ฮ่องเต้ผู้ดุดัน เย็นชา และน่าเกรงขามที่สุดในแผ่นดินกลับต้องสิ้นท่าให้กับหญิงสาวตัวเล็ก ๆผู้เอาแต่นอนหลับกลางวัน นางไม่ได้มีอำนาจ ไม่ได้มีกลอุบายใด ๆแต่กลับทำให้ฮ่องเต้ทรราชยอมอ่อนข้อให้ทั้งหัวใจ
View More"ให้ตายเถอะ นางร้ายเรื่องนี้จะมีชะตาชีวิตที่น่าอดสูเกินไปแล้ว ถูกเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะเพื่อเป็นลูกชังยังไม่พอ ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยการดูสีหน้าของคนในจวนอยู่ตลอดเวลา ที่แย่ไปกว่านั้นนางยังมีจิตใจทะเยอะทะยานอยากจะเทียบเคียงกับบุตรสาวแท้ๆ ของตระกูลเมิ่งอีกด้วย ช่างไม่เจียมตัวเลยจริงๆ
ฉันอ่านจนจบเล่มแล้ว รู้สึกสงสารตัวละครนี้ได้ไม่สุดจริงๆ มันทั้งสงสารและหมั่นไส้ในคราวเดียวกัน ช่างเป็นนางร้ายที่ไม่ได้เรื่องได้ราวเลยสักอย่าง สุดท้ายแล้วนางก็ตายเพราะความทะเยอะทะยานของตนเอง ส่วนพระเอกที่เป็นท่านโหวก็ปากจัดด่านางร้ายสาดเสียเทเสีย นางเอกที่ชื่อเมิ่งลี่หรูผู้นั้นก็ทำตัวเหมือนแม่ดอกบัวขาวอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายแล้วพระเอกก็เลือกแต่งงานกับนางเอกได้ครองคู่กันไปชั่วชีวิต ตัวร้ายต่างพ่ายแพ้หมด ช่างเป็นนิยายเรื่องสั้นเพ้อฝันที่บอกเล่าเรื่องราวความรักลึกซึ้งของท่านโหวผู้เก่งกาจกับแม่ดอกบัวขาวคนงามโดยเฉพาะ ส่วนตัวละครอื่นๆ ก็กลายเป็นตัวประกอบเสริมบทให้พระนางรักกันหวานซึ้ง ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยแม้แต่น้อย
เห้อ หากฉันทะลุมิติไปอยู่ในร่างนางร้ายได้นะ ฉันจะทำให้หล่อนเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้ ไม่ต้องมาปักใจรักผู้ชายที่ไม่ได้รักตัวเอง ไม่ต้องทะเยอะทะยานอยากได้อยากมีในสิ่งที่ไม่ใช่ของตน ใช้ชีวิตให้มีความสุขอยู่เงียบๆ การมีชีวิตอย่างสงบสุขก็คือความสุขอย่างถึงที่สุดแล้ว”
เอ่ยจบเมิ่งอ้ายเยว่ก็โยนนิยายเล่มนั้นเข้าไปกองรวมกับกองหนังสือที่เจ้าหล่อนเคยอ่านมาแล้วอย่างไม่ใส่ใจ นิยายเรื่องนี้เธอไม่มีทางหยิบขึ้นมาอ่านซ้ำ
เหตุผลอีกประการที่เธอไม่คิดจะอ่านมันซ้ำก็คือ นางร้ายในเรื่องนี้ดันชื่อเหมือนกับเธอทุกตัวอักษร บัดซบจริงๆ! เธอไม่ได้นิสัยแย่เหมือนนางร้ายในนิยายผู้นั้นเลยสักนิด
เมิ่งอ้ายเยว่ทิ้งกายลงนอนบนเตียง แล้วจึงใช้แผ่นเจลเย็นมาวางประคบเอาไว้ที่ดวงตาทั้งสองข้าง วันนี้เธออ่านนิยายนานไปหน่อยเลยรู้สึกปวดดวงตาขึ้นมาเสียดื้อๆ
