนาคตคนที่จะเป็นดาราใหญ่ หนึ่งในสี่คนเอามาเทียบในชั้นเรียนของเรา ก็มีแต่ซูยิงเสวี่ยที่จะเปรียบได้""โดยเฉพาะคนที่สูงที่สุด ไม่ต่างกับซูยิงเสวี่ยมากนัก! เธออยู่ในระดับเทพธิดาอย่างแน่นอน""บี๊บ...บี๊บ..."หลิวเผิงไปที่ลานจอดรถหน้าโรงแรมโกลเด้นลิฟและบีบแตรสองครั้ง!"แฟนฉันมาแล้ว ไปกันเถอะพวกเรา"จางหมิ่นเห็นรถของหลิวเผิงกำลังพาเพื่อนร่วมห้องหลายคนไปยังจุดที่หลิวเผิงจอดรถไว้หลังจากที่หลิวเผิงและคนอื่น ๆ ลงจากรถ ทั้งสองฝ่ายก็พบกันหลังจากแนะนำสั้น ๆ กลุ่มคนเจ็ดคนก็เดินเข้าไปในโรงแรมโกลเด้นลิฟจากนั้นพนักงานก็พาเขาไปที่ห้องส่วนตัวที่จองไว้หลังจากนั่งลงแล้วหลิวเผิงก็โทรหาหลินตงโทรติดแล้ว"ตงจื่อ อยู่ไหน! เราอยู่ในห้องส่วนตัวหมายเลข 46 มานี่เร็ว ขาดนายคนเด
ภายใต้การนำทางของพนักงาน คนทั้งก็เดินทางมายังโซนคาราโอเกะเมื่อเข้าไปในห้องคาราโอเกะส่วนตัว ทุกคนก็เริ่มปลดปล่อยตัวเองเนื่องจากแสงสว่างในห้องส่วนตัวค่อนข้างมืดบวกกับดื่มเหล้าไปนิดหน่อย คู่รักอย่างหลิวเผิงกับจางหมิ่นก็ซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องและจูบปากกันอย่างดูดดื่มกลิ่นอายความรักที่โปรยมาทำให้ทุกคนในที่เกิดเหตุตั้งตัวไม่ทันแต่ทุกคนก็ไม่ได้ใส่ใจ เริ่มต่างคนต่างอยู่ สามสาวสวยกำลังร้องเพลง สองสี่จี๊ดยกเว้นหลินตงกำลังเล่นโทรศัพท์หลินตงรู้สึกเบื่อเล็กน้อยขณะนั่งอยู่บนโซฟา เขาอยากจะออกไป แต่รู้สึกว่ามันไม่ดีได้แต่ชื่นชมเสียงร้องของเหล่าสาวสวยเท่านั้นต้องบอกเลยว่าถึงแม้พวกเธอจะเรียนเอกการแสดง แต่ทักษะการร้องเพลงของพวกเธอก็ไม่ได้แย่เลยเวลาผ่านไปอย่างช้า ๆขณะที่เหล่าสาวสวยร้องเพลงเหนื่อยแล้วจะพักผ่อนหลิวเผิงก็หยิบไมโครโฟนขึ้นมาแล้วพูดว่า "ขอบคุณสาวสวยทั้งสามที่ให้เกียรติมาในวันนี้"จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่หลินตงและพูดต่อ "นี่คือเพื่อนของผม หลินตง ตอนนี้เขายังโสดอยู่ หากสาวสวยคนไหนไม่มีแฟนคุณสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อและทำความรู้จักกันได้ ไม่แน่ว่าอาจจะจับคู่กันได้ อย่างอื่นไม่
แล้วคนที่สองนี้ล่ะ?จะมีคนที่สามคนที่สี่อีกไหม?หลังจากโดนทิ้งมีกระแสน้ำไหลย้อน?หลินตงก็ตกตะลึงเล็กน้อยในเวลานี้เขารู้สึกว่าตั้งแต่เขามีระบบนี้ พรหมลิขิตของเขาก็ล้นหลามไปเล็กน้อยคนแรกคือจ้าวซวนจากนั้นก็หานชือหยุนตอนนี้เป็นซุนซืออี๊อีกพวกเขาทั้งหมดเป็นระดับเทพธิดาฉันควรเลือกคนไหน?มีเพียงเด็กเท่านั้นที่จะเลือกฉันต้องเอาหมด...หลินตงฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วยืนขึ้นและพูดว่า "สวัสดีเพื่อนซุน ผมก็ยินดีที่ได้รู้จักคุณเช่นกัน!"