เจียงฉือหันมองทางกู้หว่านเยว่ ศิษย์พี่สะใภ้งดงามถึงเพียงนี้อีกทั้งยังรู้วิชาแพทย์ มองแล้วก็ชมชอบ“ใช่แล้ว พวกเรามาเพื่อตามหาดอกน้ำแข็งนิลจริง”กู้หว่านเยว่ไม่ปิดบังพวกเขา“คนในครอบครัวต้องการใช้ดอกน้ำแข็งนิลมาผสมยา”นายท่านเจียงรีบพูด “ดอกน้ำแข็งนิลนี้เป็นวัตถุดิบยาแบบตะวันตก สรรพคุณทางยายอดเยี่ยมมาก ได้ยินมาว่าเพียงกลีบเดียวก็สามารถนำมาผสมยาได้แล้ว”เขามองทั้งคู่“ในเมื่อพวกเรารู้จัก มิสู้เจ้าข้าพวกเราสองฝ่ายร่วมมือกัน แย่งชิงดอกน้ำแข็งนิล”เขาเองก็ไม่ละโมบ “หากสามารถแย่งดอกน้ำแข็งนิลมาได้ พวกเราขอเพียงกลีบเดียวก็พอ”นายท่านเจียงคิดว่า กู้หว่านเยว่รู้วิชาแพทย์ ในเมื่อดอกน้ำแข็งนิลล้ำค่ามาก ตกอยู่ในมือหมอ ย่อมสามารถดึงประสิทธิภาพสูงสุดออกมาได้กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย กลับคิดไม่ถึงนายท่านเจียงจะใจกว้างถึงเพียงนี้ต้องรู้ว่านอกจากครอบครัวสกุลเจียงสามคนแล้ว พวกเขายังพาบ่าวติดตามมาอีกมาก มองผ่านจำนวนคนดูแล้ว เห็นชัดว่ามากกว่าทางฝั่งกู้หว่านเยว่มากนักภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ล้วนคิดว่าพวกเขามีโอกาสได้รับดอกน้ำแข็งนิล มากกว่าพวกกู้หว่านเยว่ดังนั้นตอนแบ่งกัน สกุลเจียงมีสิทธิ์
หากชายผมขาวเองก็มาหาดอกน้ำแข็งนิล เช่นนั้นเป็นไปได้มากว่าอาจได้พบเขาที่นี่ซูจิ่งสิงเองก็ช่วยตามหาด้วย เพียงแต่ทำให้ทั้งคู่ต้องผิดหวังก็คือ พวกเขาตามหาแล้วหนึ่งรอบก็ไม่พบเงาของชายผมขาว“ดูท่าแล้วเขาไม่ได้อยู่ที่นี่”กู้หว่านเยว่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ซูจิ่งสิงเอ่ยปลอบ“ไม่ต้องกังวล จิ่นเอ๋อร์ต้องไม่เป็นไร”เขาพี่ใหญ่คนนี้กลับใจเย็นลงแล้ว อย่างไรเสียก็รู้ว่าจิ่นเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่กู้หว่านเยว่พยักหน้า กลับเข้ากระโจมพักผ่อนพร้อมซูจิ่งสิงคืนนี้ ภายในใจของทุกคนล้วนกำลังคิดว่าวันพรุ่งนี้ดอกน้ำแข็งนิลจะไปตกอยู่ในมือของผู้ใดเดิมทีทุกคนก็หลับไม่สนิท“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่สะใภ้”เช้าวันต่อมา กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเพิ่งกินขนมปังที่มิติทำขึ้นเรียบร้อย ก็ได้ยินเสียงเจียงฉือนอกกระโจมทั้งคนรีบลุกออกมาเจียงฉือเอ่ยเร่ง “ฟ้าใกล้สว่างแล้ว พวกเรารีบเก็บของ เตรียมออกเดินทางเถอะ”กู้หว่านเยว่หันมองรอบด้าน บัดนี้คนอื่นต่างพากันเริ่มเก็บของ เตรียมเข้าหุบเขาแล้วจะปล่อยให้พวกเขาไปถึงก่อนไม่ได้!“ไป”ทั้งสองคนเคลื่อนไหวว่องไว เก็บกระโจมดีแล้ว ออกเดินทางอยู่ข้างกายคนสกุลเจียงขณะเดียวกัน พาย
