อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง

อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง

By:  มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะUpdated just now
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
Not enough ratings
80Chapters
8views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

[ทะลุมิติมาในนิยาย + ใช้ชีวิตไปวัน ๆ + ทรราช + วิชาอ่านใจ + พลิกชะตา] “อยู่ในตำหนักเย็น เพิ่งใช้บัวลอยสาโทเพียงถ้วยเดียว ก็มัดใจปากท้องของทรราชได้แล้ว” งานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในวัง เจียงหวนผู้ที่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ และกลัวการเข้าสังคม ถูกผลักให้ออกไปแสดงความสามารถต่อหน้าทรราช เบื้องหน้านางคือฮ่องเต้หน้าตาดุร้าย โกรธจนควันออกหู เจียงหวนพลันตระหนักได้ว่าชีวิตน้อย ๆ ของตนคงยากจะรักษาไว้ได้! แต่แล้วข้างหูของนางกลับมีเสียงนึกคิดของใครบางคนดังขึ้น [ถวายสุราอวยพร เอาแต่ถวายสุราอวยพร ข้าไม่ได้กินข้าวเลยทั้งคืน ดื่มไปตั้งสิบกว่าจอกแล้ว เหตุใดพวกเจ้าไม่ดื่มจนข้าตายไปเลยล่ะ?] [ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะตัดหัวคนในวังหลังพวกนี้ให้หมด!] เจียงหวน : ...? ที่แท้ทั่วทั้งวังหลัง มีแค่ข้าคนเดียวที่ได้ยินเสียงบ่นในใจของทรราชอย่างนั้นหรือ? เจียงหวนเข้าใจแล้ว นับแต่นั้นมา มือซ้ายของนางถือบัวลอย มือขวาก็ถือเนื้อย่าง ยามทรราชจะตัดหัวคน นางก็จะยื่นดาบให้ ยามทรราชด่าทอเกรี้ยวกราด นางก็จะหาอาหารมาเติมให้ ขณะที่เหล่าสนมมัวแต่แก่งแย่งชิงดีกันในวัง นางกลับมุ่งมั่นกับการหาของกินมาป้อน : “ฝ่าบาท น้ำบ๊วยช่วยแก้เลี่ยนได้ เนื้อย่างต้องกินคู่กับกระเทียมนะเพคะ” ด้วยฝีมือการทำอาหารชั้นเลิศ เส้นทางการใช้ชีวิตไปวัน ๆ ของเจียงหวนก็ได้รับการเลื่อนขั้น เลื่อนขั้น และเลื่อนขั้น เมื่อลูกหลานของนางถามถึงเรื่องราวความรักระหว่างนางกับฮ่องเต้—— คำตอบก็คงประมาณว่า ใครจะไปคิดเล่าว่าทรราชที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนตัวสั่น ที่แท้ก็แค่หิวเท่านั้นเอง

View More

Chapter 1

บทที่ 1

“เจียงเสวียนซื่อรูปโฉมงดงามราวกับดอกไม้เช่นนี้ หากไม่ฉวยโอกาสงานเลี้ยงในวังคืนนี้แสดงความสามารถถวายฝ่าบาทสักหน่อย เกรงว่าภายภาคหน้าคงไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าอีกแล้วกระมัง”

ในงานเลี้ยงของพระราชวัง เจียงหวนถูกผลักให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก จนปวดหัวไปหมด

“น้องหญิงเจียง ฝ่าบาททอดพระเนตรเจ้าอยู่นะ ยังไม่รีบขึ้นไปอีกหรือ?”

อวี๋ผินกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่แฝงไว้ด้วยเจตนาร้ายอย่างชัดเจน

อวี๋ผินคือพระสนมเจ้าของตำหนักที่นางอาศัยอยู่ เมื่อครึ่งเดือนก่อน นางทำอาหารกินกลางดึก กลิ่นหอมลอยไปถึงตำหนักบรรทมของอวี๋ผินเข้า

ตอนนั้นนางก็ถูกต่อว่าด่าทอว่าไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว แต่เรื่องนี้ถึงกับต้องมาเจาะจงเล่นงานนางในงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ของวังหลวงเชียวหรือ?

เจียงหวนเงยหน้าขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แล้วเหลือบไปเห็นสายพระเนตรของฮั่วหลินที่มองมายังนางพอดี จึงกำผ้าเช็ดหน้าแน่น

ฮั่วหลินคือทรราชผู้เลื่องชื่อ เขาปลงพระชนม์พี่ชายและขึ้นครองราชย์เมื่ออายุเพียงยี่สิบสี่ปี อารมณ์แปรปรวนคาดเดายาก สังหารคนได้โดยไม่กะพริบตา ในหนึ่งปีไม่รู้ว่าเปลี่ยนข้ารับใช้ในวังไปมากน้อยเพียงใดแล้ว

เขาสวมชุดคลุมมังกรสีม่วงทอง ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพเซียน เพียงแค่เชิดคางขึ้นเล็กน้อย ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดหวั่นได้แล้ว

เมื่อดวงตาสีดำขลับที่คมกริบและเย็นชาคู่นั้นมองมา เจียงหวนทำได้เพียงฝืนใจลุกยืนขึ้น