ทั้งสองจับมือกันสั้น ๆ จากนั้นแลกเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์และไลน์ในขณะนี้ประตูห้องส่วนตัวก็ถูกเปิดออกทุกคนคิดว่าเป็นพนักงานแต่คนแรกที่เข้ามาคือชายวัยกลางคนตัวอ้วนเตี้ยตามมาข้างหลังคือผู้กำกับเฉินเสียงที่ได้นัดกับซุนซืออี๊เมื่อวานนี้ในคืนนี้เฉินเสียงและหยูเฉิงไฮ่มาพร้อมกับนักลงทุนอีกสองคน แต่ระหว่างทางพวกเขาเห็นซุนซืออี๊และเพื่อนร่วมชั้นหลายคนที่นี่หยูเฉิงไฮ่ขอให้เลขาของเขาติดตามพวกเขาเพื่อดูว่าพวกเขาเข้าไปในห้องส่วนตัวไหน และรีบมาที่นี่หลังจากเตรียมจัดการกับนักลงทุนทั้งสองแล้วหลังจากเข้าไปในห้องส่วนตัว เฉินเสียงก็แนะนำตัวเอง "สวัสดีนักศึ
หลินตงและซุนซืออี๊ไปแล้วหยูเฉิงไฮ่ซึ่งอยู่ในห้องส่วนตัวสีหน้าไม่ดีเล็กน้อยนับตั้งแต่มาเป็นผู้จัดการทั่วไปของซินหยวนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เขาไม่ได้เจอผู้หญิงที่ไม่ไว้หน้าแบบนี้มานานแล้วหยูเฉิงไฮ่ไม่มีวิธีที่ดีสำหรับผู้หญิงประเภทนี้ที่ไม่ต้องการเข้าสู่วงการบันเทิงและไม่ฟังคำแนะนำเจิ้งหยุนและเฉินหลานประคองหยูเฉิงไฮ่นั่งลงคนล่ะข้าง แล้วเริ่มชนแก้ว พวกเขาอยากได้รับบทบาทนี้จริง ๆสามในสี่จี๊ดนอกจากหลิวเผิงที่ยังคงอยู่ในโลกของตัวเองแล้ว อีกสองคนก็เริ่มเอาใจเฉินเสียง อย่างไรก็ตามเฉินเสียงก็ถือว่าเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงเล็กน้อย สำหรับฟ่านเปียวพวกเขาก็ถือว่ามีน้ำหนักมากแล้วคนกลุ่มหนึ่งก็ดื่มเหล้ากันอย่างมีความคิดของตัวเองหลินตงและซุนซืออี๊ขึ้นลิฟต์ลงไปชั้นล่างในลิฟต์ซุนซืออี๊ก็เอ่ยปากถามว่า "หลินตง โรงแรมนี้เป็นของบ้านคุณเหรอ?""ห๊ะ?" หลินตงไม่ทันตั้งตัว"ไม่ต้องหาข้ออ้างมาปิดบัง ฉันรู้ว่าคุณต้องมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับโรงแรมนี้แน่นอน" ซุนซืออี๊พูดอีกครั้ง"ผมไม่ได้ปิดบังอะไร และก็ไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไร!" หลินตงกล่าว"หลินตง เป็นไปไม่ได้ที่โรงแรมจะโปรโมชั่นไม่คิดเงิน และยั
"พี่เฉิน ฉันขอโทษ ฉันเป็นคนทำให้คุณเดือดร้อน ไปสู้กันเถอะ"หลังจากหลินตงพูดจบ เขาก็แปลงร่างกายาทองคำอมตะอีกครั้ง!แม้ว่าเฉินจิงจื่อหานจะไม่ค่อยเข้าใจว่าคำพูดของหลินตงหมายถึงอะไรแต่เมื่อเห็นว่าหลินตงเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้อีกครั้งเขาก็ไม่สามารถถอยกลับได้เช่นกันท้ายที่สุดแล้ว เขาก็มาจากอารยธรรมระดับสูง จะแพ้คนอย่างหลินตงที่มาจากอารยธรรมระดับต่ำกว่าได้อย่างไร?ให้ได้รู้ซะบ้าง วิชาลับของสำนักดาวสวรรค์น่ากลัวขนาดไหนทั้งสองแสดงกายาทองคำอมตะออกมาทีละคน พร้อมที่จะต่อสู้ในขณะนี้ ไม่รู้ว่าใครตะโกนออกมาท่ามกลางอสูรยักษ์สีทองหลายสิบตัว"โจมตี!!!"