“พวกเราทะลุมิติขึ้นไปโดยตรงเถอะ”ดวงเนตรกู้หว่านเยว่โค้งมน เมื่อครู่อยู่ห่างไกลเกินไปไม่สามารถทะลุมิติได้แต่บัดนี้ระบบระบุพิกัดไว้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นระยะทางไม่ไกล นางสามารถพาซูจิ่งสิงทะลุมิติเข้าไปได้ขณะเดียวกันคนมากมายตามหาที่ด้านล่างภูเขาแต่กลับไร้ผล เริ่มทอดสายตามองยอดเขาผู้ที่กำลังวางแผนปีนเขา หนึ่งในนั้นก็คือกลุ่มคนสกุลเจียงกู้หว่านเยว่บอกพวกเขาว่าดอกน้ำแข็งนิลอยู่บนยอดเขา นี่ก็เมตตามากแล้วย่อมไม่อาจถึงขั้นเสี่ยงอันตรายถูกเปิดเผย พาคนสกุลเจียงทะลุมิติไปด้วยกันได้“ไป”นางดึงสายตากลับ จับมือซูจิ่งสิง ทะลุมิติเพียงครั้งเดียว ก็มาอยู่บนยอดเขาแล้วซูจิ่งสิง “....”ก้มหน้ามองจุดดำคล้ายมดก็มิปานเบื้องล่างหากปีนขึ้นมาพวกเขาต้องเหนื่อยแทบตายแน่ รู้ว่าน้องหญิงของเขาหันหลังทีเดียวก็มาถึงยอดเขา คาดว่าจะต้องกระอักโลหิตตายแน่แล้วกระมัง?“สัตว์น้ำแข็งนิล จากนี้ไปขอพึ่งเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่เรียกสัตว์น้ำแข็งนิลออกมาจากมิติระยะนี้ สัตว์น้ำแข็งนิลอยู่อย่างสุขสบายภายในมิติ กลายเป็นสหายกับพวกจูเชวี่ย ย่อมเห็นกู้หว่านเยว่เป็นเจ้านายหลังถูกกู้หว่านเยว่ปล่อยออกจากมิติ มิได้หนีหาย
“ข้าจะหาโอกาสทำให้มันสลบ!”กู้หว่านเยว่เอ่ยเตือน ก็คือขอให้ซูจิ่งสิงไม่ทำให้มันบาดเจ็บก่อน ให้ใช้การหลบเลี่ยงเป็นหลัก“โฮก!”เสือเงินกระโดดขึ้น กรงเล็บหน้ากางออกซูจิ่งสิงอุ้มกู้หว่านเยว่ เหินบินเข้าไปในถ้ำกู้หว่านเยว่พบว่า เสือเงินนั้นคล้ายกำลังขัดขวางมิให้พวกเขาเข้าถ้ำอยู่ตลอด ภายในถ้ำมีอันใดกันเล่า?ในที่สุดกู้หว่านเยว่ก็สบโอกาส ยิงปืนยาสลบลงบนตัวเสือเงินพริบตาเดียว ร่างใหญ่โตของเสือเงินก็ล้มลงบนพื้น ทำให้พื้นใต้ฝ่าเท้าทั้งคู่สั่นเบาๆ“โฮก!”เสือเงินดิ้นสองครั้งอย่างเจ็บปวด สายตาทอดมองภายในถ้ำแวบหนึ่ง“มันคล้ายกำลังปกป้องอะไรบางอย่าง”กู้หว่านเยว่พูดออกมา เดินมาหยุดต่อหน้าเสือเงินเสือเงินมีรูปร่างใหญ่โต ปืนยาสลบนี้ทำให้มันขาดความสามารถในการเคลื่อนไหว แต่มิได้ทำให้มันหมดสติไป“โฮกโฮก...” เสียงอ่อนแรงของเสือเงิน เจือคำวิงวอนสองส่วนอาจเพราะสายตาเสือเงินน่าสงสารเกินไปแล้ว กู้หว่านเยว่ตัดสินใจเข้าไปดูภายในถ้ำก่อน“ไป พวกเราเข้าไปดูภายในถ้ำ ตกลงเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่”“ได้”ซูจิ่งสิงเองก็มองออก ท่าทีของเสือเงินคล้ายกำลังปกป้องบางอย่างทั้งสองคนเข้าไปภายในถ้ำ สิ่งที่ท
