“ตกลง” หลิ่วเพียวเพียวรีบพยักหน้า เรียนรู้อย่างอดทนในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน คนสกุลหลี่ก็เดินเข้ามาจากด้านนอก“เจี่ยอวิ๋น ทำไมพวกเจ้าถึงรีบร้อนจะย้ายออกไปนัก?”ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แตกต่างจากตอนที่สงสัยว่าเจี่ยฮูหยินขโมยรังนกไปในวันนั้นราวกับเป็นคนละคน“ก็ใช่น่ะสิ ทำไมน้องชายถึงไม่พักที่สกุลหลี่ของเราอีกสักสองวันเล่า”คุณชายหลี่ก็เสริมขึ้นมาด้วยแม้ว่าทั้งสองจะกำลังคุยกับเจี่ยอวิ๋น แต่สายตากลับมองไปทางกู้หว่านเยว่อยู่บ่อยครั้ง“นี่ นี่คือญาติผู้น้องของภรรยาของท่านกระมัง?”“บังอาจนัก”ชิงเหลียนชักมีดออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา“เห็นพระชายาแต่ไม่ทำความเคารพ มัวมองอะไรอยู่?”สองแม่ลูกสกุลหลี่ตกใจกลัวจนทนไม่ไหวทั้งสองเพิ่งเข้ามา ในใจยังมีเจตนาชั่วร้ายอยู่หากรู้ว่าหลิ่วเพียวเพียวและพระชายาเป็นญาติพี่น้องกัน พวกเขาคงทำแบบผักชีโรยหน้าไปแล้วบัดนี้เป็นเรื่องเป็นราว น่าอึดอัดยิ่งนักทั้งสองรีบคุกเข่าลง หลี่ฮูหยินกล่าวว่า “พระชายาโปรดอภัยด้วย ข้าคิดว่าท่านและภรรยาของเจี่ยอวิ๋นเป็นญาติพี่น้อกัน พวกเราก็ถือว่าเป็นญาติพี่น้องกันด้วย จึงไม่ได้คิดอะไรมาก”“ใช่แ
สกุลหลี่เห็นลูกชายสำคัญมากกว่าลูกสาว จึงไม่ชอบลูกสาวสองคนนี้เลยและนี่ก็เป็นสาเหตุที่เจี่ยหงไม่มีสิทธิ์มีเสียงในสกุลหลี่เลยสักนิดแต่ถึงอย่างไรเด็กสองคนนี้ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลหลี่หากหย่าร้างไป สกุลหลี่จะไม่ยอมให้นางพาลูกไปด้วยแน่นอน“พวกนางล้วนเป็นก้อนเนื้อที่มาจากตัวข้า ข้าอยู่ไม่ได้หากไม่มีพวกนาง”เจี่ยหงเช็ดน้ำตาที่หางตา“ไม่ต้องสนใจข้า ดูแลเพียวเพียวอย่างสบายใจเถอะ”เจี่ยอวิ๋นถอนหายใจ ในใจรู้สึกแย่ยิ่งนัก“ในช่วงนี้ ข้ากับเพียวเพียวจะอาศัยอยู่ในเมืองจางโจว หากท่านมีเรื่องคับข้องใจอันใด ก็ไปบอกพวกข้าสองคน ข้าจะมาจัดการให้ท่านแน่นอน”“อืม”เจี่ยหงลูบแขนโดยสัญชาตญาณ ไม่กล้าเอ่ยปากพูด“เราไปกันเถอะ อย่าให้น้องหญิงต้องรอจนร้อนใจ”หลิ่วเพียวเพียวเอ่ยเตือนสติ กู้หว่านเยว่ยุ่งอยู่กับการงานต่าง ๆ ก็ยังหาเวลามารับนาง นางไม่อยากให้กู้หว่านเยว่รอนานเกินไป“ตกลง”เจี่ยอวิ๋นพยักหน้า พลางลูบไล้ใบหน้าของหลานสาว“เด็กดี วันหลังลุงจะมาหาเจ้าใหม่” ก่อนจะออกไปกับหลิ่วเพียวเพียวทันทีที่ทั้งสองจากไป ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ทางด้านหลังที่อึดอัดใจอยู่นานก็ปรี่เข้ามาพร้อมกับคุณชายหลี่