ทันใดนั้น อสูรยักษ์สีทองทั้งหมดก็ปลดปล่อยความเร็วสูงสุดและพุ่งเข้าหาหลินตงและเฉินจิงจื่อหานในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็เตรียมท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาเช่นกันตั้งใจที่จะทำร้ายหรือแม้กระทั่งฆ่าหลินตงและสหายในการโจมตีครั้งแรกนี่จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้พวกเขาตอบโต้กันปรมาจารย์ระดับเซียนเดินดินเกือบสามสิบคนลงมือพร้อมกันช่างเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจจริง ๆ?ยุนซีกับสาวๆ ที่กำลังดูอยู่ ต่างก็ใจเต้นรัวเธอกลัวว่า
เฉินจิงจื่อหานอาจยังคงนึกถึงภาพที่อสูรดาราเหล่านี้คุกเข่า และขอความเมตตาหลังจากที่ป้าหงของเขาลงมือ!แต่ความจริงก็คือคนที่ทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ ต้องตำหนิหลินตงถ้าไม่ใช่เพราะเขาไป๋หลี่เหยียนหงจะใช้พละกำลังทั้งหมด เพื่อควบคุมตัวเองแ ละไม่สามารถลงมือได้อย่างไร?แต่ว่าหลินตงเองก็บริสุทธิ์เช่นกันการเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณของเขากับไป๋หลี่เหยียนหง เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาอย่างสิ้นเชิงใครทำให้ร่างเสน่ห์ของไป๋หลี่เหยียนหงน่าดึงดูดเกินไปล่ะ?ทำให้พลังจิตวิญญาณของเขาถูกดึงดูดเข้าหาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ และทำสิ่งที่เลวร้ายเช่นนี้หลินตงก็เพิ่งค้นพบเป็นครั้งแรกเช่นกัน ว่าพลังจิตวิญญาณก็สามารถเป็นเช่นนี้ได้?นั่นทำลายความเข้าใจของเขาที่มีต่อโลกไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อมองดูอสูรยักษ์สีทองเกือบสามสิบตัวเคลื่อนเข้ามาใกล้เฉินจิงจื่อหานยังคงเฉยเมยในความคิดของเขาใครหนุนหลังเขาอยู่?นั่นคือไป๋หลี่เหยียนหง!!!ผู้นำของเจ็ดเซียนแห่งนิกายแก้วเจ็ดแสงรุ่นก่อนราชันย์อมตะแห่งอาณาจักรนิรันดรนิกายแก้วเจ็ดแสงจะมีเซียนที่ไม่มีใครเทียบได้เจ็ดคนซึ่งเป็นตัวแทนด้วยเจ็ดสี ได้แก่ แดง
อสูรดาราในอสูรกาแล็กซีเหล่านี้ไม่ได้ฆ่าหลินตงทันที แต่เลือกที่จะค่อยๆ เข้าใกล้และบีบวงล้อมของพวกมันพวกเขาจะทำเช่นนี้เพราะทั้งหลินตงและคนอื่นๆ ต่างก็เป็นปรมาจารย์ระดับเซียนเดินดินที่มีศาสตราเทพมายาอันตรายอย่างยิ่งหากทั้งสองร่วมมือกันและโจมตีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยกะทันหัน ก็มีแนวโน้มว่าจะส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ชีวิตได้ดังนั้นจึงจำเป็นต้องป้องกันไม่ให้หลินตงและเฉินจิงจื่อหานตอบโต้ตราบใดที่ขวางทางถอยของหลินตงและค่อยๆ รุกคืบ แม้ว่าหลินตงจะลอบโจมตี พวกเขาก็จะมีเวลาตอบสนองและหลีกเลี่ยงผลที่ตามมาอันเลวร้ายหากปรมาจารย์ระดับเซียนเดินดินเกือบสามสิบคนรวมใจกันเป็นหนึ่ง แล้วโจมตีพร้อมกัน โดยไม่สนว่าตัวเองจะบาดเจ็บหรือไม่ หลินตงกับเฉินจิงจื่อหานจะไม่มีโอกาสต้านทานท้ายที่สุดแล้ว