เธอมีชื่อว่าเมิ่งอ้ายเยว่ ตอนนี้อายุยี่สิบห้าปีแล้ว สถานะยังไม่มีแฟน ยังไม่แต่งงาน มีอาชีพเป็นสาวออฟฟิศที่เข้างานเช้าออกงานดึก กินมาม่าประทังชีวิต ก่อนนอนก็มาร์คหน้านิดหน่อย อ่านนิยายฆ่าเวลาเล็กน้อย จากนั้นก็นอนหลบอุตุอยู่บนเตียง เก็บแรงเอาไว้เพื่อทำงานในเช้าวันต่อไป เธอมีความฝันว่าอยากจะมีแฟนที่่ร่ำรวยสักคน เขาถนอมเธอเหมือนไข่มุก ไม่ให้เธอทำงานอะไรเลย นอกจากกินๆ นอนๆ ตื่นสายได้ตามใจชอบ แต่ชีวิตจริงคงไม่มีหรอกผู้ชายแบบนี้ คงมีแต่ในนิยายเท่านั้นล่ะ เฮ้อ!
เมิ่งอ้ายเยว่ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อมองไปยังนาฬิกาที่แขวนเอาไว้บนฝาผนังห้อง ก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าๆ แล้ว วันนี้เธออ่านนิยายจนเพลินไปหน่อยจึงเผลอนอนดึก อย่างไรคงต้องรีบเข้านอนแล้ว ขอบตาจะได้ไม่ดำเป็นหมีแพนดาด้า
ว่าจบเมิ่งอ้ายเยว่ก็ปิดไฟเข้านอน แต่ทว่าเพิ่งจะหลับไปได้ครึ่งชั่วโมง หญิงสาวก็รู้สึกแน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก เธอขยับตัวพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงด้วยความทรมาน
ให้ตายเถอะ!หรือว่ากินขาหมูก่อนนอนเลยทำให้ท้องแน่นจุกเสียด
โอย!หายใจไม่ออก
เมิ่งอ้ายเยว่เปล่งเสียงร้องครวญครางออกมาแผ่วเบา ก่อนจะหมดสติไปในทันที
เมืองหลวงแคว้นเยี่ย
จวนตระกูลเมิ่ง
"คุณหนูเจ้าคะ ท่านรีบตื่นขึ้นมาล้างหน้าผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนเถอะเจ้าค่ะ หากไปคารวะยามเช้าไม่ทัน ฮูหยินใหญ่ได้โมโหท่านอีกแน่!"
เสียงของสตรีน้อยนางหนึ่งที่เอ่ยอย่างร้อนลนอยู่ข้างหู ทำเอาเมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับย่นหว่างคิ้ว ใครกันที่มารบกวนเวลานอนอันแสนสุขของเธอ!
อยู่ๆ เมิ่งอ้ายเยว่ก็ลืมตาโพลงขึ้นมา เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเช้านี้ตนเองมีประชุมในตอนเช้า หากไปสายนอกจากจะโดนหัวหน้าเล่นงานแล้ว อาจจะต้องระเห็จไปหางานใหม่ทำอีกด้วย!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงดีดกายลุกขึ้นมานั่ง แต่ทว่ากลับเหลือบไปเห็นสตรีน้อยนางหนึ่งกำลังนั่งมองนางตาปริบๆ อยู่ข้างเตียงนอน สตรีน้อยผู้นี้หน้าตาน่ารัก ดูแล้วอายุน่าจะสิบสามสิบสี่ปีไม่เกินนี้ นางแต่งกายเหมือนสาวใช้ในซีรี่ย์จีนโบราณ เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เป็นผ้าเนื้อหยาบ เด็กสาวถักเปียคู่สองข้างดูน่ารักยิ่ง เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับย่นหว่างคิ้วด้วยความสงสัย
ใครกันละเนี่ย? หรือแม่บ้านมาทำความสะอาดห้องนอน แต่หล่อนยังอายุน้อยอยู่เลยนี่นา หรือว่าจะเป็นลูกสาวป้าแม่บ้าน แล้วใส่ชุดจีนโบราณมาทำกัน เป็นนักคอสเพลย์เหรอ?
"น้องคะ น้องเข้ามาในห้องพี่ได้ยังไง หรือว่ามาช่วยแม่ทำความสะอาดห้องนอนให้พี่ ชุดที่น้องใส่สวยดีนะคะ เป็นสาวคอสเพลย์เหรอ?"
สาวใช้น้อยนามว่า อาหมี่ เมื่อได้ยินเจ้านายตนเอ่ยถามด้วยภาษาประหลาดพิลึกกึกกือก็ถึงกับตื่นตระหนก หรือว่าเมื่อคืนนี้คุณหนูจะคับแค้นใจเพราะถูกเถียนฮูหยินเรียกไปตำหนิ จึงโมโหจนธาตุไฟเข้าแทรกและสติเพ้อพกไปเสียแล้ว
เมื่อเห็นว่าสาวน้อยตรงหน้าไม่ตอบคำถามอีกทั้งยังมองนางแปลกๆ เมิ่งอ้ายเยว่ก็เริ่มสงสัย นางใช้สายตากวาดมองไปทั่วห้อง แล้วจึงพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นี่มันไม่ใช่ห้องฉันนี่!
แล้วฉันอยู่ที่ไหนกันละเนี่ย?
เมิ่งอ้ายเยว่หันรีหันขวางแล้วจึงมองมาที่อาหมี่อีกหน
"น้องชื่ออะไรคะ?"
"คุณหนู ท่านเสียสติจนลืมแม้กระทั่งชื่อบ่าวแล้วหรือเจ้าคะ บ่าวชื่ออาหมี่ เป็นสาวใช้ของคุณหนูอย่างไรเล่า!"
สาวใช้ ชื่ออาหมี่?
ชื่อที่แสนคุ้นเคยนี้ทำเอาเมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับชะงัก อาหมี่ที่เห็นอย่างนั้นก็รู้สึกเป็นห่วงเจ้านายตนจับใจ
"คุณหนูใหญ่ ท่านรีบแต่งตัวแล้วไปคำนับเถียนฮูหยินเถอะเจ้าค่ะ หากชักช้าจะโดนดุเอาได้"
ชื่อตัวละครใหม่นามว่าเถียนฮูหยินทำเอาเมิ่งอ้ายเยว่เริ่มตะหงิดในใจขึ้นมา
"อาหมี่ เธอบอกฉันทีสิว่า ที่นี่คือที่ไหน?"
อาหมี่แม้จะงุนงงอย่างหนัก แต่ก็ยังตอบคำถามเจ้านายอย่างนอบน้อม
"เรียนคุณหนู ที่ี่นี่คือจวนตระกูลเมิ่ง ใต้เท้าเมิ่งของพวกเรารั้งตำแหน่งเสนาบดีกรมพระคลัง มีเถียนฮูหยินเป็นภรรยาเอก นางมาจากตระกูลบัณฑิตที่มีชื่อ ส่วนท่าน เอ่อ ท่านก็คือคุณหนูใหญ่เมิ่งอ้ายเยว่ที่เถียนฮูหยินรับมาเลี้ยงดูตั้งแต่แบเบาะ ยามนั้นเถียนฮูหยินยังไม่มีบุตร ไต้ซือได้ทำนายทายทักว่าให้นำเด็กหญิงที่มีวันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากตามที่ไต้ซือทำนายมาเลี้ยงเอาไว้ข้างกายเป็นบุตรบุญธรรม แล้วจึงจะสามารถตั้งครรภ์ได้ เถียนฮูหยินจึงสืบเสาะหาเด็กสาวที่ตนต้องการ จนได้พบกับท่านที่นอกเมืองหลวง ซึ่งท่านมีวันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากตรงตามที่ไต้ซือทำนายพอดี
เถียนฮูหยินจึงซื้อตัวท่านจากครอบครัวชาวนายากจนครอบครัวหนึ่งมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ไม่นานเถียนฮูหยินก็ให้กำเนิดคุณชายใหญ่เมิ่งซาน อีกไม่กี่ปีหลังจากนั้นก็ให้กำเนิดคุณหนูรองเมิ่งลี่หรู เถียนฮูหยินไม่ได้ปิดบังผู้คนในเมืองหลวงเรื่องที่รับตัวท่านมาเลี้ยง อีกทั้งยังบอกกับทุกคนว่าเห็นท่านแล้วถูกชะตาจึงรับมาเลี้ยงดูเหมือนบุตรในอุทร แต่ทว่าบ่าวไม่ทราบนะเจ้าคะว่าครอบครัวเดิมของท่านยามนี้เป็นเช่นไรบ้าง เพราะเถียนฮูหยินไม่ได้บอกเล่ารายละเอียดใดไปมากกว่านี้อีก เอ่อ คุณหนูใหญ่อย่าลงโทษบ่าวเลยนะเจ้าคะ บ่าวก็จำมาจากที่คนในจวนเขาเล่าต่อๆ กันมาน่ะเจ้าค่ะ!"
อาหมี่เอ่ยจบก็นั่งตัวสั่นงันงก ก่อนหน้านี้มีหญิงรับใช้คนหนึ่งทำเมิ่งอ้ายเยว่โมโหจึงถูกเมิ่งอ้ายเยว่ลงโทษโบยจนตาย นางจึงเข้ามารับหน้าที่สาวใช้คนใหม่แทน แต่ไหนแต่ไรสิ่งที่เจ้านายของนางเกลียดที่สุดคือการถูกผู้อื่นขุดคุ้ยเรื่องชาติกำเนิดของตน แม้จะได้ชื่อว่าเป็นคุณหนูใหญ่ แต่กลับเป็นเพียงบุตรบุญธรรม ไม่อาจเทียบเคียงบุตรสาวสายตรงของตระกูลเมิ่งได้ ทุกครั้งที่สาวใช้ข้างคนใดเอ่ยถึงเรื่องนี้ เมิ่งอ้ายเยว่จะโมโหเป็นอย่างมาก
เมิ่งอ้ายเยว่เมื่อฟังที่อาหมี่เล่าจนจบก็เหมือนวิญญาณหลุดออกมาจากร่างกลายเป็นศพนั่งเหม่อไปเสียแล้ว
เวรกรรมจริงๆ เพิ่งจะด่านางร้ายคนนี้ไปหยกๆ ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าตัวนางได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของนางร้ายชะตาบัดซบผู้นี้เรียบร้อยแล้ว!
ให้ตายเถอะ สวรรค์! ให้นางทะลุมิติมาทั้งที เหตุใดไม่ให้ไปอยู่ในร่างคุณหนูผู้แสนร่ำรวยเล่า ให้มาอยู่ในร่างของนางร้ายชะตาอาภัพผู้นี้ทำไมกัน บัดซบ!
ด้านเมิ่งอ้ายเยว่นั้นหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้ากลับจวนตระกูลเมิ่งในทันที เดิมทีนางไม่อยากจะกลับไปเหยียบสถานที่แห่งนั้นอีก แต่ทว่านางเพิ่งทะลุมิติมาที่นี่เป็นครั้งแรก และยังไม่มีหนทางไป อย่างไรย่อมต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบเสียก่อน แล้วค่อยหาหนทางอีกครั้งนางมุดลอดช่องสุนัขเข้ามาอย่างยากลำบาก เมื่อเข้ามาแล้วก็รีบหันมองซ้ายขวาเมื่อพบว่าไม่มีคนมาเห็นจึงโล่งใจไปเปราะหนึ่งอยู่ๆ นางก็คิดถึงเด็กหนุ่มนามว่าอาอี้ขึ้นมา และยังเสียดายเงินหนึ่งพันตำลึงที่เขาเสนอให้ไม่น้อยเลย แต่ทว่าคุณธรรมในจิตใจของนางมันแรงกล้ามากกว่าตัวเงิน นางจึงไม่อยากตกปากรับคำเขาสายเลือดคนดีของนางนี่มันช่างเข้มข้นดีจริงๆหญิงสาวส่ายหน้าไปมาพลางยิ้มเล็กน้อยแล้วรีบกลับเรือนพักทันที ระหว่างทางทางนางแวะซื้อของกินหลายอย่างมาฝากอาหมี่สาวใช้ด้วย อย่างไรเสียคนที่นางพอจะพึ่งพาและไว้ใจได้เห็นทีก็จะมีแต่อาหมี่เสียแล้ว ผูกมิตรกับอาหมี่เอาไว้เสียหน่อย เพียงเท่านี้ก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขแล้วเมิ่งอ้ายเยว่กลับมาถึงจวนในตอนบ่ายแก่ๆ เมื่อมาถึงก็พบว่าอาหมี่กำลังรอนางอย่างร้อนใจ เมื่อเห็นว่านางกลับมาแล้วก็รีบวิ่ง
เมิ่งอ้ายเยว่พลันหันขวับมามอง ก่อนจะต้องตกตะลึงไปทันทีเมื่อครู่นางมัวแต่ตั้งใจเล่นเพราะอยากได้เงินสักก้อนไปเป็นทุน จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีหนุ่มน้อยหน้าหยกคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านข้างตนใบหน้าของเขาหล่อเหลาเป็นอย่างมาก ผิวพรรณของเขาขาวจัด ริมฝีปากแดงระเรื่อ ดวงตาก็ทรงเสน่ห์หาใดเปรียบ ทุกอย่างบนใบหน้าของเขาราวกับถูกเสริมสรรค์ปั้นแต่งเป็นอย่างดี“เจ้าคือ?”“ข้ามีนามว่าอาอี้”อาอี้หรือ?เหตุใดตอนนางอ่านนิยายจึงไม่เห็นเจอตัวละครชื่อนี้เลย เอาแล้วสิ ทุกอย่างในตอนนี้มันไม่เหมือนกับในนิยายเลยแม้แต่น้อย เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงพิจารณามองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ"เจ้าอายุเท่าไหร่หรือ หน้าตายังดูอ่อนวัยเหมือนหนุ่มน้อยอยู่เลย"ชายหนุ่มตรงหน้าพลันชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มมุมปาก"ปีนี้ข้าอายุสิบแปดแล้ว"เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับร้องอุทานในใจ ที่แท้ก็เป็นหนุ่มน้อยเสเพลที่ผลาญเงินพ่อแม่มาเล่นการพนันนี่เอง หญิงสาวมีท่าทีครุ่นคิดเล็กน้อย นางนึกถึงประโยคที่ว่าเด็กๆ คือความหวังของชาติ จะให้อบายมุขมามอมเมาเขาไม่ได้ เงินน่ะนางอยากได้ แต่การได้เงินจากการทำลายอนาคตเด็กหนุ่มคนหนึ่ง นางคงไม่อาจเชิดหน้าได้
