“เจ้าไปเถอะ”สีหน้าของนายท่านถังเองก็เป็นกังวล ครรภ์นี้ของอวี้เอ๋อร์อันตรายยิ่งนัก“ท่านทั้งหลาย ไม่สู้ข้าพาพวกท่านไปเดินเล่นในฟาร์มสัตว์สักรอบดีกว่า”นายท่านถังตั้งใจต้อนรับพวกเขาอย่างดี กู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ว่ายังเหลือเวลาอีกช่วงหนึ่งก่อนจะงานประมูลจะเริ่ม ไม่สู้ไปสัมผัสกับบรรยากาศของทุ่งหญ้าในฟาร์มสักหน่อย“ไป ๆ!”เนี่ยชิงหลานอดพูดไม่ได้ หลี่หรงหรงหยิกนางเบา ๆ กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มกว้าง “ข้าน้อยไม่เคยเห็นฟาร์มมาก่อน ตื่นเต้นยิ่งนัก”“ไม่เป็นไร ๆ”นายท่านถังยิ้มและกวักมือเรียกพ่อบ้านเข้ามา จากนั้นก็ให้เขาพาคนเหล่านั้นไปฟาร์มสัตว์เนี่ยชิงหลานกล่าวเสียงต่ำ “อวี้ฮูหยินผู้นั้นเป็นใคร เป็นภรรยาของคุณชายใหญ่สกุลถังใช่หรือไม่ ฟังดูแล้วท่าทางนางน่าจะอาการหนัก พี่หญิงกู้อยากไปดูอาการนางสักหน่อยหรือไม่?”“หมอไม่ควรไปหากไร้คำเชิญ”กู้หว่านเยว่กล่าวเพียงประโยคเดียว ทารกในครรภ์วัย 5 เดือนกลับมีเลือดออกโดยไม่ทราบสาเหตุขณะนอนอยู่บนเตียง เห็นได้ชัดว่ามีสัญญาณของการแท้งครั้นได้ยินคำอธิบายของสาวใช้ เห็นได้ชัดว่าเด็กในครรภ์ไม่รอดแล้วดังนั้นในตอนที่กู้หว่านเยว่ได้ยินเรื่องนี้เมื่อครู่
หลี่หรงหรงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ส่วนที่กระแทกกับก้อนหินน่าจะเป็นมือขวา“อย่าขยับ กระดูกมือของเจ้าคงเคลื่อน”“ข้าจะไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้”ถังหมิงรุ่ยหน้าแดงก่ำ ในขณะที่กำลังจะดึงมือกลับ หลี่หรงหรงกลับคว้ามือเขาไว้“ข้าจัดกระดูกได้”นางขยับมือทั้งสองข้างอย่างเบามือที่สุด กระทั่งได้ยินเสียง ‘แกรก’ ถังหมิงรุ่ยรู้สึกถึงความปวดร้าวระลอกหนึ่ง กระทั่งกรีดร้องออกมาแต่ไม่นาน ความเจ็บปวดบนแขนก็มลายหายไปเขาแสดงสีหน้าตื่นตกใจอย่างอดไม่ได้ ทำให้หลี่หรงหรงมุ่ยปาก“เจ้าลองขยับแขนหน่อย”“ได้”ถังหมิงรุ่ยขยับแขนอย่างเชื่อฟัง พบว่าแขนรู้สึกสบายตัวขึ้น นอกจากความปวดเมื่อยแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความปวดร้าวเหมือนตอนกระดูกเคลื่อนเมื่อครู่แต่อย่างใด “หายแล้ว”เขากล่าวด้วยความตกใจ “ขอบคุณแม่นาง”หลี่หรงหรงหลุดหัวเราะออกมา “เจ้าต่างหากที่ช่วยข้า ทำไมยังต้องขอบคุณข้าอีก”เมื่อครู่นางเกือบกระแทกกับก้อนหิน โชคดีที่ถังหมิงรุ่ยกลายเป็นเบาะรองรับตัวนางไว้“เจ้าตกลงมาจากหลังม้า ก็เป็นเพราะลูกม้าในฟาร์มของเราคลุ้มคลั่ง ข้ามาช่วยเจ้าก็สมควรแล้ว”ถังหมิงรุ่ยชำเลืองมองหลี่หรงหรงอย่างเขินอายไม่น้อย“หรงหรง
