LOGINขาเป็นคนบีบให้นางหย่า ส่งนางไปให้ศัตรูเพื่อแก้แค้น ทว่าดันโผล่หัวไปที่ค่ายศัตรูเพื่อช่วยนาง น่าขันตรงที่ ส่งนางให้บุรุษอื่น แต่เจ็บปวดเกินทนไหว เมื่อได้ยินเสียงหวานครวญครางปานจะขาดใจ หลอกตัวเองว่าไม่เคยรักมานานสามปี จนกระทั่งยอมรับความจริงเพราะเสียงคราง ทว่าในวันที่ยอมรับใจตนเอง นางกลับลืมเขาจากความทรงจำไปสิ้น
View Moreเมืองฉีเฟิงตั้งอยู่ทิศเหนือของเมืองหลวงแคว้นซีไห่ เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีผิงชินอ๋องปกครองเป็นเจ้าเมือง และมีหวู่เยว่ซินเป็นแม่ทัพคุ้มกันเมือง
ชาวบ้านล้วนอยู่อย่างสงบ เพราะแม่ทัพหวู่คอยกำจัดศัตรูที่คุกคามจนสิ้น เขาเก่งกาจ รอบคอบ ไม่เคยแพ้ในสนามรบใด ทว่า...
ถูกคนที่รับมาเลี้ยงวางยาสังหาร เพื่อแย่งอำนาจทางการทหาร เด็กสาวคนนั้นถูกท่านแม่ทัพเลี้ยงมาอย่างดี เขาฝึกวรยุทธ์ให้นางด้วยตัวเอง ใครจะคิดว่าเด็กที่มีพรสวรรค์ฝึกวิชาสำเร็จภายในหนึ่งปี จะอกตัญญูทำร้ายผู้มีพระคุณ
ว่ากันว่าแม้แต่ร่างไร้ลมหายใจของท่านแม่ทัพ ยังกลบฝังไร้ซึ่งพิธีทางศาสนา ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปีแล้ว ชาวบ้านก็ยังไม่ลืมเรื่องเล่าพวกนี้ ทุกครั้งที่พบว่านจิ่วซิ่นก็จะพากันซุบซิบนินทา “เจ้าดูนางสิกล้ามาเดินอวดโฉมที่ตลาดอีกแล้ว ไร้ยางอายเสียจริง”
“นั่นสิสังหารได้แม้กระทั่งผู้มีพระคุณ หลายปีมานี้มองไม่เห็นความเศร้าเสียใจในแววตาของนางเลย”
“เจ้าว่าเหตุใดท่านแม่ทัพในตอนนี้ไม่จัดการนางเล่า”
“ก็เพราะนางมีตราบัญชาการทหารครึ่งหนึ่ง ทหารยังต้องฟังคำสั่งนางนะสิ แม้ท่านแม่ทัพมีใจอยากกำจัดทิ้งก็ทำอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้”
“แบบนี้บุตรชายเพียงคนเดียวของท่านแม่ทัพก็ไม่มีสิทธิ์สั่งการใช่รึไม่”
“ท่านแม่ทัพคนใหม่มีตราบัญชาการอีกครึ่ง แต่ก็ไม่ต่างจากหุ่นเชิด ทหารแทบไม่ฟังคำสั่งเขานอกเสียจากนางพยักหน้า”
สาวน้อยนางหนึ่งสวมชุดบุรุษสีดำดูทะมัดทะแมงกระโจนใส่พวกปากไม่มีหูรูด “หลายปีมานี้รองแม่ทัพว่านก็กำจัดพวกซ่านหู่ให้พวกเจ้าอยู่ดีมีสุข ความดีความชอบมีมากมายพวกเจ้าไม่พูดถึง พูดแต่เรื่องที่ไม่มีมูลน่าจับไปรับโทษที่ค่ายทหารนัก” ชิงหลันชักกระบี่ออกมาอย่างเหลืออด รองแม่ทัพของนางเหน็ดเหนื่อยเพื่อปวงประชา รับมือกับศัตรูภายนอกยังต้องมารับมือกับปากหอยปากกาภายในฉีเฟิงอีก
