ขาเป็นคนบีบให้นางหย่า ส่งนางไปให้ศัตรูเพื่อแก้แค้น ทว่าดันโผล่หัวไปที่ค่ายศัตรูเพื่อช่วยนาง น่าขันตรงที่ ส่งนางให้บุรุษอื่น แต่เจ็บปวดเกินทนไหว เมื่อได้ยินเสียงหวานครวญครางปานจะขาดใจ หลอกตัวเองว่าไม่เคยรักมานานสามปี จนกระทั่งยอมรับความจริงเพราะเสียงคราง ทว่าในวันที่ยอมรับใจตนเอง นางกลับลืมเขาจากความทรงจำไปสิ้น
View Moreเมืองฉีเฟิงตั้งอยู่ทิศเหนือของเมืองหลวงแคว้นซีไห่ เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีผิงชินอ๋องปกครองเป็นเจ้าเมือง และมีหวู่เยว่ซินเป็นแม่ทัพคุ้มกันเมือง
ชาวบ้านล้วนอยู่อย่างสงบ เพราะแม่ทัพหวู่คอยกำจัดศัตรูที่คุกคามจนสิ้น เขาเก่งกาจ รอบคอบ ไม่เคยแพ้ในสนามรบใด ทว่า...
ถูกคนที่รับมาเลี้ยงวางยาสังหาร เพื่อแย่งอำนาจทางการทหาร เด็กสาวคนนั้นถูกท่านแม่ทัพเลี้ยงมาอย่างดี เขาฝึกวรยุทธ์ให้นางด้วยตัวเอง ใครจะคิดว่าเด็กที่มีพรสวรรค์ฝึกวิชาสำเร็จภายในหนึ่งปี จะอกตัญญูทำร้ายผู้มีพระคุณ
ว่ากันว่าแม้แต่ร่างไร้ลมหายใจของท่านแม่ทัพ ยังกลบฝังไร้ซึ่งพิธีทางศาสนา ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปีแล้ว ชาวบ้านก็ยังไม่ลืมเรื่องเล่าพวกนี้ ทุกครั้งที่พบว่านจิ่วซิ่นก็จะพากันซุบซิบนินทา “เจ้าดูนางสิกล้ามาเดินอวดโฉมที่ตลาดอีกแล้ว ไร้ยางอายเสียจริง”
“นั่นสิสังหารได้แม้กระทั่งผู้มีพระคุณ หลายปีมานี้มองไม่เห็นความเศร้าเสียใจในแววตาของนางเลย”
“เจ้าว่าเหตุใดท่านแม่ทัพในตอนนี้ไม่จัดการนางเล่า”
“ก็เพราะนางมีตราบัญชาการทหารครึ่งหนึ่ง ทหารยังต้องฟังคำสั่งนางนะสิ แม้ท่านแม่ทัพมีใจอยากกำจัดทิ้งก็ทำอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้”
“แบบนี้บุตรชายเพียงคนเดียวของท่านแม่ทัพก็ไม่มีสิทธิ์สั่งการใช่รึไม่”
“ท่านแม่ทัพคนใหม่มีตราบัญชาการอีกครึ่ง แต่ก็ไม่ต่างจากหุ่นเชิด ทหารแทบไม่ฟังคำสั่งเขานอกเสียจากนางพยักหน้า”
สาวน้อยนางหนึ่งสวมชุดบุรุษสีดำดูทะมัดทะแมงกระโจนใส่พวกปากไม่มีหูรูด “หลายปีมานี้รองแม่ทัพว่านก็กำจัดพวกซ่านหู่ให้พวกเจ้าอยู่ดีมีสุข ความดีความชอบมีมากมายพวกเจ้าไม่พูดถึง พูดแต่เรื่องที่ไม่มีมูลน่าจับไปรับโทษที่ค่ายทหารนัก” ชิงหลันชักกระบี่ออกมาอย่างเหลืออด รองแม่ทัพของนางเหน็ดเหนื่อยเพื่อปวงประชา รับมือกับศัตรูภายนอกยังต้องมารับมือกับปากหอยปากกาภายในฉีเฟิงอีก
