องค์ชายเจ็ดวิ่งกลับไปที่ค่ายอย่างหัวซุกหัวซุน “กลับ กลับเขตปกครองเดี๋ยวนี้”“ศึกนี้ใครอยากรบก็รบไป”“ไม่มีอะไรสำคัญกว่าชีวิตของข้า”เขารักตัวกลัวตายจริงๆ หลังจากกลับไปถึงค่ายก็สั่งให้ทหารถอนกำลังกลับไปที่เขตปกครองทันทีอีกทั้งยังไม่ได้ช้าเหมือนตอนมา แต่แทบเป็นการหนีเอาชีวิตรอดเฮ่อหลานหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “เพิ่งเคยเจอองค์ชายที่รักตัวกลัวตายเช่นนี้ครั้งแรก องค์ชายแต่ละคนของแคว้นเป่ยตี้แกร่งกล้าทุกคน เขากลับนอกคอกอยู่คนเดียว”กู้หว่านเยว่กล่าวเสียงเรียบ “องค์ชายเจ็ดไม่ได้รับความสนใจตั้งแต่เด็ก และถูกองค์ชายคนอื่นรังแกมาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้เขาจึงกลายเป็นคนอ่อนแอ ขี้ขลาดเหมือนหนู”เฮ่อหลานกล่าวด้วยความประหลาดใจ “องค์หญิงน้อยรู้กระทั่งเรื่องลับเช่นนี้?”กู้หว่านเยว่ยิ้มแล้วยิ้มอีก “รู้เขารู้เรา รบรอยครั้งชนะร้อยครั้ง”นางหมุนกาย “ตอนนี้ทางองค์ชายเจ็ดไม่เป็นภัยคุกคามชั่วคราวแล้ว ดูจากความเร็วในการเคลื่อนทัพของเขา ภายในสามวันก็สามารถไปถึงเขตปกครองแล้ว พวกเราไปจุดหมายต่อไปกันเถอะ”ชิงเยี่ยนกำหมัด “น่าเสียดาย รองแม่ทัพสองคนนั้นตายง่ายเกินไป”รองแม่ทัพสองคนที่ฆ่าเมื่อครู่ ล้วนแต่เป็น
ทหารกลืนน้ำลายทีหนึ่งก่อนจะพูดซ้ำ “เมื่อครู่ข้าน้อยไปฉี่ในป่า แต่ปรากฏว่าพอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นหัวคนห้อยอยู่เหนือหัว ข้าน้อยตกใจแทบแย่!”ทหารน้ำตาอาบแก้มการฆ่าฟันในสนามรบยังไม่น่ากลัวเช่นนี้เลย หลักๆ คือหัวนั่นมาโผล่บนศีรษะของเขาโดยที่ไม่รู้ตัว“องค์ชาย ดูจากหมวกเกาะแล้ว เหมือนเป็นคนในกองทัพของเรา…” ทหารมีความคิดหนึ่งแต่ไม่กล้าพูด“ลองไปดูกัน”องค์ชายเจ็ดพาคนเดินเข้าไปในป่าทันทีพวกเขามองเห็นหัวคนห้อยอยู่บนต้นไม้แต่ไกล หัวหน้าทหารอุทาน “นั่นมันรองแม่ทัพหลิว!”รองแม่ทัพหลิวเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์ชายเจ็ด และเป็นมือซ้ายมือขวาของเขา ปกติรับผิดชอบความปลอดภัยขององค์ชายเจ็ดองค์ชายเจ็ดก็มองเห็นแล้ว “รองแม่ทัพหลิวจริงด้วย”เมื่อเช้ารองแม่ทัพหลิวยังดีๆ อยู่เลย ทำไมถึงมาตายที่นี่ได้? ตายตั้งแต่เมื่อไร? ถูกใครฆ่าตาย?ในหัวของทุกคนเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ทันใดนั้นมีคนชี้ไปที่ลำต้นไม้“องค์ชาย เหมือนจะมีจดหมายปักอยู่บนต้นไม้พ่ะย่ะค่ะ”“จริงด้วย” องค์ชายเจ็ดผลักผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างกาย “เจ้า ลองไปดูหน่อย” เขาไม่กล้าเข้าไปผู้ใต้บังคับบัญชารวบรวมความกล้าเดินเข้าไป แล้วหยิบจดหมาย