เจียงหวนทะลุมิติเข้ามาในนิยายเรื่อง ‘ราชวงศ์ของทรราช’ เมื่อสามเดือนก่อน นิยายเรื่องนี้เล่าถึงชีวิตการปกครองราชวงศ์ของทรราชฮั่วหลิน ส่วนเจียงหวนนั้นกลายเป็นตัวประกอบในนิยายที่มีบทพูดเพียงแค่ประโยคเดียว

เจ้าของร่างเดิมนามว่าเจียงหวน ผ่านการคัดเลือกเข้าวังมาเมื่อสามปีก่อน บิดาของนางเป็นเพียงขุนนางขั้นเจ็ดเล็ก ๆ แต่เพราะใบหน้าที่งดงามโดดเด่นนี้ จึงถูกเลือกให้เข้ามาเป็นสนมในวังหลัง

ท่ามกลางบรรดาพระสนมที่มาจากตระกูลสูงศักดิ์มากมาย เจียงหวนเป็นคนที่โดดเด่นน้อยที่สุด และเพราะเป็นคนขี้ขลาดตาขาว จึงทำได้เพียงอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว

จนกระทั่งเมื่อสามเดือนก่อน กุ้ยเฟยอารมณ์ไม่ดีจึงตบหน้าเจียงหวนต่อหน้าธารกำนัล ทำให้นางตกใจจนไข้ขึ้นสูงไม่หยุดและเสียชีวิต ทำให้เจียงหวนคนปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาในหนังสือนิยาย

แต่เจียงหวนก็ไม่มีความสามารถพิเศษอะไรติดตัว ดังนั้นนางจึงไม่คิดจะแย่งชิงตำแหน่ง ขอเพียงได้เป็นคนไร้ตัวตนที่อยู่อย่างสงบสุข พร้อมกับออกไปจากตำหนักจิ่นหวา จะได้ไม่ต้องถูกอวี๋ผินข่มเหงรังแกอีก!

แต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลยแล้ว

“หม่อมฉันไร้ความสามารถ รูปโฉมไม่งดงาม ไม่กล้าแสดงความสามารถอันต่ำต้อยต่อหน้าฝ่าบาทเพคะ”

ขณะพูด เจียงหวนก็ทำท่าจะหยิบจอกสุราขึ้นมาเพื่อถวายพระพร แต่ยังไม่ทันที่นางจะยกจอกขึ้น ก็ได้ยินเสียงของฮั่วหลินที่อยู่เบื้องบนตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราวกับกำลังกัดฟันกรอด

[จะถวายสุราอวยพรอีกแล้วใช่หรือไม่? สนมทุกคนเอาแต่จะถวายสุราอวยพร ข้าไม่ได้กินข้าวเลยทั้งคืน ดื่มไปตั้งสิบกว่าจอกแล้ว เหตุใดพวกเจ้าไม่ดื่มจนข้าตายไปเลยล่ะ? ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะตัดหัวคนในวังหลังพวกนี้ให้หมด!]

มือของเจียงหวนสั่นเทา ตกใจเสียจนทำสุราหกไปกว่าครึ่ง

อันที่จริง เมื่อครู่ตอนที่เหล่าสนมแสดงความสามารถ เจียงหวนก็ได้ยินฮั่วหลินวิจารณ์มาสักพักแล้ว

“ร่ายรำราวกับลิงยักษ์ คางคกในอุทยานหลวงร่ายรำยังจะดูงดงามเสียกว่า”

“เจ้าลองฟังเพลงที่ตัวเองบรรเลงดูสิว่ามันไพเราะหรือไม่? ยังกล้าส่งสายตาให้ข้าอีก ข้าจะควักลูกตาพวกเจ้าออกมา!”

“จัดการงานราชกิจมาทั้งวันแล้ว ยังต้องมาฟังพวกเจ้าแก่งแย่งชิงดีกันอีก เป็นฮ่องเต้เขาเป็นกันแบบนี้หรือ?”

เจียงหวนได้ยินมานานเท่าไร ก็ได้ดูเรื่องสนุกมานานเท่านั้น อย่างไรเสีย เรื่องพวกนี้ก็ไม่เกี่ยวกับนาง แต่นางก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ฮ่องเต้ปากร้ายถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดบรรดาสนมพวกนี้ ยังผลัดกันขึ้นไปแสดงความสามารถอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยอีก?

จนกระทั่งเมื่อครู่ที่ฮั่วหลินตรัสว่า “จะตัดหัวคนพวกนี้ให้หมด”

ดวงตาของเจียงหวนสั่นระริก นางมองไปยังร่างที่สวมชุดสีเหลืองอร่ามที่อยู่ไกลออกไปด้วยความหวาดหวั่น

นางทะลุมิติมาสามเดือน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท แต่ด้วยความสามารถในการสังเกตสีหน้าผู้คนของนาง นางรู้สึกว่าฝ่าบาทในตอนนี้ไม่น่าจะพิโรธจริง ๆ เพราะเขาก็ไม่ได้ลงมือสังหารใคร

ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาสนมด้านล่าง ก็ยังคงยืนดูเหตุการณ์อย่างไม่สะทกสะท้าน พวกนางส่งเสียงโห่ร้องให้เจียงหวนแสดงความสามารถด้วยความสนุกสนาน

ทันใดนั้น ในหัวของเจียงหวนก็เกิดความคิดหนึ่งแวบขึ้นมา คำพูดเหล่านั้นของฝ่าบาทเมื่อครู่ คงไม่ได้มีเพียงนางคนเดียวที่ได้ยินหรอกกระมัง?

เจียงหวนจึงเปลี่ยนจากจอกสุราเป็นกล่องอาหารที่นางนำติดตัวมาแทน

“หม่อมฉันไม่ถนัดการร้องรำทำเพลง แต่ถนัดเรื่องการทำอาหารเพคะ บัวลอยสาโทถ้วยนี้ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ฝ่าบาทโปรดเสวยเพคะ”

ขันทีใหญ่คนสนิทของฮั่วหลินได้รับสายพระเนตร จึงก้าวออกมารับกล่องอาหารไป ใช้เข็มเงินทดสอบพิษก่อนจะยกไปถวายเบื้องหน้าพระพักตร์

“ฝ่าบาทเชิญเสวยพ่ะย่ะค่ะ~”

ดวงตาเย็นชาของฮั่วหลินเหลือบมองบัวลอยสาโทที่ส่งไอร้อนกรุ่นในถ้วยนั้นแวบหนึ่ง แล้วยกพระหัตถ์ขึ้นอย่างช้า ๆ ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจนัก

เจียงหวนยังคงยืนก้มหน้าลงรอให้ฮ่องเต้รับสั่ง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของอวี๋ผินดังขึ้น

“ในวังมีห้องเครื่องคอยดูแลเรื่องอาหารของฝ่าบาทอยู่แล้ว เจียงเสวียนซื่อนำของต่ำต้อยเช่นนี้ออกมา ไม่เท่ากับสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำหรอกหรือ?”

จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะประปรายดังขึ้นในงานเลี้ยงทันที ทุกสายตาต่างมุ่งเป้ามาที่เจียงหวนโดยเฉพาะ ในวังหลังของฮั่วหลินเต็มไปด้วยพระสนมจากตระกูลสูงศักดิ์ มีเพียงเจียงหวนคนเดียวที่ได้เข้าวังมาเพราะหน้าตา แต่ฮั่วหลินกลับมัวแต่กังวลเรื่องราชสำนัก ไม่เคยย่างเหยียบเข้ามาในวังหลังเลย

เหล่าพระสนมผู้สูงศักดิ์เหล่านี้อัดอั้นจนแทบคลั่ง จึงรวมหัวกันเลือกหาตัวซวยขึ้นมาคนหนึ่งไว้สำหรับรังแกโดยเฉพาะ และเจียงหวนก็คือตัวซวยคนนั้น!

วันนี้เพื่อจะได้มีโอกาสแสดงตัวต่อหน้าฮ่องเต้ เหล่าสนมจึงงัดความสามารถทุกอย่างออกมา แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำให้ฮั่วหลินทอดพระเนตรเป็นพิเศษได้

เมื่อตนเองไม่ได้ดี พวกนางก็หวังเพียงว่าให้ชะตากรรมของเจียงหวนย่ำแย่ยิ่งกว่า แต่ถ้าหากไม่ได้ยินเสียงในใจของฮั่วหลิน เจียงหวนก็คงจะเชื่อไปแล้วจริง ๆ

[ของกินหรือ? นี่คืออาหารร้อน ๆ ที่ต้องเคี้ยวถึงจะกลืนลงท้องได้อย่างนั้นหรือ? ที่แท้บนโลกนี้ยังมีอาหารร้อน ๆ อยู่ด้วย แล้วข้าวต้มเย็น ๆ กับผักสีเขียวที่ห้องเครื่องทำมาให้ข้ากินทุกวันนั่นมันอะไรกัน?]

[ยอดเยี่ยม~ ฝีมือการทำอาหารนี้ดีกว่าห้องเครื่องตั้งเยอะ ในวังมีคนมากมายเช่นนี้ มีเพียงนางคนเดียวที่มีสายตาเฉียบแหลม รู้จักส่งของกินมาให้ข้า นางเป็นใครกัน? เหตุใดข้าจำไม่ได้เลยว่าในวังมีคนชื่อเจียงเสวียนซื่อด้วย?]

เจียงหวนยืนนิ่งอยู่กับที่ รู้สึกเหมือนหูจะระเบิดออกมา นางพยายามอดกลั้นความอยากที่จะเงยหน้าขึ้น ขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม

ฮ่องเต้ผู้นี้ เหตุใดจึงพูดมากขนาดนี้นะ?