ความแตกต่างด้านจำนวนคนของทั้งสองฝ่ายนั้นมากมายเกินไปน่าเสียดายที่ไม่ใช่พวกเขาอสูรยักษ์สีทองเหล่านี้คือกำลังรบชั้นนำของเผ่าพันธุ์ของตน ไม่เพียงแต่เป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์ตัวเองเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนของอสูรดาราที่ัตัวเองสังกัดอยู่ด้วยหากใครคนใดคนหนึ่งถูกหลินตงเล็งเป้าโจมตีอย่างกะทันหันจนได้รับบาดเจ
หลังจากเข้าใกล้เต่ายักษ์แล้ว พวกเขาก็ถอนกายาทองคำอมตะและยืนอยู่บนกระดองของมันอย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์การเคลื่อนไหวของพวกเขาดึงดูดความสนใจของอสูรยักษ์สีทองที่อยู่รอบ ๆ ทันที“เกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้แกยังทำเป็นเก่งอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? ไม่เพียงแต่แกเรียกพวกเราว่าสัตว์เดรัจฉาน แถมยังบอกอีกว่าถึงเราจะโจมตีพร้อมกัน ก็ยังไม่สามารถฆ่าแกได้ ตอนนี้ทำไมล่ะ? กลัวขึ้นมาแล้ว? ถ้ากแน่กริงก็เข้ามา! มาสู้กันอีกสามร้อยยก!” ป้าเทียนเยาะเย้ย"ชิ!!! ในหัวนั่นมีสมองอยู่ไหม? แกมองยังไงว่าฉันหนี? ถ้าฉันกลัวคงวิ่งหนีไปแล้ว? ตอนนี้ฉันยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าพวกแแกกล้าก็มาฆ่าฉันสิ!" เฉินจิงจื่อหานตะโกนตอนนี้ เขาได้กลับมามีท่าทีเหมือนเจ้าสำนักน้อยแห่งสำนักดาวสวรรค์อีกครั้งแล้วนี่แหละยังอธิบายได้ว่า ใช้อำนาจรังแกคนอื่นมีไป๋หลี่เหยียนหง ปรมาจารย์ระดับราชันย์อมตะหนุนหลังอยู่แน่นอนว่าเขาจะไม่กลัวขยะพวกนี้เฉินจิงจื่อหานเมินอสูรยักษ์สีทองที่กำลังเข้ามาเหล่านี้แต่หลินตงที่อยู่ข้างๆ กลับรู้สึกกังวลเล็กน้อยไป๋หลี่เหยียนหงเคยกล่าวไว้90% ของพลังการต่อสู้ของเธอ จะต้องใช้เพื่อระงับความปรารถนาที่กำ
คำพูดของเฉินจิงจื่อหาน เรียกได้ว่าด่าอสูรยักษ์สีทองเรียงแบบเหมารวมเลยพวกเขาคืออสูรดาราที่สูงส่ง เคยโดนเหยียบศักดิ์ศรีขนาดนี้เมื่อไหร่ ถึงกลับถูกด่าว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานนี่มันเกินกว่าที่ใครจะทนได้แล้วจริง ๆแต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่มีใครกล้าลงมือทันทีแต่เพราะกำลังรอการกระทำต่อไปของป้าเทียนป้าเทียนคือหนึ่งในสามปรมจารย์อาณาจักรนิรันดรระดับจุดสูงสุดเซียนเดินดินของมังกรทลายฟ้าถูกซัดจนบาดเจ็บไม่พอ ยังโดนด่าเป็นสัตว์เดรัจฉานอีก แน่นอนว่าไม่มีทางปล่อยอีกฝ่ายไว้ได้"ดี! ดีมาก! ดีจริงๆ !"ป้าเทียนพูดคำว่าดีออกมาติดกันถึงสามครั้ง ก่อนจะตะโกนลั่น “พี่ใหญ่! พี่รอง! พวกท่านก็ได้ยินใช่ไหม ไอ้มนุษย์นั่นมันกล้าด่าพวกเรามังกรทลายฟ้าว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานเลือดโสโครก มังกรทลายฟ้าเคยถูกเหยียบศักดิ์ศรีขนาดนี้เมื่อไหร่กัน? แล้วพวกคุณ เมื่อครู่ก็โดนด่าเหมือนกัน ทุกคนยังจะทนได้อยู่อีกเหรอ?”คำพูดของเขายังไม่ทันจบดี ก็มีเสียงตอบรับดังกลับมา“ทุกคนลุยพร้อมกันเลยเถอะ! รีบจัดการให้จบเร็วๆ ตามที่น้องสามของฉันพูดเมื่อกี้ ของรางวัลจากศึกนี้ มังกรทลายฟ้าของฉันขอแค่สนับมือ ส่วนที่เหลือ พวกคุณก็เอาไปแบ่งกันเอ
