LOGINหลินอิงฮัวเด็กสาวกำพร้าที่ได้แม่ทัพเฉินอี้หรานรับมาอุปการะ เนื่องจากบิดานางที่เป็นรองแม่ทัพของเขาเสียชีวิตเพราะเข้ารับธนูที่ข้าศึกยิงมาแทนเขา จึงทำให้เสียชีวิตทันที ทิ้งบุตรสาวคนเดียวไว้เพียงลำพัง ด้วยนางมิมีมารดามาตั้งแต่เด็กเนื่องด้วยมารดาทอดทิ้งบิดาไปและไม่เคยกลับมาอีกเลย แม่ทัพเฉินจึงต้องอุปการะเลี้ยงดูนางแทนบิดา หลายปีผ่านมานางเติบใหญ่เป็นหญิงงามปานจะล่มเมือง มีบุรุษมาพึงใจนางและส่งแม่สื่อมาทาบทามนางแต่นางมิรับหมั้นผู้ใด เพราะนางรักปักใจเพียงแม่ทัพเฉิน เขาก็รู้แต่พยายามหลีกเลี่ยงนางทุกวิถีทางเพราะเขาเกรงมันจะไม่เหมาะสม แม้เขามิใช่บิดานางแต่เขาก็รับเลี้ยงนางมาถึง 6 ปีแล้ว มิอาจจะกล้าคิดกับนางเป็นอื่นแม่ทัพเฉินอี้หราน อายุสามสิบปี ใบหน้าคมคายหล่อเหลา ผิวสีแทน รูปร่างล่ำสัน สูงสง่าองอาจดั่งเช่นชายชาตินักรบ แต่เพราะไม่ค่อยสนใจหญิงใดและมัวติดพันการรบที่ชายแดนจึงยังมิมีภรรยาหรือหญิงอุ่นเตียง หลินอิงฮัวจะทำเช่นไร รักของนางจะสมหวังหรือไม่
View Moreหลินอิงฮัวอายุได้เพียงสิบปีบิดาก็มาด่วนจากไปเพราะการออกไปรบคราหนึ่ง ด้วยสาเหตุที่เขาพุ่งเข้าไปรับลูกธนูแทนท่านแม่ทัพเฉินอี้หรานผู้บังคับบัญชาของเขาแล้วเสียชีวิตทันที ทิ้งหลินอิงฮัวเด็กอายุสิบปีไว้ผู้เดียว
นางมีบิดาเพียงผู้เดียวเพราะว่ามารดาทิ้งนางและบิดาไปตั้งแต่ยังเล็กๆนางแทบจำมารดามิได้เลยด้วยซ้ำ มีเพียงบิดาที่เลี้ยงดูนางมา แต่บิดาเป็นทหารจึงมักจะออกรบครั้งละนานๆด้วยครานั้นมีศึกมาก จะหยุดพักกลับจากชายแดนมาอยู่กับนานเป็นบางครั้งคราวเท่านั้น นางอยู่กับแม่นมที่เลี้ยงนางมาแต่อ้อนแต่ออด
แต่แม่นมฉินก็มาด่วนจากไปเมื่อคราวที่นางอายุได้เพียงสิบสองปีเมื่อมาอยู่ที่จวนแม่ทัพเฉินอี้หรานแล้ว แม่ทัพเฉินก็เช่นเดียวกับบิดาของนางท่ีมักไปรบแต่ในคราหลังๆก็มักอยู่จวนเพราะการศึกน้อยลงกว่าสมัยที่บิดาของนางยังมีชีวิตอยู่ นางว้าเหว่โหยหาความรักของบิดาเมื่อแม่ทัพเฉินเข้ามารับอุปการะนาง
นางก็มองแม่ทัพเฉินอย่างเช่นมองบิดาของนางที่เลี้ยงดูนางเฉกเช่นเดียวกันแต่มันกลับกลายเป็นความรักเช่นหนุ่มสาวเมื่อนางล่วงเข้าสู่วัยปักปิ่น เขาดูแลนางอย่างดีให้นางเรียกเขาว่าท่านอา เพราะสงสารที่นางกำพร้าอีกทั้งนางเป็นบุตรสาวของผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของเขาไว้
ยามเมื่อนางเข้ามาอยู่ที่จวนเขาใหม่นางยังเป็นเด็กเขาจึงพยายามทำความคุ้นเคยสนิทสนมกับนางเพื่อให้นางไว้วางใจและรู้สึกอบอุ่นใจเมื่ออยู่กับเขา เพราะเขาต้องการให้นางลืมความเศร้าโศกเสียใจเมื่อนางสูญเสียบิดาของนางใหม่ๆ เวลาผ่านไปเมื่อถึงนางวัยปันปิ่นซึ่งตอนนี้ผ่านมาได้หนึ่งปีแล้ว