หลายปีมานี้รองแม่ทัพของนาง ไม่เคยนอนหลับสบายเหมือนชาวบ้านพวกนี้ด้วยซ้ำ อยู่สุขสบายเพราะมีรองแม่ทัพปกป้องเมืองยังกล้ามาปากดีอีก มันน่าปล่อยพวกเหมียวเจียง และซ่านหู่มาจัดการนัก
ชิงหลันเป็นที่ปรึกษาในกองทัพ เนื่องจากนางตามบิดามากองทัพทุกวัน ทำให้ซึมซับกลการศึกจากบิดา เมื่อบิดาป่วยจนสิ้นใจชิงหลันจึงสืบต่อหน้าที่นี้
เมืองฉีเฟิงเปิดกว้าง สตรีและบุรุษถ้ามีความสามารถ อยากประกอบอาชีพใด ล้วนได้รับอิสระไม่แบ่งแยก
“หลันเอ๋อร์ไปกันเถิด” ว่านจิ่วซิ่นจับแขนบอบบางของชิงหลันลากเดินออกจากตรงนั้น ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปกว่านี้
“ท่านทนได้แต่ข้าทนไม่ได้เจ้าค่ะ”
“เอาน่า อย่าเก็บมาใส่ใจเลย ได้ของครบแล้วกลับจวนกัน” วันนี้นางออกมาซื้อผ้าไหม ไปตัดเย็บชุดคลุมให้หวู่ไฉตงเพราะเริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว แม้เขาจะไม่ชอบหน้านาง และไม่เคยหยิบชุดคลุมที่นางเย็บให้มาใส่เลย แต่นางก็ยังตัดเย็บให้เขาทุกปี
ชิงหลันไม่เต็มใจนัก แต่ไม่คิดขัดคำสั่งรองผู้บังคับบัญชา แม้ว่ารองแม่ทัพจะเป็นสตรี แต่กลยุทธ์ทางการทหารโดดเด่น ไม่แพ้บุรุษอย่างท่านแม่ทัพแน่นอน
สามปีที่นางติดตามรองแม่ทัพ ก็เห็นอยู่ว่าทุกเรื่องท่านแม่ทัพไม่เคยแก้ปัญหาเองเลย โยนมาไว้บนบ่ารองแม่ทัพว่านเสมอ
สองสตรีกลับถึงจวนแม่ทัพ ก็มีทหารเข้ามารายงาน “รองแม่ทัพว่าน ท่านแม่ทัพเกิดเรื่องแล้วขอรับ”
ว่านจิ่วซิ่นฟังรายงานแล้ว เร่งรีบไปที่ค่ายเพื่อนำทหารไปช่วยหวู่ไฉตง นางมาถึงก็ตกใจจนแทบสิ้นสติ เพราะหวู่ไฉตงกำลังจะถูกกระบี่แทงที่จุดตาย หญิงสาวไม่รอช้ากระโจนเข้าไป ใช้ตัวบังกระบี่ให้หวู่ไฉตง กระบี่แทงลึกที่หัวไหล่ซ้าย นางทนกับความเจ็บ โอบพลิกคนเมาพาออกไปจากที่อันตรายแห่งนี้ แขนของนางอ่อนแรงแทบขยับไม่ไหว คนร้ายก็ตามมาติด ๆ หากเป็นแบบนี้ต่อไปคงต้านไว้ไม่ไหวแน่
ว่านจิ่วซิ่นตัดสินใจกอดร่างกำยำของหวู่ไฉตงแล้วทิ้งตัวลงพื้นกลิ้งลงทางลาดชัน ละแวกนี้เป็นป่าเขาจุดที่นางทิ้งตัวเป็นป่าทึบบดบังได้เป็นอย่างดี
ทั้งสองกลิ้งหลายตลบกว่าจะถึงพื้นเรียบ แผลของว่านจิ่วซิ่นเจ็บหนักแถมฉีกขาดกว่าเดิม ทั่วทั้งร่างของนางเต็มไปด้วยแผลถลอก แขนซ้ายไร้แรงขยับ ความเจ็บปวดแทรกซึมทุกอณูจนแทบรักษาสติไว้ไม่ได้
เสียงสวบสาบที่อยู่ไม่ไกล ทำให้ว่านจิ่วซิ่นหวาดหวั่น กลัวว่าคนร้ายที่ดักซุ่มโจมตีหวู่ไฉตงจะตามมาทัน และที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าคือนางไม่มีแรงจะลุกขึ้นสู้ “ไฉตง เจ้าบาดเจ็บรึไม่”