ไม่ว่าจะเป็นหลินตง หรือมนุษย์ที่อยู่ข้างเขา ก็ไม่ต่างกันหลินตงสามารถข้ามระดับย่อยสองขั้น แล้วเอาชนะปรมาจารย์เซียนเดินดินตอนปลายอย่างหยวนเซิงได้มนุษย์หนุ่มคนนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน สามารถข้ามย่อยหนึ่งระดับ แล้วเอาชนะป้าเทียน ที่อยู่ระดับจุดสูงสุดเซียนเดินดินเหล่าอสูรยักษ์สีทองที่ล้อมอยู่รอบๆ ต่างก็อิจฉาตาร้อนพวกเขาแทบรอไม่ไหว อยากจะลงมือจัดการหลินตง เพื่อแย่งชิงศาสตราเทพมายาที่เขาครอบครองไว้ถ้าแย่งมาได้ ตัวเองก็จะมีพลังที่สามารถสู้ข้ามระดับเช่นกัน“อาณาจักรนิรันดรระดับจุดสูงสุดเซียนเดินดิน? มีแค่นี้เองเหรอ!!! ฮ่า ๆๆ” เฉินจิงจื่อหานหลังจากซัดป้าเทียน แล้วก็ยังยืนหัวเราะลั่นอยู่ที่เดิมเสียงหัวเราะของเขานั้น ป้าเทียนได้ยินเต็มๆ ช่างบาดหูมากการที่ตัวเองถูกมนุษย์ที่มีพลังต่ำกว่าหนึ่งขั้นเล่นงาน จนได้รับบาดเจ็บถือเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาเลยในอสูรกาแล็กซี มังกรทลายฟ้าคือเผ่าพันธุ์อันดับหนึ่ง ไม่มีเผ่าพันธุ์ใดกล้าท้าทายเคยชินกับการใช้กำลังข่มขู่ จนกลายเป็นนิสัยของพวกเขา และไม่เคยถูกเหยียบศักดิ์ศรีแบบนี้มาก่อน?ในเวลานี้ ในใจของป้าเทียนเองก็เต็มไปด้วยความตกตะลึ
ป้าเทียนหลบหมัดดาวสวรรค์สยบมารของเฉินจิงจื่อหานได้เพียงฉิวเฉียด แต่ยังไม่ทันได้โต้กลับ หมัดอีกข้างของเฉินจิ้งจื่อหานหมัดอีกข้างก็พุ่งเข้าใส่ทันทียังคงเป็นหมัดดาวสวรรค์สยบมารอันทรงพลัง ป้าเทียนถึงกับมองเห็นอย่างลางๆ ที่เหนือหมัดดาวสวรรค์สยบมารของเฉินจิงจื่อหานมีดาวเคราะห์สีแดงเพลิงขนาดมหึมาความร้อนแผ่ซ่าน ทำให้เขารู้สึกว่าผิวหนังกำลังร้อนแสบหมัดนี้ เขาหลบไม่ทัน จึงทำได้แค่รับมันไว้อย่างเต็มแรงหมัดราชันย์!!!แต่ป้าเทียนก็ไม่ยอมแพ้สวนกลับด้วยหมัดราชันย์ สุดยอดไม้ตายของมังกรทลายฟ้าฟาดใส่เเฉินจิงจื่อหานเต็มแรงเฉินจิงจื่อหานเผยสีหน้าเหยียดหยามถึงหมัดของป้าเทียนจะดูทรงพลังไม่น้อยแต่หากเทียบกับ หมัดดาวสวรรค์สยบมาร หนึ่งในสุดยอดวิชาของสำนักดาวสวรรค์แล้ว ยังห่างกันเกินไป และไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันด้วยซ้ำและที่สำคัญ ตอนนี้เฉินจิงจื่อหานยังมีศาสตราเทพมายาที่พ่อมอบให้---เปลวตะวันสนับมือถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อใช้คู่กับหมัดดาวสวรรค์สยบมาร เมื่อทั้งสองผสานรวมกัน พลังจะยิ่งรุนแรงยิ่งกว่าเดิมแม้จะยังเทียบไม่ได้กับตอนที่หลินตงใช้ดาบกำราบมารร่ายวิชาดาบกำราบมารแต่ถึงอย่างนั