เขาจึงพยายามออกห่างจากนางด้วยตอนนี้นางสาวสะพรั่งงดงามปานจะล่มเมือง เป็นที่หมายปองของบุรุษหลายคนที่พบเห็นนาง รวมถึงรองแม่ทัพหนุ่มๆหลายคนอีกด้วยที่มักจะไปมาหาสู่ที่จวนเขา เขาจึงพยายามวางตัวเป็นบิดาของนางด้วยไม่อยากให้มีความครหาว่าเขาเป็นตาเฒ่าหัวงูที่เอาเด็กสาวในอุปการะเป็นเมียเสียเอง แม้ลึกๆเขาก็รู้สึกชมชอบนางไม่น้อยแต่พยายามตัดใจด้วยเห็นว่าเป็นการไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง
ฝ่ายหลินอิงฮัวนางรักเขาเต็มหัวใจเมื่อไหร่ไม่รู้ จากที่ผูกพันกันมาหลายปีกลายเป็นความรักเต็มหัวใจ ยามเขากลับจากการรบที่ชายแดนนางเฝ้ารอคอยเขากลับจวนเฉกเช่นหญิงคนรัก เมื่อยามเห็นเข้าขี่ม้าตัวสูงใหญ่สง่างามนำหน้ากองทัพทหารเข้ามาในเมืองแห่งนี้ นางไปรอรับเขาอย่างดีใจ เปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่สวยที่สุดและตบแต่งใบหน้าหวานอย่างงดงามเพื่อรอต้อนรับเขา
นางไปยืนรอต้อนรับที่หน้าจวนเมื่อเห็นเขาขี่ม้ามาถึงแล้วลงจากม้า เขามองไปที่พ่อบ้านเหยาและบ่าวไพร่ที่มาตั้งแถวรอรับเขากลับจวนพยักหน้ารับคำทักทายของทุกคนและมองมาที่นางเพียงเล็กน้อยแล้วหันไปทางอื่น แล้วก็เดินเข้าจวนไปแทบจะไม่ทักทายนางเลยด้วยซ้ำ นางมองตามหลังบุรุษที่นางแอบรักเต็มหัวใจไปจนลับตา เขาไม่แม้จะหันกลับมามองนางเลยด้วยซ้ำ น้ำตาของนางเอ่อคลอดวงตาเรียวยาวสวยงามนั้น
นางปล่อยมันไหลรินช้าๆโดยไม่ได้เช็ดมันออก นางยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นครู่ใหญ่จนซื่อหลันเขย่าแขนคุณหนูเล็กน้อยเพื่อให้นางรู้สึกตัว อิงฮัวหันหลังไปมองซื่อหลันแล้วหันกลับมาเช็ดน้ำตาที่ไหลรินเต็มใบหน้างามนั้น ซื่อหลันที่ดูแลคุณหนูมาตั้งแต่เด็กติดตามนางมาจากจวนของบิดานาง เข้าใจความรู้สึกของอิงฮัวเป็นอย่างดี นางเข้าใจว่าความผูกพันธ์ของคุณหนูกับท่านแม่ทัพมันกลายเป็นความรักเชิงชู้สาวไปแล้ว
แต่ท่านแม่ทัพคงจะไม่ต้องการให้เป็นที่ครหาของผู้อื่นจึงมิได้สนใจใยดีนาง แม้เขาอาจจะรู้ความในใจของอิงฮัว ซื่อหลันเข้าใจทั้งสองฝ่าย แต่นางสงสารคุณหนูของนางเหลือเกินที่ไปรักคนที่ไม่อาจรักได้ ความรักนี้ของคุณหนูคงยากที่จะสมหวัง หลินอิงฮัวค่อยๆเดินกลับเข้าไปในจวน
เมื่อนางเดินเข้าไปในจวนแล้วและเดินผ่านเรือนใหญ่ที่เป็นที่พำนักของท่านแม่ทัพเฉินอี้หรานนั้น ไม่มีใครอยู่ด้านหน้าเรือนแล้ว เขาคงเดินเข้าไปในเรือนตนเองแล้วโดยไม่ได้สนใจใยดีว่านางยืนรอรับเขาที่ด้านหน้าจวนและยังไม่ได้กลับเข้ามาเลยด้วยซ้ำ
หลินอิงฮัวเข้าใจดีเพราะเขาเฉยชากับนางมานานเป็นปีแล้วตั้งแต่เขารู้ความในใจของนาง รู้ว่านางแอบมีใจให้เขาเฉกเช่นคนรัก เขาพยายามตีตัวออกห่างนาง พยายามสนทนากับนางเท่าที่จำเป็น ไม่ให้นางไปกินข้าวที่เรือนกับเขาอีกให้นางกินของนางเองที่เรือนเล็กของนาง
เขาอ้างว่าไม่สะดวกที่จะกินข้าวพร้อมกันเพราะเขามีงานยุ่งมากมายกินข้าวไม่เป็นเวลาจึงไม่ต้องรอกินพร้อมกัน จริงๆแล้วอิงฮัวรู้เต็มหัวใจน้อยๆของนางว่าเขาไม่อยากใกล้ชิดกับนางจนเกินไปจึงทำเช่นนั้น แม้จะมีบุรุษหลายๆคนพยายามหาทางใกล้ชิดนาง พยายามมาพบปะพูดคุยกับนาง เช่นดังรองแม่ทัพซ่งอู่หลงที่พยายามจะเกี้ยวพาราสีนางได้ระยะหนึ่งแล้วแต่นางพยายามไม่แสดงออกให้เขามีความหวังเพียงพูดคุยดั่งเช่นสหายรุ่นพี่คนหนึ่งเท่านั้น
นางเดินผ่านเรือนใหญ่ของแม่ทัพเฉินไปและเดินไปตามทางเดินเล็กๆในสวนลัดเลาะไปจนถึงเรือนเล็กของนางที่นางเข้ามาอยู่ตั้งแต่แรกที่ย้ายมาอยู่จวนนี้ใหม่ๆ นางเดินเข้าไปในเรือนเล็กแล้วนึกขึ้นได้จึงให้ซื่อหลันไปต้มน้ำแกงร้อนๆมาหนึ่งโถ นางจะเอาไปให้ท่านแม่ทัพเฉิน เขามาเหนื่อยกินน้ำแกงบำรุงสักหน่อยคงจะดี
นางนั่งรอซื่อหลันอยู่หน้าเรือนเล็กของนาง ผ่านเวลาไปครู่ใหญ่จนนางคาดว่าท่านแม่ทัพเฉินคงจะอาบน้ำชำระกายเรียบร้อยแล้ว นางจึงเดินนำหน้าซื่อหลันที่ถือโถน้ำแกงตามหลังคุณหนูของนางไป เมื่อเดินไปถึงเรือนใหญ่อิงฮัวถามพ่อบ้านเหยาว่าท่านอาอยู่ที่ไหน พ่อบ้านบอกว่าท่านแม่ทัพอยู่ในห้องหนังสือ นางจึงเดินเข้าไปที่ห้องหนังสือในเรือนใหญ่นั้น มาเดินไปถึงหน้าประตูนางเคาะมันเบาๆ
เสียงท่านแม่ทัพอนุญาตญาติให้เข้าไปได้ นางจึงผลักประตูเดินเข้าไปโดยรับโถจากมือของซื่อหลันและให้ซื่อหลันรอนางที่หน้าห้องนั้น เมื่อเดินเข้าไปภายในห้องหนังสือท่านแม่ทัพหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหวานของอิงฮัว เมื่อมองอยู่ครู่หนึ่ง เขาพลันนึกอะไรขึ้นได้จึงเอ่ยถามนางขึ้นว่า
“ มีธุระอันใดกับข้าหรือไม่ตอนนี้ข้ายุ่งมากมีหนังสือต้องเซ็นหลายฉบับ ”
อิงฮัวคาดอยู่แล้วว่าเขาต้องพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ต้องการให้นางมาอยู่ใกล้ชิดเขาเป็นเวลานานๆ
“อิงฮัวเอาน้ำแกงบำรุงมาให้ท่านอาเจ้าค่ะ เห็นท่านอามาเหนื่อยหากได้ดื่มน้ำบำรุงนี้แล้วนอนพักผ่อนน่าจะช่วยผ่อนคลายร่างกายไปได้มากเจ้าค่ะ ” นางเอ่ยขึ้นและยิ้มแย้มให้เขาอย่างไม่สนใจว่าเขาไม่ค่อยอยากพูดคุยกับนางนัก