หลายปีมานี้รองแม่ทัพของนาง ไม่เคยนอนหลับสบายเหมือนชาวบ้านพวกนี้ด้วยซ้ำ อยู่สุขสบายเพราะมีรองแม่ทัพปกป้องเมืองยังกล้ามาปากดีอีก มันน่าปล่อยพวกเหมียวเจียง และซ่านหู่มาจัดการนัก
ชิงหลันเป็นที่ปรึกษาในกองทัพ เนื่องจากนางตามบิดามากองทัพทุกวัน ทำให้ซึมซับกลการศึกจากบิดา เมื่อบิดาป่วยจนสิ้นใจชิงหลันจึงสืบต่อหน้าที่นี้
เมืองฉีเฟิงเปิดกว้าง สตรีและบุรุษถ้ามีความสามารถ อยากประกอบอาชีพใด ล้วนได้รับอิสระไม่แบ่งแยก
“หลันเอ๋อร์ไปกันเถิด” ว่านจิ่วซิ่นจับแขนบอบบางของชิงหลันลากเดินออกจากตรงนั้น ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปกว่านี้
“ท่านทนได้แต่ข้าทนไม่ได้เจ้าค่ะ”
“เอาน่า อย่าเก็บมาใส่ใจเลย ได้ของครบแล้วกลับจวนกัน” วันนี้นางออกมาซื้อผ้าไหม ไปตัดเย็บชุดคลุมให้หวู่ไฉตงเพราะเริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว แม้เขาจะไม่ชอบหน้านาง และไม่เคยหยิบชุดคลุมที่นางเย็บให้มาใส่เลย แต่นางก็ยังตัดเย็บให้เขาทุกปี
ชิงหลันไม่เต็มใจนัก แต่ไม่คิดขัดคำสั่งรองผู้บังคับบัญชา แม้ว่ารองแม่ทัพจะเป็นสตรี แต่กลยุทธ์ทางการทหารโดดเด่น ไม่แพ้บุรุษอย่างท่านแม่ทัพแน่นอน
สามปีที่นางติดตามรองแม่ทัพ ก็เห็นอยู่ว่าทุกเรื่องท่านแม่ทัพไม่เคยแก้ปัญหาเองเลย โยนมาไว้บนบ่ารองแม่ทัพว่านเสมอ
สองสตรีกลับถึงจวนแม่ทัพ ก็มีทหารเข้ามารายงาน “รองแม่ทัพว่าน ท่านแม่ทัพเกิดเรื่องแล้วขอรับ”
ว่านจิ่วซิ่นฟังรายงานแล้ว เร่งรีบไปที่ค่ายเพื่อนำทหารไปช่วยหวู่ไฉตง นางมาถึงก็ตกใจจนแทบสิ้นสติ เพราะหวู่ไฉตงกำลังจะถูกกระบี่แทงที่จุดตาย หญิงสาวไม่รอช้ากระโจนเข้าไป ใช้ตัวบังกระบี่ให้หวู่ไฉตง กระบี่แทงลึกที่หัวไหล่ซ้าย นางทนกับความเจ็บ โอบพลิกคนเมาพาออกไปจากที่อันตรายแห่งนี้ แขนของนางอ่อนแรงแทบขยับไม่ไหว คนร้ายก็ตามมาติด ๆ หากเป็นแบบนี้ต่อไปคงต้านไว้ไม่ไหวแน่
ว่านจิ่วซิ่นตัดสินใจกอดร่างกำยำของหวู่ไฉตงแล้วทิ้งตัวลงพื้นกลิ้งลงทางลาดชัน ละแวกนี้เป็นป่าเขาจุดที่นางทิ้งตัวเป็นป่าทึบบดบังได้เป็นอย่างดี
ทั้งสองกลิ้งหลายตลบกว่าจะถึงพื้นเรียบ แผลของว่านจิ่วซิ่นเจ็บหนักแถมฉีกขาดกว่าเดิม ทั่วทั้งร่างของนางเต็มไปด้วยแผลถลอก แขนซ้ายไร้แรงขยับ ความเจ็บปวดแทรกซึมทุกอณูจนแทบรักษาสติไว้ไม่ได้