ไม่แน่อาจจะมีชิ้นที่สาม หรือชิ้นที่สี่ก็ได้และคนที่ดีใจที่สุดท่ามกลางทุกคน คงหนีไม่พ้นป้าเทียนแห่งมังกรทลายฟ้าเขามีวิชาหมัดราชันย์ ซึ่งต้องอาศัยสนับมือช่วยเสริมพลัง จึงจะสามารถปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ไม่ทันได้ออกแรง ก็มีคนเอามาประเคนถึงหน้าสนับมือศาสตราเทพมายาคู่นั้น ต้องเป็นของเขาป้าเทียนเมื่อได้สนับมือมาครอบครองแล้ว พลังของหมัดราชันย์ จะต้องเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างแน่นอน“ฮ่าๆ นึกไม่ถึงจริงๆ พวกแกรู้ได้ยังไงว่า ฉันกำลังต้องการสนับมือศาสตราเทพมายาอยู่? ถึงกับรีบเอามาส่งให้ฉันถึงที่ ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่เกรงใจล่ะนะ สนับมือคู่นี้ ใครก็ห้ามแย่ง ส่วนของอย่างอื่น ฉันไม่ต้องการ” ป้าเทียนพูดพร้อมหัวเราะเสียงดัง“ได้เลย! ป้าเทียน! สนับมือคู่นี้ให้คุณ ส่วนศาสตราเทพมายาชิ้นอื่น ไม่ว่าจะมีอีกกี่ชิ้น คุณห้ามแตะต้องเด็ดขาด”“ใช่! ป้าเทียน สนับมือคู่นั้นให้คุณ แล้วต่อให้หลินตงไม่มีศาสตราเทพมายาเหลืออีก เราก็จะไม่แย่งกับคุณ แต่คุณก็ต้องให้สัญญาว่า จะเอาแค่สนับมือเท่านั้น”“ตกลง!!! ฉันจะเอาแค่สนับมือ ส่วนของชิ้นอื่นให้พวกคุณ” ป้าเทียนตอบกลับ"สัญญา!!!""สัญญา!!!"“ดูท่าพวกแก
ท่ามกลางฝูงอสูรยักษ์สีทองอาณาจักรนิรันดระดับเซียนเดินดินกว่าสิบตัวที่ล้อมรอบอยู่ ทุกตัวดูฮึกเหิมและพร้อมเปิดฉากโจมตีหลินตงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย และพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ฉันคิดไว้อย่างดีแล้ว ก็อยากให้พวกนายได้ศาสตราเทพมายามากกว่านี้เหมือนกัน แต่มันก็ช่วยไม่ได้! หามาได้แค่อันเดียวเอง ฉันก็ไม่ใช่นักมายากล จะเสกของตามใจพวกนายได้ยังไง""ทุกคน! ดูท่าหลินตงจะไม่คิดยกศาสตราเทพมายาให้ พวกเราจะรออะไรกันอีก ลงมือเลยเถอะ! แค่ฆ่าหลินตงให้ได้ ไม่ว่าเขาจะมีศาสตราเทพมายากี่ชิ้น สุดท้ายก็เป็นของพวกเราทั้งนั้นแหละ!" หยวนหมิงที่อยู่ข้างๆ เร่งเร้าเขาอยากจัดการหลินตงให้จบๆ โดยเร็วถ้าปล่อยไว้นานเกินไป อาจมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ได้เพราะหยวนหมิงสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ระดับเดียวกันมากมายขนาดนี้หลินตงไม่เผยความกลัวแม้แต่น้อย มีเพียงความเยือกเย็นส่วนชายหนุ่มที่มากับเขา ก็แสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมาแค่แวบเดียวแม้สีหน้านั้นจะปรากฏเพียงแวบเดียว แต่ก็ยังถูกหยวนหมิงสังเกตเห็นที่เกิดสถานการณ์แบบนี้ไม่อย่างนั้นสองคนนี้ก็ซื่อบื้อมากหรือไม่ก็ยังไม่ได้เอาไ