“นี่ นี่ไม่ใช่...”แววตากู้หว่านเยว่สั่นไหวเล็กน้อย เมื่อมองดูสิ่งที่อยู่บนขาเสือเงินตัวเมียซูจิ่งสิงเองก็ชะงักไป เห็นเพียงบนขาของเสือเงินตัวนั้น ไม่รู้ทำไมจึงมีพืชต้นหนึ่งขึ้นอยู่ต้นพืชต้นนั้นเป็นสีขาวโปร่งแสงทั้งต้น ใบราวกับทำขึ้นจากน้ำแข็ง เป็นผลึกใสแวววาวสิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนตะลึงยิ่งกว่า คือบนปลายยอดของพืชต้นนั้นมีดอกไม้สีขาวหนึ่งดอกเบ่งบานกลีบดอกของมันราวกับสลักออกมาจากน้ำแข็ง เป็นผลึกใสวาว บางดั่งปีกจักจั่น มีกลิ่นอายความเย็นแผ่ซ่านทั่วต้น“นี่ นี่มันดอกน้ำแข็งนิล!”กู้หว่านเยว่ดีใจจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดีได้มาโดยไม่ต้องเสียแรงเปล่า นึกไม่ถึงว่าพวกนางใจดีอยากเข้ามาดูเสือเงินตัวนี้ ทว่าสุดท้ายกลับพบดอกน้ำแข็งนิลบนตัวเสือเงิน!“มิน่าตอนระบบล็อคเป้าดอกน้ำแข็งนิลนั้น พบว่าดอกน้ำแข็งนิลเคลื่อนไหวตลอด”กู้หว่านเยว่เข้าใจทันทีอาจเพราะดอกน้ำแข็งนิลเติบโตบนร่างกายเสือเงิน เมื่อเสือเงินเคลื่อนไหว ตำแหน่งของดอกน้ำแข็งนิลจึงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดนี่จึงอธิบายได้ว่า ทำไมทั้งที่นายพรานบอกว่าพบดอกน้ำแข็งนิลก้นหุบเขา แต่ขณะนี้ดอกน้ำแข็งนิลกลับมาปรากฏบนยอดเขาทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ซูจิ
“รากได้ชอนไชเข้าไปในขาของมันแล้ว อยากจะนำออกมาทั้งต้น คงเป็นเรื่องยากไม่น้อย”กู้หว่านเยว่ถอนหายใจ จากนั้นรวบรวมสมาธิ เข้าสู่การผ่าตัดในขณะที่การผ่าตัดดำเนินไปได้ครึ่งทาง เสือเงินตัวผู้ที่ก่อนหน้านี้ถูกพวกนางใช้ปืนยาสลบยิง วิ่งเข้ามากะทันหันอาจเพราะฤทธิ์ยาสลบยังไม่หายไปทั้งหมด ตอนมันเดินเข้ามายังโซเซเล็กน้อยสีหน้าซูจิ่งสิงย่ำแย่ หากเสือเงินตัวผู้ทำร้ายพวกเขาในเวลาอย่างนี้ เรื่องนี้จะรับมือได้ยากมากสรุปสิ่งที่ทำให้พวกเขาแปลกใจคือ เสือเงินอาจมีสติปัญญาจริง เมื่อเห็นการกระทำของกู้หว่านเยว่ มันกับเสือเงินตัวเมียสบตากันหนึ่งครั้ง“โฮก”อาจเพราะรับรู้ว่ากู้หว่านเยว่กำลังช่วยคู่ตัวเมียของมัน ดังนั้นมันจึงไม่ได้เลือกจะเข้ามาโจมตี แต่ทำเหมือนซูจิ่งสิงโดยรออยู่ด้านข้างหนึ่งคนหนึ่งเสือช่วยคุ้มกันพวกนาง ภาพที่เกิดขึ้นรู้สึกอบอุ่นและน่าขันอย่างประหลาดหน้าผากกู้หว่านเยว่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็นำดอกน้ำแข็งนิลต้นนี้ออกมาจากขาเสือเงินตัวเมียได้สักที“สำเร็จแล้ว!”กู้หว่านเยว่ดีใจมากนางรีบนำดอกน้ำแข็งนิลใส่ไว้ในกล่องหยก จากนั้นเก็บเข้าไปในมิติเมื่อใดที