เสียงสวบสาบที่อยู่ไม่ไกล ทำให้ว่านจิ่วซิ่นหวาดหวั่น กลัวว่าคนร้ายที่ดักซุ่มโจมตีหวู่ไฉตงจะตามมาทัน และที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าคือนางไม่มีแรงจะลุกขึ้นสู้ “ไฉตง เจ้าบาดเจ็บรึไม่”
หวู่ไฉตงหมดสติไปแล้ว ว่านจิ่วซิ่นอยากจะลุกขึ้นมาดูอาการเขาก็ลุกไม่ไหว เขาอาจแค่เมา...เมาจนหลับไปนางปลอบใจตนเองเช่นนั้น หญิงสาวกัดฟันทนเจ็บได้อีกเล็กน้อยก็หมดสติไป เพราะสูญเสียโลหิตไปจำนวนมาก
กวางหมิงนำกำลังทหารตามมาสมทบกับเหล่าทหารที่ว่านจิ่วซิ่นนำมา ไม่นานเขาก็จับกุมพวกที่ลอบสังหารหวู่ไฉตงได้ คนพวกนั้นเป็นทหารเดนตายพอถูกจับได้ก็กัดพิษฆ่าตัวตาย
กวางหมิงงัดพิษในปากคนร้ายได้หนึ่งคน เขาจึงสั่งให้นำตัวคนรอดชีวิตไปขังไว้ที่ค่ายอี๋หลิงรอสอบสวน จากนั้นก็นำกำลังจำนวนหนึ่งค้นหาหวู่ไฉตงและว่านจิ่วซิ่น
“รองแม่ทัพกวางเจอท่านแม่ทัพแล้วขอรับ” ทหารนายหนึ่งวิ่งมารายงานกวางหมิงอย่างหอบเหนื่อย
กวางหมิงยิ้มดีใจเขาหาจนเริ่มท้อแล้ว เวลาสามชั่วยามที่ค้นหาไม่ใช่น้อย ๆ ยิ่งใช้เวลานานเขาก็ยิ่งหวาดกลัว…กลัวว่าศัตรูจะพบคนทั้งสองก่อน
ตอนได้ฟังทหารรายงานว่าหวู่ไฉตงเมา ว่านจิ่วซิ่นได้รับบาดเจ็บ กวางหมิงถึงกับหัวใจวูบโหวง เขากลัวว่าทั้งสองคนจะรับมือกับอันตรายไม่ได้ เมื่อได้ยินว่าพบคนแล้วความหนักอึ้งในใจก็เบาลง “ปลอดภัยรึไม่”
“ปลอดภัยขอรับ เพียงแต่ไม่พบรองแม่ทัพว่าน”
“เจ้าหาดีแล้วรึ พวกเขาตกมาพร้อมกันจะต้องอยู่ไม่ไกลแถวนี้รีบหาตัวรองแม่ทัพว่านให้พบ” กวางหมิงสั่งการ
“ขอรับรองแม่ทัพกวาง”
กวางหมิงวิ่งมาตามคำบอกกล่าวของทหาร เมื่อเห็นหวู่ไฉตงนอนอยู่โคนต้นไม้ ก็ถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะเดินเข้าไปตบเบา ๆ ที่ใบหน้าของสหายรุ่นน้อง “ไฉตงตื่นได้แล้ว ก่อเรื่องเก่งเสียจริง ข้านี่อยากฟาดไม้เรียวที่หลังเจ้าแทนท่านอาเยว่ซินนัก รีบตื่น”
“อะไรของเจ้าปลุกแต่เช้า” หวู่ไฉตงโวยวายที่ถูกรบกวนการนอน
“ดูสถานที่ที่เจ้านอนอยู่ด้วย เสือไม่คาบไปกินก็บุญแล้ว” กวางหมิงส่ายหน้าไปมาอย่างจนใจ เด็กคนนี้ไม่รู้จักโตสักที
หวู่ไฉตงลืมตาขึ้นมาแล้วหรี่ตาลงเพราะปรับตัวกับแสงไม่ทัน “ที่นี่ที่ไหน” ศีรษะของเขาหนักอึ้งเหมือนมีก้อนหินทับอยู่ ทั่วทั้งร่างปวดระบมไปหมด ความจำเลือนรางคล้ายถูกมารดาปกป้องไว้ในอ้อมกอด ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกสงบมาก หากแต่มารดาของเขาป่วยสิ้นใจไปนานแล้ว ใครกันมอบอ้อมกอดอบอุ่นนี้ให้เขา
“ซิ่นเอ๋อร์ตกลงมาพร้อมเจ้าเห็นนางรึไม่”
หวู่ไฉตงไม่คาดคิดว่านางจะพูดคำว่าชอบเขาออกมา ในระยะเวลาสามปีที่แต่งงานกัน เขาเรียกสตรีเข้าจวนไม่ซ้ำหน้า ไม่เห็นว่านางจะมีท่าทีเสียใจตรงไหน มีแต่วางอำนาจบาตรใหญ่ไล่คน และสิ่งที่นางกล่าวมาทั้งหมดเขาไม่คิดจะเชื่อ ทว่าคำพูดนางมีผลกับใจอย่างบอกไม่ถูกแม่ทัพหนุ่มหลุบตาลงต่ำกล่าวเสียงเย็นชา “คำพูดหวานหูของเจ้าหลอกข้าไม่ได้ อีกอย่างถ้าเป็นเจ้าจะชอบฆาตกรที่ทำลายครอบครัวเจ้าลงรึ” จากนั้นก็แบมือไปตรงหน้านาง เพื่อเตือนสติว่าควรทำตามที่พูดได้แล้วว่านจิ่วซิ่นยื่นตราบัญชาการไว้บนฝ่ามือเขา “ข้าเข้าใจแล้ว” หญิงสาวเก็บซ่อนน้ำตาไว้อย่างมิดชิด ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไร้ความรู้สึกก็ยังถามให้ตนเจ็บ แต่ไม่เป็นไรความรู้สึกที่อัดอั้นมานาน ได้ปลดปล่อยออกมาสักที แม้จะเจ็บปวดใจแต่ก็นับว่าได้ระบายแล้ว “ว่ามา...จะให้ข้าทำอะไร”ไหนบอกว่าชอบเขาไม่เห็นเสียใจสักนิดที่ถูกปฏิเสธ ก็ว่าอยู่แล้วคนเจ้าแผนการแบบนาง คงพูดเพื่อยึดตราบัญชาการไว้เท่านั้น ยังดีที่ไม่หลงกลนางมีอายุมากกว่าเขาสองปี เก่งกว่าเขาทุกด้านก็จริง แต่เขาเป็นบุตรชายตระกูลหวู่ นางมีสิทธิ์อะไรมายึดครองสิ่งที่ควรเป็นของเขา อีกอย่างนางได้มาโดยไม่ชอบธรรม ได้
หวู่ไฉตงเหลือบมองก่อนจะพูดเหน็บแนม “ข้ามีคนคอยรองมือรองเท้าไม่จำเป็นต้องนำทัพเอง” นางอยากได้ตำแหน่งแม่ทัพมากไม่ใช่หรือไร เขาเองก็อนุเคราะห์ให้ตามที่นางต้องการมาตลอด ไม่เคยแย่งหน้าที่แม่ทัพมาจากนางเลย นางคงไม่รู้วรยุทธ์เขาเหนือนางมานานแล้ว เขาแค่ไม่เผยความสามารถออกมาเท่านั้น ยังคงรอเวลาที่เหมาะสมอยู่ นางยังถือตราบัญชาการครึ่งหนึ่ง เขายังไม่คิดจะกำจัดนางทิ้งยามนี้“เจ้าควรออกศึกเองได้แล้ว อย่าลืมว่าเจ้าคือแม่ทัพไม่ใช่ข้า” ว่านจิ่วซิ่นนั่งลงด้านข้างหวู่ไฉตง วันนี้นางไม่วางอำนาจกับเขา ทั้งยังใช้น้ำเสียงอ่อนโยน เพื่อให้เราสองใกล้ชิดกันมากขึ้นแม่ทัพหนุ่มลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปนั่งเก้าอี้โยก “ก็รู้นี่” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นชาเขารู้สึกไม่ชอบใจเมื่อนางมานั่งใกล้ สตรีดี ๆ ที่ไหนจะปีนเตียงบุรุษที่เมาไร้สติ มีแค่นางเท่านั้นที่กล้าทำ “ถ้าอยากให้ข้าไป...