พูดไปก็ทุบตีและถีบเจี่ยหงอีก ไม่สนใจเลยว่าลูกสาวจะร้องไห้งอแงอยู่ข้าง ๆช่วงนี้เจี่ยหงถูกทุบตีอย่างโหดเหี้ยมอยู่หลายครั้ง คราวนี้ถูกถีบหลายครั้ง มีอยู่สองครั้งถีบเข้าที่ท้องของนางพอดีหลังจากนั้นไม่นานก็มีเลือดไหลออกมาจากหว่างขาทั้งสองของนางสติของนางค่อย ๆ เลือนราง และสลบไปอย่างรวดเร็ว“ท่านแม่!” เหลือเพียงเสียงร้องไห้ของลูกสาวตัวน้อย“เอาข้าวของไปหมดแล้วหรือยัง?”กู้หว่านเยว่ที่อยู่ด้านนอกประตูให้ชิงเหลียนช่วยประคองหลิ่วเพียวเพียวขึ้นรถม้าทั้งคณะมาถึงจวนสกุลหลิว หลิวชวี่ได้ให้พ่อบ้านทำความสะอาดเรือนไว้ก่อนหน้านี้แล้วเมื่อเห็นรถม้ากลับมา พ่อบ้านก็เข้ามาต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเอง“ท่านแม่ทัพและท่านอ๋องไปที่กำแพงเมืองแล้ว ทิ้งข้าน้อยไว้รอต้อนรับ”พ่อบ้านอธิบาย กู้หว่านเยว่พยักหน้าระหว่างมื้ออาหารเช้า ซูจิ่งสิงบอกว่าวันนี้เขาจะไปที่กำแพงเมืองเพื่อดูแผนผังการจัดวางกำลังป้องกันเสียหน่อย“ไปกันเถอะ”กู้หว่านเยว่ให้พ่อบ้านนำทางอยู่ข้างหน้า ส่วนตัวเองคอยประคองหลิ่วเพียวเพียวอยู่ทางด้านหลังขณะที่เข้าไป ก็เห็นคณะละครกลุ่มหนึ่งเข้ามาทางประตูข้างพอดี“ท่านแม่ทัพเชื่อฟังคำพูดของท่า
“ยาพูดความจริงที่ปรมาจารย์แพทย์ให้ข้ามายังเหลืออยู่เล็กน้อย เพียงพอแล้ว”กู้หว่านเยว่ให้ซูจิ่งสิงนำทางไปคนถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินของเมืองจางโจว ที่แห่งนี้โดยทั่วไปจะใช้คุมขังผู้สืบราชการลับและข้าศึกต่างแดน“เป็นผู้หญิงหรือ?”แล้วยังเป็นหญิงสาวอีกด้วยมวยผมสีดำขลับ หน้าตาสะสวย ดูท่าทางอายุยี่สิบกว่าเท่านั้นกู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจ นางยังนึกว่าคนที่รู้เรื่องราวในอดีตของอดีตรัชทายาท อย่างน้อยต้องมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนางหยางและซูจิ้ง“ปล่อยข้านะ!”เจี่ยชิงอวิ๋นดิ้นรน ร่างกายของนางถูกตรึงด้วยโซ่เหล็กซูจิ่งสิงนำจดหมายลับออกมาฉบับหนึ่ง จดหมายนี้พบจากการค้นตัวเจี่ยชิงอวิ๋น“พูดมา อดีตรัชทายาทที่กล่าวถึงในจดหมายถูกใครสังหารกันแน่ ผู้บงการคือใคร”ที่แท้ ขณะที่ซูจิ่งสิงลาดตระเวนกำแพงเมืองในวันนี้ จู่ ๆ เจี่ยชิงอวิ๋นก็เหาะเหินออกมาเพื่อสังหารเขาเขาคิดว่านางเป็นเพียงนักฆ่าธรรมดา แต่องครักษ์จันทรากลับพบจดหมายลับจากการค้นตัวนางในแต่ละบรรทัดมีการกล่าวถึงว่า ต้องสังหารซูจิ่งสิงให้ได้ จะให้ความจริงเรื่องการสิ้นพระชนม์ของอดีตรัชทายาทรั่วไหลออกไปไม่ได้“ฮึ ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดเ
แสดงให้เห็นว่า เจี่ยชิงอวิ๋นไม่รู้จริง ๆ ว่าอดีตรัชทายาทสิ้นพระชนม์อย่างไรซูจิ่งสิงเห็นดังนั้น ในดวงตาก็เผยความเสียใจออกมา ทำได้เพียงสอบถามเจี่ยชิงอวิ๋นต่อไป“ในเมื่อเจ้าไม่รู้ว่าอดีตรัชทายาทสิ้นพระชนม์อย่างไร แล้วเหตุใดจึงกล่าวถึงเขาในจดหมาย?”เจี่ยชิงอวิ๋นตอบอย่างตรงไปตรงมา “นี่คือคำสั่งจากเบื้องบน”“คนที่อยู่เบื้องบนคือใคร?”ซูจิ่งสิงซักถามต่อไป“หัวหน้าขันทีเจี่ยงฝูไฉ เขาเป็นพ่อบุญธรรมของข้า” เจี่ยชิงอวิ๋นตอบอย่างซื่อตรงใบหน้าของกู้หว่านเยว่เผยความอยากรู้อยากเห็นออกมา“คนผู้นี้เป็นใคร? เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน”ซูจิ่งสิงอธิบายให้นางฟังที่ข้างหู“นี่คือหัวหน้าขันทีในวัง และเป็นสมุนของฮ่องเต้ชั่วด้วย”ตอนที่ถูกยึดทรัพย์และเนรเทศ ก็เป็นคนผู้นี้ที่ประกาศคำตัดสินโทษของเขาดังนั้นซูจิ่งสิงจึงมีความทรงจำต่อคนผู้นี้เป็นอย่างดี“ได้ยินมาว่าเขาติดตามฮ่องเต้ชั่วมาตั้งแต่ยังเป็นญาติพี่น้องร่วมวงศ์ตระกูล ดังนั้นฮ่องเต้ชั่วจึงไว้ใจเขามาก”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางเข้าใจแล้ว“เนื่องจากหัวหน้าขันทีผู้นี้เป็นคนของฮ่องเต้ชั่ว นั่นก็หมายความว่า หญิงผู้นี้ฝ่ายฮ่องเต้ชั่วเป็นผู้ส
สีหน้าของกู้หว่านเยว่บึ้งตึงจนน่ากลัว“พวกท่านจะฆ่าข้าไม่ได้ มิฉะนั้น ก็รอเก็บร่างของซูจิ่งสิงได้เลย”เจี่ยชิงอวิ๋นถอนหายใจออกมายังโชคดี ที่พิษกำเริบในช่วงเวลาสำคัญ“เป็นพิษที่เจ้าวางไว้”กู้หว่านเยว่ไม่สนใจเจี่ยชิงอวิ๋น รีบนำยาถอนพิษออกมาหนึ่งเม็ด ยัดใส่ในปากของซูจิ่งสิง“ไปเอาน้ำมา”นางออกคำสั่งฉู่เฟิง“ขอรับ” ฉู่เฟิงก็ตกใจเช่นกัน รีบออกไปถือน้ำชาเข้ามาหนึ่งถ้วยกู้หว่านเยว่อาศัยความมืดสลัวในคุกใต้ดิน พวกเขามองไม่เห็นเงื่อนงำใด ๆ เปลี่ยนน้ำชาในถ้วยชาให้เป็นน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ แล้วกรอกใส่ปากซูจิ่งสิงหลังจากเสร็จสิ้นการกระทำชุดนี้ สายตาอันเย็นชาถึงได้จับจ้องไปที่เจี่ยชิงอวิ๋น“อย่าเพิ่งฆ่านาง พานางมาที่จวนแม่ทัพ”นางสงสัยว่าพิษในร่างกายของซูจิ่งสิงไม่ได้ธรรมดาอย่างนั้น“นายท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”ฉู่เฟิงถามด้วยความกังวลกู้หว่านเยว่ส่ายศีรษะ เวลานี้ซูจิ่งสิงหมดสติไปแล้วอย่างสมบูรณ์นางโอบเอวซูจิ่งสิงขึ้นมาทันที แล้วก้าวออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วทุกคน: !พละกำลังของพระชายาช่างมหาศาลนัก!กู้หว่านเยว่เหาะเหินตรงขึ้นไปบนรถม้า ขณะที่ชิงเหลียนยังอยู่ข้างนอกคุกใต้ดิน เมื่อเ