เมิ่งอ้ายเยว่เก็บตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงนั้นซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดี นางเก็บเงินไปพลางก็ก่นด่าไป๋จิ่งหยวนไปพลาง นางไม่คิดเลยว่าเขาจะปากเสียมากถึขนาดนี้หญิงสาวจัดการแบ่งเงินเป็นสัดส่วน ส่วนหนึ่งเอาไว้ติดตัวยามต้องการใช้สอย ส่วนหนึ่งเก็บเอาไว้ยามจำเป็น จะให้คนในจวนรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่านางไปขูดรีดเงินมาจากไป๋จิ่งหยวนท่านโหวหน้าโง่ผู้นั้นยามเช้าของวันต่อมา นางก็รีบตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปทำความเคารพพ่อแม่บุญธรรมเหมือนเช่นเคย แต่ทว่าวันนี้กลับต่างออกไปจากทุกวัน เถียนฮูหยินให้สาวใช้มาปรนนิบัตินางแต่งกายตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อนางสอบถามก็ได้ความว่าวันนี้จะมีแขกมาที่จวน เถียนฮูหยินจึงให้นางแต่งกายให้ดีเสียหน่อย เมิ่งอ้ายเยว่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดอีก เพียงยืนนิ่งๆ ให้เหล่าสาวใช้ช่วยแต่งตัวให้ เมื่อเรียบรอยดีแล้ว นางจึงรีบมาที่เรือนหลัก เมื่อมาถึงเถียนฮูหยินก็ให้นางมานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะอาหารด้วย อาหารบนโต๊ะล้วนเป็นของดีทั้งสิ้น นางถึงกับนึกสงสัยในใจว่าแขกคนนั้นจะต้องเป็นคนสำคัญมากเป็นแน่อ้อ เพราะมีคนมาที่จวนสินะ จึงให้นางแต่งตัวสวยๆ กินอาหารดีดี เถียนฮูหยินคงกลัวจะถูกคนเอาไปนินทาลับหลังว่า
เมิ่งอ้ายเยว่หลับตาลงเพื่อระงับโทสะ พวกเขาจะด่านางกี่ครั้งนางไม่โกธร แต่ถึงขนาดไม่ให้กินอิ่มสักมื้อมันก็ออกจะเกินไปเสียหน่อยนางทิ้งกายนั่งลงบนเก้าอี้ พลางครุ่นคิดอย่างหนัก เหตุใดทุกอย่างในยามนี้ไม่ดำเนินไปตามนิยายเล่า ทั้งที่นางก็ทะลุมิติมาตั้งแต่ตอนที่เมิ่งอ้ายเยว่ยังไม่ตายแท้ๆ แต่เรื่องราวกลับดูพิลึกชอบกล ในนิยายทุกคนในจวนแม้จะไม่ชอบนางแต่กลับไม่ได้โหดร้ายกับนางถึงขนาดนี้ ยิ่งคิดนางก็ยิ่งว้าวุ่นใจ ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตไปในทิศทางไหน เพราะทุกอย่างดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไม่เดินไปตามเส้นเรื่องที่มันควรจะเป็นเดิมทีคิดว่าจะรอให้ร่างนี้ตายเร็วๆ จะได้กลับไปที่โลกปัจจุบันแต่เหมือนทุกอย่างจะสับสนอลหม่านไปหมด“อาหมี่ มานี่”เมิ่งอ้ายเยว่กวักมือเรียกอาหมี่ที่ยืนอยู่หน้าประตูให้เข้ามาหานาง อาหมี่เดินเข้ามาหาเจ้านายตนอย่างกล้าๆ กลัวๆ“มีอันใดหรือเจ้าคะคุณหนู”“เหตุใดจึงมีแต่ผัก เนื้อเล่า?”เมิ่งอ้ายเยว่เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ อาหมี่เม้มริมฝีปากแน่นแล้วจึงตัดสินใจเอ่ยตอบเจ้านายไปตามตรง“คุณหนูลืมแล้วหรือเจ้าคะ ท่านมีดวงชะตาพิเศษ ในทุกๆ หนึ่งเดือนจะสามารถกินเนื้อได้หนึ่งครั้งเท่านั้น ที่เหลือต้องกินเ
