Share

บทที่ 4

last update Last Updated: 2024-11-14 20:35:21

“มาแล้วหรือ มานั่งนี่สิ” เฉินเทียนอี้ตบตักตนเองเบาๆ เรียกให้บุตรชายไปนั่งด้วย เฉินซือหยางเห็นดังนั้นก็ไม่อิดเอื้อนปีนขึ้นไปนั่งบนตักของเสด็จพ่ออย่างคุ้นชิน

“เสด็จพ่อทรงทอดพระเนตรอะไรอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ” เฉินซือหยางชะโงกหน้ามองฎีกาที่เสด็จพ่อทรงอ่านค้างไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ศีรษะเล็กๆ ส่ายไปมาเล็กน้อยจนแทบไม่เห็นหากไม่สังเกตดูดีๆ ในระหว่างที่เจ้าตัวอ่านฎีกา ทำเอาผู้เป็นพ่อแย้มเยือนเอ็นดูในความใคร่รู้ของบุตรชาย

“พ่อกำลังอ่านฎีกาที่เจิ้งกั๋วกง[1] ให้ม้าเร็วส่งมาให้” เฉินเทียนอี้บอกบุตรชายทั้งยังกอดร่างเล็กนุ่มนิ่มไว้ในอ้อมแขนเมื่อเจ้าตัวชะโงกหน้าเข้าไปใกล้โต๊ะมากเกินไป จนผู้เป็นบิดากลัวว่าบุตรชายจะหล่นจากพระที่นั่ง

“เจิ้งกั๋วกงรบชนะเซียนเป่ยแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก”

“เป็นข่าวดีดังเจ้าว่า เมื่อครู่พ่อเพิ่งออกราชโองการเรียกตัวเจิ้งกั๋วกงเข้าวัง คาดว่าการยกทัพกลับเมืองหลวงในครานี้เจิ้งกั๋วกงน่าจะพาบุตรชายอายุยังไม่ถึงขวบปีอันเกิดจากจ้าวฮูหยินกลับมาด้วย เจ้าคิดเห็นเช่นไร” เฉินเทียนอี้บอกเป็นนัยแก่บุตรชาย สายตาคมเข้มจับจ้องปฏิกิริยาของเฉินซือหยางไม่วางตา เห็นบุตรชายมีท่าทีครุ่นคิดใคร่ครวญ เขาก็ไม่ได้ชี้แนะอะไรเพิ่มเติม เพียงให้เวลาบุตรชายคิดไปเรื่อยๆ โดยที่ตนเองหันไปใส่ใจราชกิจอื่นต่อในระหว่างรอคำตอบ

“ถ้าลูกจำไม่ผิด นี่คือบุตรชายเพียงคนเดียวที่เจิ้งกั๋วกงเพิ่งให้กำเนิดใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ถูกต้อง”

“บุตรชายคนเดียวย่อมจะได้รับความสำคัญมากเป็นพิเศษ ยิ่งความรักใคร่เอาใจใส่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง คาดว่าบุตรชายผู้นี้ที่เจิ้งกั๋วกงผู้เฒ่ามีตอนอายุมากแล้วคงรักดุจแก้วตาดวงใจ ไม่เช่นนั้นอายุแค่ไม่กี่เดือนคงไม่พาติดตามทัพหน้ากลับมาเมืองหลวงด้วยเช่นนี้”

“เจ้าคาดการณ์ได้แม่นยำยิ่ง” เฉินเทียนอี้ผงกศีรษะตรัสชมบุตรชาย มุมปากหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้ ทำเอาตาขวาของเฉินซือหยางกระตุกยิกๆ เห็นเสด็จพ่อยิ้มเช่นนี้ทีไรคงไม่ใช่เรื่องดีแน่แล้ว

“เสด็จพ่อทรงอยากให้ลูกไปตีสนิทกับเด็กคนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ” เฉินซือหยางหยั่งเชิง เห็นเสด็จพ่อพยักหน้าทั้งส่ายหน้าไปด้วยหัวคิ้วของเด็กน้อยก็ขมวดฉับ ตกลงใช่หรือไม่ใช่กันแน่เล่า