ที่น่าเสียดายก็คือ กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า“หนอนกู่ทั่วไปข้ายังสามารถถอนพิษได้ แต่หนอนกู่ชนิดนี้ในร่างกายของท่านพี่นั้นมีฤทธิ์ร้ายแรงมาก ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถถอนพิษได้หรือไม่”กู้หว่านเยว่พลิกดูตำราโบราณเกี่ยวกับหนอนกู่ในมือนางเชี่ยวชาญในการใช้ทักษะทางการแพทย์และทักษะด้านการใช้พิษ เรื่องหนอนกู่ แค่รู้เพียงผิวเผินเท่านั้นหากพบหนอนกู่ที่มีฤทธิ์ร้ายแรงมาก การฝืนถอนพิษมีแต่จะเป็นผลเสียต่อผู้ที่ถูกพิษอย่างเบาจะทำลายรากฐาน อย่างหนักอาจจะเสียชีวิตในทันทีกู้หว่านเยว่บอกเล่าความร้ายแรงออกมาหลิวชวี่ฟังจบใบหน้าก็ขมวดมุ่นทันที“พูดเช่นนี้ ท่านเองก็จนปัญญา แล้วจะทำอย่างไรดี ข้าเองก็ไม่รู้จักผู้เชี่ยวชาญที่สามารถถอนพิษกู่ได้”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง “เจี่ยชิงอวิ๋นล่ะ?”จากการแสดงออกของเจี่ยชิงอวิ๋นในคุกใต้ดินเมื่อสักครู่ กู้หว่านเยว่สามารถมั่นใจได้หนึ่งร้อยส่วนแล้วว่า หนอนกู่ในร่างกายของซูจิ่งสิงต้องถูกเจี่ยชิงอวิ๋นปล่อยออกมาแน่นอน“ถูกขังอยู่ห้องถัดไป”หลิวชวี่เอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง“ข้าได้ยินฉู่เฟิงบอกเล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวแล้ว คิดว่าหญิงผู้นี้ไม่ใช่ธรรมดา ดังนั้นจึงจับนางม
“พระชายาอ๋องเจิ้นเป่ย ท่านไม่เคยได้ยินประโยคหนึ่งหรือ?”แววตาของเจี่ยชิงอวิ๋นเผยความเกลียดชังออกมา“ท่านไม่ได้ฆ่าปั๋วเหริน แต่ปั๋วเหรินก็ตายเพราะท่าน”ซูจิ่งสิงไม่เคยทำร้ายนาง แต่คนในครอบครัวของนางก็ตายเพราะเขากู้หว่านเยว่นึกอะไรได้บางอย่าง พลางเชยตาขึ้นอย่างเฉียบแหลม “เจ้าสกุลเจี่ย เจ้าคือบุตรสาวของเจ้าเมืองเจี่ยแห่งเจียงหนาน!”รูม่านตาของเจี่ยชิงอวิ๋นหดตัวลง “ท่าน!” คนผู้นี้ฉลาดขนาดนี้เชียวหรือ?”เรื่องนี้จะโทษนางก็ไม่ได้ตอนที่ซูจิ่งสิงใช้ยาพูดความจริงกับนาง นางสูญเสียความตระหนักรู้ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าตัวเองได้เรียกชื่อเดิมออกไปแล้วและในขณะที่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงกำลังสืบสวนการสิ้นพระชนม์ของอดีตรัชทายาท ก็เคยเห็นขุนนางที่ติดตามอดีตรัชทายาทไปลาดตระเวนในเจียงหนานจากในเอกสารราชการมีขุนนางสกุลเจี่ยอยู่คนหนึ่ง ดูแลจัดการคลองเดินเรืออยู่อดีตรัชทายาทบังเอิญเกิดอุบัติเหตุในคลองเดินเรือที่เขาดูแลจัดการอยู่ฮ่องเต้ผู้ล่วงลับต้องสูญเสียบุตรอันเป็นที่รักไปอย่างเจ็บปวดด้วยความโกรธดั่งสายฟ้าฟาด สกุลเจี่ยทั้งครอบครัวถูกจองจำในเรือนจำใหญ่ด้วยเหตุที่ดูแลจัดการไม่ดีสุดท้าย คนสกุ
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป