“ท่านอ๋องจะทำอันใดเพคะ” นางเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก เมื่อตั้งสติได้
“แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะทำอันใด” เหยาหวังเหว่ยถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า
“ไม่ได้นะเพคะ หากยังไม่ถึงวันเข้าหอหม่อมฉันจะไม่มีทางทำเช่นนั้นกับพระองค์เป็นแน่เพคะ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเขินอาย
“ทำอะไรอย่างนั้นหรือ” บุรุษชุดดำถามราวกับจะกลั่นแกล้งนางให้อับอายขึ้นกว่าเดิม
เจ้าของห้องนอนนิ่งเงียบไม่กล้าเอ่ยปากตอบ ใบหน้าของนางร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที สตรีตัวน้อยพยายามผลักอกบุรุษเพื่อให้ตนเองเป็นอิสระ แต่ยิ่งออกแรงผลักมากเท่าใด บุรุษตัวโตผู้นี้ก็ยิ่งกระชับวงแขนของเขาให้แน่นมากขึ้นเท่านั้น
“ไม่แกล้งเจ้าแล้ว หลายวันมานี้ข้าเหนื่อยมากเลยอยากนอนกอดเจ้าเท่านั้น...ถึงใจของข้าจะต้องการมากกว่านั้นก็ตาม” เขาหยุดเอ่ยไปชั่วครู่ก่อนที่จะเอ่ยต่อ
ตอนแรกที่นางได้ยินก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย เพราะเพียงแค่นอนกอดกันแค่นี้ในฐานะที่เป็นว่าที่พระชายานางก็พอที่จะยอมเขาได้อยู่ แต่เมื่อได้ยินประโยคท้ายของบุรุษชุดดำในหัวของนางก็จินตนาการไปไกลทันที
เพื่อไม่ให้เ
“เจ้าอ่านนิยายมากเกินไปแล้วกระมัง หรือว่าเจ้าคิดว่าข้าจะติดใจเจ้าจนต้องทำเช่นนั้นเลยหรือ ข้าเพียงกลัวหากเจ้ากลับบ้านไปเดินขาสั่นก้าวขาไม่ออก มารดาของเจ้าคงจะรีบให้ข้าไปสู่ขอเป็นแน่”เจียงเจียวซินเพียงได้ฟังคำพูดของบุรุษตัวสูงกว่าสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปในชั่วพริบตา นางถึงกับหุบยิ้มอย่างรวดเร็วดวงตาเศร้าสลดก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเจือความน้อยใจ“เช่นนี้นี่เอง มิต้องห่วงเจ้าค่ะ ขอแค่ท่านหัวหน้าองครักษ์ไม่แพร่งพรายเรื่องที่ข้าน้อยทำ ข้าน้อยก็มิคิดฝืนใจให้ท่านรับข้าน้อยเข้าจวนหรอกเจ้าค่ะ”สวีจื้อซานเพียงได้ยินคำพูดและน้ำเสียงของนาง ความรู้สึกผิดก็ถาโถมเข้ามาในใจ ความคิดในหัวของเขาเริ่มตีกันเอง เพราะใจหนึ่งเขาก็คิดว่านางเป็นเพียงสตรีคนนึงเท่านั้น คำพูดของเขาก่อนหน้าจึงดูจะรุนแรงเกินไป อีกใจเขาก็คิดว่าในเมื่อนางกล้าทำเช่นนี้ แล้วนางจะน้อยใจหรือเสียใจอันใดกับแค่คำพูดของเขา หรือนางกำลังเสแสร้งให้เขาสงสารเหมือนที่แสดงให้บุรุษคนอื่น ๆ เห็นอย่างเช่นที่ผ่านมาเพียงแค่สวีจื้อซานคิดว่าเขากำลังถูกเจียงเจียวซินปั่นหัวให้หลงเชื่อในการแสดง ว่านางเป็