หวู่ไฉตงหมดสติไปแล้ว ว่านจิ่วซิ่นอยากจะลุกขึ้นมาดูอาการเขาก็ลุกไม่ไหว เขาอาจแค่เมา...เมาจนหลับไปนางปลอบใจตนเองเช่นนั้น หญิงสาวกัดฟันทนเจ็บได้อีกเล็กน้อยก็หมดสติไป เพราะสูญเสียโลหิตไปจำนวนมาก
กวางหมิงนำกำลังทหารตามมาสมทบกับเหล่าทหารที่ว่านจิ่วซิ่นนำมา ไม่นานเขาก็จับกุมพวกที่ลอบสังหารหวู่ไฉตงได้ คนพวกนั้นเป็นทหารเดนตายพอถูกจับได้ก็กัดพิษฆ่าตัวตาย
กวางหมิงงัดพิษในปากคนร้ายได้หนึ่งคน เขาจึงสั่งให้นำตัวคนรอดชีวิตไปขังไว้ที่ค่ายอี๋หลิงรอสอบสวน จากนั้นก็นำกำลังจำนวนหนึ่งค้นหาหวู่ไฉตงและว่านจิ่วซิ่น
“รองแม่ทัพกวางเจอท่านแม่ทัพแล้วขอรับ” ทหารนายหนึ่งวิ่งมารายงานกวางหมิงอย่างหอบเหนื่อย
กวางหมิงยิ้มดีใจเขาหาจนเริ่มท้อแล้ว เวลาสามชั่วยามที่ค้นหาไม่ใช่น้อย ๆ ยิ่งใช้เวลานานเขาก็ยิ่งหวาดกลัว…กลัวว่าศัตรูจะพบคนทั้งสองก่อน
ตอนได้ฟังทหารรายงานว่าหวู่ไฉตงเมา ว่านจิ่วซิ่นได้รับบาดเจ็บ กวางหมิงถึงกับหัวใจวูบโหวง เขากลัวว่าทั้งสองคนจะรับมือกับอันตรายไม่ได้ เมื่อได้ยินว่าพบคนแล้วความหนักอึ้งในใจก็เบาลง “ปลอดภัยรึไม่”
“ปลอดภัยขอรับ เพียงแต่ไม่พบรองแม่ทัพว่าน”
“เจ้าหาดีแล้วรึ พวกเขาตกมาพร้อมกันจะต้องอยู่ไม่ไกลแถวนี้รีบหาตัวรองแม่ทัพว่านให้พบ” กวางหมิงสั่งการ
“ขอรับรองแม่ทัพกวาง”
กวางหมิงวิ่งมาตามคำบอกกล่าวของทหาร เมื่อเห็นหวู่ไฉตงนอนอยู่โคนต้นไม้ ก็ถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะเดินเข้าไปตบเบา ๆ ที่ใบหน้าของสหายรุ่นน้อง “ไฉตงตื่นได้แล้ว ก่อเรื่องเก่งเสียจริง ข้านี่อยากฟาดไม้เรียวที่หลังเจ้าแทนท่านอาเยว่ซินนัก รีบตื่น”
“อะไรของเจ้าปลุกแต่เช้า” หวู่ไฉตงโวยวายที่ถูกรบกวนการนอน
“ดูสถานที่ที่เจ้านอนอยู่ด้วย เสือไม่คาบไปกินก็บุญแล้ว” กวางหมิงส่ายหน้าไปมาอย่างจนใจ เด็กคนนี้ไม่รู้จักโตสักที
หวู่ไฉตงลืมตาขึ้นมาแล้วหรี่ตาลงเพราะปรับตัวกับแสงไม่ทัน “ที่นี่ที่ไหน” ศีรษะของเขาหนักอึ้งเหมือนมีก้อนหินทับอยู่ ทั่วทั้งร่างปวดระบมไปหมด ความจำเลือนรางคล้ายถูกมารดาปกป้องไว้ในอ้อมกอด ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกสงบมาก หากแต่มารดาของเขาป่วยสิ้นใจไปนานแล้ว ใครกันมอบอ้อมกอดอบอุ่นนี้ให้เขา
“ซิ่นเอ๋อร์ตกลงมาพร้อมเจ้าเห็นนางรึไม่”