กู้หว่านเยว่สังเกตเห็นซูจิ่งสิงกำลังจ้องเขม็งไปยังทหารม้ากลุ่มหนึ่งด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก“คนเหล่านั้น ท่านรู้จักหรือ?”“คนของราชสำนัก”ซูจิ่งสิงถูมืออย่างครุ่นคิด กู้กว่านเยว่ก็คาดไม่ถึงว่าจะมีคนจากราชสำนักมาอินซาน นางมองออกว่าคนที่อยู่หน้าสุดคือขันที กระทั่งกล่าวเสียงต่ำ “ดูสิว่าพวกเขามาทำอะไร”ทางที่ดีอย่าเข้าไปยุ่งดีกว่า มิเช่นนั้นนัยน์ตาของนางก็พลันฉายแววจิตสังหาร“อื้อ”ซูจิ่งสิงพยักหน้า ในตอนนั้นเองขันทีผู้นั้นได้มองมาทางนี้พอดี โชคดีที่พวกเขาต่างก็ปลอมตัวมา ดังนั้นขันทีผู้นั้นจึงจำพวกเขาไม่ได้เพียงแค่จ้องเขม็งไปทางพวกเขาหลายครั้ง คาดว่าพวกเขาก็คือคนที่มุ่งหน้าไปตลาดมืดเช่นกัน จึงเบนสายตาไปทางอื่น“มองอะไรนักหนา?” เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกายของขันทีหมดความอดทน จึงด่าทอเสียงต่ำ “อย่ามองมั่วซั่ว เดี๋ยวก็ถูกคนจำสถานะได้หรอก”“ขอรับ” ขันทีที่อยู่หน้าสุดพยักหน้า ก่อนจะมองไปทางเด็กหนุ่มข้างกายอย่างหวาดกลัว“รีบไปกันเถอะ” ผิวกายของเด็กหนุ่มผู้นี้ค่อนข้างขาวนวล หากมองดี ๆ จะเห็นว่ามีหน้าอกนูนออกมาทางฝั่งนี้ ถังหมิงรุ่ยกำลังนำพวกเขาเข้าไปในตลาด ที่นี่เทียบเท่ากับงานประมูลขน
“พวกเจ้าอยากประมูลสิ่งใด?” เฉิงเซวียนกล่าวถามด้วยความอยากรู้ กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้ม “ก็แค่สมุนไพรบางอย่าง เก็บไว้กับตัวก็ไม่ได้ใช้ ดูสิว่าจะแลกเงินได้หรือไม่?”นางไม่ได้บอกว่าตัวเองจะขายสิ่งใด เฉิงเซวียนเองก็รู้จักวางตัวไม่ถามเซ้าซี้ให้มากความอีกหลังจากพาทั้งสองคนมาถึงด้านหลังงานประมูล กู้หว่านเยว่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่างานประมูลดูเหมือนจะวุ่นวายอยู่ไม่น้อยหลี่หรงหรงกระซิบข้างหูของนางเบา ๆ “พ่อบ้านหลายคนในตลาดมืด วิ่งกันสุดชีวิต งานขายประมูลครั้งนี้ไม่มีเจ้าภาพ ดังนั้นจึงได้ดูวุ่นวายเช่นนี้”นางเดาว่าคนที่เป็นเจ้าภาพเปิดงานประมูลครั้งนี้น่าจะเป็นคนที่รับหน้าที่ชั่วคราว ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนกู้หว่านเยว่พยักหน้า เด็กรับใช้ในงานประมูลรู้ว่าพวกเขาฝากขายของ จึงมองพิจารณาพวกเขาแวบหนึ่งครั้นเห็นพวกเขาต่างก็ไม่เป็นเดือดเป็นร้อน น้ำเสียงของเขาจึงหมดความอดทน“พวกท่านตั้งใจจะฝากขายสิ่งใดขอรับ?”เขากล่าวเตือน “ขอพูดตรง ๆ นะขอรับ งานประมูลของเราล้วนแต่ประมูลสิ่งของที่มีมูลค่า สิ่งของที่ไม่สามารถนำขึ้นลานประมูลได้ งานประมูลเราขอไม่รับ เชิญท่านเลี้ยวซ้ายไปโรงรับจำนำเถอะ”กู้หว่านเยว