เจ้าก็มอบตราบัญชาการอีกครึ่งมาให้ข้าสิ” หวู่ไฉตงกล่าวพลางยิ้มร้าย เมื่อเห็นท่าทีลังเลของอีกฝ่าย เขาก็หัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางวางแผนมานานเพียงนี้ จะมอบตราบัญชาการคืนเขาโดยง่ายได้อย่างไร“ถ้าครั้งนี้เจ้านำทัพชนะกลับมา ข้า...จะคืนตราบัญชาการอีกครึ
สองหนุ่มสาวบนเตียงลืมตาขึ้นมาพร้อมกันในเช้าวันใหม่ ว่านจิ่วซิ่นยิ้มอย่างขัดเขิน ทว่าหวู่ไฉตงกลับกระโดดลงจากเตียงเหมือนถูกไฟร้อนรนก้น “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”แววตาที่เขามองทำให้ว่านจิ่วซิ่นรู้สึกกลัว “เมื่อคืนพวกเรา...”“นี่เจ้าช่างกล้านักที่ปีนขึ้นเตียงยามข้าเมาไร้สติ เจ้าอย่าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะทำให้ข้าชอบเจ้าได้ เจ้าก็ยังคงน่ารังเกียจไม่เปลี่ยน” หวู่ไฉตงเปลี่ยนจากท่าทีตกใจเป็นยิ้มหยัน ถากถางนางด้วยคำพูดทำร้ายจิตใจว่านจิ่วซิ่นคิดว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้นท่าทีของหวู่ไฉตงจะต่างไปจากเดิม แต่เปล่าเลย เขายังคงเป็นเขาที่ไม่ชอบหน้านาง เพราะความรู้สึกหวั่นไหวทำให้นางถลำลึกไปนานแล้ว จึงได้แต่เงียบปากไว้เท่านั้นมิอาจเถียงได้สักคำสายตาเข้มวูบไหวเมื่อเห็นลำคอระหงเต็มไปด้วยรอยรักที่เขาฝากไว้ “รีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกไป รึจะรอให้ใครมาเห็น” เขาจับอาภรณ์สตรีที่กระจัดกระจายบนพื้นโยนให้นาง แล้วจัดการสวมอาภรณ์ให้ตนเอง“ไฉตงหมู่บ้านชิงอันเกิดเรื่องอีกแล้ว” กวางหมิงเปิดประตูเข้ามาโดยพลการเหมือนทุกครั้ง ทว่าในห้องโถงรับรองมีบางอย่างแตกต่างจากเดิม สภาพเสื้อผ้าเช่นนั้นไม่ต้องถามก็เข้าใจ กวางหมิงเบิกตากว้างพ