เมิ่งอ้ายเยว่อยากจะดึงทึ้งหัวตนเพื่อระบายอารมณ์ แต่เพราะรู้ว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์นางจึงเลือกจะสงบสติอารมณ์ตนเอง ในเมื่อทะลุมิติมาแล้ว สิ่งที่จะสามารถทำได้ก็คือต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี นี่ไม่ใช่เวลามาคร่ำครวญร้องไห้ แต่ต้องเตรียมการตั้งรับให้ดีต่างหากนางพยายามคิดถึงนิยายที่ตนเองเพิ่งอ่านจบ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะนิยายนั้นเป็นเรื่องสั้นสิบบทจบ จึงไม่ได้ปูเรื่องราวพื้นฐานของเมิ่งอ้ายเยว่คนเก่าเอาไว้มากนัก คนเขียนบอกเพียงว่านางถูกรับมาเลี้ยง ส่วนเรื่องที่ว่าเถียนฮูหยินไปเจอนางได้เช่นไรนั้นกลับไม่ได้ลงรายละเอียดชัดเจนเช่นที่อาหมี่เล่าให้นางฟังแต่ช่างเถอะ ค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่าเมื่อคิดได้เช่นนั้นเมิ่งอ้ายเยว่จึงหันไปมองอาหมี่แล้วจึงพบว่าตอนนี้สาวใช้น้อยของนางกำลังนั่งก้มหน้าตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว อยู่ๆ ในใจของเมิ่งอ้ายเยว่ก็บังเกิดความสงสารสายหนึ่งขึ้นมา เมิ่งอ้ายเยว่คนเก่ามีนิสัยทะเยอะทะยานและชอบทำร้ายบ่าวไพร่อย่างทารุณ เมื่อถูกคนเรือนหลักรังแกมา นางก็จะเอาโทสะทั้งหมดมาลงกับบ่าวไพร่ ไม่เพียงเท่นั้น ทุกคราที่ออกไปร่วมงานเลี้ยงหรือไปสถานที่ต่างๆ พร้อมกับคนในจวน นางก็จะพยายามทำต
"ให้ตายเถอะ นางร้ายเรื่องนี้จะมีชะตาชีวิตที่น่าอดสูเกินไปแล้ว ถูกเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะเพื่อเป็นลูกชังยังไม่พอ ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยการดูสีหน้าของคนในจวนอยู่ตลอดเวลา ที่แย่ไปกว่านั้นนางยังมีจิตใจทะเยอะทะยานอยากจะเทียบเคียงกับบุตรสาวแท้ๆ ของตระกูลเมิ่งอีกด้วย ช่างไม่เจียมตัวเลยจริงๆฉันอ่านจนจบเล่มแล้ว รู้สึกสงสารตัวละครนี้ได้ไม่สุดจริงๆ มันทั้งสงสารและหมั่นไส้ในคราวเดียวกัน ช่างเป็นนางร้ายที่ไม่ได้เรื่องได้ราวเลยสักอย่าง สุดท้ายแล้วนางก็ตายเพราะความทะเยอะทะยานของตนเอง ส่วนพระเอกที่เป็นท่านโหวก็ปากจัดด่านางร้ายสาดเสียเทเสีย นางเอกที่ชื่อเมิ่งลี่หรูผู้นั้นก็ทำตัวเหมือนแม่ดอกบัวขาวอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายแล้วพระเอกก็เลือกแต่งงานกับนางเอกได้ครองคู่กันไปชั่วชีวิต ตัวร้ายต่างพ่ายแพ้หมด ช่างเป็นนิยายเรื่องสั้นเพ้อฝันที่บอกเล่าเรื่องราวความรักลึกซึ้งของท่านโหวผู้เก่งกาจกับแม่ดอกบัวขาวคนงามโดยเฉพาะ ส่วนตัวละครอื่นๆ ก็กลายเป็นตัวประกอบเสริมบทให้พระนางรักกันหวานซึ้ง ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยแม้แต่น้อยเห้อ หากฉันทะลุมิติไปอยู่ในร่างนางร้ายได้นะ ฉันจะทำให้หล่อนเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้ ไม่ต้องมาปักใจรัก
Comments