“ขอถามหน่อย กำไรจากการขายประมูลคือเท่าไหร่หรือ?”พ่อบ้านโจวทำท่านับนิ้ว “ห้าตำลึงเงิน”“พรวด”กู้หว่านเยว่คาดไม่ถึง ว่ากำไรของตลาดมืดแห่งนี้จะสูงถึงเพียงนี้ มิน่าล่ะตลาดมืดถึงได้มีเงินเข้ามาเป็นจำนวนมาก ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก “นี่คือกฎระเบียบตลาดมืดของเรา หากเจ้าไม่อยากขาย เราก็ไม่บังคับ”พ่อบ้านโจวเข้าใจความคิดของกู้หว่านเยว่อย่างทะลุปรุโปร่ง จึงยกมือลูบเคราพลางคลี่ยิ้ม“ไม่จำเป็น ก็ตามนี้เถอะ”กู้หว่านเยว่ก็อยากเห็นรูปแบบการค้าขายของตลาดมืดเช่นกัน นางพูดไม่ออก ความจริงแล้วนางตื่นเต้นกับตลาดมืดแห่งนี้มาก“หวังว่าพ่อบ้านจะเก็บสถานะของข้าไว้เป็นความลับ อย่าให้ผู้อื่นรู้เด็ดขาด แมงกะพรุนฝันสู่สวรรค์ชิ้นนี้ข้าเป็นคนนำมาเอง”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือนสั้น ๆ นางไม่อยากดึงดูดปัญหาที่ไม่จำเป็น“วางใจเถอะ” พ่อบ้านโจวพยักหน้า กู้หว่านเยว่วางกล่องหยกลง แล้วพาพวกเขาเดินจากไป หลี่หรงหรงกระซิบข้างหูของนางเบา ๆ “พ่อบ้านโจวไม่เลวเลยจริง ๆ ดูเป็นคนที่จริงใจมาก”“ข้าดูออก”กู้หว่านเยว่พยักหน้า หลังจากที่ฝากขายสมุนไพรแล้ว นางก็ให้ระบบเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเถ้าแก่ตลาดมืดรอบตัว“เข้าไปในห้องพ
องครักษ์ลับพากันเดินออกจากห้องเก็บของอย่างกระอักกระอ่วนใจ ไป๋โม่อวี่หันกลับมามองของมีค่าที่วางอยู่เต็มคลังสินค้าเขาพึมพำกับตัวเอง “ซิงเยว่ มีบุรุษน่ารังเกียจสองคนปรากฏตัว พุ่งเข้ามาสู้กับข้า หากเจ้าสัมผัสได้ ก็จงอวยพรให้ข้าจับตัวพวกเขาได้โดยเร็วเถอะ”เขาดีดสิ่งของบางอย่างในมือ ดูเหมือนจะเป็นของที่ระลึกชิ้นหนึ่งทันใดนั้น สายตาอันเฉียบคมของเขาก็มองออกไปด้านนอก“ใคร!”เขาลอยตัวมาทางนี้แล้วโจมตีทันทีหนังตาของกู้หว่านเยว่กระตุกหนึ่งครั้ง บุรุษผู้นี้มีความระวังตัวเป็นอย่างดี แม้ว่าพวกเขาจะระมัดระวังตัวแล้ว แต่ก็ยังถูกอีกฝ่ายจับได้อยู่ดี“ระวัง” ซูจิ่งสิงอุ้มนางหลบเลี่ยงอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนจึงร่วงตกเข้ามาในห้องแม้ว่าพวกเขาสองคนจะปลอมตัวอยู่ แต่เสี้ยววินาทีที่เผชิญหน้า ไป๋โม่อวี่ก็จำทั้งสองคนได้“พวกท่านทั้งสองคนคือเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาเจิ้นเป่ยสินะ”กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้ม “เถ้าแก่ตลาดมืดตาดีมากเจ้าค่ะ”“เวินทิงอวิ๋น ตายด้วยฝีมือของพวกท่านใช่หรือไม่?”“ถูกต้อง” กู้หว่านเยว่เองก็ไม่ได้ปฏิเสธ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ตายด้วยน้ำมือของนาง แต่นางจับตัวเขาไปจริง ๆ“ฟังจากเสียงของเจ้า
“คนผู้นี้มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ว่องไวมาก”ครั้นยิงยาสลบออกไปแล้ว ก็ยังต้องใช้เวลาครู่ใหญ่ถึงตัวยาจะออกฤทธิ์ คิดไม่ถึงว่าเขาจะตัดสินใจหนีภายในเสี้ยววินาที“อยากให้ไล่ตามไปหรือไม่?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วพลางกล่าว กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “ในห้องเก็บของขนาดใหญ่แห่งนี้จะต้องมีสิ่งของที่พวกเราต้องการ เราเข้าไปตรวจสอบห้องเก็บของแห่งนี้สักรอบเถอะ”เมื่อครู่ระบบเพิ่งบอกนางว่าด้านหลังห้องเก็บของยังมีห้องลับอีกหนึ่งห้อง“ได้” ซูจิ่งสิงพยักหน้า กู้หว่านเยว่รีบคว้ามือของเขาและมุ่งตรงไปยังห้องลับทันที นางครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็รวบรวมสิ่งของในห้องเก็บของเข้าไปไว้ในห้วงมิติ จากนั้นก็พาซูจิ่งซิงเข้าไปในห้องลับปรากฏว่าทันทีที่เข้าไป ก็สัมผัสได้ถึงความหนาวสะท้านระลอกหนึ่ง สิ่งที่ทำให้นางตื่นตระหนกก็คือห้องลับแห่งนี้เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็ง และมีอุณหภูมิที่ต่ำมาก“ที่นี่ที่ไหน?”ทั้งสองคนประหลาดใจมากภายในห้องลับแห่งนี้หากมองเพียงแวบเดียวจะเห็นว่านอกจากก้อนน้ำแข็งแล้ว ก็ไม่มีสิ่งของใด ๆ อีก หรือว่าไป๋โม่อวี่บ้าไปแล้ว สร้างสถานที่แห่งนี้ขึ้นมาเพื่อกักเก็บน้ำแข็งไว้โดยเฉพาะ“น้องหญิง เจ้าดูทางนั้นสิเห
เฉิงเซวียโพล่งถามทันทีว่า “พาข้าไปด้วยได้หรือไม่?”เขาเพิ่งพบบางสิ่งบางอย่าง “ยามนั้นท่านตาของข้าออกจากตลาดมืดไปด้วยความเสียใจ ซึ่งเกี่ยวข้องกับไป๋โม่อวี่”“ไป๋โม่อวี่คือใคร?”สองสามีภรรยาพากันงุนงง“ไป๋โม่อวี่ ก็คือเถ้าแก่ตลาดมืด” เฉิงเซวียนมองไปทางทั้งสองคนอย่างคาดไม่ถึง“พวกท่านมาหาเขาแต่ไม่รู้จักเขาอย่างนั้นหรือ?”ทว่าเขาเองก็เพิ่งเปิดบันทึกของท่านตาจึงได้รู้“เขาต้องการหนี!”เครื่องตามตัวของห้วงมิติเกิดเป็นไฟวิบวับ กู้หว่านเยว่คว้าตัวซูจิ่งสิงลอยตัวตามไปโดยไม่พูดไม่จา“คุณชายเฉิง ทางที่ดีท่านแกล้งทำเป็นไม่รู้จักพวกเราดีกว่า”ไป๋โม่อวี่มีทักษะการต่อสู้ขั้นสูง ผู้คนรอบตัวล้วนแต่เป็นคนของตลาดมืดทั้งสิ้น หากสู้กันจริง ๆ พวกเขาสองคนคงเทียบเฉิงเซวียนไม่ได้“เจ้ากลับไปปกป้องเนี่ยชิงหลานเถอะ”กู้หว่านเยว่กล่าวเสริมเล็กน้อย เฉิงเซวียนเกิดความลังเลครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า“ขอรับ ข้าจะกลับไปปกป้องน้องหญิงเดี๋ยวนี้”เรื่องราววันวานของท่านตาต่างก็ผ่านไปแล้วหลายทศวรรษแล้ว มิใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร ความปลอดภัยของน้องหญิงสำคัญที่สุดเฉิงเซวียนหมุนตัวกลับไป หลังจากที่เขาจากไปแล้วไม่นาน
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้