“เจ้านี่นะ ผลักภาระเก่งที่สุด” กวางหมิงชี้หน้าหวู่ไฉตงด้วยรอยยิ้มรุ่งเช้าของวันใหม่กวางหมิงและชิงหลันตกอยู่ในสภาพตาเป็นหมีแพนด้า เขาอยากจะบ้าตาย เหมียนเหมียนเด็กดีของเขา เหมือนทหารออกรบที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและง่วงนอนนางให้เขาเป็นม้าพานางเดินทางไกลทั้งคืน ส่วนชิงหลันก็เป็นท่านแม่ที่ต้องทำอาหารให้นางกิน“ท่านพี่ข้าว่าพวกเรามีลูกคนเดียวก็พอว่าหรือไม่” ชิงหลันรู้สึกเหนื่อยเกินไป ถ้าจะมีเด็กหลาย ๆ คนมาเล่นกับนางแบบนี้ทุกวัน“ข้าเองก็ว่าเช่นนั้น” กวางหมิงถอนหายใจ แต่พอคิดอีกที มีลูกคนเดียวแล้วถ้าภรรยาไม่ให้ร่วมห่อเขาก็ซวยนะสิ “ไม่ได้ข้าจะเลี้ยงพวกเขาเอง เจ้าไม่ต้องเหนื่อยข้าสัญญา” จู่ ๆ กวางหมิงก็รู้สึกว่ากำลังขุดหลุมฝังตนเอง เมื่อพูดคำเหล่านี้กับภรรยาหลายคืนมานี้หวู่ไฉตงราวม้าศึกไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เคี่ยวกรำว่านจิ่วซิ่นเกือบรุ่งสางทุกวัน เช้ามาว่านจิ่วซิ่นกระดิกตัวแทบไม่ได้ แต่หวู่ไฉตงกลับกระปรี้กระเปร่าไม่มีท่าทีอ่อนแรงเลยสักนิดเวลาหนึ่งเดือนเต็มที่หวู่ไฉตงตั้งใจเสกน้องชายให้หวู่เหมียนเหมียน“ไฉตงข้ารู้สึกเหม็นเจ้าไปไกล ๆ ข้าหน่อย” ว่านจิ่วซิ่นโกงคออาเจียน เพราะกลิ่นสามมีเหม็นจนน
ชิงหลันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ “รองแม่ทัพว่านแม้ ท่านจะจะลืมอดีตไปสิ้น แต่ความผูกพันของพวกเราท่านกลับไม่ลืม ข้าคิดถึงท่านมากคิดถึงท่านเหลือเกิน” ชิงหลันกอดตอบว่านจิ่วซิ่น ก่อนที่สามีของนางจะเข้ามาประคอง“ไม่ร้องนะน้องหญิงเดี๋ยวบุตรของเราจะขี้แยเหมือนเจ้าไม่รู้ด้วยนะ” กวางหมิงเอ่ยปลอบ แต่เขาก็ห้ามน้ำตาไว้ไม่ไหวเช่นกัน เขาดีใจกับหวู่ไฉตงและว่านจิ่วซิ่นที่ฝ่าฟันอุปสรรคมานานัปการ ทั้งสุข ทั้งทุกข์ สุดท้ายก็ยังให้โอกาสกันและกัน แก้ไขสิ่งผิดพลาดจนมีความสุขได้อย่างวันนี้“เจ้าเป็นถึงแม่ทัพ ถ้าลูกเจ้าขี้แยก็เพราะพ่ออย่างเจ้าทำเป็นตัวอย่าง เหมียนเหมียนลูก นี่คือท่านลุงกวางหมิงและท่านป้าชิงหลันเจ้ามาทักทายท่านลุงท่านป้าหน่อย”เหมียนเหมียนน้อยเดินเข้าไปใกล้แล้วยอบกายคำนับ “เหมียนเหมียนคารวะท่างลุง ท่างป้า”กวางหมิงลูบศีรษะหลานสาว ที่ใบหน้าคล้ายหวู่ไฉตงราวกับแกะ “เหมียนเหมียนเด็กดีรับอั่งเปาจากลุงไปแล้วจะเอาไปทำอะไร” เขาถามเหมียนเหมียนน้อยเมื่อยื่นซองแดงไปให้“ข้าจะเอาไปซื้อย้องชายมาขี่ม้าเป็นเพื่อนเจ้าค่ะ”ทุกคนในที่นั้นต่างพากันหัวเราะ ที่เหมียนเหมียนน้อยจะใช้เงินซื้อน้องชาย กวางหมิงหัวเราะลั่นเมื