“ก็พอใช้ได้”

ฮั่วหลินชิมบัวลอยสาโทไปหนึ่งคำ สีพระพักตร์ยังคงเย็นชา เขาวางช้อนลงแล้วให้คำวิจารณ์อย่างเป็นกลาง

“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท” เจียงหวนย่อตัวคารวะ แต่ในใจกลับบ่นพึมพำ

ยังจะแสร้งทำเป็นเย็นชาอีก พอใช้ได้อย่างนั้นหรือ? ไม่รู้ว่าเมื่อครู่ใครกันที่บอก “ยอดเยี่ยม~” ในใจ

นับตั้งแต่ทะลุมิติมาในนิยาย เจียงหวนก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ โชคดีที่นางมีฝีมือทำอาหารชั้นเลิศ เงินเดือนทุกเดือนจึงหมดไปกับการซื้อของเข้าครัวเล็ก ๆ เพื่อหาของกินใส่ท้องของตัวเอง

เจียงหวนรู้ว่างานเลี้ยงพระราชวังคืนนี้คงไม่ได้กินอะไรเต็มที่ จึงตั้งใจทำบัวลอยสาโทเครื่องแน่น ๆ มาหนึ่งถ้วย ผลสุดท้ายกลับลงไปอยู่ในท้องของฝ่าบาทหมด!

“เจียงเสวียนซื่อ มานั่งข้างเรา”

ขณะที่เบื้องล่างยังคงหัวเราะคิกคักกันอยู่ ฮั่วหลินก็ตรัสขึ้นมาประโยคหนึ่ง ทำให้ทั้งงานเลี้ยงเงียบกริบทันที เจียงหวนมองไปยังเจียกุ้ยเฟยที่ประทับอยู่ด้านซ้ายของฮั่วหลิน ในหัวเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

บัวลอยสาโทของนางอร่อยจนถึงขั้นที่ทำให้นางได้รับอภิสิทธิ์เทียบเท่าสนมคนโปรดเชียวหรือ?

แต่เมื่อฝ่าบาทมีรับสั่ง เจียงหวนก็ไม่กล้าสงสัย ทำได้เพียงฝืนใจเดินไปนั่งทางด้านขวาของฮั่วหลินท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เหล่าสนมที่อยู่เบื้องล่างแทบจะกัดฟันจนแหลกละเอียด

หากรู้ตั้งแต่แรกว่าแค่ถวายบัวลอยถ้วยเดียวจะทำให้ฝ่าบาทสนใจได้ พวกนางจะทนฝึกฝนความสามารถมาตั้งหลายเดือนไปทำไมกัน?

[ก้อนหิน]

ขณะที่เจียงหวนกำลังนั่งตัวเกร็ง ก็ได้ยินเสียงในใจอันเย็นชาของฮั่วหลินดังขึ้นอีกครั้ง

ก้อนหิน หมายถึงนางอย่างนั้นหรือ?

เจียงหวนเหลือบมองเจียกุ้ยเฟยที่กำลังพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานกับฮั่วหลินแล้วหัวเราะจนตัวสั่น นางก็ยิ่งก้มหน้าต่ำลงไปอีก

จะเป็นก้อนหินก็ช่างเถอะ นางไม่ได้มีบิดาเป็นแม่ทัพที่ออกไปทำสงครามเสียหน่อย จะไปเอาความกล้าที่ไหนมาหยอกล้อฝ่าบาทได้กัน?

ถึงแม้จะทะลุมิติมาในนิยายได้ไม่นาน แต่เมื่อก่อนเจียงหวนก็ดูซีรีส์แย่งชิงอำนาจในวังมาไม่น้อย คนที่ไม่มีความสามารถ ไม่เป็นที่โปรดปรานอย่างนาง ทั้งยังไม่มีตระกูลคอยหนุนหลัง หากโดดเด่นขึ้นมา ก็มีแต่จะต้องกลายเป็นตัวประกอบที่ถูกกำจัดทิ้งอย่างรวดเร็ว

เจียงหวนยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกนาน ๆ

ด้านล่างเริ่มมีการแสดงความสามารถอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นเย่หรงหวาที่กำลังร่ายรำอย่างกล้าหาญและมีความแปลกใหม่ นางสวมชุดจากดินแดนตะวันตก ร่ายรำอย่างอ่อนช้อยงดงาม เผยให้เห็นผิวขาวนวลผืนใหญ่บนร่างกาย หน้าอกอวบอิ่มเย้ายวน แม้แต่เจียงหวนที่เป็นผู้หญิงด้วยกันเห็นแล้วก็ยังอดไม่ได้ที่จะอยากซบลงไป

เจียงหวนอดไม่ได้ที่จะพึมพำในใจอีกครั้ง ฮ่องเต้ผู้นี้คงไม่ใช่ว่าไม่ชอบสตรีหรอกนะ?

นับตั้งแต่นางทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ก็ไม่เคยเห็นฮั่วหลินถูกใจใครเลย

ขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น เสียงทุ้มและแหบแห้งก็ดังขึ้นในหัวอีกครั้ง

[ใหญ่จริง น่ากินชะมัด!]

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
80 Chapters
บทที่ 1
“เจียงเสวียนซื่อรูปโฉมงดงามราวกับดอกไม้เช่นนี้ หากไม่ฉวยโอกาสงานเลี้ยงในวังคืนนี้แสดงความสามารถถวายฝ่าบาทสักหน่อย เกรงว่าภายภาคหน้าคงไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าอีกแล้วกระมัง”ในงานเลี้ยงของพระราชวัง เจียงหวนถูกผลักให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก จนปวดหัวไปหมด“น้องหญิงเจียง ฝ่าบาททอดพระเนตรเจ้าอยู่นะ ยังไม่รีบขึ้นไปอีกหรือ?”อวี๋ผินกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่แฝงไว้ด้วยเจตนาร้ายอย่างชัดเจนอวี๋ผินคือพระสนมเจ้าของตำหนักที่นางอาศัยอยู่ เมื่อครึ่งเดือนก่อน นางทำอาหารกินกลางดึก กลิ่นหอมลอยไปถึงตำหนักบรรทมของอวี๋ผินเข้าตอนนั้นนางก็ถูกต่อว่าด่าทอว่าไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว แต่เรื่องนี้ถึงกับต้องมาเจาะจงเล่นงานนางในงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ของวังหลวงเชียวหรือ?เจียงหวนเงยหน้าขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แล้วเหลือบไปเห็นสายพระเนตรของฮั่วหลินที่มองมายังนางพอดี จึงกำผ้าเช็ดหน้าแน่นฮั่วหลินคือทรราชผู้เลื่องชื่อ เขาปลงพระชนม์พี่ชายและขึ้นครองราชย์เมื่ออายุเพียงยี่สิบสี่ปี อารมณ์แปรปรวนคาดเดายาก สังหารคนได้โดยไม่กะพริบตา ในหนึ่งปีไม่รู้ว่าเปลี่ยนข้ารับใช้ในวังไปมากน้อยเพียงใดแล้วเขาสวมชุดคลุมมังกรสีม่วงทอง ใบหน
Read more
บทที่ 2
เจียงหวนพลันสะดุ้งเล็กน้อย นึกว่าฝ่าบาททรงตื่นรู้และคิดจะเรียกใช้เย่หรงหวาแล้ว แต่เมื่อหันกลับไป เจียงหวนกลับพบว่า ฮั่วหลินกำลังจ้องเขม็งไปยังจานปูที่อยู่เบื้องหน้าในฐานะฮ่องเต้ผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครองแว่นแคว้น สายพระเนตรที่ฮั่วหลินใช้มองปูในยามนี้ ช่างเต็มไปด้วยความอยากได้อยากครอบครอง ราวกับกำลังละโมบในดินแดนของแคว้นข้างเคียงอย่างไรอย่างนั้น[ไม่ได้กินปูมานานแล้ว หวังเต๋อกุ้ยนี่ไม่มีไหวพริบเอาเสียเลย แกะปูให้เรากินสักตัวไม่ได้หรือไร?]หวังเต๋อกุ้ยเป็นหัวหน้าขันทีที่รับใช้ฮั่วหลินมานานหลายปี กิจวัตรประจำวันและเรื่องอาหารการกินล้วนผ่านมือเขามาทั้งสิ้น เจียงหวนเห็นสายพระเนตรอันขุ่นเคืองของฮั่วหลินแล้ว ก็ได้แต่ถอนหายใจในใจว่าฝ่าบาทช่างน่าสงสารเสียจริงเป็นถึงฮ่องเต้แต่กลับถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา จะให้ลงมือแทะปูเองต่อหน้าธารกำนัลก็ทำไม่ได้ การเป็นฮ่องเต้แบบนี้ช่างน่าอึดอัดเสียจริง“การร่ายรำของน้องหญิงเย่ก็น่าสนใจอยู่หรอก แต่เครื่องแต่งกายกลับเปิดเผยเกินไป ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย”หลังจากการร่ายรำจบลง เจียกุ้ยเฟยก็เป็นคนแรกที่ตำหนิการร่ายรำของเย่หรงหวา ตอนนี้ทุกคนต่างแย่งช
Read more
บทที่ 3