มือหนาแหวกร่องอวบนั้นออกจนเห็นเนื้อสีชมพูด้านใน เขาอดใจไม่ไหวก้มลงเลียไล้มันไปมาแล้วดึงดูดเมล็ดดอกไม้ด่านล่างนั้นอย่างรุนแรงจนมันบวมเป่งทันที เขาดูดดึงจนร่างอวบเสียวซ่านจนทนไม่ไหว โยกสะโพกอวบนั้นเข้าใส่ใบหน้าคมคายเป็นจังหวะอย่างร่านร้อนแม่ทัพเฉินก็ดูดดึงไล้เลียอย่างเอร็ดอร่อยจนกระทั่งสะโพกอวบกระตุกเกร็งเสร็จสมไปทันที ร่างหนาเห็นดังนั้นจึงผุดลุกขึ้นถอดเครื่องแต่งกายชุดในของเขาออกจนหมดกายแล้วชักรูดลำกายใหญ่นั้นจนมันพรักพร้อมแล้วจึงสอดใส่เข้าไปในร่องอวบอิ่มนั้นอย่างช้า ๆ แล้วหยุดเพื่อให้นางปรับตัวด้วยเขารู้ว่านางยังมิเคยชาย และเขาเองก็ปวดลำกายอย่างมากที่ร่องอวบนั้นบีบรัดเขา จนเมื่อน้ำหวานเริ่มไหลชะโลมลำกายใหญ่ของเขาอีกครั้งจนทั่วเขาจึงค่อยๆดันมันเข้าไปจนสุดทาง คนใต้ร่างหวีดร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด“อ๊าย อ๊ายเจ็บจังเลย เจ็บ ท่านอาข้าเจ็บ อ๊าย ”แม่ทัพเฉินจุ๊ปากเบาๆปลอบโยนนาง เขาก้มลงบดจูบนางอย่างดูดดื่มจนนางเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบนั้นเขาจึงเริ่มขยับลำกายใหญ่เข้าออกช้าๆ เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเริ่มกระแทกนางอย่างรุนแรงเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้อง ตับ ตับ ตับ ตับ เตียงหนาหนักนั้น
จนอิงฮัวแทบจะขาดใจนางจึงเอามือบางตบไหล่เขาเบาๆจนเขาปล่อยปากอวบอิ่มของนาง แล้วดันร่างของนางไปที่โต๊ะเขียนหนังสือแล้วเอามือกวาดที่สิ่งที่วางอยู่บนนั้นลงไปด้านล่างอย่างไม่อินังขังขอบมัน วางร่างนางลงบนโต๊ะนั้นกดตัวนางลงไป แล้วบดจูบนางต่ออย่างเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆมือหนาบีบเค้นอกอวบด้านนอกเสื้อของนางอย่างเมามันจากนั้นมือหนาสอดเข้าไปในสาปเสื้อของนางแล้วแหวกมันออกจากกันอย่างรุนแรงจนเห็นเอี๊ยมตัวบางๆข้างในนั้น อกอวบใหญ่ของนางปรากฏเต็มสองตาของเขา เขาก้มลงอ้าปากดูดดึงผลอิงเถาที่ดุนดันออกมาอย่างเห็นได้ชัดเขาดูดดึงมันอย่างเมามันดูดมันอย่างโหยหารุนแรงจนเสื้อเอี๊ยมสีขาวตัวบางของนางเปียกเป็นวงกว้าง จากนั้นเขาปลดสายคล้องคอของนางออกจนเอี๊ยมตัวบางหลุดออกจากอกอวบนั้น เขาอ้าปากไล้เลียมันอย่างลุ่มหลงเลียจนร่างอวบแอ่นอกเข้าหาปากรุ่มร้อนของเขา นางครวญครางกระเส่า มือบางเสยเข้าไปในเส้นผมของร่างหนากดศีรษะของเขาลงมาจนชิดอกอวบนั้น เขาดูดดึงมันจนร่องอวบของอิงฮัวตอดลมเบาๆอย่างร่านร้อน“อ๊าย อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ท่านอาเจ้าขา อ๊าย”นางร้องครวญครางปานจะขาดใจ ร่างหนาเมื่อได้ยินเสียงครวญครางของคนใต้ร่างและเอ่ยเรียกเขาว่าท่านอ