“พ่ออยากให้เจ้าสนิทกับเด็กคนนั้นก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง ส่วนสำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรเราถึงจะดึงเจิ้งกั๋วกงมาเป็นฝ่ายเราได้ต่างหาก และไม่ใช่แค่เป็นฝ่ายเราด้วยความเต็มใจเท่านั้น แต่ยังต้องจงรักภักดีจนยอมสละได้แม้ชีพของตน เจ้าว่าควรใช้วิธีใดเล่า” เฉินเทียนอี้วางฎีกาลง โบกมือให้กงกงคนสนิทมาจัดเก็บฎีกาออกไป ซึ่งหวังกงกงก็รู้หน้าที่ดียิ่งไม่เพียงเก็บกองฎีกาให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ยังยกกระดานหมากล้อมขึ้นมาวางบนโต๊ะอย่างรู้งาน จัดวางเครื่องว่างหลายชนิดที่ห้องเครื่องส่งมาให้ขึ้นโต๊ะเสวยแล้วชงชาปี้หลัวชุน[2] จนกลิ่นชาหอมฟุ้งไปทั่วห้อง หลังจากรินชาให้ทั้งสองพระองค์เสร็จก็ถอยกลับไปยืนเงียบๆ ตรงมุมตำหนักดังเดิม โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ได้รบกวนเฉินซือหยางเลยแม้แต่น้อย

เฉินเทียนอี้หยิบถ้วยชาขึ้นมาสูดดมกลิ่นหอมอย่างสบายอารมณ์ จิบชาไปด้วยเริ่มเดินหมากไปด้วย โดยหยิบหมากสีดำวางบนกึ่งกลางจุดตัดของกระดานหมากตรงตำแหน่งดาว[3] เฉินเทียนอี้เล่นหมากล้อมคนเดียวไปเรื่อยๆ ในระหว่างรอคำตอบจากบุตรชาย นิ้วมือเรียวยาวขาวผ่องพลิกเม็ดหมากสีดำไปมาระหว่างข้อนิ้วเกิดเป็นภาพขาวดำตัดกันอย่างงดงามลงตัว ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามฉายแววครุ่นคิดเฉกเช่นเดียวกับเฉินซือหยาง จนใบหน้าของทั้งคู่เหมือนกันราวกับพิมพ์เดียว

สายตาของเฉินซือหยางจับจ้องกระดานหมากตรงหน้าเงียบๆ มองดูเสด็จพ่อเดินหมากไปด้วยในใจก็ครุ่นคิดเรื่อยเปื่อยว่าจะทำอย่างไรถึงจะสามารถดึงเอาขุมกำลังของเจิ้งกั๋วกงมาเป็นของตนดี

กึก!

“คิดออกหรือยัง” เฉินเทียนอี้วางหมากลงบนกระดานเสียงดัง ดึงภวังค์ความคิดที่กระจัดกระจายของเฉินซือหยางให้กลับเข้าที่เข้าทาง

“ใช้วิธีแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ แต่ลูกว่าวิธีนี้ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะลูกไม่มีน้องหญิงเสียด้วย นอกจากเสด็จพ่อจะเผลอไปไข่ทิ้งไว้ที่ใดโดยที่ลูกไม่รู้” เฉินซือหยางหรี่ตามองเสด็จพ่อของตนเป็นนัยล้อเลียน เลยได้รับพระราชทานฝ่าพระหัตถ์จากองค์เหนือหัวเป็นรางวัล ทำเอาคนหาเรื่องเจ็บตัวถึงกับต้องคลำศีรษะตนเองปรอยๆ ดูว่ามีส่วนใดปูดนูนหรือไม่

“หาเรื่องให้เสด็จแม่เจ้ามาแหกอกข้าในฝันหรือไรไอ้เจ้าลูกคนนี้ แล้วการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์จำเป็นต้องใช้แต่น้องสาวเจ้าอย่างเดียวเสียเมื่อไหร่”

“เสด็จพ่อหมายความว่า… เสด็จพ่อจะทรงสมรสใหม่หรือพ่ะย่ะค่ะ ลูกจะกลับไปจุดธูปฟ้องเสด็จแม่ว่าเสด็จพ่อได้ใหม่ลืมเก่า โธ่! เสด็จแม่ของลูกช่างน่าสงสารยิ่งนัก” เฉินซือหยางตัดพ้อต่อว่าแสร้งบีบน้ำตาให้ไหลรินแต่ไม่มีน้ำตาออกมาสักหยด ริมฝีปากบูดบู้จนแก้มอวบพองลมเป็นก้อนแป้ง ดวงตาแดงระเรื่อฉ่ำวาว ท่าทางเสียอกเสียใจจนเกินจริงนั่น ทำเอาเฉินเทียนอี้อดหมั่นไส้ความเล่นใหญ่ของบุตรชายไม่ได้

“พอเลย! ใครบอกเจ้าว่าพ่อจะรับสนม บุตรสาวของเจิ้งกั๋วกงมีแต่แม่เสือนางพยัคฆ์ทั้งนั้นหรือเจ้าอยากมีแม่ใหม่เป็นนางเสือกัน”

เฉินซือหยางกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก คิดถึงจ้าวลี่จิ่นแม่ทัพหญิงเพียงหนึ่งเดียวแห่งแผ่นดินต้าเฉินแล้วรู้สึกหนาวยะเยือกบริเวณแผ่นหลังแปลกๆ ดาบปราบพยัคฆ์ที่แม่ทัพจ้าวมักสะพายไว้บนหลังนั้นใหญ่พอจะฟันศีรษะเขาขาดกระเด็นในฉับเดียวเลยล่ะมั้งนั่น

“ยะ…อย่าดีกว่านะพ่ะย่ะค่ะ ลูกยังรักเสด็จแม่กุ้ยเฟยของลูกม๊ากมาก ยังไม่อยากได้แม่ใหม่ในตอนนี้ ลูกว่าเราลองคิดหาวิธีอื่นดูดีหรือไม่”

“วิธีนี้แหละดีแล้ว เพียงแต่ผู้เสียสละคงจะต้องเป็นเจ้าแล้วล่ะลูกรัก” เฉินเทียนอี้ตบบ่าให้กำลังใจบุตรชาย ฝ่ายเฉินซือหยางนั้นเหวอไปแล้วเรียบร้อย ไม่รับรู้กำลังใจใดๆ จากเสด็จพ่อทั้งสิ้น

“หะ… หา! จะให้ลูกเป็นคนแต่ง...” เฉินซือหยางตกตะลึงชี้นิ้วใส่ตนเองเป็นเชิงถามเพื่อให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้หูฟาด สมองน้อยๆ คิดวนเวียนอยู่กับการแต่งงานกับแม่เสือ นางพยัคฆ์ และดาบเล่มใหญ่วาววับที่กำลังจะสับลงมาบนศีรษะเขาแทน วะ… ว๊ากกกก!

“เสด็จพ่อจะให้ลูกแต่งงานกับหนึ่งในบุตรสาวของเจิ้งกั๋วกงอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ! มะ… ไม่เอา!! ลูกไม่เอาด้วยเด็ดขาด หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรลูกก็ไม่แต่ง!!!” เด็กน้อยโวยวายเสียงดังจนหวังกงกงที่แอบเงี่ยหูฟังสองพ่อลูกพูดคุยกันอยู่เกือบหลุดขำออกมา ดีที่เอามืออุดปากไว้ทันไม่งั้นหัวคงได้หลุดจากบ่าก็คราวนี้

“ลูกโง่!! ใครจะให้เจ้าแต่งงานกับบุตรสาวกัน บุตรชายต่างหากเล่าบุตรชาย”

“ลูกไม่… หะ… หา! ไม่ใช่บุตรสาวแต่เป็นบุตรชายหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่แล้วบุตรชายของเจิ้งกั๋วกง 'จ้าวลี่หมิง' อย่างไรล่ะ”

“แบบนี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ จากแม่เสือกลายเป็นพ่อเสือ! นี่มันหายนะชัดๆ เสด็จพ่อทรงคิดเช่นนี้ได้อย่างไร ให้ลูกแต่งกับผู้ชายนี่นะ คนอื่นเขาไม่ครหาลูกแย่หรือ ไหนจะต้องถูกตาแก่หงำเหงือกหัวโบราณคร่ำครึในราชสำนักพวกนั้นกล่าวหาว่าลูกกลายเป็นต้วนซิ่ว[4] อีก แถมบุตรชายของเจิ้งกั๋วกงยังออกไข่[5] ไม่ได้ด้วย แล้วลูกจะมีทายาทไว้สืบเชื้อสายสกุลเฉินของเราได้อย่างไรกัน นี่หาใช่เรื่องเล็กน้อยเลยนะพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ” เฉินซือหยางโวยวายเสียงดัง แต่เฉินเทียนอี้กลับไม่เป็นเดือดเป็นร้อนไปกับบุตรชายเลยแม้แต่น้อย

“เอาน่าเจ้ายังพอมีหวัง เพราะพ่อเสือยังตัวเท่าศอกของเจ้า เจ้าอยากได้พ่อเสือหรือพ่อแมวก็ไปอบรมกันเอาเองก็แล้วกัน”

“ลูกขอไม่ทำตามแผนการนี้ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เฉินซือหยางร้องขอเสียงอ่อย เสด็จพ่อยังจำได้หรือไม่ว่าเขายังอายุแค่ 9 ขวบเองนะ! ทำไมถึงมอบภารกิจอันหนักหนาสาหัสเช่นนี้ให้เขากันเล่า