หา? ถวายตัว?สมองของเจียงหวนพลันระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ ในขณะที่หันกลับไปก็สบเข้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความริษยาของอวี๋ผินเข้าพอดีแค่ส่งบัวลอยถ้วยเดียวก็ถูกหาว่าแย่งชิงความโปรดปราน ประจบประแจงเบื้องสูงแล้ว หากถวายตัวกลับมา นางจะไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการก่อความวุ่นวายในวังหลังหรอกหรือ?“นายหญิงน้อย อย่ามัวชักช้าอยู่เลยพ่ะย่ะค่ะ ทางฝ่าบาททรงเร่งมาแล้ว!”ขันทีน้อยเร่งเร้าอีกครั้ง เจียงหวนจึงลุกขึ้น เดินตามเขาออกไปข้างนอกทั้งที่ในสมองยังว่างเปล่า นางแค่อยากจะย้ายออกจากตำหนักจิ่นหวา ไปอยู่คนเดียวไกล ๆ ให้พ้นจากเรื่องวุ่นวาย ฝ่าบาทไม่ได้เหยียบย่างเข้ามาในวังหลังตั้งสามปีแล้ว เพียงเพราะบัวลอยถ้วยเดียวถึงกับเรียกนางถวายตัว มันจะไม่แปลกไปหน่อยหรือ?พอเดินมาได้ครึ่งทาง เจียงหวนก็พลันนึกขึ้นได้เดี๋ยวนะ นางยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และการถวายตัวก็ไม่ได้ขึ้นเกี้ยวเฟิ่งหลวนชุนเอิน ฝ่าบาททรงเรียกสนมมาปรนนิบัติเป็นครั้งแรกง่าย ๆ แบบนี้เลยหรือ?ระหว่างทาง ขันทีน้อยอธิบายว่า “นายหญิงน้อยอย่าได้คิดมากไปเลยนะพ่ะย่ะค่ะ คืนนี้อาจจะเร่งด่วนไปบ้าง แต่ท่านก็เป็นคนเดียวที่ได้รับความโปรดปรานมิใช่หรือ
Read more
บทที่ 4
บัดนี้ตำแหน่งฮองเฮาเว้นว่าง นอกจากจะต้องไปถวายพระพรไทเฮาที่ตำหนักบรรทมเดือนละครั้งแล้ว จะมีวันไหนบ้างที่เจียงหวนไม่ได้นอนตื่นสายจนตะวันโด่ง?อ้อ ใช่แล้ว บางครั้งอวี๋ผินก็อยากจะแสดงอำนาจบาตรใหญ่ เรียกนางไปคุกเข่ารับฟังคำสั่งสอนแต่เช้าตรู่ เวลาเข้าว่าราชการนั้นเช้ามาก วันนี้เจียงหวนจึงต้องตื่นเช้ายิ่งกว่าเดิมตอนที่ปลุกฮั่วหลิน สายตาของเขาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง ประทับอยู่บนแท่นบรรทมมังกร ชุดบรรทมหลุดลุ่ย พระพักตร์อันคมคายแฝงความอ่อนล้า มีความรู้สึกเฉยเมยราวกับผู้ที่มองเห็นทุกอย่างบนโลกได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว[ฮ่า ๆ ต้องไปออกว่าราชการทั้งที่ท้องว่างอีกแล้ว เหตุใดเรายังไม่ตายอีกนะ?]ขณะที่เจียงหวนกำลังผูกชุดคลุมมังกรให้ ก็ได้ยินเสียงในใจที่แทบจะสิ้นหวังของเขาระเบิดออกมา ตามธรรมเนียมของฮ่องเต้ทุกราชวงศ์ จะเสวยพระกระยาหารเช้าหลังจากว่าราชการเสร็จสิ้นแล้วเท่านั้น ตื่นนอนตอนตีสี่ กว่าจะได้ทานมื้อเช้าก็ปาเข้าไปแปดเก้าโมงแล้วแค่คิดเจียงหวนก็รู้สึกว่าน่าสมเพชยิ่งนัก นางฉวยโอกาสตอนที่ฮั่วหลินเพิ่งจะบ้วนพระโอษฐ์เสร็จ แอบหยิบขนมดอกซิ่งบนโต๊ะในห้องโถงด้านนอกออกมา ใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อไว้สองสามชิ้นแล
Read more
บทที่ 5
เมื่อกลับมาถึงตำหนักฝั่งตะวันตกของตนเอง เจียงหวนก็รู้สึกราวกับฟ้าจะถล่มลงมา การกลับมาจากการถวายตัวจอมปลอมครั้งนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อยอวี๋ผินจ้องเล่นงานนางอย่างไม่ลดละก็เรื่องหนึ่ง ตอนนี้เจียกุ้ยเฟยก็จงเกลียดจงชังนางไปด้วยเช่นกัน ทั้งยังสั่งห้ามไม่ให้นางออกจากตำหนักจิ่นหวาอีก เช่นนี้ก็ยิ่งไม่มีทางนำของกินไปส่งให้ฝ่าบาทได้คาดว่าพรุ่งนี้เช้าตรู่ คำสั่งลดตำแหน่งของนางคงมาถึงเป็นแน่เสี่ยวเจารีบร้อนทายาบนใบหน้าให้เจียงหวน ก็เห็นสีหน้าของนางซีดขาวราวกับคนสิ้นหวังหมดอาลัยตายอยาก นางก็รู้ทันทีว่าสมองของตัวเองที่แม้แต่ละครวังหลังยังดูไม่เข้าใจ การเข้ามาพัวพันในวังหลังย่อมไม่มีผลดี!“นายหญิงน้อยอย่ากลัวไปเลยเพคะ ท่านทำของกินไปอย่างสบายใจเถิด เดี๋ยวตอนค่ำบ่าวจะออกไปส่งให้ฝ่าบาทเอง บ่าวจะช่วยพาท่านไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทให้ได้ เพื่อจัดการอวี๋ผินที่ลงโทษคนตามอำเภอใจ!”เสี่ยวเจายังคงทุบหน้าอกรับปากกับเจียงหวนอย่างหนักแน่น เจียงหวนค่อย ๆ ดึงมือนางไว้“เสี่ยวเจา เจ้าไม่ต้องทำเรื่องพวกนี้หรอก สัญญากับข้า ต่อไปอย่าพูดกับพวกเขาอีก มีอะไรให้ข้าเป็นคนพูดเอง”หากไม่ใช่เพราะเด็กโง่คนนี้เอ