ว่านจิ่วซิ่นและหวู่ไฉตงยิ้มแล้วมองหน้ากัน “เหมียนเหมียนเด็กดีให้ท่านลุงเป่าอุ้มเจ้าไปไหม ท่านแม่เจ้าเจ็บขาเพราะปลาชน พ่อจะอุ้มท่านแม่เจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”“เจ้าค่ะท่างพ่อ” เหมียนเหมียนน้อยตอบตกลงอย่างว่าง่าย เมื่อจินเป่ามาอุ้มคุณหนูน้อย เด็กหญิงก็พูดเสียงดัง “ท่างยุงเป่า ปลาใหญ่ไม่มีจริง ท่างพ่อท่างแม่หลอกข้า ดูผมท่างแม่สิเจ้าคะมีใบไม้ติดด้วย ท่างแม่ไม่ได้จับปลาสักหน่อย คงมานอนพักเอาแรงต่างหาก”จินเป่าเคาะจมูกคุณหนูยิ้มๆ แล้วมองไปทางนายท่านที่มีท่าทีนิ่งเฉย แต่พอมองไปทางฮูหยินที่หน้าแดงก่ำพลางปัดใบไม้ที่ศีรษะทิ้ง ก็รู้ทันทีว่าเขานั้นคาดเดาได้แม่นยำ “ไปขอรับคุณหนู ท่านลุงโม่ย่างปลาสุกแล้ว”ว่านจิ่วซิ่นชกอกหวู่ไฉตงแผ่วเบา เมื่อเขาอุ้มนางขึ้นมา “เพราะเจ้า” เพราะเขาคนเดียวทำให้นางตกอยู่ในสภาพก้าวขาไม่ออกหวู่ไฉตงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะพาฮูหยินของเขาขึ้นจากน้ำไปเปลี่ยนอาภรณ์ “ร้องออกมาก็พอแล้ว ต่อไปอย่ากัดตัวเองอีก”“ท่านไม่อายแต่ข้าอาย” ว่านจิ่วซิ่นใบหน้าแดงก่ำเมื่อหวู่ไฉตงทายาตรงรอยฟัน ที่นางกัดตนเองกลั้นเสียงครางไว้“ต่อไปข้าจะไล่จินโม่จินเป่าไปให้ไกล รวมถึงเหมียนเหมียนด้วย” หวู่ไฉตงเอ่ยห
ว่านจิ่วซิ่นรู้สึกเสียวเกินบรรยาย นางถูกเขาจับเอวยกขึ้นโขดหิน“เจ็บไหม” หวู่ไฉตงเอ่ยถามก่อนจะมุดหน้าลงไปกลางบุปผา ที่แย้มรอรับเหล่าภมรมาดูดเกสร หลังจากได้คำตอบจากภรรยารักว่าไม่เจ็บว่านจิ่วซิ่นครางถี่ เมื่อลิ้นร้อนของสามีรัวอยู่ในร่องชื้นแฉะของนาง “ไฉตงข้าไม่ไหวแล้ว” นางเอ่ยเสียงค่อยก่อนจะหลั่งน้ำพิสุทธิ์ออกมาอย่างน่าอาย เขากลับไม่รังเกียจกลืนกินน้ำของนางพลางดูดเลีย ทำให้ว่านจิ่วซิ่นเสียวแทบสิ้นใจเขาจับเอวนางยกลงน้ำ แล้วให้นางหันหลังท้าวโขดหิน ก่อนจะสอดใส่ทางด้านหลัง แล้วเริ่มบดสะโพกใส่นางอย่างเชื่องช้า แต่หนักหน่วง ว่านจิ่วซิ่นเสียวจนแทบกรีดร้องแต่นางต้องกัดฟันไว้ เพราะไม่ไกลจากนางและหวู่ไฉตง มีเสียงบุตรสาวหัวเราะสนุกสนานกับการจับปลาอยู่หวู่ไฉตงกระแทกจากเชื่องช้าเป็นเร็วถี่ น้ำบริเวณนั้นกระเพื่อมไหว แตกกระเซ็น เขายิ่งกระแทกแรงขึ้น แรงขึ้นพร้อมหลุดเสียงครางสุขสมออกมา“ท่างพ่อเจ้าค่ะ กงนั้นมีปลาใหญ่ดิ้นแรงหรือ” หวู่เหมียนเหมียนหันไปสนใจ บริเวณหลังโขดหิน ที่บิดามารดาจับปลาอยู่ น้ำแตกกระจายขนาดนั้น ปลาต้องตัวใหญ่แน่เลย นางหันมาหาจินเป่า “ท่านยุงข้าอยากไปจับปลากะท่างพ่อ”หวู่ไฉตงได้ยินเ