ลูกศรลอบยิงดอกนี้มาอย่างกะทันหัน จนกู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงไม่ทันตั้งตัวสักนิดเสือเงินตัวเมียถูกยิงที่ลำคอ จึงส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด เลือดสดพุ่งออกมาเป็นสายกู้หว่านเยว่โมโหมาก“ใครกัน? !”นางหันมองทางปากถ้ำ เห็นเพียงเหิงสุยสุ่ยพาคนกลุ่มหนึ่งบินเข้ามาทางนี้“น่าเสียดาย ทำไมไม่ยิงเจ้าให้ตายไปเลย!”เหิงสุยสุ่ยสายตาอำมหิต ในมือถือคันธนูเล่มหนึ่ง ลูกศรลอบยิงเมื่อครู่นางเป็นคนยิงกู้หว่านเยว่เห็นนางยิงเสือเงินตัวเมียจนบาดเจ็บ ยังกำเริบเสิบสานเพียงนี้ จึงโกรธแค้นมาก“คุณหนูใหญ่ ท่านดูสิว่านั่นคือสิ่งใด”ข้างกายเหิงสุยสุ่ยมีชายชราสวมชุดคลุมยาวคนหนึ่ง เขาชี้ไปด้านหลังกู้หว่านเยว่พร้อมอุทานที่นั่นมีใบของดอกน้ำแข็งนิลหลงเหลือไว้หลายใบ“นั่นคือดอกน้ำแข็งนิล!”เหิงสุยสุ่ยถึงได้รู้สึกตัว “ดอกน้ำแข็งนิลอยู่บนตัวพวกเจ้าหรือ!”มุมปากนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเหยียด “ปิดปากถ้ำไว้ อย่าให้พวกเขาหนีไป”“โฮก!”เสือเงินตัวผู้ถูไถกับเสือเงินตัวเมียที่หายใจรวยริน สายตาโกรธแค้น“ข้าขอเตือนให้พวกเจ้ามอบดอกน้ำแข็งนิลออกมาโดยดี ไม่อย่างนั้นจะให้พวกเจ้าตายอย่างทรมาน”วาจาเหิงสุยสุ่ยโอหังมาก อาจเพราะ
นางตรวจดูสถานการณ์ของเสือเงินตัวเมียสักครู่ จากนั้นขมวดคิ้วแน่นโชคดีที่ไม่ถูกหลอดลมและหลอดเลือดแดงใหญ่ ถือว่าโชคดีในโชคร้ายเนื่องด้วยสถานการณ์คับขัน กู้หว่านเยว่ไม่มีเวลาดึงลูกศรให้มันครุ่นคิดสักครู่ จึงเก็บเสือเงินสองตัวนี้เข้าไปในมิติพร้อมกันแล้วปล่อยพวกมันไว้ข้างน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะ ขอให้เสือเงินตัวเมียดื่มน้ำแร่เข้าไปสักคำสองคำเมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น กู้หว่านเยว่น้ำยาทำลายศพที่ปรมาจารย์แพทย์ให้นาง เทลงบนตัวลูกศิษย์สำนักวั่นจง จากนั้นจึงตามซูจิ่งสิงไปนักพรตเฒ่าคนนั้นเจ้าเล่ห์มาก เมื่อออกจากถ้ำก็ไปสถานที่ที่คนเยอะทันทีขณะนี้มีคนไม่น้อยปีนขึ้นมาจากเชิงเขา และกำลังค้นหาไปทั่วกู้หว่านเยว่เห็นว่ามีคนเยอะ จึงเก็บปืนเข้าไปในมิติเปลี่ยนเป็นหน้าไม้แทน“ฟิ่ว!”ลูกศรยิงถูกต้นขาของนักพรตเฒ่านักพรตเฒ่าร้องโหยหวน อาจเพราะรู้สึกว่าตัวเองยากจะหนีรอด ทันใดนั้นจึงตะโกนใส่ฝูงชนโดยไม่สนใจสิ่งใด“ดอกน้ำแข็งนิลอยู่ในมือสามีภรรยาคู่นี้!”“ทุกคนรีบมาเร็ว ดอกน้ำแข็งนิลอยู่ในมือพวกเขา!”สีหน้ากู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงเปลี่ยนไป“สมควรตาย”นักพรตเฒ่าไร้ยางอายมาก สมกับเป็นลูกน้องข
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้