หวู่ไฉตงส่ายหัว อย่าบอกนะว่าอ้อมกอดที่เขาคิดว่าเป็นของมารดาจะเป็นของนางกวางหมิงขมวดคิ้ว “นางบาดเจ็บจะไปที่ไหนได้ ข้าชักจะห่วงแล้วสิ”“นางอาจหนีไปแล้วก็ได้ พอพบอันตรายก็ทิ้งข้าไว้กลัวตายสิไม่ว่า...” หวู่ไฉตงค่อนแคะ“หากนางเป็นคนเช่นนั้น คงไม่เอาตัวเองบังกระบี่ให้เจ้าหรอกนะ ครั้งนี้เจ้าเป็นหนี้ชีวิตนางทำตัวดี ๆ กับนางหน่อย รีบออกตามหาสิมัวนิ่งอยู่ได้ ต่อไปก็อย่าดื่มให้มากสุรานะ รู้รึไม่ว่าถ้าซิ่นเอ๋อร์ไปไม่ทันเจ้าก็เหลือแต่ชื่อแล้ว” กวางหมิงเหลืออด จึงสั่งสอนผู้บังคับบัญชาที่เขาเห็นเป็นน้องชายแท้ ๆ ไปยกใหญ่เจ้านี่อายุน้อยกว่าเขาสามปี ย่อมยังเป็นเด็กในสายตาเขาอาจจะทำเกินหน้าที่ไปบ้าง ทว่าก็หวังดีกับหวู่ไฉตงไม่ใช่หรือ อยากจะโกรธก็โกรธไป สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงทั้งนั้น เมื่อเห็นว่าหวู่ไฉตงนิ่งไม่ขยับเขาจึงเดินหาคนบริเวณใกล้ ๆ แล้วตะโกนเรียก “ซิ่นเอ๋อร์...อยู่แถวนี้รึไม่”จนแล้วจนรอดหาอยู่ถึงสองวันก็หาว่านจิ่วซิ่นไม่พบ พบเพียงหยกพกประจำกาย ตกอยู่ไม่ไกลจากจุดที่หวู่ไฉตงนอนอยู่ เสบียงที่เตรียมมาล้วนแจกจ่ายออกไปจนหมดแล้ว ขืนยังหาต่อไปได้หิวตายกันพอดี“ไม่ต้องหาแล้วมีคนพานางไปเจ้าดูรอยเท้า
เมืองฉีเฟิงตั้งอยู่ทิศเหนือของเมืองหลวงแคว้นซีไห่ เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีผิงชินอ๋องปกครองเป็นเจ้าเมือง และมีหวู่เยว่ซินเป็นแม่ทัพคุ้มกันเมืองชาวบ้านล้วนอยู่อย่างสงบ เพราะแม่ทัพหวู่คอยกำจัดศัตรูที่คุกคามจนสิ้น เขาเก่งกาจ รอบคอบ ไม่เคยแพ้ในสนามรบใด ทว่า...ถูกคนที่รับมาเลี้ยงวางยาสังหาร เพื่อแย่งอำนาจทางการทหาร เด็กสาวคนนั้นถูกท่านแม่ทัพเลี้ยงมาอย่างดี เขาฝึกวรยุทธ์ให้นางด้วยตัวเอง ใครจะคิดว่าเด็กที่มีพรสวรรค์ฝึกวิชาสำเร็จภายในหนึ่งปี จะอกตัญญูทำร้ายผู้มีพระคุณว่ากันว่าแม้แต่ร่างไร้ลมหายใจของท่านแม่ทัพ ยังกลบฝังไร้ซึ่งพิธีทางศาสนา ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปีแล้ว ชาวบ้านก็ยังไม่ลืมเรื่องเล่าพวกนี้ ทุกครั้งที่พบว่านจิ่วซิ่นก็จะพากันซุบซิบนินทา “เจ้าดูนางสิกล้ามาเดินอวดโฉมที่ตลาดอีกแล้ว ไร้ยางอายเสียจริง”“นั่นสิสังหารได้แม้กระทั่งผู้มีพระคุณ หลายปีมานี้มองไม่เห็นความเศร้าเสียใจในแววตาของนางเลย”“เจ้าว่าเหตุใดท่านแม่ทัพในตอนนี้ไม่จัดการนางเล่า”“ก็เพราะนางมีตราบัญชาการทหารครึ่งหนึ่ง ทหารยังต้องฟังคำสั่งนางนะสิ แม้ท่านแม่ทัพมีใจอยากกำจัดทิ้งก็ทำอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้”“แบบนี้บุตรชายเพียงคนเดีย
Comments