“ไม่ได้! ภารกิจนี้สำคัญยิ่ง เจ้าอย่าลืมสิว่าเป้าหมายที่เราทำอยู่นี้เพื่อสิ่งใด” เฉินเทียนอี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบกะทันหัน เม็ดหมากสีดำแตกละเอียดเป็นผุยผงคามือตามแรงอารมณ์ เฉินซือหยางที่ก่อนหน้านี้เอนหลังพิงอกกว้างอย่างผ่อนคลายอารมณ์ยืดตัวตรงทันที รับรู้ได้ว่าเสด็จพ่อมีโทสะแล้ว ส่วนเหตุผลก็น่าจะมาจากคนน่าชิงชังพวกนั้นเป็นแน่แท้

“แต่ว่าเราไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าแลกก็ได้นี่พ่ะย่ะค่ะ”

“หากไม่เข้าถ้ำเสือมีหรือจะได้ลูกเสือ อย่าลืมว่าจ้าวลี่หมิงคือหมากสำคัญที่จะทำให้เจิ้งกั๋วกงยอมภักดีต่อเราด้วยใจจริง และยังเป็นตัวประกันชั้นยอดที่จะทำให้เจิ้งกั๋วกงไม่กล้าคิดคดทรยศต่อเราด้วย เพราะฉะนั้นเบี้ยดีๆ เช่นนี้เราต้องเก็บไว้ใช้นานๆ ถึงจะถูก” เฉินเทียนอี้ปัดเศษซากของเม็ดหมากสีดำออกอย่างเฉยชา มองหมากสีดำรุกกินพื้นที่ของหมากเม็ดขาวจนเหี้ยนด้วยสีหน้าพึงพอใจ เป้าหมายที่เขาวางไว้ใกล้เข้ามาทีละนิดแล้ว

เฉินซือหยางเห็นพระอารมณ์ของเสด็จพ่อเริ่มดีขึ้นก็ได้แต่ถอนหายใจยอมรับในชะตากรรม “เฮ้อ! หากข้าไม่ลงนรกแล้วไซร้ผู้ใดจะลง[6] รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อประสงค์สิ่งใดลูกยินดีน้อมรับ”

“ดี! งานเลี้ยงครบรอบขวบปีของจ้าวลี่หมิงคือเป้าหมายต่อไปของเรา”

ปึง!

หมากตัวใหม่บนกระดานเริ่มเคลื่อนไหว เส้นใยเริ่มถักทอแค่รอให้เหยื่อของพวกเขาเข้ามาติดกับเองเท่านั้น

[1] เป็นบรรดาศักดิ์ของขุนนางในสมัยโบราณ มี 5 ขั้น รองจากชั้นอ๋อง คือ กง โหว ป๋อ จื่อ หนาน โดยแต่ละสมัยจะมีคำเรียกและลำดับแยกย่อยที่แตกต่างกัน ซึ่ง ‘กั๋วกง’ เป็นลำดับสูงสุดในขั้นกงและเป็นบรรดาศักดิ์สูงสุดของขุนนาง

[2] ชาปี้หลัวชุน (碧螺春) มีแหล่งกำเนิดในแถบภูเขา ‘ต้งถิง’ ติดทะเลสาบไท่หู ในมณฑลเจียงซู เป็น 1 ใน 10 สุดยอดชาจีน มีกลิ่นหอมคล้ายดอกไม้ และมีรสชาติหวานหอม

[3] ตำแหน่งดาว คือ จุดสีดำบนกระดานหมากล้อม ซึ่งมีทั้งหมด 9 จุดด้วยกัน เป็นศัพท์เฉพาะของการเล่นหมากล้อม

[4] เปรียบเปรยถึงคนรักร่วมเพศ เรื่องราวเกิดขึ้นในสมัยฮั่นตะวันตก ฮั่นอายตี้ฮ่องเต้ตกหลุมรักชายหนุ่มนามว่าต่งเสียน วันหนึ่งอายตี้ตื่นบรรทมหลังจากนอนกลางวัน มองเห็นต่งเสียนนอนทับแขนเสื้ออยู่ ครั้นจะดึงออกก็กลัวชายคนรักจะตื่น พระองค์เลยเอามีดมาตัดแขนเสื้อของพระองค์ให้ต่งเสียนได้นอนต่อ จึงเป็นที่มาของคำว่า 'ตัดแขนเสื้อหรือต้วนซิ่ว' นั่นเอง

[5] ออกไข่ไม่ได้ หมายถึง ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้

[6] มาจากปณิธานอันยิ่งใหญ่ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ที่ต้องการช่วยสัตว์โลกทั้งปวงให้พ้นจากทุกข์เข็น หากสัตว์นรกในนรกภูมิยังไม่หมดสิ้นก็ไม่ขอตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จึงเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่า ‘หากเราไม่เข้าสู่นรกภูมิแล้วไซร้ ผู้ใดเล่าจะเข้าสู่นรกภูมิ’ หมายความว่า หากกระทำการไม่สำเร็จก็จะไม่ละทิ้งไปโดยเด็ดขาด
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 244

    ‘เปิดตำหนักลับฉบับวายป่วง’ สำนักข่าวเถียนเถียนรายงานสดจากตำหนักจินหลวน นักข่าวนิรนาม : “มีคนบ่นว่าพระเอกเรื่องนี้ไม่เหมือนพระเอกจริงหรือไม่ขอรับ” สวีจิ้งเฟิ่ง : “ผู้ใดบอกให้นักเขียนผู้นั้นให้บทเด่นกับท่านพ่อมากเกินไปเล่า” สวีจิ้งเฟิ่งแบมืออย่างช่วยไม่ได้ นักเขียน : “C £ C

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 243

    "หยางหยาง! เจ้าไปไหน..." ไป่ชิงถงยังไม่ทันซักไซ้ไล่เลียง สวีจิ้งเฟิ่งก็ตรงดิ่งเข้าหาภรรยาด้วยความยินดี "ชีชี เจ้าอยู่นี่เอง ข้าตามหาเจ้าเสียทั่ว มากับข้าเร็วเข้า" สวีจิ้งเฟิ่งอุ้มสวีชิงเทียนให้ท่านย่า จูงมือภรรยาออกไปท่ามกลางเสียงโวยวายอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของไป่ชิงถง "หยางหยางเจ้า

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 242

    "เจ้าชอบแบบนี้เองหรอกหรือ" สวีจิ้งเฟิ่งขยับกายเข้าออกเนิบช้า บดคว้านโพรงรักจนถ้วนทั่วสลับกับตอกตรึงหนักเน้นลึกจนถึงแก่น "เปล่านะ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อ...ย อ่ะ" ไป่ชิงถงส่ายหน้าไม่อยากจะยอมรับเลยว่าสวีจิ้งเฟิ่งทำแบบนี้เขายิ่งเสียวซ่านมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก "งั้นหรือ แล้วแบบนี้เล่า" สวีจิ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 241

    "อย่าว่าลูก! จ้ำม่ำแบบนี้สิดี กอดแล้วนุ่มนิ่มจะตาย แล้วที่ว่าไม่เหมือนเจ้า ไม่เหมือนตรงไหน ดูผมนี่สิ หน้าก็เหมือนกันแทบจะถอดเค้ามาจากเจ้า มีแค่ตาสีมรกตคู่นี้ที่เหมือนข้า" ไป่ชิงถงประท้วง มองสามีตาเขียว ลูกเหมือนสวีจิ้งเฟิ่งขนาดนี้ เขาไม่เห็นจะว่าอะไรเลย แค่ชอบกินเหมือนเขานิดหน่อยทำมาเป็นโวยวาย

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 240

    ด้วยความเพียรพยายามมุมานะอุตสาหะกกไข่แทนภรรยาของสองพ่อลูกแซ่สวี ในที่สุดไข่ใบน้อยก็เริ่มกะเทาะเปลือกออกมาแล้ว "อีกนิด ลูกทำได้ เจาะเปลือกบนหัวออกก่อนแบบนั้นแหละ" เสียงพ่อลูกแซ่สวีให้กำลังใจลูกน้อยดังขึ้นเป็นระยะ ไม่นานหงส์ทองตัวน้อยกับมังกรเหมันต์ก็โผล่ศีรษะเล็กๆ ออกมา ดวงตาใสแจ๋วสองคู่มองคนน

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 239

    "ไม่ค่อยดี" สวีเฟยหลงมีสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด "ข้าจะเข้าไปดูหน่อย" "หยางเอ๋อร์..." สวีเฟยหลงห้ามไม่ทัน ร่างสูงของบุตรชายหายเข้าไปในห้องเสียแล้ว "ท่านตาเสร็จหรือยัง ชีชีจะคลอดแล้วเหมือนกันนะ" "รอก่อน ข้าทำคลอดมารดาเจ้าอยู่ อย่ามาวุ่นวาย" หลินไท่หน้าซีด ถ่ายพลังให้หลินเส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status