ไม่เพียงสวีจื้อซานเท่านั้นที่กอดรัดสตรีตรงหน้า แต่สตรีตัวน้อยก็ตอบสนองลูบไล้กอดบุรุษตัวโตกลับเช่นกัน ทั้งสองขยับเปลี่ยนมุมปากเพื่อให้จูบกันได้ลึกซึ้งขึ้น ส่วนร่างกายก็ขยับเสียดสีกันไปมา จูบอันเร่าร้อนบวกกับการลูบไล้กอดรัดของทั้งสองกระตุ้นความกำหนัดในตัวของทั้งคู่ให้พุ่งสูงขึ้น ราวกับต่างฝ่ายต่างเติมเต็มเชื้อเพลิงราคะให้กันและกันหญิงสาวยกสะโพกขึ้นลงอย่างช้า ๆ ถึงจะยังรู้สึกเจ็บจนมีน้ำใส ๆ ไหลออกจากหางตา แต่เมื่อนางสัมผัสได้ว่าแท่งร้อนด้านในกระตุกคล้ายบอกให้นางรับรู้ถึงความต้องการของบุรุษตัวโต นางจึงตอบสนองเพื่อให้เขาพอใจบุรุษตัวโตผละปากออกเพื่อให้นางได้พักหายใจ แต่กลับเหลือบไปเห็นน้ำใส ๆ ที่หางตางาม เขาจึงจูบซับหยาดน้ำตาของนาง ทำให้หัวใจของหญิงสาวรับรู้ถึงไออุ่นจากบุรุษตรงหน้า ทั้งสองจับจ้องอีกฝ่ายด้วยสีหน้าท่าทางที่เต็มไปด้วยตัณหาสตรีที่อยู่ด้านบนขยับสะโพกโยกขึ้นลงตามใจ จากเนิบช้าก็เริ่มเร่งจังหวะขึ้น จนในที่สุดความเสียวซ่านก็เข้ามาแทนที่ความเจ็บ นางรัวสะโพกถี่ขึ้นจนเกิดเสียงดังตับ ๆ เป็นจังหวะ บุรุษใต้ร่างถึงกับเงยหน้าขึ้นซูดปากด้วยความเสียว นางยกสะโพกขึ้นสูงก่อนที่จะกดลงจนมิดแท่ง
“เช่นนั้นนอกจากอาหารและสุราบนโต๊ะนั้น เจ้าเตรียมอันใดมาอีก” เขาเอ่ยต่อทั้งที่มือยังลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังหญิงงาม เขาเลื่อนฝ่ามือร้อนไล่ลงมายังสะโพกผายก่อนจะคลึงเคล้าอย่างหนักมือเพื่อกระตุ้นอารมณ์หญิงสาวบนตักหญิงสาวยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย แน่นอนว่าตั้งแต่นางได้รับจดหมายตอบกลับเมื่อวานนี้ นางก็ได้นำตำราวสันต์ และตำราที่มารดาของนางอุตส่าห์ให้คนไปหาซื้อมาให้ นั้นก็คือตำราที่เหล่าแม่เล้าในหอนางโลมใช้ในการสอนนางโลมโคมเขียวเพื่อเอาไว้เอาใจแขกที่มา ถึงตอนแรกนางจะอายอยู่บ้างที่เปิดอ่าน แต่เพื่อทำให้องค์รัชทายาทหลงใหลในตัวของนาง นางจึงต้องศึกษาเอาไว้นางดึงเชือกคาดเอวของบุรุษตรงออกพร้อมลุกขึ้นนั่งคร่อมฝ่ายตรงข้าม หญิงสาวแหวกอกเสื้อออกกว้างพร้อมใช้ฝ่ามือเรียวเล็กลูบไปตามแผงอกแกร่งกำยำอย่างมีจริต ก่อนที่จะใช้ปลายนิ้วดันคางของอีกฝ่ายขึ้นเล็กน้อย ปากเล็กไล่จูบพรมตั้งแต่ต้นคอลงมาเรื่อย ๆ ส่วนมือทั้งสองก็ลูบไล้ไปตามกล้ามเนื้อแกร่งพร้อมไล่ถอดอาภรณ์ที่บุรุษใส่อยู่ ไม่ว่าปลายนิ้วหรือลิ้นของนางลากผ่านเรือนร่างของเขาตรงไหน ตรงจุดนั้นก็ร้อนผ่าวราวมีไฟลุกขึ้นมาทันทีเพียงพริบตาเดียวบุรุษตัวสูงกว่าก็เหลือเพียงกางเ
“กิน” น้ำเสียงเด็ดขาดของเขาทำให้อีกฝ่ายที่กำลังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่รีบคีบอาหารเข้าปากตนเองทันทีนางไม่เพียงกินอาหารทุกอย่างที่เตรียมมา แม้แต่สุราที่นางนั้นขโมยของบิดามาเพื่อมอมเมาเหยาซีฮันนางเองก็ดื่มเข้าไปหลายจอก ก่อนที่จะหันมาเอ่ยกับบุรุษตรงหน้า“ท่านหัวหน้าองครักษ์สวีพอใจแล้วหรือไม่ เช่นนั้นเชิญท่านดื่มกินตามรับสั่งขององค์รัชทายาทได้เลยเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพร้อมผายมือเชิญบุรุษตรงหน้าดวงตาสองคู่สบกันนิ่งแต่แววตานั้นมิใช่แสดงความรักที่พวกเขามีต่อกันแต่เป็นความรู้สึกเกลียดชังที่มีให้อีกฝ่าย แน่นอนว่าเมื่อสตรีเจ้าของอาหารเอาคำขององค์รัชทายาทมาอ้าง เขาเองก็มิอาจปฏิเสธได้อีกคนยอมกินอาหารของสตรีตรงหน้าทั้งที่รู้ว่ามียาอะไรผสมอยู่ เพียงเพื่อคิดจะกำจัดสตรีผู้นี้ไม่ให้มีอำนาจเหนือสตรีที่ตนเองมีใจรัก ส่วนสตรีเจ้าของอาหารนั้นกลับถูกบังคับให้กินของที่ตนนั้นเตรียมมาเพื่อเอาชีวิตรอด ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าหากกินเข้าไปแล้วจะเป็นเช่นไร แต่จะให้ทำอย่างไรได้ระหว่างตัวนางกับชีวิตของคนทั้งตระกูล มิต้องคำนวณนางก็เลือกได้ทันทีทั้งคู่ต่างคีบอาหารเข้าปากพร้อมดื่มสุรา สตรีรินสุราที่ตนเตรียมมาให้บุรุษเจ้าของเ
แต่ถึงจะมีบุรุษมากมายชื่นชอบนางเพียงใด แต่กลับไม่ใช่บุรุษที่นั่งอยู่ตรงหน้าของนางผู้นี้เป็นแน่ เพราะยามนี้บุรุษที่นั่งนิ่งมองนางประกายตาของเขาสะท้อนความเย็นชาและดูแคลนนางอย่างเห็นได้ชัด หามีวี่แววความหลงใหลอันใดอยู่ไม่ เพราะเขารู้จักตัวตนที่แท้จริงของนางดีจึงไม่ได้หลงใหลกับภาพลักษณ์ที่นางสร้างขึ้นเหมือนบุรุษคนอื่นเมื่อหญิงสาวเห็นท่าทางแววตาและรอยยิ้มของเขาก็พยายามเก็บกดอารมณ์ขุ่นเคืองของตนเอาไว้ เพราะสวีจื้อซานไม่เพียงเป็นหัวหน้าองครักษ์ตำหนักบูรพา แต่ยังเป็นสหายร่วมเรียนและเป็นสหายสนิทขององค์รัชทายาทอีกด้วยสวีจื้อซานผายมือให้สตรีผู้มาเยือนนั่งลงตรงข้ามกับเขา โดยที่มิได้เอ่ยตอบสตรีผู้นั้น เพียงเห็นท่าทางที่เขาดูรังเกียจนางมากถึงขั้นไม่แม้แต่จะเอ่ยกับนาง ก็ทำให้สตรีผู้มาเยือนอดที่จะนึกชังเขาไม่ได้ แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นสตรีที่ขึ้นชื่อเรื่องกิริยามารยารงดงามและอ่อนโยน ไหนเลยจะกล้าแสดงออกถึงความไม่พอใจให้เขาได้รู้หญิงสาวเดินมาตามที่บุรุษเจ้าของเรือนผายมือเชิญ นางวางกล่องที่ถือไว้ในมือลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ ที่นางจะนั่ง บุรุษยกกาสุรารินใส่จอกให้สตรีเจ้าของเทียบเชิญ ถ
ในค่ำคืนนี้มิรู้ว่าเกิดอันใดขึ้นจึงทำให้บุรุษหลายคนมิอาจข่มจิตใจให้หลับใหลลงได้ หากยังมิได้พบหน้าสตรีที่อยู่ในใจ หรืออาจเป็นเพราะการประหารนักโทษจำนวนมากในวันนี้ จึงทำให้บุรุษหนุ่มทั้งหลายต่างกลัวว่าสตรีที่ตนนั้นถวิลหาจะนึกหวาดกลัว จึงได้ออกไปหาพวกนางยามราตรีเพื่อปลอบประโลมให้พวกนางได้อุ่นใจจะได้นอนหลับฝันดี มิต้องสะดุ้งตื่นกลางคันยามหลับใหลเพราะไม่เพียงแต่เหยาหวังเหว่ยที่แอบออกมาหาหญิงสาวในดวงใจ แต่จวิ้นอ๋องซิงอีกับซูโม่อี้องครักษ์คนสนิทของเหยาหวังเหว่ยเองก็แอบออกมาเช่นกันถึงวันนี้ตอนเย็นพวกเขาจะมาที่ร้านเยี่ยนฟางแล้วก็ตาม แต่หลังจากกลับไปและเห็นว่าเหยาหวังเหว่ยเข้าห้องบรรทมไปแล้ว พวกเขาทั้งสองจึงแอบออกจากตำหนักนอกวังของเหยาหวังเหว่ย และย้อนกลับมาที่ร้านเยี่ยนฟางอีกครั้ง เพื่อมาหาหญิงสาวสองพี่น้องที่พวกเขานึกเป็นห่วงถึงพวกนางจะมานอนที่เรือนหลังร้านหลายวันแล้วก็ตาม แต่ที่นี่การคุมกันก็มิดีเท่าจวนสกุลฟาง จึงทำให้บุรุษทั้งสองอดเป็นห่วงสองพี่น้องไม่ได้ แม้เหยาซิงอีจะถึงขั้นส่งคนมาคอยคุ้มครองพวกนางแล้วก็ตามแต่ถึงอย่างไรเขาทั้งสองก็ยังไม่วางใจอยู่ดีหลายวันม