Read more
บทที่ 6
“นายหญิงน้อยผู้แสนดีของบ่าว นี่มันเวลาไหนแล้ว ท่านยังจะคิดเรื่องกินอยู่อีกหรือ!”เมื่อเสี่ยวเจาได้ยินว่านางยังคงคิดถึงหม้อเหล็กใบใหญ่นั่นอยู่ ก็ร้อนใจจนเดินวนไปวนมาพวกคนในวังหลังเลือกปฏิบัติกับคนอื่นตามฐานะ ไม่ใช่เพิ่งจะเป็นแค่วันสองวันนี้ พอมีเรื่องไม่สบอารมณ์เข้าหน่อย ก็เอานายหญิงน้อยของนางมาเป็นที่ระบายตอนนี้อุตส่าห์ได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ไม่ฉวยโอกาสตีเหล็กตอนร้อน แต่กลับจะมาจุดไฟทำกับข้าวตอนร้อน ๆ เนี่ยนะ???“หากปล่อยให้อวี๋ผินได้รับความโปรดปรานขึ้นมา หางของนางได้ชี้ขึ้นฟ้าจนทิ่มหน้านายหญิงน้อยแน่เพคะ”เจียงหวนเท้าคางมองนางอย่างเฉยเมย“พูดจบแล้วหรือยัง?”เสี่ยวเจาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “เช่นนั้นก็รีบไปยกหม้อเหล็กมาเถอะ”เสี่ยวเจาแทบจะมืดไปแปดด้าน เหตุใดนายหญิงน้อยของนางถึงได้ดื้อรั้นพูดอะไรก็ไม่ฟังเช่นนี้!เจียงหวนกลับแหงนหน้ามองฟ้าแล้วถอนหายใจ ตอนนี้นางถูกกักบริเวณ จะให้ทำอย่างไรได้อีก?จะให้ร้องไห้ฟูมฟายไปอ้อนวอนฮั่วหลินอย่างนั้นหรือ?เกรงว่าน้ำมูกน้ำตายังไม่ทันได้เช็ดให้แห้ง ผ้าแพรขาวคงได้มาพันรอบคอตายเสียก่อน“ไหน ๆ ก็ออกไปไม่ได้แล้ว สู้เติมท้องให้อิ่มก่อ
Read more
บทที่ 7
หลังจากกลับตำหนักแล้ว อวี๋ผินก็เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ตอนกลางวันนางก็ทำอาหารอีกสองสามอย่างส่งไปให้ฮ่องเต้รสชาติธรรมดา แต่ก็ดีกว่าตรงที่เป็นอาหารร้อน ๆ !คีบคำนี้ก็เป็นกับข้าวร้อน ๆ คีบคำนั้นก็เป็นกับข้าวร้อน ๆ !ฮั่วหลินทรงยื่นตะเกียบไปคีบไม่หยุด เสวยอย่างสง่างามและเชื่องช้าต้องอย่างนี้สิ เขาเป็นถึงฮ่องเต้ผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครองแว่นแคว้น มีแต่อาหารในคุกเท่านั้นแหละที่เย็นชืด!อวี๋ผินยิ้มอย่างอ่อนโยน “ฝ่าบาทเพคะ หากพระองค์ทรงโปรด คืนนี้หม่อมฉันจะลงมือเตรียมเครื่องเสวยให้พระองค์ด้วยตนเองนะเพคะ”ฮั่วหลินทรงลดสายพระเนตรลง เป็นเพราะเขาไม่เคยเรียกอวี๋ผินมาเข้าเฝ้าเลย นางถึงได้จงใจเล่นตัวกับเขา ไม่ยอมแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา?เมื่อนึกถึงบัวลอยที่เจียงหวนทำในวันนั้น ฮั่วหลินก็อยากจะลองชิมดูว่า อวี๋ผินผู้ที่สามารถสอนเจียงหวนได้นั้น จะมีฝีมือดีเลิศเพียงใดฮั่วหลินทรงวางตะเกียบลง ใช้ผ้าที่ขันทีส่งมาให้เช็ดพระหัตถ์“คืนนี้ เจ้ามาที่ตำหนักหย่างซิน”เมื่ออวี๋ผินได้ยินดังนั้น ในใจก็รู้สึกดีใจจนแทบคลั่ง แต่บนใบหน้ายังคงรักษากิริยาสำรวมไว้ ขานรับเสียงเบา “เพคะ ฝ่าบาท”...ไม่นาน ม่านร
Read more
บทที่ 8
เนื่องจากเรื่องที่ตำหนักหย่างซิน อวี๋ผินจึงอารมณ์ขุ่นมัวอย่างยิ่ง เมื่อกลับถึงตำหนักจิ่นหวาก็อาละวาดอย่างหนักชุ่ยอิงกลัวว่าอวี๋ผินจะโมโหจนล้มป่วยไป จึงทั้งปลอบทั้งเกลี้ยกล่อม จนในที่สุดอวี๋ผินก็ยอมไปเดินเล่นที่อุทยานหลวงเพื่อพักผ่อนหย่อนใจน่าเสียดายที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ดันมาพบกับลี่เฟยเข้าไม่เพียงแต่จะไม่ได้พักผ่อนหย่อนใจ แถมยังไปเจอเรื่องซวยเข้ามาอีกชุ่ยอิงนึกเสียใจที่พามาในตอนแรก ขณะที่กำลังร้อนใจอยู่นั้น ลี่เฟยก็ประคองมือนางกำนัลเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ แล้วปิ่นระย้าทองคำประดับหยกที่ข้างขมับสั่นไหวเล็กน้อยตามการเคลื่อนไหวของนาง ขับเน้นให้ใบหน้าที่ธรรมดาสามัญนั้นดูร้ายกาจยิ่งขึ้นลี่เฟยเหลือบมองอวี๋ผินที่กำลังถูกชุ่ยอิงประคองอยู่ จงใจพูดเสียงดัง “อ้าว นี่ไม่ใช่น้องหญิงอวี๋ผินจากตำหนักจิ่นหวาหรอกหรือ?”