“ไป พวกเราเดินทางต่อ”กู้หว่านเยว่ตะโกนเสียงดัง จูเชวี่ยกางปีกบินขึ้นฟ้าคนทั้งกลุ่มเดินทางท่ามกลางพายุหิมะ และยังอยู่กลางอากาศ สายลมอันหนาวเหน็บพัดกระหน่ำใส่ร่างกายพวกเขาไม่หยุดอุณหภูมิบนท้องฟ้าต่ำกว่าที่ผืนดินอย่างมากกู้หว่านเยว่รู้สึกโชคดีในใจที่ได้เตรียมเสื้อผ้าฝ้ายให้ทหารทุกคน ไม่เช่นนั้นด้วยอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้ บินกลางอากาศ เกรงว่าต้องมีคนมากกว่าครึ่งที่หนาวตายแน่นอนนางหยิบแผ่นแปะให้ให้ความร้อนจากมิติมาแปะตามตัวสองสามแผ่นเงียบๆ ในที่สุดก็รู้สึกอุ่นขึ้นเล็กน้อยในเวลาเดียวกัน องค์ชายเจ็ดพาคนของเขาหยุดอยู่ตรงระแวกหุบเขาแม่น้ำน้ำแข็งเดิมทีพวกเขาควรอยู่ใกล้ตงโจวที่สุด และควรเป็นกลุ่มแรกที่ไปถึงด่านพรมแดนตงโจว เพียงแต่องค์ชายเจ็ดรักตัวกลัวตาย ไม่อยากออกหน้าคนแรกดังนั้นตลอดทางมานี้จึงเดินบ้างพักบ้าง จนถึงตอนนี้ยังเดินไม่ได้ครึ่งทางเลยด้วยเหตุนี้จึงทำให้องค์ชายเก้าที่อยู่หลังเขาไปถึงก่อนขณะนี้ทุกคนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับองค์ชายเก้า และไม่รู้ว่าพวกเขาโดนกองทัพตงโจวลอบโจมตี เพราะอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวจัดเช่นนี้ และไม่มีเครื่องมือสื่อสาร อยากให้ทหารส่งข่าวก็เป
ทิ้งระเบิดจากทางอากาศสู่พื้นดิน สามารถฆ่าคนได้สิบกว่าคนในครั้งเดียวคนที่หนีรอดมาก็ล้วนแล้วแต่ได้รับบาดเจ็บภายในไม่มากก็น้อย“ตายไปหนึ่งในสี่ บาดเจ็บหนึ่งในสามขอรับ”ข่าซิงสีหน้าเคร่งเครียดสถานการณ์เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะที่จะเดินทางต่อแล้ว“องค์ชาย ต่อจากนี้พวกเราควรทำอย่างไร?”ทหารถามด้วยสีหน้าลำบากใจไม่เหมาะจะเดินทางต่อ แต่ก็ไม่เหมาะจะย้อนกลับถ้าย้อนกลับตอนนี้ จะไม่ถูกกองทัพอื่นหัวเราะเยาะหรือเดินหน้าเร็วสุดแล้วอย่างไร?ปรากฏว่ากลายเป็นนกที่โผล่หัวไปให้คนยิงก่อน โดนตงโจวเล่นงานเสียยับเยิน“ย้อนกลับไปไม่ได้” ข่าซิ่งกัดฟันกล่าวเขาจะไม่ยอมโดนหัวเราะเยาะ“ตั้งกระโจมก่อน พักผ่อนอยู่กับที่ แล้วค่อยคิดแผนใหม่”ฝั่งตงโจวก็ต้องใช้เวลาในการเติมดินปืนในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ พวกเขาน่าจะไม่มาก่อกวนอีก“อย่าให้ข้ารู้ว่าใครเป็นคนเสนอแผนนี้” ข่าซิ่งกำหมัดแน่น บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเกลียดชังเขาแทบอยากจะสับตงโจวเป็นหมื่นชิ้นเสียเดี๋ยวนี้ความรู้สึกที่เป็นฝ่ายถูกกระทำเหมือนกับตัวตลกเช่นนี้ ทำให้เขาโมโหจนแทบคลั่งห่างออกไปสิบลี้ นกหงส์เพลิงพาอินทรีสิงห์โตสองตัวร่อนลงพื้นกู