“เหมียนเหมียนเด็กดีเปลี่ยนชุดก่อนแล้วแม่จะพาเจ้าเล่นน้ำ” ว่านจิ่วซิ่นบอกกล่าวหวู่ไฉตงและจินโม่จินเป่า ก่อไฟนำเสบียงมาทำอาหาร หวู่ไฉตงทำไข่ตุ๋นให้บุตรสาว แต่บุตรสาวร้องอยากกินปลา เขาและจินเป่าจึงต้องเปลี่ยนชุดลงไปจับปลา“ยุงเป่า เหมียนเหมียนอยากจับด้วย” เหมียนเหมียนน้อย ชอบความตื่นเต้นโลดโผน เล่นน้ำกับท่างแม่ไม่สนุก นางต้องให้ท่างยุงเป่าพาเล่น“คุณหนูอยากจับปลากับข้าน้อยใช่รึไม่ขอรับ” จินเป่าเอ่ยถาม“ยูกต้อง”บางคำเหมียนเหมียนน้อยก็ยังพูดไม่ชัด ซึ่งนั่นทำให้นางยิ่งน่ารักน่าเอ็นดู “คุณหนูรอตรงนั้นนะขอรับ เดี๋ยวลุงไปรับ”“เหมียนเหมียนไม่เล่นกับแม่ แล้วแม่จะเล่นน้ำกับใครล่ะลูก” ว่านจิ่วซิ่นแสดงท่าทีน้อยใจ แก้มป่องพองคล้ายเหมียนเหมียนน้อยมาก“โอ๋ ๆ ท่างแม่ไม่ต้องน้อยใจ เหมียนเหมียนจะบอกให้ท่างพ่อมาเล่นด้วย” เสียงใสราวนกแก้วพูดเจี๊ยวจ๊าวปลอบใจมารดา หากแต่ใจนั้นไปอยู่กับท่างยุงเป่าแล้วหวู่ไฉตงเดินลงน้ำมาหาว่านจิ่วซิ่น ก่อนจะเอ่ยกระซิบข้างหู “อยากตรงนี้ได้หรือไม่” พลางยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อสบตากับภรรยา“อยากอะไรของท่าน” ว่านจิ่วซิ่นมองค้อน เขาไม่เห็นหรือว่าที่ตรงนี้โล่งแจ้ง มีทั้งจินโม่ จินเป่
ว่านจิ่วซิ่นรัวลิ้นบนยอดอกของหวู่ไฉตง แล้วชักมือขึ้นลงเร็วถี่ ไม่นานของเหลวอุ่นร้อนก็พ่นออกมาเต็มฝ่ามือของนาง พร้อมกับเสียงครางที่ฟังแล้วทำให้ว่านจิ่วซิ่นรู้สึกขนลุกขนพอง “ชอบไหม” นางเอ่ยถามหวู่ไฉตงใบหน้าแดงระเรื่อ ไม่คิดไม่ฝันว่าเวลาตนเองมีอารมณ์ราคะ จะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนได้ช่ำชองเพียงนี้“ชอบมาก อาซิ่นข้ารักเจ้านะ” หวู่ไฉตงบอกรัก ก่อนจะอุ้มร่างบอบบางของว่านจิ่วซิ่นไปวางที่เตียง เมื่อครู่นางจัดการเขาจนอ่อนระทวยบนพื้น ครั้งนี้เขาขอเป็นฝ่ายให้ความสุขกับนางบ้าง แต่จะทำบนพื้นไม่ได้หวู่ไฉตงปลดสายคาดเอวว่านจิ่วซิ่นออก แล้วเริ่มจุมพิตบดขยี้ริมฝีปากนางอย่างเร่าร้อน เขาอดทนอดกลั้นมานานเกินไปจึงกินนางราวกับเสือที่หิวโหยว่านจิ่วซิ่นมิได้ขัดขืน นางจูบตอบอย่างร้อนแรงไม่แพ้กัน ในห้องเต็มไปด้วยเสียงหอบเหนื่อย เสียงกระแทก และเสียงครางจินโม่และจินเป่า เลี้ยงคุณหนูน้อยผ่านมาทางห้องนายท่าน เมื่อได้ยินเสียงที่เรียกความสนใจของคุณหนู ก็รีบพาคุณหนูไปเล่นกับเสด็จยายและเสด็จลุง พวกเขาทั้งสองดีใจยิ่ง ที่นายท่านเอาชนะใจฮูหยินสักทีโจวกังเต๋อยังเสียวสันหลังไม่หาย ตอนเห็นว่านจิ่วซิ่นมองนางคณิกาด้วยสายตาเย็นเยีย












Comments