“ได้ยินว่าเมื่อวานนี้อยู่ที่หน้าตำหนักหย่างซินถึงกับยืนไม่ตรง วันนี้กลับมีแรงออกมาเดินเล่นแล้วหรือนี่?”เมื่ออวี๋ผินได้ยินดังนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำในวังจะมีความลับอะไรได้ นางแพศยานี่ต้องได้ยินข่าวลือมาแน่ ๆ ตั้งใจจะมาทำให้นางอับอายลี่เฟยเป็นคนของไทเฮา แม้
Read more
บทที่ 9
เสี่ยวเจาเบิกตากว้างทันที แม้แต่แป้งทอดไส้เนื้อในมือก็ไม่สนใจที่จะกินต่อ“นายหญิงน้อยมีวิธีหรือเพคะ?”เจียงหวนขยิบตาให้เสี่ยวเจา ยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้งพลางเอ่ยขึ้น “ในวังมีคนตั้งมากมาย ใครบอกว่าเรื่องการจัดซื้อวัตถุดิบจะต้องให้พวกเราออกหน้าเองกันเล่า”เสี่ยวเจาเข้าใจความหมายในคำพูดของเจียงหวนทันที “นายหญิงน้อยหมายความว่าจะหาคนมาช่วยพวกเราซื้อหรือเพคะ?”เมื่อคิดว่าในอนาคตจะได้กินอาหารฝีมือของเจียงหวนอีก เสี่ยวเจาก็ดีใจขึ้นมาทันที แต่ดีใจได้ไม่ถึงหนึ่งวินาที บนใบหน้าของนางก็กลับเต็มไปด้วยความกังวลอีกครั้ง“แต่ว่าใครจะยอมช่วยพวกเรากันล่ะ?”นายหญิงหลายคนในวังหลังชอบรังแกนายหญิงน้อยของนางที่สุด ทำให้บรรดาข้ารับใช้ในตำหนักต่าง ๆ ก็พลอยไม่ให้เกียรตินายหญิงน้อยไปด้วยเจียงหวนมองแวบเดียวก็เข้าใจความกังวลในใจของเสี่ยวเจา จึงค่อย ๆ ชี้แนะ“ในวังนี้ ที่ไหนมีวัตถุดิบเยอะที่สุดกันนะ?”เสี่ยวเจาตาสว่างทันที “ห้องเครื่องเพคะ!”ห้องเครื่องรับผิดชอบพระกระยาหารของฮ่องเต้ สนมในวังหลังยากที่จะเข้าไปแทรกแซงได้แต่พวกนางประการแรกคือไม่มีญาติพี่น้อง สองคือไม่ได้รับความโปรดปราน จะเอาอะไรไปติดสิน
Read more
บทที่ 10
หลังจากได้วัตถุดิบมาจากห้องเครื่องแล้ว เสี่ยวเจาก็ไม่กล้าโอ้เอ้อยู่ข้างนอกนานนางกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น แล้วจะเสียเสบียงอาหารเพียงหนึ่งเดียวนี้ไปนางจะต้องชนะในสงครามปกป้องอาหารครั้งนี้ให้ได้!อวี๋ผินพาชุ่ยอิงยืนอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง เมื่อเห็นท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนขโมยของเสี่ยวเจา ก็แค่นเสียงเย็นนางแค่ไม่ได้จับตาดูเจียงหวนเพียงไม่กี่วัน คนของตำหนักรองฝั่งตะวันตกนี่ก่อเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้ว!“ชุ่ยอิง เจ้าไปดูสิว่า นางกำลังแอบทำอะไรอยู่?”หลังจากชุ่ยอิงรับคำก็รีบตามไปทันที ไม่นานนัก ชุ่ยอิงก็กลับมา“พระสนมเพคะ บ่าวเห็นนังเด็กเสี่ยวเจานั่น ไม่รู้ว่าไปเอาต้นหอมกับแป้งหมี่มาจากไหนเพคะ”“อะไรนะ?”อวี๋ผินอ้าปากค้างเล็กน้อย ไม่อาจปิดบังความประหลาดใจได้“เจ้าดูชัดแล้วหรือ? นางระมัดระวังถึงเพียงนั้น ก็เพื่อของแค่นี้?”ชุ่ยอิงพยักหน้า น้ำเสียงจริงจัง “บ่าวตามเสี่ยวเจาไปตลอดทาง เห็นกับตาว่านางนำวัตถุดิบไปซ่อน หลังจากนางไปแล้ว บ่าวยังเข้าไปดูอีกครั้ง ยืนยันว่าเป็นแค่ต้นหอมกับแป้งหมี่ธรรมดา ๆ ไม่มีแม้แต่เศษเนื้อเลยเพคะ”ชุ่ยอิงเหลือบมองสีหน้าของอวี๋ผินอย่างประจบประแจง“พระส
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status