ข่าซิ่งพยักหน้า “มีเหตุผล”ไม่นาน ทหารเป่ยตี้ก็พากันเรียงแถว ง้างธนูสุดแขน เล็งเป้าไปยังนกหงส์เพลิงและอินทรีสิงโต“เข้าทางแล้ว”กู้หว่านเยว่ที่นั่งอยู่บนหลังของนกหงส์เพลิงได้เก็บกล้องส่องทางไกลนางหยิบกระสุนเพลิงสีฟ้าลูกหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ จากนั้นก็ยิงขึ้นไปบนท้องฟ้าเฮ่อหลานกล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น “เยี่ยมไปเลย องค์หญิงน้อยเจอตำแหน่งโจมตีที่เหมาะสมที่สุดแล้ว”“เร็วเข้า เตรียมดินปืนให้พร้อม”ทหารทุกคนรีบหยิบดินปืนจากตะกร้าไม้ไผ่ด้านหลังดินปืนเหล่านี้ต่างถูกบรรจุไว้ในภาชนะที่ทำจากเหล็กกล้าชนิดพิเศษด้านนอกมีสายชนวนยาวหนึ่งเส้นจากนั้นก็ล้วงไฟเช็กกันลมที่องค์หญิงน้อยมอบให้พวกเขาออกมาจุดชนวน อาศัยกำลังจากเอว ขว้างดินปืนลงไปยังกลุ่มศัตรูที่อยู่พื้นดินด้านล่างอย่างสุดแรง“ปัง!” เสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็พลันดังขึ้นถุงดินปืนถูกเหวี่ยงออกไปเป็นเส้นโค้งกลางอากาศ ก่อนจะพุ่งลงไปยังกลุ่มของศัตรู เสี้ยววินาทีที่ตกลงไปบนพื้นดินก็พลันระเบิดเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่พร้อมเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว“ไม่นะ พวกเขาทิ้งดินปืนลงมา!”“ให้ตายเถอะ ทหารจงสลายตัวเดี๋ยวนี้”ใบหน้าของข่าซิ่งเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมเหตุผลที
สายลมและน้ำค้างแข็งอันหนาวเหน็บได้พัดผ่านที่ราบแห่งความโกลาหลอันกว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตากองทัพใหญ่กว่าหมื่นคนพากันขี่ม้าพุ่งหน้าสู่ตงโจวทหารทุกคนต่างถือหอกยาวอยู่ในมือ นัยน์ตาฉายแววโหดเหี้ยมและความโลภพวกเขาต้องการครอบครองตงโจว ผืนปฐพีของตงโจวต้องนองเลือด ราษฎรของตงโจวต้องถูกฆ่าล้างตระกูล กำจัดตงโจวออกจากที่ราบแห่งความโกลาหลให้หมดสิ้น ไม่ให้หลงเหลือคนต่ำช้าแม้แต่คนเดียวนายทัพผู้นำขบวนขี่ม้าตัวสูงใหญ่ สวมชุดเกราะของเป่ยตี้ กำลังแลบลิ้นเลียริมฝีปากก่อนกล่าวว่า “อีกสามร้อยลี้จะถึงอาณาเขตตงโจวแล้ว กองทัพของเราเคลื่อนทัพได้เร็วที่สุดแล้ว”สายตาของนายพลทหารที่อยู่ถัดไปเปล่งประกาย “องค์ชายเก้าฉลาดหลักแหลมและสูงส่งยิ่งนัก เหตุใดถึงไม่รีบไปให้ถึงอาณาเขตตงโจวก่อนเล่า?”หากเปิดฉากได้ดี ก็จะสร้างความหวาดผวาไปยังกองทัพอื่นด้วย“ไม่”ข่าซิ่งองค์ชายเก้าแสยะยิ้มเบา ๆ“ตงโจวเต็มไปด้วยกลอุบายมากมาย ทั้งยังมีดินปืนอยู่ในครอบครอง”“ทำไมเราจะต้องออกโรงก่อน เพื่อพี่น้องคนอื่นด้วย”“หากต้องตายก็ควรเป็นคนอื่นสิ”ท้องฟ้าใกล้มืดแล้ว อากาศเช่นนี้ไม่เหมาะกับการเดินทางยามวิกาล“ออกคำสั่งลงไป ให้ทหารประจำการท