แม่ทัพเฉินมองเด็กสาวใบหน้าหวานปานจะล่มเมือง ที่เอ่ยเชิญชวนให้เขาดื่มน้ำแกงของนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนหวานเขาจึงอดใจอ่อนไม่ได้ ยอมดื่มน้ำแกงของนางขณะที่อิงฮัวเดินไปด้านข้างโต๊ะที่ท่านแม่ทัพกำลังนั่งอยู่นางยกโถเทน้ำแกงลงในถ้วยเพื่อจะให้ท่านแม่ทัพดื่มนั้น นางสะดุ้มล้มนั่งลงบนตักของเขา นางตกใจตะลึงงันอยู่อย่างนั้นฝ่ายแม่ทัพเฉินอึ้งงันเมื่อสัมผัสถึงสะโพกอวบอั๋นบนตักหนาของเขามันอ่อนนุ่มเย้ายวนน่าสัมผัสมันนัก ทั้งสองมองตากันและกันนิ่งอยู่นาน นางเห็นแววตาสั่นไหววูบหนึ่งของเขา เมื่อแม่ทัพเฉินระลึกบางอย่างขึ้นมาได้ มือหนาจึงยกร่างอวบออกไปจากตักของเขาทันที“อิงฮัววันหลังอย่าทำแบบนี้อีก ถ้าผู้อื่นมาเห็นจะเข้าใจผิดเอาได้ อาไม่ชอบหญิงเจ้ามารยาชอบหว่านเสน่ห์บุรุษเช่นนี้ อย่าทำแบบนี้ให้เห็นอีกนะ ” แม่ทัพเฉินดุอิงฮัว ใบหน้าหวานสลดลงทันตา นางมิได้ตั้งใจจะหว่านเสน่ห์เขาเลย นางตั้งใจจะเอาน้ำแกงมาให้เขาจริงๆเพียงแต่นางสะดุดขาโต๊ะเท่านั้นเอง เขาก็ดุนางเสียมากมายอย่างคิดว่านางจะหว่านเสน่ห์เขาเช่นนั้น นางจึงโมโหกรุ่นขึ้นมาทันทีตอบโต้เขาไว้ว่า“ ข้าไม่ได้คิดจะหว่านเสน่ห์ท่านอาหรอกเจ้าค่ะ หากข้าคิดจะหว่านเ
หลินอิงฮัวอายุได้เพียงสิบปีบิดาก็มาด่วนจากไปเพราะการออกไปรบคราหนึ่ง ด้วยสาเหตุที่เขาพุ่งเข้าไปรับลูกธนูแทนท่านแม่ทัพเฉินอี้หรานผู้บังคับบัญชาของเขาแล้วเสียชีวิตทันที ทิ้งหลินอิงฮัวเด็กอายุสิบปีไว้ผู้เดียวนางมีบิดาเพียงผู้เดียวเพราะว่ามารดาทิ้งนางและบิดาไปตั้งแต่ยังเล็กๆนางแทบจำมารดามิได้เลยด้วยซ้ำ มีเพียงบิดาที่เลี้ยงดูนางมา แต่บิดาเป็นทหารจึงมักจะออกรบครั้งละนานๆด้วยครานั้นมีศึกมาก จะหยุดพักกลับจากชายแดนมาอยู่กับนานเป็นบางครั้งคราวเท่านั้น นางอยู่กับแม่นมที่เลี้ยงนางมาแต่อ้อนแต่ออดแต่แม่นมฉินก็มาด่วนจากไปเมื่อคราวที่นางอายุได้เพียงสิบสองปีเมื่อมาอยู่ที่จวนแม่ทัพเฉินอี้หรานแล้ว แม่ทัพเฉินก็เช่นเดียวกับบิดาของนางท่ีมักไปรบแต่ในคราหลังๆก็มักอยู่จวนเพราะการศึกน้อยลงกว่าสมัยที่บิดาของนางยังมีชีวิตอยู่ นางว้าเหว่โหยหาความรักของบิดาเมื่อแม่ทัพเฉินเข้ามารับอุปการะนาง นางก็มองแม่ทัพเฉินอย่างเช่นมองบิดาของนางที่เลี้ยงดูนางเฉกเช่นเดียวกันแต่มันกลับกลายเป็นความรักเช่นหนุ่มสาวเมื่อนางล่วงเข้าสู่วัยปักปิ่น เขาดูแลนางอย่างดีให้นางเรียกเขาว่าท่านอา เพราะสงสารที่นางกำพร้าอีกทั้งนางเป็นบุตรสาวของผ











